คำสอนหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ ศิษย์หลวงปู่ฯ อธิษฐานกรรมฐาน และหลวงปู่ให้ธรรมมะ

หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ

คำสอนหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ
ศิษย์หลวงปู่ฯ อธิษฐานกรรมฐาน
และหลวงปู่ให้ธรรมมะ
ลูกศิษย์ :
… ออกจากความเพียร ซึ่งได้ครบกำหนดเช้าวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ ๒๕ มกราคม เพื่อรับศีล ๘ และศีล ๕, ศีล ๘ ในวันพระ ด้วยเห็นว่า ลูกยังปฏิบัติความเพียรรักษาศีล สมาธิ ปัญญา ภาวนา วิปัสสนากรรมฐานยังไม่ดีพอ ลูกจึงจะขอเข้าความเพียรกรรมฐานในปีนี้เพิ่มเติมขึ้นอีก สัจจะใหม่ เข้าความเพียรรักษาศีล ภาวนา สมาธิภาวนา ปัญญา วิปัสสนากรรมฐาน ให้ ณ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๒ ตรงกับวันพุธ สัจจะ ให้สัจจะต่อหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร อันเนื่องจากลูกเห็นว่า ในปีนี้ได้ปฏิบัติรักษาศีลทำความเพียร กรรมฐานได้ ๒๒ วัน โดยได้ออกมาในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๒ การปฏิบัติก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เหตุด้วยเป็นคฤหัสถ์จะถือ ศีล ๕ ศีล ๘ ในวันพระ ลูกสมควรที่จะเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาที่ดีกว่านี้ ที่มีความเลื่อมใสปรารถนาดีต่อครูบาอาจารย์ และศาสนา ต่อหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร ลูกสมควรที่จะปฏิบัติรักษาศีลทำความเพียร วิปัสสนากรรมฐาน ในปีนี้ให้ได้ครบ ๘๐ วัน ซึ่งตรงกับการที่พระศรีอาริยเมตไตรโย สร้างบารมี ๘๐ ทัศ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา พระศรีอาริยเมตไตรโยบูชา หลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร บูชาต่อไป อนึ่งได้ปฏิบัติมาแล้ว ๒๒ วัน ก็ยังเหลืออีก ๕๘ วัน จึงจะครบ ๘๐ วัน ลูกจะปฏิบัติทำความเพียรนี้โดยแบ่งเฉลี่ยเป็นเดือนๆ ไป แต่ถ้าเดือนไหนๆ ไม่ได้ปฏิบัติ ก็จะเอามารวมในเดือนถัดๆ ไป โดยจะรับประทานอาหารก่อนเที่ยง ซึ่งเหลือจากการถวายข้าวพระที่หิ้งพระตอนเช้า ก็มีอาทิเช่น ข้าว ผลไม้ หรือขนม และก็จะรับกาแฟ นม น้ำตาล ประเภทโอวัลติน น้ำ บุหรี่ โดยปกติ และอาหารที่ไม่ผิดกฎของกรรมฐาน หลังจากเที่ยงไปแล้ว
ลูกขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มีพระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ พระศรีอาริยเมตไตรโย และหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ขอให้การทำบุญต่างๆ ที่ได้ปฏิบัติมาและจะปฏิบัติต่อไป ขอให้ลูกได้รับผลบุญ สำเร็จมรรคผล คิดสิ่งใด ให้สมความปรารถนาทุกประการ เจริญทั้งอายุ วัณณะ สุขะ พละ ทุกทิวาราตรี โชคดี ลาภดี มีชัย พ้นบาปเวรมารภัย กรรมไม่ดีทั้งปวง ได้ถึงพระบารมี ของพระศรีอาริยเมตไตรย์ อันเป็นธรรมซึ่งท่านได้อภิสิทธิ์จากพระพุทธเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ได้ถึงบารมีธรรมของหลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร เทอญ สาธุๆ
พระพุทธะคุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
พระธัมมะคุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
พระสังฆะคุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
พระศรีอาริยเมตไตรโย คุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
หลวงพ่อคำศรี รัตนโคตร คุณัง ข้าขอถวายชีวีตัง ยาวะนิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
ขอให้ลูกสมความปรารถนาทุกประการเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

หลวงปู่ฯ :
… ได้ทำเพียร หรือตามสัญญาที่ผ่านมา ในการที่รักษาสัจจะวาจา ตลอดถึงด้านศีล สมาธิ ปัญญา ที่ทำให้เห็นว่า กรรมฐานที่เราได้เพียรประพฤติหรือปฏิบัติตามเยี่ยงอย่างคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ ดำเนินตามรูปรอยของพระผู้มีพระภาค ให้ไปถึงที่ว่าเป็นอริยะของบุคคล ผู้อนาคตหน้าฉันใดก็ดี ที่เรามีวิสัยที่ พินิจพิจารณารูปกรรมฐานนั้นแหละคือว่า เห็นเป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา กายสังขาร วจี และมโนสังขาร ที่เขาทั้งหลายได้ปรุงให้เรามา ที่อุบัติบังเกิดเป็นรูปมนุษย์ ที่จะพึงมากระทำดี เพราะเราได้มาพบพระพุทธศาสนา เห็นว่าพุทธศาสนานี้เป็นของที่ว่า จะนำสัตว์ สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงให้ไปถึงยอด คือพระปรินิพพาน อันที่หมดกิเลส หรือหมดกองทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงในชาติ หรือภพนั้นๆ ถึงแม้นว่าที่เราอาจไม่ถึงภพหรือชาติอันนั้นๆ ก็ดี ที่เราจะหันมาเป็นมนุษย์ก็ดี มีหวังที่จะให้เป็นมนุษย์ที่สวยงาม หรือเป็นมนุษย์ที่มีสมบัติพัสถานฉันใดก็ดี นั้นเป็นเยี่ยงอย่างของพระอริยเจ้าทั้งหลายทั้งปวง อันที่ไม่ประมาท เพราะฉะนั้น เราจะพิจารณาว่า ฉันใด ซึ่งที่รูป หรือเพศไหน วัยไหนแล้วก็ตาม ที่อุบัติบังเกิดมาเป็นมนุษย์ที่จะยอมรับได้ ส่วนหนึ่งว่า ทรัพย์ทั้งสองประการนั้น คือโลกียทรัพย์ โลกอุดรทรัพย์ก็ดี อันที่เป็นที่เราหลีกหนีไม่พ้น คือทรัพย์นั้นๆ อาจจะเกิดขึ้นได้ก็แต่ว่าความประพฤติคุณงามความดี ศีลธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราจะตั้งสัจจะอธิษฐาน คือการประพฤติอันนั้น ให้น้อยตามโลภ โกรธ หลงลงไป ถึงจะตรงเห็นว่า ทรัพย์นั้นบังเกิดขึ้นด้วยปัญญาธรรม หรือ ด้วยการประพฤติธรรม ที่ให้เป็นรากฐาน ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรับเป็นพยาน ณ กาล นั้นๆ ก็คือ มีอินทร์พรหม ยมภิบาล จตุโลกบาลทั้ง ๔ หรือพระภูมิเจ้าที่ พระธรณีนั้นๆ อันเป็นภาคพื้น ที่ตัวแทนรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กุลบุตรสุดท้ายภายหลัง หรือปัจจุบันก็ตาม ผู้ที่มีได้อัตภาพดีมีคุณค่าดี เป็นสตรีหรือบุรุษ หรือเพศไหน วัยไหนก็ตาม ถ้ามาพิจารณาความจริงดังนี้ จึงจะเกิดผลคุณงามความดีได้รับสมยอดปรารถนา คือ สตรี หรือบุรุษนั้นๆ ฉันใดก็ดี จึงเอาความเพียรมาถึงที่ จุดหมายปลายทางที่ ๒๒ วัน คือ ๓ สัปดาห์ อันแต่สัปดาห์นั้นๆ เราจะทำเพียรอยู่ ณ วันเวลานั้นๆ ถึงสัปดาห์ ทีนี้ก็ที่มอบความจริงหรือความสัตย์นั้นๆ ร่างกายสังขารที่บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม อรหันต์ ที่จัดว่าเป็นพระรัตนตรัย ที่พึ่งพำนักอาศัยของเรา อันที่มนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ล้ำเลิศกว่าทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวง คือพระรัตนตรัย อันเป็นยอดทรัพย์ในโลกอุดร หรือยอดทรัพย์ในโลกีย์ ฉันใดก็ตาม ทรัพย์ ๓ ประการนี้คือ พุทธรัตนะนั้น ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ ประการนี้เป็นทรัพย์ที่ยอดยิ่งหรือยอดเยี่ยม มีคุณค่ามหาศาลกว่าทรัพย์ในส่วนโลกีย์ ทรัพย์อันใดของมนุษย์ เทพยดา สร้างขึ้น เป็นเงินทองกองแก้วแหวนแสนสิ่ง รัตนมณีจินดา อันอยู่ในเมืองฟ้าบนสวรรค์ก็ตาม อยู่ในมนุษยโลก เทวโลก ก็ตาม อยู่ในกับบุคคลนั้นๆ ผู้มีเกียรติหรือไม่มีเกียรติก็ตาม ทรัพย์นั้นๆ อาจจะหาคุณค่าราคาไม่เท่าถึงว่า พระพุทธ ไม่เท่าถึงพระธรรม ไม่เท่าถึงพระอรหันต์คือพระอริยสงฆ์ เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่าเป็นรัตนะ รัตนะแปลว่าทรัพย์อันที่ประเสริฐ ล้ำเลิศกว่าทรัพย์ทั้งปวง เพราะฉะนั้น เราจึงยึดมั่นถือมั่นเอาที่กายหรืออัตภาพสังขารของเขา ที่เขาให้เรามาก่อเกิดในสงสาร ขนขวย(ขวนขวาย)ก็ทำงาน หรือกระทำคุณงามความดีลอยอยู่ในโลกีย์วิสัยโลกนี้ เป็นวิสัยโลกที่จะสว่างหรือมีหนทางดี ไม่ประมาทในสังขารของเขานั้นๆ ที่จะเอาเขานั้นๆ ทั้งที่เป็นเครือญาติปัจจุบัน มีบิดามารดรของเราที่ให้อัตภาพมา หรือบุคคลเพื่อนสัตว์นั้นๆ อันที่ตลอดทั้งปัจจุบันหรืออดีตที่ผ่านพ้นมา ที่เป็นเชื้อญาติบิดามารดาคนไหน หรือญาติกาพงศ์วงศา เพื่อนสัตว์นั้นๆ อันที่ผู้ที่มีอุปการะบุญคุณก็ตาม หรือไม่มีอุปการะก็ตาม ที่เป็นหนี้เป็นสินกันประการใด หนี้สินอันที่เรียกว่าบิดามารดร หรือครูบาอาจารย์อุปัชฌายะนั้น ก็นับว่าเป็นหนี้สินอันส่วนใหญ่ หรือพระพุทธเจ้า พระธรรม อรหันต์ เราเป็นหนี้สินก็เป็นส่วนใหญ่ ส่วนโลกยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้น จะสละหนี้ หนี้นั้นหมายถึงว่าคุณงามความดีกับบุคคลผู้ที่กระทำมาก่อน หรือให้สิ่งที่คุณงามความดี ทรัพย์ในโลกีย์ หรือโลกอุดรของเรา มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือผู้ที่ให้อัตภาพ เป็นบุพพาจารย์บุคคล คือบิดามารดร