กำเนิดพระพุทธปฏิมากรจำลองธรรมกาย (ทองคำ เงิน นาค)

***ข้อมูลที่บ่งบอกว่าหลวงป๋าท่านเป็นพุทธภูมิอันเป็นลายลักษณ์อักษรดังนี้***

กำเนิดพระพุทธปฏิมากรจำลองธรรมกาย (ทองคำ เงิน นาค)

……ขณะนั้น ยังไม่มีพระพุทธปฏิมากรจำลองธรรมกายไว้เป็นสัญลักษณ์และไว้ประกอบการปฏิบัติธรรมประจำวัดเลย แม้พระประธานที่สร้างขึ้นใหม่สมัยนั้นที่ตึกสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานแพทยพงษา (ตึกขาว) ก็เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หาใช่เป็นแบบ ธรรมกาย ไม่

ท่านอาจารย์มงคลบุตรจึงมีปณิธานแน่วแน่ที่จะนำสาธุชนพุทธบริษัท ญาติมิตรทั้งหลายช่วยกันสร้างขึ้นด้วยโลหะ ทองคำ นาก เงิน ขนาดหน้าตัก 5 นิ้วอย่างละหนึ่งองค์รวมเป็น 3 องค์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ….ในระยะเริ่มแรกก็ได้รับปัจจัยในการสร้างพระพอที่จะจัดซื้อโลหะทองคำได้น้ำหนักประมาณ 220 บาทเศษ และได้โลหะเงินพอที่จะจัดสร้างพระพุทธปฏิมากรด้วยโลหะทองคำและโลหะเงินได้อย่างละหนึ่งองค์รวมเป็นสององค์ก่อน

จึงได้เข้าปรึกษาเรื่องการออกแบบพระพุทธปฏิมากรจำลองธรรมกายกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระภาวนาโกศลเถร ….หลังจากที่ช่างตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้จารึกวิชชาธรรมกายลงในแผ่นโลหะทองคำและมีธาตุทั้ง 6 สำหรับบรรจุลงในพระพุทธปฏิมากรองค์ทองคำและจารึกวิชชาธรรมกายลงในแผ่นเงิน พร้อมด้วยธาตุทั้ง 6 สำหรับบรรจุลงในองค์พระปฏิมากรที่หล่อด้วยโลหะเงิน และได้ประกอบพิธีบรรจุวิชชาธรรมกายพร้อมด้วยธาตุ 6 และพระบรมสารีริกธาตุลงในพระพุทธปฏิมากรดังกล่าว ณ พระอุโบสถ วัดปากน้ำภาษีเจริญ…และในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2522 ก็ได้ประกอบพิธีเททองโลหะนากหล่อพระพุทธปฏิมากรจำลองธรรมกายเพิ่มอีกองค์หนึ่ง

ในการประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธปฏิมากรจำลองธรรมกายทั้งสามองค์นี้ ทุกครั้งที่ท่านอาจารย์มงคลบุตรนำโลหะทองคำ เงิน และนาก ลงใส่ในเบ้าหลอม และในวันประกอบพิธีฉลอง ท่านก็ได้ตั้งสัตยาธิษฐานไว้ดังต่อไปนี้

1. ขอกุศลผลบุญในการสร้างพระพุทธปฏิมากร เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชานี้ จงเป็นพลวปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ 15 และทศพลญาณ พร้อมด้วยญาณอันเป็นเครื่องช่วยในการโปรดสัตว์ อันมีอาสยานุสยญาณ และอินทรีย์ปโรปริยัติญาณ ฯลฯ เป็นต้น โดยบริสุทธิ์และสมบูรณ์ด้วยเถิด

2. ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและเหล่าเทพยดาทั้งหลายทั้งปวงอันมีพระอินทราธิราช และท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 และบริวารทั้งหลายจงช่วยปกปักรักษาพระพุทธปฏิมากรนี้ให้อยู่ยงคงเป็นพุทธศาสนสมบัติส่วนกลางดั่งนี้ เพื่อประโยชน์สุขแก่สาธุชนโดยส่วนรวม…

3. ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและเหล่าเทพยดาทั้งปวง จงช่วยให้พระพุทธปฏิมากรนี้ได้รับการประดิษฐานอยู่บนบุษบกให้สมฐานะเพื่อให้สาธุชนพุทธบริษัทได้สักการะบูชาโดยเปิดเผยเพื่อฉลองศรัทธาและเจริญสิริมงคลแก่ตนด้วยเถิด อย่าให้ต้องถูกนำเข้าบรรจุในกรุใต้ฐานพระหรือ ณ ที่ลับตาใดๆเลย

4. ขอให้พระพุทธปฏิมากรนี้ จงได้เป็นต้นแบบในการหล่อพระพุทธปฏิมากรจำลองธรรมกายองค์อื่นๆ อันเป็นสัญลักษณ์ของวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อให้สาธุชนได้มีโอกาสบูชาไปเพื่อประกอบการปฏิบัติพระสัทธรรมเพื่อความเข้าถึงธรรมกาย ด้วยตนเองอย่างกว้างขวางต่อๆไปด้วยเถิด
5. ขอให้ผู้ร่วมประกอบการบุญกุศลนี้จงมีความสุขความเจริญ รุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม อย่าได้รู้จักตกต่ำและขอจงสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วย มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ อันมีมรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ตลอดชั่วกาลนานด้วยเถิด

….ยังมีเกร็ดเหตุการณ์ที่ควรนำมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านอีกเล็กน้อยว่า ก่อนจะถึงวันประกอบพิธีเททองคำและเงินเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2520 นั้น ได้มีศิษย์หลวงพ่อพระภาวนาฯ คนหนึ่งประกอบวิชชาไว้ล่วงหน้า 2-3 อย่างโดยมิได้มนัสการให้หลวงพ่อพระภาวนาท่านทราบคือ 1) เกณฑ์ฝนให้ตกปรอยๆในเวลาประกอบพิธีเททอง 2) ทำพระอาทิตย์ทรงกลดและ 3) ทำฟ้าคะนอง 4 ทิศ ขณะพิธีเททอง

ผลปรากฏว่า ฝนตกค่อนข้างหนักในคืนก่อนวันเททอง แล้วหยุดในตอนเช้า พื้นที่จึงยังเปียกชื้นอยู่ในขณะที่จะประกอบพิธี และได้มีฝนปรอยๆ พรำลงในขณะประกอบพิธีเททอง ส่วนพระอาทิตย์ทรงกลดนั้นปรากฏขึ้นบ้างแต่ไม่เต็มรอบ และในขณะประกอบพิธีทองนั้นซิกลับเงียบ ไม่มีเสียงฟ้าคะนองแม้แต่นิดเดียว ท่านอาจารย์มงคลบุตรจึงแอบไปถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หลวงพ่อ “ทำไมไม่เห็นมีฟ้าคะนองบ้างเลย” หลวงพ่อตอบว่า “นั่นมันอวิชชาของฝ่ายมารเขา เราต้องเก็บให้หมดซิ” ท่านอาจารย์จึงมาถึงบางอ้อว่า ฟ้าแลบ ฟ้าคะนอง และฟ้าผ่า คืออวิชชาของภาคมารเขาทำมา หากผู้ใดไปทำเข้าก็เท่ากับช่วยส่งเสริมอวิชชาของภาคมารเขาเท่านั้นเอง เพราะถูกมารหลอกว่าตูนี่เก่ง หลวงพ่อจึงเก็บหมดเสียตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ท่านจึงไม่กล้ามนัสการหลวงพ่อว่าศิษย์นอกครูคนไหนเป็นผู้ทำวิชชานี้

***คัดจากนิตยสารธรรมกาย***

หมายเหตุหลวงป๋ามาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อภาวนาเมื่อปี 2519

แชร์เลย

Comments

comments

Share: