คำสอนหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ เทศนาเรื่อง การขุดให้ถึง-การเดินให้สุด

… สถาน ๕ เนี่ย ญาณที่ย่นย่อ แก่เอ๋ย เจ็บเอ๋ย ตายเอ๋ย ให้เห็นกระชั้นชิดเข้าทุกที ทุกที ความตายมาปรากฏเรื่อย ให้ทุกลมหายใจนั้นแหละ กระชั้นชิดในความดี ที่จะให้เราตรัสรู้ดังมหาบุรุษพุทธเจ้าของเรา พระองค์นั้นก็เบื่ออะไร แก่เอ๋ย เจ็บเอ๋ย ตายเอ๋ยนั้นน่ะ กลัวเรามันจะเสียประโยชน์อยู่ในการที่ ครั้งคราวหรือภพ ที่เราจะรีบทำให้ภพเขาดีภพเราดี ให้มีประโยชน์ขึ้นหน่อยดังนี้ นั้นก็ถือว่า ในทางที่จะรู้ได้เพราะความตายมาปรากฏ ความแก่มาปรากฏ ความเจ็บมาปรากฏดังนี้ จึงจะรู้ว่าอยากทำดี คนเราอาจจะไม่หลงไปนั้นๆ หลงนั้นๆ ก็คือหลงว่า ยศชนชั้นบริวาร หลงรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ หลงที่อยู่ที่อาศัย หลงไปตามพรรคตามพวกพลโลกหรือโลกธรรม ที่เราจะไม่เบื่อโลกธรรม เราจะเบื่อโลกธรรม เราจะหน่ายความแก่เจ็บหรือตาย เห็นว่าจะเป็นอสุภะหรือของน่าเกลียดน่าปฏิกูล วิลาสปราศจากไปสิ่งนั้นๆ เขาก็อาจจะไม่ระคาย ไม่ชมเชย เขาจะกลัวหรือเขาจะเกลียด ว่าผี ว่าเขาไม่ดี จะเป็นภรรยางามหรือตนงามก็ตาม หรือบิดาหรือตนก็ตามอาจจะเป็นผีไปเมื่อนั้น เมื่อลมหายใจที่สิ้นไป เพราะฉะนั้น ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราก็รีบทำดี เอาทานศีลภาวนาและประพฤติหรือปฏิบัติ รักษาพรหมจรรย์ของเราให้ไพบูลย์ จะทำให้จิตของเราสำเร็จได้ เป็นพระเป็นเณรดังนี้ ที่จะรู้ได้ดี จิตของเราจะรวดเร็วได้ งอกงามได้รวดเร็ว อาจจะสมศักดิ์ศรีความปรารถนา ทำให้ที่ปวงชนประชาชนหรือคนทั้งโลกหรือบิดามารดรเรา เป็นต้นตอตระกูลผู้สร้างภพให้เรา ให้เขาได้เห็น ดังมหาบุรุษพุทธเจ้าของเรา รีบทำคุณงามความดีได้ตรัสรู้แล้วก็ได้ไปเปลื้องหนี้เปลื้องสิน หรือโปรดมารดาหรือประยูรญาติพงวงศามิตรสหายส่วนโลกได้รับดังนี้ นี่แหละ ที่ว่าอาจจะเป็นสิ่งที่ดีอันน่าไม่รังเกียจแก่ชนพลโลกเขา เขาจะชมเชยในการที่ว่าหมด ถึงยังไงแล้วก็ตามชมเชยอยู่ อาจจะฝังไว้ จารึกไว้แห่งอักษร อักษรของคนนั้นคือความดี จะรู้ธรรมดีทุกวิถีทางดังนี้ เพราะความดีจะเกิดได้เพราะเราทำ ถ้าเราไม่ทำแล้วก็เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นหรือลูกหลานที่จะโปรดถือเอา เกิดตอนนี้ เกิดตอนต้น ของส่วนหนึ่ง สร้างกรรมฐานให้แก่กล้า เมื่อกรรมฐานแก่กล้าแล้ว ก็อาจเป็นหน้าที่จะได้รับมรรคผลโดยเร็ว รวดเร็ว อาจจะได้ตรัสรู้ พากเพียรก็อาจจะยิ่งเพียรยิ่งขึ้นไป ความเพียรจะเผาซึ่งความเร่าร้อน หรือเผากิเลส หรือเผาสิ่งที่ไม่ดีไม่งามนั้นให้หมดไป มลทินหมดไปในที่อาจจะขาวสะอาดด้วยกายจิตใจนั้นแหละ ได้ชื่อว่าอาจจะเป็นมรรคผลแก่คนทุกคน อันที่เกิดมาคราวครั้ง หรือครั้งคราวเท่านั้น จะรีบทำที่ประโยชน์ไว้โดยเร็ว ที่จะไม่ให้เสีย ถ้าไม่ตายแล้วก็เขาก็อาจจะมีนิยาย เขาจะนับเป็นตัวนิยายขึ้น บุคคลนั้นนี้แหละ ดังเขาเล่นละครเล่นนิยายนั้น อันนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเขาที่ปรารภ ที่เขาแสดงที่ปรารภเฉยๆ ทำให้คนติดอยู่นั้นอาจจะไม่ใช่ ไม่ใช่ของจริง ของจริงนั้นนะที่จะเป็นที่ว่า นิยายแล้วก็อาจจะให้เป็นประวัติ ประวัติของที่บุคคลที่ทำดี หรือบุคคลผู้ทำดีได้ผลดีไปแล้ว จารึกอักษรว่าให้เขาอ่าน เป็นอย่างนี้ เขาจะอ่านในที่ว่าปัจจุบันหรืออ่านไปในอนาคต เพื่อสืบสายศากยะบุตรหรือประวัติศาสตร์ของมหาบุรุษ คนเราต้องการที่เป็นมหาบุรุษ ต้องการที่เป็นที่ว่าดีไม่ชักช้า กลัวเสียเวลาอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ก็รีบไปถึงบ้านถึงที่อยู่ที่อาศัย รีบกระทำนำให้ดียิ่งๆ ที่จะเห็นว่ามันจะหมดเวลา เพราะความแก่ผ่านอยู่ทุกวินาที หรือนาที หรือชั่วโมง วันคืน สัปดาห์ เดือน เดือนแล้วก็เดือน แล้วปี อย่างนี้อยู่เรื่อยไป มกรา กรกฎาแล้วก็กรกฎาอีก มิถุนาก็มิถุนาอีก สิงหาก็สิงหาอีก กันยาก็กันยาอีก ตุลาก็ตุลาอีก พฤศจิกาก็พฤศจิกาอีก ธันวาก็ธันวาอีก มกราก็มกราอีก กุมภาก็กุมภาอีก เป็นเช่นนี้ มีนาก็มีนาอีก เมษาก็เมษาอีก พฤษภาก็พฤษภาอีก เรื่อยไป จะที่ไหนพฤษภาไหน เมษาไหน มีนาไหน กุมภาไหน ธันวาไหน มกราไหน ธันวาไหนแล้วก็พฤศจิกาไหนอีก ตุลาไหน ดังนี้ กันยาไหน สิงหาไหน กรกฎาไหน เรื่อยไป จนวันหนึ่งรึวันใด อาจจะวิลาศปราศจากไป สิ่งนั้นๆ ของรักของชอบใจทั้งสิ้นไป สังขารนั้นอาจจะกลายเป็นมูลดินแน่นอน ไม่เลือกว่าชั้นไหน เพศไหน วัยไหน ฉะนั้นองค์พระผู้มีพระภาคท่านว่า เชิญเถิด เชิญสรรพสัตว์ทั้งหลายทุกเพศทุกวัย ท่านได้อัตภาพมาแล้ว จงยับยั้งให้สำเร็จ อย่ารอช้าเวลา ที่จะทำเอาคุณงามความดีให้ถึงที่ ถึงที่ถึงจบ จบที่ความปรารถนานั้นเอง นั้นแล ไม่ให้ความปรารถนานั้นแคล้ว เลี้ยว หรือไม่ตรง มันแบ มันแล้ว มันที่จะว่าพลิกไปพลิกมา ที่เราจะทำให้ดี เมื่อดูไปที่ไหน ขึ้นรถขึ้นรา ประทับ หรือลงสู่สถานที่นั้นๆ อาจเป็นที่ปูชนียสถานก็ตาม ไม่ใช่ก็ตาม เราก็อาจจะสังเกตว่าอยู่ที่นี่เพราะเหตุอะไร และมีอะไรประทับอยู่บ้าง มีอะไรที่ว่ามาอยู่ที่นี่ มีคนไหม มีต้นไม้ไหม มีหินผาไหม มีศิลาไหม มีรุกขชาติเครือเถาวัลย์ มีคนอาศัยอยู่เป็นกลุ่มเป็นกอง เป็นชั้นเชิง มีเกียรติบ้างไม่มีเกียรติบ้าง เกิดมาทำมาหากิน เกิดมาที่อยู่ในแผ่นดิน อาจจะพร้อมเพรียงกันเป็นแผ่นดินแน่นอนทั้งหมดไป ดีชั่วประการใดก็ตาม เพราะฉะนั้น ขอเราที่เกิดเป็นการศึกษา อาจจะทำให้เกิดปัญญาขึ้นได้ เราจะทำประโยชน์ได้ดีดังนั้น เพราะเห็นเป็นเช่นนี้ อันนั้นเรียกว่าอยู่ในอิริยาบถ จะเดินหรือจะนั่งจะนอนก็ดี หรือเที่ยวไปมาก็ดี นั่งเพื่อประโยชน์ นอนก็เพื่อประโยชน์ ไม่ให้หลับ หลับเกินแก่ แต่เราหลับอยู่ในกายที่ไม่สว่างนั้นก็หลับอยู่เป็นอเนกอนันตะชาติมาแล้ว ทำไมจะมานอนอีก เป็นบทวิจารณ์ครั้งสองครั้ง จะเอาให้ที่เป็นที่ว่านอนครั้งเดียว หรือนอนตามแต่ที่เราคาดหมายไว้ ไม่ให้เกินความนอน เพราะกลัวอาจจะชักช้าเสียเวลา กายสิ่งนั้นจะมาช่วงชิงนั้นคืออะไร ความเกียจคร้านมันจะมาช่วงชิง ถ้านอนมากแล้ว ก็อาจจะให้เสียเวลาการทำงาน หรือการไหว้พระสวดมนต์ การทำกิจเฉพาะตนหรือบุคคลอื่นดังนี้ นั่นแหละ ที่เอาจะดีๆ แล้วก็ศึกษาตนให้ดี ตนให้ดีได้เสียก่อนจึงจะไปทำ นำการแผ่ผ่ายการศึกษาแก่ชุมชนหรือพลโลก เมื่อตนได้รับผลดังความมั่นหมายแล้ว เพราะฉะนั้นที่ลูกหลานที่จะต้องการพากันศึกษาด้วยตน ให้รู้ตน และรู้ตัวของตัว ทั้งจิตของตนอันผ่านมาอดีตหรือปัจจุบัน รู้ไหมเป็นใครบ้าง ไปข้างหน้าจะทำประการใด ดีชั่วประการใด ความดีจะมาประทับเราได้แค่ไหน ความชั่วจะมาชิงหรือบ่อนทำลายเราได้ยังไง เพราะเหตุอะไรดังนี้ อันนั้นจะรู้อนาคต ใช้จิตศึกษาไว้ เป็นคนรอบรู้ไปด้วยวิชาเสียก่อน จะไม่นิ่งนอนหรือไม่เมานิ่งนอน เมาที่อยู่สิ่งนั้นๆ เมาในวัย เมาในการที่ว่าภพ เมาในที่อยู่ที่อาศัย เมาในรูปในเสียงกลิ่นรส เมาในการที่โผฏฐัพพะ หรือรูปธรรมารมณ์ด้วยใจดีชั่ว เมาสรรเสริญหรือนั้นๆ ทั้งนินทา เมาอยู่ในการที่ความมืดหรือความสว่าง เมื่อสว่างก็อาจจะเป็นสิ่งที่ว่าดี ดีกว่ามืด เมามืดแล้วมืดก็มืดไปอีก มืดตะวันสายใหญ่ คล้อย เคลื่อนคล้อยต่อไป ลับเขาเหลี่ยมพระสุเมรุ หรือลับบังโลกแล้ว ก็นับว่าหมดแสงพระอาทิตย์จะแผด เพราะฉะนั้นอาศัยพระจันทร์จะส่อง หรือถ้าหากว่ามีพลาหกที่เข้าหุบหรือกำบังแล้วก็อาจส่องไม่ได้ ตะวันก็เหมือนกันส่องไม่ได้ เพราะเมฆพลาหกที่ปิดบังอยู่อันนั้น ด้วยการที่ว่าส่องไม่สว่าง หรือมีแต่แสงที่เพียงพอที่ว่า รู้ว่ากลางวันเท่านั้น แต่ไม่ชัดเจนในการที่ว่าสว่างหมดแสงหรือหมดดวงได้ เพราะฉะนั้น อาจจะมีสิ่งที่ปิดความร้อน ถ้าสว่างมากก็อาจจะกลายเป็นร้อน เหมือนกับว่าปัญญาของเราเลวกว่าเหตุ เลวที่ว่ารู้ในการที่ว่าดวงปัญญาอาจจะทำที่ให้เราขี้เกียจ เพราะปัญญาอาจจะโลดโผนเกินไป ปัญญาจะไม่รู้จักว่ากำหนดกฎเกณฑ์นั้นๆ ขอให้เราที่ได้ศึกษาเป็นอย่างดี ที่จะให้มีประสิทธิภาพ การประพฤติปฏิบัติธรรมให้รู้ธรรม รู้จิต ที่จะทำให้เป็นบัณฑิตได้โดยสมบูรณ์ นั้นคือความรู้ ความเข้าใจ ปัณฑิโตนะปา ผู้ฉลาดรอบรู้ในกลไกทุกสิ่งอย่างไป เป็นผู้ศรัทธา ทานศีลภาวนาเข้าประทับ เพื่อเป็นนักปราชญ์ชั้นเยี่ยม มีทาน มีศีล จิตตปัญญา การสดับการศึกษาได้พอสมควร จะศึกษาไปที่เท่าที่จะให้หมดในการเท่าหนทางศึกษา ศึกษาให้ที่รู้เหตุผลที่ว่าเดินไปในการที่ว่ารอบจบ หมดจดในการศึกษาแล้วนั้นแหละ ก็อาจจะถือว่าในการจะรู้แจ้งแทงตลอดไป จัดเป็นปัญญาส่วนหนึ่งที่ว่า ขุดให้มันถึง เหมือนที่ว่าขุดบ่อ ทำบ่อดังนี้ มันจะออกน้ำ ถ้าไม่ถึงกำหนดมันก็น้ำไม่ออก แต่ขุดไม่ถึง เดินไม่สุดดังนี้ หรือคำว่าเดินไม่สุด นั้นคือเดินที่ว่าน้อยๆ เดินไม่ถึงที่สุดที่การจังหวะเดินไปถึงจุด นั้นกล่าวคือการศึกษา จะรู้สภาพว่าทำแล้วรู้เหตุเภทผล ถ้าเดินน้อยเป็นสั้นๆ ก็อาจจะเป็นว่าการศึกษาสั้น การรอบรู้น้อย ถ้าหากว่าเราที่เดินที่ว่าให้มันสุดที่การหนทางเดิน สุดที่นี้คือว่าจบที่นี่แล้ว ก็ถือว่าจะเดินไปไม่ได้อีก เพราะถ้าเดินสุดแล้วอาจจะรู้สภาพนั้นๆ ได้ให้กว้างขวาง รู้เหตุเภทผลไปได้เพราะว่าเดินไกล เดินไม่หยุดยั้งฉันใด คือปราชญ์ผู้ฉลาด การประพฤติและปฏิบัติ การที่เราเกิดมาเป็นหญิงเป็นชาย เป็นสตรีหรือเป็นบุรุษ จะเดินให้สุด จะทำให้ดียิ่งไม่ว่าทำให้ไม่ให้ดี ทานดี ศีลดี ภาวนาดี ทานสิ่งทานของ ทานเงินทานทอง อะไรดี ทาน นั้นแหละ ทานในการบูชานั้นแหละอาจจะเป็นสมบัติของตัวที่ว่าทานดี ทานก็เป็นหนทางเดินของทาน ทานจะได้ทานยิ่งๆ ขึ้นไปสมบัติเพื่อข้าวของ อันจะเนืองนองมาด้วยผลทานที่อดีตหรือปัจจุบันจะได้ประสพกับว่าทาน รับลาภอันมหาศาล จะเป็นลาภเป็นยศ ก็ชนชั้นบริวารยศก็ใหญ่ เพราะรักษาศีลมากทีเดียว ไม่ที่ว่าอยู่ในลักษณะว่าผัดวันประกันพรุ่ง ไม่นึกว่าอาจจะยากหรือลำบากสักปานใด การละเว้นในการกายจิตใจเป็นโอสถ…(เทปตัดไป)

แชร์เลย

Comments

comments

Share: