คิดได้ดังนั้นก็นำวัชรธาตุนี้ติดตัวมาที่วัดหลวงพ่อสดด้วย เพื่อจะมาขอให้ผมนำวัชรธาตุองค์นี้ไปหล่อพระ เล่าจบเธอก็ส่งมาให้ผมดู ผมรับมาด้วยความยินดีเพราะยังไม่เคยเจอเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างนี้ มาก่อน…เทวดานำวัชรธาตุมาขอร่วมหล่อพระด้วย 555
ผมคิดมาตลอดว่าพระที่พวกเรากำลังจะสร้างขึ้นนี้ต้องไม่ใช่พระธรรมดา แต่ท่านจะต้องเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์ระดับประเทศ ไม่ใช่แค่เป็นพระหนึ่งเดียวในโลกที่หล่อด้วยวัชรธาตุล้วนๆ แค่นั้น แต่จะเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดองค์หนึ่งของไทยครับ
———————————————
การสร้างพระเหล็กไหล 3 พี่น้องหนึ่งเดียวในโลก
โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 8 พ.ย. 2558
พระชัยมงคลเลิศฤทธิ์ สำเร็จด้วยเหล็กไหลวัชรธาตุล้วน
พระชัยมงคลเลิศหล้า สำเร็จด้วยเหล็กไหลช่อทิพย์เงินยวงล้วน
พระชัยมงคลเลิศรัตน์ สำเร็จด้วยเหล็กไหลสุริยันราชาล้วน
พระเหล็กไหล3 พี่น้องมีขนาดหน้าตัก 19 นิ้ว ได้ความคิดมาจากปัจจุบันได้มีผู้สามารถอัญเชิญเหล็กไหลได้จากในถ้ำ เริ่มต้นจากอาจารย์ไข่ (ลำยูร คำนาค) ได้ถ่ายทอดวิชาดังกล่าวให้กับลูกศิษย์หลายท่าน เมื่อได้ความรู้นี้ก็เลยไปอัญเชิญเหล็กไหลกัน ต่างคนต่างทำก็ปรากฏว่าทำได้จริง ผมจึงสนใจไปขอแบ่งบูชามา และได้ทำการตรวจสอบดูแล้วก็เขื่อว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์จริง โดยเฉพาะเหล็กไหลวัชรธาตุที่เมื่อก่อนหาได้ยากมาก ก็สามารถเชิญมาได้ครั้งละหลายสิบองค์อย่างไม่เคยมีมาก่อน
ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2557 ผมจึงได้เกิดความคิดว่าอยากจะสร้างพระเหล็กไหลขนาด 9 นิ้วด้วยวัชรธาตุ เพื่อประดิษฐานไว้ในพระศาสนาให้เป็นที่กราบไหว้ของคนทั่วไป โดยจะนำถวายแก่หลวงป๋าเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เพื่อให้หลวงป๋านำพระทั้ง 3 องค์นี้ประดิษฐานไว้ที่พระมหาเจดีย์สมเด็จของวัดต่อไป
ในขณะนั้นยังไม่เคยมีใครสร้างพระบูชาด้วยวัชรธาตุมาก่อนเลย แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีเพราะอัญเชิญได้น้อยนั่นเอง มีแต่เป็นพระที่หล่อด้วยเหล็กไหลเงินยวงแล้วผสมด้วยวัชรธาตุ ที่จะเป็นพระวัชรธาตุล้วนๆ นั้นยังไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเริ่มการอัญเชิญวัชรธาตุเพียงไม่กี่ครั้งก็ปรากฏว่าผมสามารถอัญเชิญได้มาจนเพียงพอสำหรับพระ 9 นิ้วแล้ว (ใช้วัชรธาตุประมาณ 10 กิโล) ผมเลยขยับขยายเป้าหมายท่านจากขนาดหน้าตัก 9 นิ้วเป็น 19 นิ้ว (ขนาดเท่ากับพระแก้วมรกต) ก็ปรากฏว่าสามารถอัญเชิญมาได้อีกจนเพียงพอภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว โดยผ่านพิธีอัญเชิญประมาณ 8 พิธี มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์นะครับ เพราะแต่ละพิธีก็ต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมาก แล้วก็ไม่มีใครทราบว่าแต่ละพิธีจะได้เหล็กไหลมาจำนวนเท่าใด คือแล้วแต่เจ้าถ้ำท่านจะให้มา อาจารย์ที่อัญเชิญบางท่านเล่าว่า การที่เราได้เหล็กไหลมามากกว่าปกติก็เพราะท่านเจ้าถ้ำเขาอยากได้บุญจึงร่วมมือกัน โดยเจ้าถ้ำที่อยู่ถ้ำอื่นในบรเวณใกล้ๆ กันต่างก็ขนเหล็กไหลจากถ้ำของท่านมาให้ คือเชิญในถ้ำเดียวแต่ได้เหล็กไหลมาจากหลายถ้ำ บางครั้งด้วยความที่ยกมาทั้งถ้ำจนทำให้ต้นไม้ใหญ่ๆ บริเวณนั้นถึงกับลอยฝ่าอากาศเข้ามาทั้งต้นเสียบเข้าที่ปากถ้ำเลยก็มี
เมื่อได้วัชรธาตุมาครบแล้วรวม 74 กิโล (ช่างต้องการเพียง 60 กิโล) แต่ปรากฏว่าต้นแบบองค์พระก็ยังปั้นไม่เสร็จ เพราะผมไปขอแก้ไขตบแต่งจนกว่าผมจะพอใจ ในระหว่างรอแบบองค์พระก็เลยเกิดความคิดว่าน่าจะอัญเชิญเหล็กไหลเงินยวงมาดู จะได้เกิดมีเป็นพระพี่พระน้อง พอประกาศออกไปเพื่อนๆ ก็ระดมทุนเข้ามา และสามารถอัญเชิญเหล็กไหลช่อทิพย์เงินยวงได้ครบจำนวน 85 กิโล ภายในเวลาไม่นานนัก
พอได้พระมา 2 องค์ก็เลยเกิดความย่ามใจว่าไหนๆ ก็ 2 พี่น้องแล้ว ขอเป็นพระ 3 พี่น้องซะเลย แต่ครั้งนี้จะเป็นเนื้อเหล็กไหลสุริยันราชาซึ่งเป็นเนื้อที่อัญเชิญมายากที่สุด ที่ผ่านมาในแต่ละพิธีก็ได้มาแค่ 3-5 องค์เล็กๆ เท่านั้น ยังไม่เคยมีใครอัญเชิญมาได้ครั้งละมากๆ มาก่อน แต่ไหนๆ ฟ้าก็เปิดแล้วจึงตัดสินใจสร้างองค์ที่ 3 ก็ปรากฏว่าผมไปรู้จักกับอาจารย์เชิญเหล็กไหลสมัครเล่นท่านหนึ่งเข้า ท่านบอกว่าท่านทำได้ แล้วท่านก็ทำได้จริงๆ
เพียงภายในระยะเวลาประมาณ 3 อาทิตย์ ก็ได้เหล็กไหลสุริยันราชามาครบตามจำนวนที่ต้องการ 83 กิโล อาจารย์ท่านนี้ก็ประกาศเลิกอัญเชิญเหล็กไหล เช่นเดียวกับอาจารย์ไข่เมื่อท่านเชิญวัชรธาตุให้ผมครบตามจำนวนแล้ว ท่านก็ประกาศเลิกอัญเชิญเหล็กไหลด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ได้เหล็กไหลมาครบทั้ง 3 เนื้อแล้วก็พอดีกับการปั้นหุ่นแบบพระเสร็จลงพอดี (เหมือนเขารอให้เสร็จพร้อมกัน) คือถ้าปั้นแบบองค์พระเสร็จเร็ว ผมก็คงสร้างพระได้เพียงองค์เดียว พอเสร็จช้าก็เลยได้พระกลายมาเป็น 3 องค์ ช่างที่ปั้นแบบให้ผมคือคุณวรวิทย์ ศุภจรรยา เขาก็บอกว่าเขาไม่คิดเงินค่าปั้นแบบทำให้ฟรีๆ เพื่อเอาบุญ