หรืออุปัชฌายะ หรืออาจารย์และผู้ให้โอวาทหรือคำสอน เป็นแนวทางที่เราจะประพฤติปฏิบัติ เป็นบรรทัดที่จะมนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายจะเดินตามรอยครูบาอาจารย์ผู้ที่ให้โอวาทหรือคำสั่งสอน ฉันใดก็ตาม ที่นั้นเรียกว่าบุพการีบุคคล เพราะฉะนั้นเราเป็นหนี้บุพการีบุคคล กตัญญูกตเวที ผู้รู้คุณกุลบุตรหรือสานุศิษย์หรือทั้งหลายนั้น เรียกว่าจะเป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติตาม ทั้งที่เป็นบุพการี หรือใช้หนี้เอา ที่จะให้เอาคุณงามความดีกับบุพการีนั้นๆ ก็เป็นยอดว่าปราชญ์หรือบัณฑิตผู้ฉลาดของบุคคลผู้ที่เกิดมาขนขวยอยู่ในวัฏสงสาร อันจะหาหนทางดี เดินในโลกีย์นี้ไม่มีสะดุด หรือมีขวากหนาม หรือไม่มีช้างเสือ หรือมิคราช แต่ฉันใดก็ตาม โลกีย์นี้ก็มีขวากหนาม มีบ่อ หรือมีเหว หรือมีแม่น้ำ หรือที่ลำธาร ทะเลหลวงอันกว้างใหญ่ มีจระเข้หรือปลาอันที่ซุกซ่อนอยู่ สัตว์ตัวร้ายกาจฉันใด เราจะทำเพียรบูชา หรือต่อสู้สิ่งนั้นๆ จนอุปสรรคสิ่งนั้นจะลดไปด้วยสติเอาเป็นหางเสือ เอาพายเรือให้ดี ไม่ประมาท ที่เราจะพยายามจะทำให้เอาความศักดิ์สิทธิ์ของพระธรรม คือเอาพระธรรม พระธรรมนั้นๆ ที่อันอยู่ในจักรวาลโลกนี้ที่สานุทิศทั้งปวงอันมีอยู่ในสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลาย อริยเจ้าทั้งหลาย อรหันตเจ้าทั้งหลาย โพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย อันพระธรรมนั้นๆ ที่พระอริยะนั้นๆ เป็นผู้ประพฤติหรือปฏิบัติ หรือทรงเกียรติไว้ แม้ตลอดถึงที่มุนีดาบส ฤๅษีโยคีก็ตาม ผู้ที่มีคุณงามความดี ฌานสมาบัติหรือแก่กล้า ตบะเดชฤทธิ์ของพระองค์นั้น ผู้ดำเนินตามที่พ่อฤๅษีหรือพรหมโลกฉันใด ที่อยู่ในชั้นอริยะเช่นกัน หนทางพระนิพพาน เพราะฉะนั้นที่เราปรารถนาดี เอาคุณงามความดีที่ประพฤติและปฏิบัติธรรมด้วยสัจธรรมของเราที่ผ่านพ้นมา เป็นที่ญาณหรือยอดหรือปรมัตถ์ หรือเป็นทรัพย์อันที่ประเสริฐที่เราเสียสละได้ ด้วยกายและสังขารหรือประพฤติและปฏิบัติผลงานที่อยู่ในลักษณะศีล ๕ ศีล ๘ อันศีล ๑๐ ก็ตาม ศีลใดๆ ก็ตาม ถึงจะมหาศีล แม้จะเป็นศีลนั้นๆ ก็อาศัยว่าสัจธรรม สมาธิหรือปัญญาศีล รักษากาย วาจา จิตใจ หรือ ๓ ประการนี้ให้สภาพเรียบร้อยดี ได้ชื่อว่าศีล เพราะฉะนั้นอาจจะเป็นศีลปรมัตถ์ จัดอยู่ในการที่ฐานะว่า รักษาไว้ซึ่งอุโบสถศีลนั้นๆ ที่จะให้เป็นทรัพย์อันประเสริฐหรือเกิดในปัจจุบันอนาคตก็ตาม เพราะเราหวังปัจจุบันอนาคต รูปธรรมสังขารของเราที่อยู่ในปัจจุบันนี้ หมายถึงว่าปรารถนาทรัพย์อยู่ในปัจจุบัน หรือส่วนหนึ่งอยู่ในอนาคตที่เป็นโลกีย์ก็ตามนั้น เป็นโลกอุดรธรรมก็ตาม นั้นเรียกว่าทรัพย์ส่วนที่บุคคลผู้ปรารถนาดี เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เราจะเอาคุณงามความดีอยู่ในทรัพย์ ดำเนินการแนวทางตามที่เราได้ศึกษามา หรือรู้สึกว่าเราเป็นมนุษย์ที่ดีหรือยอด ปรารถนาที่จะให้มนุษย์ดียิ่งๆ ขึ้นไป ตลอดถึงอะไรก็ตาม ที่หน้าที่การงานหรือผลงานของเราที่จะให้สงบไปแห่งบาปหรือกรรมและเวรนั้นๆ ที่ข้องอยู่ในวัฏสงสารที่เราหลงทำไป ที่เราหลงประพฤติไป เพราะกรรมนั้นๆ หรือ อธรรมนั้นๆ เราจะไม่เอา เราจะไม่เสพหรือเราจะไม่ประพฤติ เสพแปลว่าประพฤติหรือได้ล่วงเกินไป เราจะเอาแต่ธรรมที่ส่วนดี เป็นมนุษย์ในอยู่ในทางโลกีย์หรือโลกอุดร อันที่จะไม่ให้ไร้ผล หรือประโยชน์ปัจจุบันอนาคต เป็นเช่นนี้ ดังชื่อว่า ในการบุคคลถืออัตภาพหรือสังขารของเขามาไว้เพื่อให้เป็นประโยชน์ ดังนี้เพื่อขนขวยหาสิ่งที่อันที่เราปรารถนานั้นก็คือ ส่วนหนึ่งของพระธรรม พระธรรมนั้นจะทำให้รู้ ให้รู้ซึ่งในการรู้ดีรู้ชั่ว รู้ประโยชน์ ทั้งที่เป็นฝ่ายที่วิชชาสาม ที่เรียกว่า จะระณะสัมปันโน โลกะวิทู หมายถึงว่าให้รู้แจ้งโลกรู้แจ้งธรรมดังนี้ โลกนั้นเป็นไง ธรรมนั้นเป็นยังไง เพราะฉะนั้น จริยะ ๓ ประการนี้ วิชชา ๓ ประการนี้นั้นก็คือ บุพเพนิวาสานุสติญาณ ที่เราการระลึกชาติได้ ในศึกษาวิชาการแห่งญาณนี้หรือวิชชานี้ อาจรู้สึกได้ ดังนั้นก็อาศัยว่า ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราประพฤติหรือปฏิบัติเอาได้ ซึ่งเทวดาหรืออินทร์พรหมสิ่งนั้นๆ อันจะมอบหมายให้เรา หรือผู้มีเกียรติศักดิ์ศรี มีพระพุทธเจ้า หรืออริยเจ้า โพธิสัตว์เจ้ามอบให้เรา ได้โดยดังที่ใจหวังดังนั้นจึงชื่อว่า วิชชาหนึ่งที่เรียกว่าบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ รู้จักจุติหรือกำเนิดของหมู่สัตว์ทั้งหลายหรือตัวของตัวเองดังนี้ ก็ถือว่าการเที่ยวสงสาร เว้นยกไว้แต่ว่าอาสวักขยญาณ ญาณที่วิชชาสาม เป็นญาณที่เฉียบขาด หรือญาณที่มีอำนาจสูงสุด ญาณวิชชาที่บดในการกิเลสทั้งปวง กิเลสนั้นๆ อันจะไม่ล่อเหลืออยู่ด้วยมรรคผล มรรค ๔ ผล ๔ หรือผลของพระอรหันต์ ดังนั้นที่ขาดสิ้นไปแห่งภพทั้ง ๓ จะไม่ติดอยู่ในภพใดๆ ทั้งสิ้น คือมนุษย์ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ไม่ติดหรืออยู่ในที่อบายภูมิก็ไม่ติด ดังนั้นจะเป็นสัตว์ตัวไหนหรือใครตัวหนึ่ง ที่อยู่ในภูมิหรือสถานนั้นๆ ไม่มีแล้ว เป็นดังนี้ถือว่าเป็นที่เรียกว่าวิชชาสาม อันที่เป็นวิชชาชั้นยอด วิชชาที่เด็ดขาดเด็ดเดี่ยว คืออาสวักขยญาณ ทั้งนี้ เพราะฉะนั้นเราจะยกเว้น และจะทำเพียรไปตามจุดหมายหรือปลายทางหรือตามภพ แม้หมดภพนี้หมดภพหน้าเกิดมาเราจะทำต่อเป็นเสบียงเลี้ยงตนหรือเป็นทุนที่เที่ยวเกิดในวัฏสงสาร เพื่อให้ผลงานละกิเลสตรงส่วนอื่นนั้นเราให้มันหมดไป เพราะฉะนั้นดังนี้เราชื่อว่าในการประพฤติและปฏิบัติ อยากได้ถึงพระธรรมคำสั่งสอนเป็นผู้รู้แจ้ง เป็นปราชญ์คนหนึ่ง หรือเป็นบัณฑิตคนหนึ่ง พิจารณาที่ให้รูปอานิสงส์ได้เกิดขึ้นปัจจุบันหรืออนาคตดังนี้ ทั้งนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีเกียรติ หรือเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี อาศัยว่า ในฐานะว่าการศึกษาพระธรรม เราจะเป็นผู้ที่แสวงหา ณ ทรัพย์ที่ดังที่กล่าวมาแล้วทั้งที่เราได้ประพฤติและปฏิบัติธรรมไปในตั้งสัจจาธิษฐานในการทรมานตน แลกเอาดวงญาณวิเศษ หรือเป็นค่าเป็นมูลนิธิของบิดามารดร เป็นทุนเขาที่ให้มาเกิด ณ สงสารดังนี้ เพื่อให้เราได้สำเร็จและลุล่วงไป แห่งกายกายกรรม วจี มโน อันที่ปลดเปลื้องด้วยบาปธรรม กรรมกุศลมาแต่อดีตหรือปัจจุบันก็ตาม ที่ไปข้องอยู่ ณ กรรมนั้นๆ ด้วยโมหะ หรือความหลง ด้วยโทสะคือความโกรธ ด้วยโลภะเพราะความโลภ โลภในสิ่งนั้นๆ โลภที่ยังที่ไม่มีประโยชน์ ณ นั้นๆ ก็ตาม เป็นนิสัยสันดานของปุถุชนและคนหลง เพราะฉะนั้นเราหลงไปแล้วได้ชั่วคราว ทีนี้เราได้เจอะอริยะหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระโพธิสัตว์เจ้าแล้วก็ดี ที่จะเอาคุณงามความดีตลอดชีวิตหรือชาติไหนๆ ที่จะให้เป็นพื้นฐานของตัวนี้ เป็นผลงานเป็นทุนอันอยู่ ณ สงสารให้เป็นการละเอียดหรือเป็นการที่จะไม่ได้ศึกษากับใครทั้งสิ้น แม้เราที่เกิดมา ณ ภพนั้นๆ จะมีความสุขหรือความสบาย หรือมีวิชาที่ติดตัวไป ด้วยการที่จดจำนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นให้รู้ละเอียดหรือให้รู้ดี เป็นผู้ประพฤติหรือปฏิบัติดีให้รอบคอบดีดังนี้ อันจะเกิดอยู่ในมารดากับคนไหน หรือบิดาคนไหนแล้วก็ตาม อาจจะได้เป็นผู้ฝากคุณงามความดีหรือโลกีย์ก็เกิดมาด้วย ทรัพย์เกิดมาด้วย ด้วยความดีนั้นๆ อันเกิดมาแล้วย่อมเป็นที่บูชาของมนุษย์หรือเทพยดา ให้เกียรติให้ศักดิ์ศรีดังนี้ เพราะฉะนั้นเราปรารถนา คนทุกคนปรารถนา แต่ว่าถึงปรารถนาแล้วไม่ทำ ยอมทำความดีประพฤติและปฏิบัติตามคำสั่งสอนหรือโอวาทของพระพุทธเจ้า พระธรรมคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เอาเข้ามาในอุระหรือจิตใจ ณ สันดานสังขารของเราแล้ว ไม่แลกเอาเปลี่ยนเอากายสังขารของเขา ณ ภพนั้นชาตินั้น แลกเอาบูชาพระรัตนตรัยคือยึดเอาทรัพย์ดวงประเสริฐนี้ให้เกิดขึ้นในสันดานให้ผ่องใสฉันใดก็ดี มนุษย์หรือคนนั้นก็อาจจะตกอยู่ในกองทุกข์ยากลำบาก อาจจะคิดไปด้วยความกระวนกระวายหรือสันดานรกหรือมืดมนอนธกาลทั้งนี้ เฉพาะคนที่ไม่รู้ดี อาจจะเป็นคนเขลาเบาปัญญาไม่รู้ที่จะศึกษาด้วยตนเองให้เกิดคุณงามความดี แต่ที่ประสูติหรือที่เกิดมาหรือคลอดมาก็ตาม ณ ภพนั้น อันที่เป็นสังขารเขาทำ ณ ชาตินั้นๆ ถ้าหากว่าเราทำดี เราก็จะสู่ ไปสู่บิดามารดาที่ดีๆ เลอเลิศขึ้นไป มีพระโพธิสัตว์ หรือพุทธองค์นั้น เป็นผู้ที่เที่ยวสงสารหรือในการที่รักษามรดกของพระอริยเจ้า มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน หรืออรหันตเจ้า สาวกนั้นๆ ก็จะอยู่ในพระโพธิสัตว์เจ้านั้นๆ อันเพราะฉะนั้นคนเราก็นับว่าปรารถนาที่จะไปเป็นพื้นฐานอยู่ในกับ ติดกับขั้นอริยะนั้นๆ เพื่อให้แนวทางหรือเพื่อให้เกิดคุณงามความดีทั้งนี้ เพราะฉะนั้น ณ วันนี้จุดหมายที่เราอธิษฐานได้ ๓ สัปดาห์ ที่สัปดาห์หนึ่งบูชาพระพุทธ สัปดาห์หนึ่งบูชาพระธรรม สัปดาห์สุดท้ายก็บูชาพระอริยสงฆ์ หรือพระอรหันต์สาวกดังนี้ ในการที่ทำความเพียรคุณงามความดี ณ จบคำรบไปด้วยสัจธรรม เพราะฉะนั้น อะไรเป็นสิ่งว่าสัจธรรมหรือการประพฤติปฏิบัติธรรมตามศรัทธาหรือความเชื่อมั่นอดวันอดคืน อดร้อนหนาวหิวกระหาย อดลำบากกรากรำ อดระดมทมทุกข์นั้นๆ ความเจ็บหรืออดความแก่ ความตายฉันใด ขอให้เป็นอานิสัง สัญญัง พลังอานิสงส์ที่จะบังเกิดขึ้นที่ลูกนี้ต่อไป ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง อันมีอยู่ในท้องฟ้าโลกจักรวาล มีพระพุทธเจ้า อริยเจ้าทั้งหลายที่ตรัสข้ามพ้นสงสารวัฏไปแล้วนับไม่ถ้วน ที่ประมาณเม็ดหินเม็ดทราย พระพุทธเจ้านั้นๆ ตรัสไปหลายนับแต่ปฐมบรมครู มาสุดท้ายพระศรีศากยมุนีพระโคดม ตลอดถึงพระอริยะโพธิสัตว์นั้นๆ ที่เป็นเชื้อหน่อพุทธางค์กูร หรือพุทธภูมิผู้ที่จะมาเลี่ยงลัดตรัสเป็นพระพุทธเจ้าต่อท้ายศาสนา คือพระศรีอาริยเมตไตรย์หน่อบรมครูมีศาสนาอันเรียงงาม เพรียงงามทุกชาติหรือภาษา ใบหน้าใบตาเสมอกัน อันอยู่คนยุคนั้นอยู่ในเครื่องทิพย์ ไม่มีใช้รถแลน(แล่น) เบียดเบียนแรงกายต่อแรงงาน ไม่มีงานเพราะอาจจะบันดาลด้วยเครื่องทิพย์อันนั้น อยู่ ณ วิมานตามลำดับคนโลกหรือชนโลกทั้งหลายทั้งปวง เพราะชนโลกทั้งหลายทั้งปวงอยู่ในวัย ๘ หมื่นปี หรือคุณงามความดีบารมีของชนโลกนั้นสร้างบารมีมา เพื่อพบพระศาสนา ณ ยุคนั้น ชีวิตสังขารจะเจริญไปเป็นแสนๆ ปี หรือล้านๆ ปี ตลอดถึงอสงไขยตายไม่เป็น หรือต่อจนกว่ามนุษย์อยากตาย เทวดาผู้วิเศษหรือจะมาย่นย่ออายุของหมู่สัตว์นั้นให้ตกอยู่ให้เขาได้อยู่ ๘ หมื่นปี เขาเลือกเอาตามใจชอบดังนั้น ณ ยุคนั้นชื่อว่าเป็นยุคที่ ที่มีเมตตาธรรมต่อกันและกัน ซึ่งสัตว์ทั้งหลายไม่เบียดเบียนกัน ไม่เข่นฆ่ากัน เช่นงูกับพังพอน หรือสุนัขกับเสือดังนี้ กับมิคราชก็ไม่ศัตรูกัน คนทั้งหลายก็ไม่ศัตรูกัน สามีก็รักภรรยา ไม่นอกใจ ภรรยาก็รักสามีดังนี้ เป็นยุคของพระศรี ฯ หรืออาริยเมตไตรย์ลงมาเลี่ยงลัดตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในเมืองเกตุมดีมหานคร เมื่อพาราณสีเปลี่ยนมาเป็นเมืองเกตุม เกตุมดีมหานคร มีพระเจ้าสังขรจักร ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในราชสมบัติแก้ว ๗ ประการ อยู่วิมานทองคำอันสูงขึ้นได้โยชน์หนึ่ง ที่รองรับสังขรจักร ซึ่งเวลานั้น นรการเทวบุตรผู้จุติลงมาเกิด หรือปราสาททองคำจมอยู่ทะเลสาบทุกวันนี้ จะผุดรองรับนรการเทวบุตรมาเป็นพระเจ้าสังขรจักร แต่พระเจ้าสังขรจักรอยู่ในอำนาจของสุพรหมพราหมณ์ เพราะยุคนั้นสมัยนั้นเขาจะยกพราหมณ์เป็นใหญ่ คือสุพรหมพราหมณ์เป็นพุทธบิดา สุพรหมพราหมณี พราหมณีอันเป็นเป็นพุทธมารดา อันเป็นแม่ของพระศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์จุติ เทวดาอินทร์พรหมหมื่นโลกธาตุไปอาราธนาโพธิสัตว์มาตรัสเลี่ยงลัดเป็นคำรบจบบริบวรถ้วนบารมี ณ ยุคนั้น สมัยนั้นที่มาเกิดอยู่กับนางพราหมณี หรือสุพรหมพราหมณ์เป็นพ่อดังนี้ พระองค์ที่เกิดมาอยู่ในวัย ๒ หมื่นปี ๒ หมื่น ๒๕ ปี ครองราชสมบัติ แต่งอายุ ๑๖ ปี กับนางจันทมุกขี ได้ลูกชายชื่อว่าท้าวสาลีราช ดังนั้นออกมา ณ วันนั้นก็เสด็จหนีไปสู่อภิเนษกรมณ์บรรพชาเหมือนกับพระพุทธเจ้าของเรา พระองค์ไปทำความเพียรอยู่ ๗ วัน แม้สรรพสัตว์ทั้งหลาย มีพระเจ้าสังขรจักรหรือประชาชน พระวงศานุวงศ์ ญาติๆ ทั้งหลาย ทั้งภรรยา ทั้งบุตรที่คลอดวันนั้น สาลีราชก็เสด็จตาม ไปบรรพชาหรือประพฤติปฏิบัติกับศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์ อธิษฐานเป็นสมณเพศ ขอดกราวเป็นชฎา หรือตัดเมาลีอธิษฐานขึ้น ดังที่พุทธเจ้าของเราที่พระเกศเกล้าเมาลี พระอินทราเทวราชเอาไปบรรจุเป็นธาตุจุฬามณีเช่นกัน แล้วก็พระองค์ทำความเพียรอยู่ ๗ วันเท่านั้น นับว่าพระยามารยกทัพมาเพื่อจะชิงชัย แม้ยังเตรียมพลโยธาแล้วนี้ก็นับว่า มีการพ่ายแพ้อัปราชัยไป เพราะพระยามารไม่มาใกล้ได้ ก็อำนาจพระศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์ทำความเพียรอยู่ภายใน ๗ วัน เป็นอันเฉียบขาด ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศเป็นพระพุทธเจ้าภายใน ๗ วัน พระองค์ก็ประกาศ เทวดาอินทร์พรหมก็มาอาราธนาให้พระสัทธรรมเทศนา คือพระธัมจักกัปวัตนสูตรแก่พระวงศานุวงศ์ พร้อมทั้งอินทร์ทั้งพรหมได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ขีณาสาวก มีฤทธาจักสันดาน ณ การวันนั้นฉันใด เป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นคุณงามความดี ศรีอาริยเมตไตรย์แม้อยู่ขอบฟ้าจักรวาลพระองค์ใดก็ตาม ที่เป็นโพธิสัตว์ เพื่อนพี่น้องครองไปกันซึ่งกัน พระราโมพุทโธ ธรรมราช ธรรมสามี นารทะพุทธรังสีมุนี พระเทวะเทโว พระนรสีห์ พระติสสะ พระสุมังคละ ๑๐ พระองค์ แม้บารมีพระองค์นั้นๆ ที่เป็นสังขารหรือไม่เป็นสังขารอยู่ที่ไหน อยู่ภูมิที่รักษาเกียรติหรือในการบารมีของพระองค์นั้นๆ ส่งมาถึงท่าน ณ ที่นี้ เพื่อให้คุณงามความดี เพื่อกุลบุตรหรือสานุศิษย์ ลูกหลานทั้งหลายผู้ที่มีผลงานประพฤติปฏิบัติหรือติดตามมาในชาติอดีตปัจจุบันนี้ก็ตาม ขอให้ได้รับผลประโยชน์ คือจตุพร ๔ ประการ ๑ อายุ ๒ วรรณะ ๓ สุขะ ๔ พละ จงเกิดมีทุกทิพาราตรี ณ สาธุ สาธุ
(หลวงปู่ให้พร) : อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง …
สัพพีติโย… อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง

-จบ-

คำสอนหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ
www.buddhapunyo.org

แชร์เลย

Comments

comments

Share: