ผม (อู๋) เคยซื้อบ้านที่หมู่บ้านเสนานิเวศน์ไว้หลังหนึ่ง คนในยุคที่ผมเป็นหนุ่มๆ คงจะจำกันได้ถึงโฆษณาของหมู่บ้านแห่งนี้ “เสนานิเวศน์ อยู่กันจนเป็นปู่” ซึ่งเป็นโฆษณาที่ฮอตฮิตมากในสมัยนั้น เมื่อจะซื้อบ้านจึงเลือกที่จะซื้อที่หมู่บ้านแห่งนี้ตามคำชวนเชื่อของโฆษณา อยู่มาได้ประมาณ 10 ปี ก็จำเป็นที่จะต้องย้ายเพื่อมาอยู่ที่บ้านหลังปัจจุบัน (ในซอยโชคชัย 4) บ้านที่เสนานิเวศน์จึงต้องประกาศขาย
เมื่อประกาศขายไปซักระยะหนึ่ง ก็มีผู้สนใจที่จะซื้อประมาณ 3-4 ราย มีทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงซึ่งดูแล้วก็เป็นผู้ที่มีเงินทองมากและมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงระดับท่านแม่ทัพนายกอง ต้องการซื้อไปให้ลูกที่กำลังจะออกเรือน อีกรายก็เป็นผู้หญิงวัยกลางคนติดต่อเข้ามาและขอเข้ามาดูภายในบ้าน ท่าทางสนใจจริงถึงกับเอากล้องมาถ่ายรูปห้องต่างๆ และขอสำเนาผังแปลนบ้านและโฉนด เพื่อไปดำเนินการกู้ยืมกับทางธนาคาร
รายสุดท้ายประหลาดกว่ารายอื่นๆ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท True ติดต่อเข้ามา รายนี้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเพียงครั้งเดียว เขาถามเพียงแค่ว่าตัวบ้านกว้างและยาวเท่าไหร่เท่านั้น การตกแต่งภายในก็ไม่สนใจจะซักถาม ผิดกับรายอื่นๆ ที่เขาจะถามว่ามีแอร์กี่ตัว มีกี่ห้องน้ำ ห้องน้ำตกแต่งอย่างไร ห้องนอนมีพรมไหม ฯลฯ เมื่อผ่านไปราว 1 อาทิตย์ก็มีเจ้าหน้าที่ (แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนช่างผู้รับเหมา) ขอเข้ามาเพื่อวัดขนาดกว้างและยาวของพื้นที่และตัวบ้าน วัดอยู่ไม่ถึง 10 นาทีก็ลากลับไป
ในใจของผมนั้นคิดว่า ในรายผู้หญิงวัยกลางคนนั้นน่าจะเป็นผู้ซื้อจริงมากที่สุด เพราะเธอเข้ามาดูบ้านและบอกพอใจบ้านของผมมาก นอกจากนั้นก็ได้ดำเนินการติดต่อกู้กับทางธนาคารแล้ว และต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารขอเข้ามาดูบ้านของข้าพเจ้า ดูท่าทางว่าจะจบที่รายนี้ค่อนข้างมาก
วันหนึ่งผมไปที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นวัดที่ผมไปทำบุญเป็นประจำ เพราะนับถือและสนิทกับพระองค์หนึ่งซึ่งในที่นี้ขอเรียกท่านว่า “หลวงพ่อ” พระองค์นี้ผมสนิทสนมกับท่านมานาน และท่านก็รักผมเหมือนเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง วันนั้นผมแวะไปกราบท่านเพื่อจะสอบถามถึงเรื่องบ้านที่กำลังประกาศขาย
ข้าพเจ้า “หลวงพ่อครับ ตอนนี้ผมกำลังจะขายบ้าน มีคนติดต่อเข้ามา 3 รายครับ”
หลวงพ่อ “เออ แล้วมีใครบ้างล่ะ ไหนบอกมาซิ”
ข้าพเจ้า “มีคนที่อยู้บ้านใกล้ๆ กัน จะซื้อให้ลูกชายที่กำลังจะออกเรือน อีกคนเป็นผู้หญิงวัยกลางคนมาดูแล้วบอกว่าชอบมาก ตอนนี้กำลังติดต่อแบ๊งค์ขอทำเรื่องกู้อยู่ครับ แล้วอีกรายเป็นบริษัท True รายนี้แปลกมากถามแค่ว่าตัวบ้านกว้างยาวเท่าไหร่เท่านั้น…..” ยังไม่ทันที่ผมจะอธิบายต่อเลย หลวงพ่อก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า
หลวงพ่อ “ข้าว่าไอ้ราย True นั่นแหละจะมาซื้อบ้านเธอ”
ข้าพเจ้า “จะเป็นไปได้อย่างไร เขาโทรมาหาเพียงครั้งเดียว รายละเอียดในบ้านก็ยังไม่เคยถามหรือเข้ามาดูเลย ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ” ผมเถียงออกไปเพราะไม่เห็นด้วย
หลวงพ่อ “เออ แล้วเธอคอยดูไปก็แล้วกัน”
พูดตามตรง ผมไม่ค่อยเชื่อคำของหลวงพ่อเลยเพราะดูจากรูปการณ์แล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ อยู่ต่อมารายที่อยู่หลังบ้านก็ทำเงียบไป (ตอนแรกทำท่าทางสนใจจริงจังถึงกับมาต่อรองราคาไว้) รายผู้หญิงวัยกลางคนก็ปรากฏว่าทางธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ให้ ส่วนราย True ก็เงียบไป 2 อาทิตย์ แล้วก็ติดต่อกลับมาว่าให้ผมไปรับเช็คที่บริษัทได้เลยซะงั้น
ผมละงงจริงๆ ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผมไปรับเช็คเงินที่ขายบ้านได้จริงๆ หลวงพ่อท่านแม่นมากทำนายไว้แบบทันทีทันใด ตอนท่านทำนายท่านก็ไม่เห็นต้องมานั่งหลับตาอะไร ท่านพูดสวนขึ้นมาขณะที่ผมยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ท่านบอกกลับเป็นจริงทุกอย่าง นี่แหละที่เขาว่าอานุภาพของพระธรรมกายนั้นแม่นยำและรวดเร็วจริงๆ
ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องบ้านเท่านั้น เรื่องงานก็เช่นเดียวกัน สมัยยังหนุ่มๆ ผมส่งใบสมัครงานเอาไว้ 2-3 ที่ ที่แรกเป็นบริษัทขายกาแฟ ที่ๆ สองเป็นบริษัทโกดัก (สมัยนั้นรุ่งเรืองมาก) และที่สุดท้ายเป็นบริษัทอุตสาหกรรมนมไทย ผมแวะไปหาหลวงพ่อที่กุฏิเห็นหลวงพ่อกำลังจะขึ้นรถตู้เพื่อไปธุระในวัด ผมก็รีบกระโดดตามหลวงพ่อขึ้นรถตู้ไปด้วยเพื่อจะถามท่านเรื่องสมัครงาน ขณะที่รถออกวิ่งผมก็รีบชิงถามหลวงพ่อก่อนเลย
ข้าพเจ้า “หลวงพ่อครับ ผมไปสมัครงานเอาไว้ 3 ที่ครับ มีบริษัทขายกาแฟ บริษัทโกดัก แล้วก็บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย….” ผมพูดไปยังไม่ทันเสร็จหลวงพ่อก็พูดตอบมาทันที
หลวงพ่อ “ข้าว่า เธอ (เอ็ง) จะได้งานที่บริษัทอุตสาหกรรมนมไทยนะ”
ข้าพเจ้า “จริงหรือครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อ “เออ”
แล้วก็เป็นไปตามที่หลวงพ่อบอก ไม่ถึงอาทิตย์ทางบริษัทอุตสาหกรรมนมไทยติดต่อกลับมา พร้อมนัดสัมภาษณ์แล้วให้เริ่มทำงานได้ทันที เป็นอย่างไรบ้างครับ ญาณทัศนะของผู้ที่ถึงธรรมกายชั้นสูง มันช่างแม่นยำเที่ยงตรงและรวดเร็วอะไรเช่นนี้