หลังจากที่ปั้นแบบพระเสร็จผมก็มีความคิดว่า องค์พระท่านน่าจะมีรัตนจักรเหล็กไหลประจำองค์ โดยจะนำรัตนจักรนี้ไปวางไว้ที่ใต้องค์ฌานของพระแต่ละองค์ ในตำแหน่งเดียวกับในส่วนทิพย์ละเอียดจะได้เหมือนกันทั้งหยาบและละเอียด เพื่อให้พระนี้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น เป็นการสร้างครั้งแรกในโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นสิ่งใหม่ให้คนรุ่นหลังทำตามต่อไป จึงได้กำเนิดรัตนจักรเหล็กไหลวัชรธาตุ ช่อทิพย์เงินยวง และสุริยันราชาขึ้นมา เมื่อรัตนจักรปั้นเสร็จเขาก็ไม่คิดเงินอีก
ดังนั้นในส่วนของเหล็กไหลวัชรธาตุที่ได้มาแล้ว 74 กิโลจึงคิดว่าไม่น่าจะพอในการหล่อรัตนจักรด้วย จึงได้ไปอัญเชิญวัชรธาตุมาเพิ่มเติมอีก 8 กิโล รวมวัชรธาตุทั้งหมดเป็น 82 กิโลกรัม
สำหรับพิธีการหล่อพระเหล็กไหล 3 พี่น้องได้ทำพิธีหล่อขึ้นในวันที่ 1 พฤศิกายน 2558 (ครบกำหนด 1 ปีพอดีตั้งแต่เริ่มคิดจะสร้างพระ) จัดพิธีหล่อขึ้นที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี บริเวณทางด้านทิศตะวันออกของพระมหาเจดีย์สมเด็จ และเป็นวันงานกฐินของวัดหลวงพ่อสดอีกด้วย ในครั้งแรกผมเองมีความคิดที่จะทำพิธีหล่อกันเองเป็นการภายในที่โรงงานหล่อพระ เพราะการหล่อพระด้วยเหล็กไหลวัชรธาตุนี้ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ช่างที่เก่งที่สุดก็ยังไม่เคยทำและก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ และอีกเหตุผลหนึ่งก็กลัวว่าถ้าทำพิธีโดยเชิญคนมาร่วมหล่อ ก็จะเป็นการยากที่จะควบคุมไม่ให้คนเขานำเอาแผ่นทองบ้างแผ่นเงินบ้างแผ่นยันต์ดวงบ้าง หรือโลหะอื่นๆ บ้างเข้ามาร่วมหล่อพระ
ถ้าเขามาขออนุญาตผมก็ไม่อนุญาตอยู่แล้ว เพราะผมต้องการให้พระชุดนี้เป็นเหล็กไหลเนื้อล้วนๆ แต่ละองค์ 3 องค์ก็ 3 เนื้อเหล็กไหล แต่บางคนเขาไม่มาขออนุญาตแต่เขาจะเอาโลหะที่เตรียมมาจากบ้านโยนเข้าเบ้าหลอมเลย นี่แหละจะเป็นการทำให้งานเสียหายได้ ผมเลยคิดว่าจะหล่อกันเองที่โรงงานดีกว่า (ไม่ต้องเสียเงินค่าจัดพิธีนอกสถานที่อีก 5 หมื่นบาทด้วย)
แต่เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับหลวงป๋าแล้ว ท่านบอกว่าไม่สมควร การหล่อพระควรจะทำที่วัดและเชิญให้คนมาร่วมหล่อด้วยกัน ทำพิธีแบบเปิดดีกว่าได้บุญมากกว่า และยังจะได้เปิดโอกาสให้คนได้มาร่วมบุญหล่อพระด้วย ซึ่งผมก็ยอมรับและเห็นด้วยในสิ่งที่ท่านแนะนำ
ในวันหล่อพระอากาศก็เป็นใจ ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดทั้งวัน เริ่มพิธีหล่อเวลาประมาณ 14.00 น. และหล่อเสร็จสิ้นประมาณ 15.00 น. แต่เมื่อเสร็จพิธีหล่อพระแล้วช่วงเย็นก็มีฝนตกลงมาปลอยๆ
ในวันพิธีมีผู้คนมาร่วมงานมากมาย ทางวัดยังได้จัดพานใส่เหล็กไหลแต่ละชนิดคือวัชรธาตุ ช่อทิพย์เงินยวง และสุริยันราชา 3 พานก็ 3 ชนิดเหล็กไหล เพื่อให้คนได้ร่วมบุญหล่อพระอีกด้วย (เงินทั้งหมดเข้าวัดหลวงพ่อสด) และก็เป็นไปตามคาด ในคืนก่อนที่จะทำพิธีหล่อได้มีคนแอบนำแผ่นเงิน แผ่นทอง และแผ่นยันต์มาหย่อนเข้าไปในเตาหลอม ดีที่ผมสั่งช่างให้เฝ้าระวังไว้ก่อน พอตอนเช้าก่อนจะหลอมเหล็กไหล ช่างได้เปิดเตาดูก็พบแผ่นยันต์หลายแผ่นจึงนำออกไปได้ทัน
เมื่อหล่อเสร็จต้องทิ้งพิมพ์ให้เย็นลงก่อน 1 คืน จึงจะสามารถกระเทาะพิมพ์ออกมาได้ เมื่อกระเทาะออกมา ปรากฏว่าองค์พระสวยงามทั้ง 3 องค์ พิมพ์พระติดสวยสมบูรณ์ดีรวมถึงรัตนจักรเหล็กไหลทั้ง 3 องค์ด้วย และเนื้อเหล็กไหลส่วนที่เหลือจะนำไปปั๊มเป็นเหรียญหลวงป๋าต่อไป
การสร้างพระครั้งนี้ ผมขอบอกตามตรงว่าเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า เดิมนั้นผมก็ไม่เคยมีความคิดที่จะสร้างพระด้วยเหล็กไหลมาก่อน เพราะมันเป็นงานที่ยากเนื่องจากไม่รู้ว่าจะไปหาเหล็กไหลจำนวนมากๆ ได้ที่ไหน และคงต้องใช้งบประมาณมาก ขนาดสร้างพระด้วยโลหะทองเหลืองธรรมดาองค์หนึ่งๆ ก็ 3-4 แสนบาทเข้าไปแล้ว ถ้าเป็นเหล็กไหลก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่
แต่มันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ผมไปรู้จักกับอาจารย์เชิญเหล็กไหลท่านหนึ่งเข้า ท่านชื่อคุณอำนวย แซ่เซีย ท่านเป็นอาจารย์ที่เพิ่งเริ่มหัดเชิญเหล็กไหล โดยท่านไปขอเรียนกับอาจารย์ลำยูร คำนาค (อาจารย์ไข่) ซึ่งเป็นปรมาจารย์ทางเหล็กไหลของจ.สุราษฎร์ธานี เวลาเจอกันคุณอำนวยก็มักจะพูดว่าถ้ามีเหล็กไหลมากพอก็อยากจะนำมาหล่อเป็นพระถวายวัด ทำให้เรื่องการหล่อพระด้วยเหล็กไหลนี้เริ่มวนเวียนอยู่ในสมองของผม โดยเฉพาะวัชรธาตุซึ่งเป็นเหล็กไหลที่หาได้ยาก ถ้าผมสร้างพระด้วยเหล็กไหลวัชรธาตุก็จะเป็นพระหนึ่งเดียวในโลกเพราะยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน นี่แหละครับคือเหตุจูงใจในการสร้างพระ จนกลายมาเป็นการสร้างพระเหล็กไหล 3 พี่น้อง
เหล่าอาจารย์ที่ร่วมกันเชิญเหล็กไหลให้ผมมีด้วยกันหลายท่าน ขอเอ่ยนามเพื่อบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังได้ทราบคือ อาจารย์ลำยูร คำนาค (อ.ไข่) จ.สุราษฎร์ธานี อาจารย์นิกร พงศ์หวาน จ.กระบี่ อาจารย์อำนวย แซ่เซีย อาจารย์เอส (เทพบุตรร่วมกตัญญู) และอาจารย์ประภาส จันทร์มณี (อ.ไม้) จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ยังอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกหลายท่านที่คอยช่วยประสานงานให้ผม
ในส่วนของงบประมาณการสร้างนั้น ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นค่าพิธีอัญเชิญเหล็กไหลทั้ง 3 ชนิด
(ยังไม่รวมที่จัดหามาเพิ่มเติมภายหลังเพื่อการหล่อรัตนจักรเหล็กไหล)
เหล็กไหลวัชรธาตุ อัญเชิญประมาณ 8 ครั้ง ใช้เงินประมาณ 640,000 บาท
เหล็กไหลช่อทิพย์เงินยวง อัญเชิญประมาณ 4 ครั้ง ใช้เงินประมาณ 200,000 บาท
เหล็กไหลสุริยันราชา อัญเชิญประมาณ 5 ครั้ง ใช้เงินประมาณ 250,000 บาท
ค่าหล่อและตกแต่งพระ+รัตนจักรเหล็กไหล ใช้เงินประมาณ 200,000 บาท
รวมเป็นเงิน 1,290,000 บาท
งานนี้จะสำเร็จลงไปไม่ได้หากไม่มีผู้ร่วมบุญสนับสนุน นับเป็นการระดมทุนที่มากและยาวนานครั้งหนึ่ง ผมขออนุญาตเอ่ยนามเพียงบางท่านที่ได้ร่วมบุญมา เฉพาะที่ส่งเงินเข้ามาเกิน 1 แสนบาท ดังนี้ คุณทวีวัฒน์-ลักษมี เติมฤทธิ์ 1 แสนบาท คุณประวัติ ปิวาวัฒนพานิช 460,000 บาท คุณอ้อยทิพย์ วิมลโนช 300,000 บาท คุณกร พรนพรัตน์ 120,000 บาท และหลวงป๋า เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสด 30,000 บาท นอกจากนั้นยังมีผู้ร่วมบุญด้วยเงินหลักพันและหลักหมื่นจนถึงหลักร้อยและหลักสิบบาทอีกหลายท่าน รวมๆ แล้วน่าจะมีผู้ร่วมบุญทั้งหมดประมาณ 300-400 ท่านด้วยกัน และยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่คอยเป็นกำลังใจในการสร้างพระนี้ที่ผมอยากจะเอ่ยถึง ก็คือคุณวีระ เนตยกุล และคุณธิติวัฒน์ เลิศอำนวยลาภ….ขออนุโมทนาบุญทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอกล่าวถึงคุณวรวิทย์ ศุภจรรยา ช่างปั้นพระเหล็กไหล 3 พี่น้องอีกนิด ผมเลือกให้ท่านปั้นพระนี้ก็เพราะผมชอบผลงานพระยืนในโบสถ์วัดหลวงพ่อสดของท่าน ท่านปั้นหน้าพระออกมาได้งดงามที่สุดในยุคนี้ ผมเลยเลือกใช้ท่านให้ปั้นให้ แล้วจึงได้รับรู้เรื่องราวของท่านในภายหลังว่า วิธีปั้นพระของท่านนั้นไม่เหมือนใครเลย ท่านจะสวดมนต์วันละ 2-3 ชั่วโมงทุกวันก่อนทำการปั้นพระ ท่านบอกว่าจะต้องทำจิตให้นิ่งให้ได้ก่อนจึงจะลงมือปั้น
แล้วท่านก็ไม่เคยต้องร่างแบบบนกระดาษไว้ก่อนเหมือนช่างคนอื่นๆ แต่จะปั้นไปตามที่มือพาไป คนนี้แหละที่ผมต้องการ ผมสร้างพระไม่เหมือนใคร คนอื่นเวลาสร้างพระก็จะบอกช่างว่าให้สร้างพระเหมือนแบบโน้นแบบนี้ ช่างก็ไปซื้อแบบมาจากร้านขายพระแล้วก็ถอดแบบออกมา ทำให้พระมีรูปร่างหน้าตาเหมือนๆ กันไปหมด แต่ผมต้องการพระหนึ่งเดียวในโลก ดังนั้นต้องปั้นแบบออกมาใหม่หมด ทั้งใบหน้าและรูปร่าง พระเหล็กไหล 3 พี่น้องทั้ง 3 องค์นี้จึงไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เป็นหนึ่งเดียวในโลกสมกับที่ผมตั้งใจ
แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้มาในภายหลังก็คือ หลวงปู่หงษ์แห่งสุสานทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ลูกศิษย์อยากปั้นรูปเหมือนของท่านไว้เป็นที่ระลึก แต่เมื่อไปขอท่านท่านก็ยังไม่อนุญาต ท่านบอกว่าต้องอีก 7 ปีข้างหน้าจึงจะสร้างได้ เพราะยังไม่เจอช่างที่จะปั้นท่านได้ เมื่อครบ 7 ปีลูกศิษย์ท่านนั้นจึงกลับไปขออนุญาตใหม่ คราวนี้หลวงปู่หงษ์ก็ตอบตกลงโดยง่าย แต่มีข้อแม้ว่าท่านจะต้องเลือกช่างปั้นเอง ลูกศิษย์คนนั้นก็พาช่างปั้นไปหาท่านหลายคนท่านก็ไม่อนุญาต จนลูกศิษย์พากันอ่อนใจ แต่หลวงปู่หงษ์บอกว่า “เมื่อเธอกลับไปกรุงเทพ เธอจะได้พบช่างปั้นคนนั้น” พอเขากลับมากรุงเทพก็เผอิญมาเจอคุณวรวิทย์ เขาจึงรีบกลับไปรายงานหลวงปู่พร้อมทั้งบอกชื่อช่างปั้นและรูปร่างหน้าตา หลวงปู่หงษ์จึงบอกว่า “คนนี้แหละ”
หลวงปู่หงษ์ท่านนี้แหละตอนที่ท่านยังไม่ละสังขาร ท่านมีความสนิทสนมคุ้นเคยและเมตตาหลวงป๋า วัดหลวงพ่อสดเป็นอย่างมาก เวลามีพิธีปลุกเสกพระต่างก็จะต้องนิมนต์กันและกันให้มาร่วมปลุกเสกกันเสมอ
พระเหล็กไหล 3 พี่น้องทั้ง 3 องค์นี้หล่อขึ้นโดยใช้แบบพิมพ์เดียวกันคือพิมพ์พระธรรมกายจีวรพริ้ว ต่างกันที่เนื้อองค์พระ แต่เนื่องจากเนื้อเหล็กไหลวัชรธาตุและเนื้อช่อทิพย์เงินยวงจะเหมือนกันมากจนแยกไม่ออก ดังนั้นผมจึงสร้างความแตกต่างเพื่อจะให้สังเกตุได้ง่ายขึ้น คือ
พระชัยมงคลเลิศฤทธิ์ (วัชรธาตุ) มีอุณาโลมเป็นเม็ดกลมๆ ที่กลางหน้าผาก
พระชัยมงคลเลิศหล้า (เงินยวง) ไม่มีอุณาโลม (เป็นองค์แทนของพระธรรมกายคือไม่มีอุณาโลม)
พระชัยมงคลเลิศรัตน์ (สุริยันราชา) มีอุณาโลมรูปร่างคล้ายดอกบัวตูม
สำหรับที่มาของชื่อพระชัยมงคล (เลิศฤทธิ์) นั้น มีที่มาจากฉายาของหลวงป๋าท่านนั่นเอง ในทางพระแล้วเขาจะต้องเรียกฉายากัน เช่น พระมหาเสริมชัย ชยมุงคโล เมื่อผมจะสร้างพระที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกผมจึงไปขอให้หลวงป๋าท่านตั้งชื่อให้ ท่านก็เลยบอกว่าเอาชื่อฉายาท่านก็แล้วกัน แล้วผมก็เติมคำว่าเลิศฤทธิ์เข้าไป เพื่อให้พระท่านศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจสิทธิเฉียบขาดมากยิ่งขึ้น
ต่อมาเมื่อมีการสร้างพระน้อง ก็เลยต้องตั้งให้ไปด้วยกันและอยู่ในตระกูลเดียวกัน จึงได้ชื่อพระน้องว่า พระชัยมงคลเลิศหล้า และตามมาด้วยพระน้ององค์สุดท้อง…พระชัยมงคลเลิศรัตน์ นั่นเอง
ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระเหล็กไหล 3 พี่น้องนี้ผมไม่มีความสงสัยแต่ประการใดเลย เพราะเมื่อพิธีการหล่อพระเสร็จสิ้นลง ผมก็รู้สึกได้ว่าผลบุญนี้มันวิ่งเข้ามาจนทำให้ผมตัวชาไปหมด มันเป็นอาการตัวเบา จิตสงบนิ่งมาก มีความรู้สึกบอกมาว่าเป็นผลบุญแห่งการสร้างพระเหล็กไหล 3 พี่น้องนี้ และเมื่อขณะขับรถเพื่อกลับบ้านที่กรุงเทพ ในระหว่างทางหลวงป๋าท่านก็ได้โทรศัพท์เข้ามาหาผมเพื่อขออนุโมทนาบุญการสร้างพระนี้กับผม แล้วต่อมาอีกในวันรุ่งขึ้นหลวงป๋าก็โทรมาขออนุโมทนาบุญอีก อีกวันสองวันท่านก็โทรมาขออนุโมทนาบุญอีก….3 ครั้ง 3 ครา เลยครับ
ขอเล่าเรื่องวิธีการหล่อพระด้วยเหล็กไหลวัชรธาตุและช่อทิพย์เงินยวงเล็กน้อย เพราะจะหาช่างที่มีความรู้เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆ แทบจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้ ทำให้ผมหนักใจมากเพราะคิดว่าเมื่อปั้นแบบพระเสร็จแล้วคุณวรวิทย์เขาจะหล่อพระนี้ได้ไหม ในครั้งแรกๆ ที่คุยกันผมก็บอกเขาไปว่าการหล่อพระด้วยเนื้อวัชรธาตุนี้ต้องไม่เหมือนกับการหล่อด้วยโลหะอื่น คือจะต้องทำให้พิมพ์แบบพระนั้นเย็นก่อนจึงจะเทวัชรธาตุที่หลอมเหลวลงไปในพิมพ์ แต่คุณวรวิทย์ไม่เห็นด้วยเพราะตามความรู้ที่มีนั้นพิมพ์แบบพระจะต้องร้อนเพื่อให้เนื้อโลหะวิ่งเข้าไปได้ทุกส่วนไม่ติดขัด
คุณวรวิทย์จึงพูดกับผมว่า ถ้าคุณอู๋คิดว่ามีใครหล่อพระนี้ได้ก็ยินดีให้ช่างนั้นเอาแบบไปหล่อได้เลยเขาไม่ว่าอะไร เรื่องนี้ทำให้ผมหนักใจพอสมควรเพราะการไปพูดอะไรกับ “ศิลปิน” ที่อ่อนไหวทางอารมณ์นั้นถ้าพูดไม่ดีงานเราก็อาจจะพังลงไปได้
วันหนึ่งผมจึงได้ไปปรึกษากับพระองค์หนึ่งที่ท่านได้ธรรมกายชั้นสูง ท่านก็ปลอบใจผมว่าให้ใจเย็นๆ ยังพอมีเวลาหาวิธีการ ท่านจะลองปรึกษากับท่านวิษณุกรรมดู หลังจากนั้นอีกราว 2-3 อาทิตย์พระท่านนั้นจึงเล่าให้ผมฟังว่า “คุณอู๋ไม่ต้องไปพูดเรื่องวิธีการหล่อพระกับคุณวรวิทย์อีกแล้ว อีกไม่นานคุณวรวิทย์แกจะรู้วิธีการหล่อพระด้วยตัวของเขาเอง ไม่ต้องเป็นห่วง จำไว้นะ”
หลังจากวันนั้นผมก็ไปบอกคุณวรวิทย์ว่า คุณวรวิทย์จะหล่อพระด้วยวิธีการอย่างไรก็ทำไปได้เลย ผมขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณ ทำไปตามที่คุณเห็นสมควรเลยนะ เรื่องนี้ทำให้คุณวรวิทย์มีกำลังใจที่จะหล่อพระให้ผมอีกครั้ง ต่อมาไม่ถึงเดือนคุณวรวิทย์ก็โทรกลับมาหาผมบอกว่าตอนนี้เขารู้วิธีการหล่อพระแล้ว จะต้องทำให้พิมพ์แบบพระเย็นลงเสียก่อนที่จะเทวัชรธาตุลงไป (วิธีการหล่อแบบเย็น) คือเมื่อเผาพิมพ์พระเพื่อไล่ขี้ผึ้งให้ออกไปแล้ว จะต้องทิ้งพิมพ์แบบพระนั้นอย่างน้อย 1 คืนเพื่อให้พิมพ์เย็นจึงจะนำไปหล่อพระได้ เหมือนกับที่คุณอู๋เคยบอกนั่นแหละ ทั้งนี้เพราะวันหนึ่งคุณวรวิทย์ได้ไปพบกับช่างที่เคยหล่อพระด้วยเหล็กไหลช่อทิพย์เงินยวงมาก่อนนั่นเอง เป็นไปตามที่ท่านพระวิษณุกรรมบอกไว้ไม่มีผิด
เมื่อหล่อพระเหล็กไหล 3 พี่น้องเสร็จแล้ว ต่อไปจะทำการปั้นแบบและหล่อฐานพระด้วยเนื้อทองเหลือง เพื่อให้เป็นฐานที่ตั้งของพระแต่ละองค์ แบบของฐานนี้ได้บอกช่างไปว่าเป็นรูปฐานบัวที่ลอยอยู่บนก้อนเมฆ มีลักษณะอ่อนช้อยที่เป็นศิลปะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
————————————————
เพิ่มเติม
ได้ธรรมกายเพราะบุญจากการสร้างพระชัยมงคลเลิศฤทธิ์
มีเรื่องมาขอเล่าครับ โดย Beer Sutchukorn
ผมมานั่งสมาธิที่นี่ (วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี) ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.58 แล้วครับ แล้วก็มีการแบ่งกลุ่มนั่งสมาธิกันวันที่ 4 พ.ค. 58
ในขณะที่นั่งอยู่นั้น ผมกำหนดดวงใส ตามที่พระวิทยากรแนะนำ พอใจหยุดใจนิ่งก็เห็นจุดเล็กใสกลางดวงใสครับ นั่งไปซักพักพยายามเข้ากลาง และนิ่งให้มากที่สุดครับ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผมเลยอธิษฐานขอรวมบุญกุศลทั้งหมดที่เคยกระทำมา ช่วยให้เข้าถึงองค์พระธรรมกาย
เชื่อมั้ยครับ ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีองค์พระองค์นึง ผุดขึ้นมากลางกาย คือพระคล้ายๆองค์นี้ครับแต่ไม่ได้เป็นสีๆ ท่านใส สว่างมากครับ ผมเลยนึกว่าเอ๊ะ!! พระองค์นี้คุ้นตามากๆ เคยเห็นที่ไหน
พอถามเท่านั้น ใจก็ตอบว่า ขอให้บุญช่วย ก็บุญที่สร้างพระชัยมงคลเลิศฤทธิ์ ที่สำเร็จด้วยเหล็กไหลวัชรธาตุอย่างไรเล่า
ผมนี่ปลื้มใจมากๆเลยครับ จากนั้นก็ไม่ลังเลสงสัยอะไรอีก โกยให้เต็มที่ รักษาประคองใจพระท่านให้อยู่กลางกาย ทำตามคำของพระวิทยากรคือเข้ากลางของกลาง
หลังจากวันนั้น ผมก็ได้มาต่อ 18 กาย ตอนนี้ฝึกได้ 3 วันแล้วครับ ต้องกราบขอบพระคุณอาอู๋มากๆที่มาบอกบุญดีๆ แบบนี้ ท่านมาช่วยให้ผมเข้าถึงองค์พระ แสดงว่าบุญนี้ต้องใหญ่ และพระองค์นี้ท่านศักดิ์สิทธิ์มากๆ แน่นอนครับ
ดังนั้น ผมเลยขอปวารณาขอสร้างพระน้อง พระชัยมงคลเลิศหล้า ขอปวารณา 1,000 บาทก่อนนะครับ ตอนนี้อยู่วัดโอนก็ไม่สะดวกครับ
———————————————
เทวดาท่านก็อยากมาร่วมหล่อพระชัยมงคลเลิศฤทธิ์ เล่าโดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
วันนี้ขณะที่ผมกำลังเตรียมที่จะนำเหรียญหลวงป๋าเนื้อวัชรธาตุจำนวน 300 เหรียญ ถวายหลวงป๋า คุณน้ำฝนก็ได้เล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นว่า ในตอนเช้าวันนี้ (28 ต.ค.58) เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าได้พบเหล็กไหลวัชรธาตุองค์หนึ่งวางอยู่ข้างหมอนที่เธอนอนอยู่ เธอไม่เคยมีวัชรธาตุมาก่อน แล้วกลับมีวัชรธาตุเสด็จมาเองข้างๆ หมอนนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าเทวดาท่านอยากจะร่วมหล่อพระเหล็กไหลครั้งนี้ด้วยจึงไปนำวัชรธาตุมาให้ วันหล่อพระก็ใกล้เข้ามาแล้ว จะต้องเป็นเทพเทวานำมาให้แน่ๆ (เพราะทราบว่าเธอจะมาวัดหลวงพ่อสดในวันนี้)