เหล็กไหลเพลิงจากถ้ำคอก ส่วนประกอบของพระของขวัญวัดหลวงพ่อรุ่นนึง

นิทานอ่านเล่น
เหล็กไหลเพลิงจากถ้ำคอก
ส่วนประกอบของพระของขวัญวัดหลวงพ่อรุ่นนึง

เหล็กไหลตามป่าตามถ้ำธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีการปรากฏตัวด้วยพิธีอัญเชิญ หรือปาฏิหาริย์อะไรเป็นเหล็กไหลที่คนเล่นเหล็กไหลส่วนใหญ่คงไม่ใส่ใจ แต่ครั้งหนึ่งเคยได้นำไปถวายหลวงป๋าจำนวนไม่มากนัก ท่านถามว่ายังมีอีกไหม ช่วยหามาให้หลวงป๋าหน่อย แต่ขอเม็ดเล็กๆ หลวงป๋าจะเอามาฝังพระ ก็เลยได้กลับไปหาอีก
.
ท่านที่เข้าใจดีแล้ว นิทานต่อจากนี้อาจไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ท่านใดชอบอ่านนิทานก็อ่านเล่นแล้วกันนะ 😊😊
.
เริ่มต้นจากได้ไปถ้ำคอก ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นถ้ำที่หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ท่านได้จำพรรษาในถ้ำนี้เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยตั้งใจไปกราบสถานที่ๆ ท่านเคยอยู่ แต่เมื่อเดินไปด้านหลังก็พบว่ามีถ้ำอีกถ้ำ มีน้ำไหลลอดถ้ำ สามารถเดินทะลุไปอีกแห่งได้ ระยะทางน่าจะราวสองร้อยเมตร เมื่อเข้าไปข้างในพบว่ามีเม็ดหินสีแดงสดใสมันวาวเล็กๆ อยู่ทั่วไป และรู้สึกเหมือนจ้องมองมา ขาไปก็ไม่ได้ใส่ใจนัก แต่พอขากลับก็อดไม่ได้ที่จะหยิบติดมือมา และพอเดินพ้นปากถ้ำมาไม่นาน สีก็เปลี่ยนเป็นแดงคล้ำ ไม่สดใสเหมือนเม็ดพลาสติกดังที่อยู่ในถ้ำ

เอามาให้หลวงพ่อประสิทธิ์ที่ภาพน้ำใสดู ท่านบอกว่า เขาดลใจให้เราสนใจเขา เพราะเขาอยากออกมาช่วยคน เพื่อเขาจะได้บุญบารมีไปด้วย ส่วนพลังก็คล้ายกับเหล็กไหลตาน้ำ แต่นิสัยจะชอบเล่นฤทธิ์มากกว่า. ท่านก็เลยแนะนำให้เอาไปถวายหลวงป๋า ซึ่งหลวงป๋าจะใช้ช่วยคนได้มาก จึงได้หาโอกาสย้อนไปเก็บมาอีก แต่ก็ไม่มากนักเพราะไม่รู้ว่าหลวงป๋าจะเอาหรือเปล่า เพราะท่านก็เรียกเองได้ แต่ลึกๆ ก็คิดว่าหลวงป๋าคงสนใจ เพราะเหล็กไหลเพลิงชุดนี้อยู่กับหลวงปู่ทวดมาทั้งพรรษา ก็คงได้ปฏิบัติหรือได้บารมีธรรมจากหลวงปู่ทวดมาบ้างแหละ

ก่อนจะเอาขึ้นมา ก็ได้ให้หลวงพ่อประสิทธิ์นำไปอธิษฐานจิตอยู่หลายวัน

สำหรับหลวงพ่อประสิทธิ์ ณ ขณะนั้น เชื่อว่าท่านมีคุณธรรมที่ไม่ธรรมดา เนื้อความจากตรงนี้ ท่านที่ทรงธรรมกายก็อาจทำความเข้าใจได้ว่าท่านเป็นอย่างไร
ในช่วงนั้นได้อยู่คลุกคลีกับท่านบ่อย วันหนึ่ง สังเกตเห็นตัวหนังสือที่เขียนด้วยเศษถ่าน ลายมือยึกยือตามประสาคนที่ไม่ค่อยเคยเขียนของท่าน เขียนอยู่ที่ข้างฝากุฏิไม้เก่าๆ จะพังมิพังแหล่ว่า อนาคามิมรรค อนาคามิผล (ที่จริงท่านเขียนผิดด้วย แต่จำไม่ได้ว่าผิดตัวไหน)

พอเห็นตัวหนังสือปุ๊บ ความรู้สึกแรก รู้สึกได้ถึงพลังความตื่นเต้น รู้สึกได้ถึงอาการอุทานธรรม รู้สึกถึงความที่ไม่รู้จะทำอะไรดี รู้สึกถึงอะไรที่สุดๆ ของชีวิต ก็นึกแปลกใจตัวเองว่าแค่ตัวหนังสือธรรมดา ทำไมเราถึงได้รู้สึกอะไรอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ค่อยเคยรับรู้ความรู้สึกอะไรกับเขา

หลังจากนั้นไม่นัก ท่านได้บ่นเกี่ยวกับคนงานที่มาปรับพื้นถ้ำว่าช้า ไม่ค่อยมาทำงาน พร้อมกับมักห้อยท้ายคำบ่นว่า ช้าแบบนี้เดี๋ยวเราได้ตายซะก่อน งานที่เหลืออีกขั้นเดียว เดี๋ยวจะไม่เสร็จ มัวแต่ต้องมายุ่งกับงานที่ไม่เป็นเรื่อง
เหลืออีกขั้นเดียว ?

จากเหตุการณ์สองอย่าง เลยทำให้คิดหาวิธีถาม ซึ่งต่อมาก็ได้เลียบเคียงถามว่า “หลวงพ่อครับ เวลาหลวงพ่อนอนหลับแล้วตื่นมา หลวงพ่อทรงอยู่ในกายไหนครับ หมายถึงกายที่ต่ำสุดที่ทรงไว้ตลอดเวลา. หลวงพ่อตื่นมาเห็นกายมนุษย์นี่ แล้วจึงเดินวิชชาเข้าไป ณ ภายในหรือหลวงพ่อตื่นมาก็เป็นกายอื่น ที่สูงกว่ากายมนุษย์เลยทันที”

ซึ่งท่านตอบแบบง่ายๆ ตรงๆ ว่า “ธรรมกายอนาคามี”
ย้ำถามท่านอีกว่า หลวงพ่อไม่ทรงอยู่ในกายที่ต่ำกว่านี้เลยหรือครับ
ท่านตอบว่า “ไม่.. ต่ำสุดก็กายอนาคามี”
(ต่อมาภายหลังอีกสองสามปี ได้ถามท่านอีกครั้งว่า ที่หลวงพ่อบ่นเมื่อก่อนโน้นว่างานเหลืออีกหน่อยยังไม่เสร็จ แล้วตอนนี้งานของหลวงพ่อเสร็จหรือยังครับ ท่านมองหน้าเรายิ้มๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร มีแต่ความว่าง”
ตามประสานิสัยท่านพูดน้อยของท่าน)

ส่วนตอนที่อธิษฐานจิตเหล็กไหลเพลิง สมัยนั้นท่านยังบ่นว่า งานยังเหลืออีกขั้น

หลังจากที่หลวงป๋าขอให้ไปเอามาให้ท่าน ก็ได้ไปเก็บมาอีก ในช่วงที่เก็บเหล็กไหลเพลิงมา แล้วเอามาคัดเลือกเม็ดเล็กๆ นั้น มีพระมหาท่านหนึ่ง ท่านสัมผัสกับอะไรๆ ได้พอสมควร ท่านมานั่งเขี่ยเม็ดเล็กๆ เม็ดหนึ่งเล่น ดูเหมือนจะเล็กกว่าก้านธูป พักนึงท่านหันไปนั่งพิงข้างฝาด้วยอาการอ่อนแรง จึงได้ถามว่าเป็นอะไร พระมหาท่านนั้นตอบว่า “ผมเห็นเม็ดเล็กๆ นึกว่าจะไม่ค่อยมีอะไร มันเล่นผมซะหน้ามืดเลย” เลยพูดไปว่า อ้าว ไม่เคยได้ยินรึว่าเหล็กไหลชุดเดียวกัน อันไหนเล็กกว่าเขา มันมักจะแรงกว่าเขานะ

เมื่อได้เอามาถวายหลวงป๋าครั้งหลังแล้ว ต่อมาท่านได้ฝังไว้ด้านหลังพระเนื้อผงรุ่นนึง จำไม่ได้ว่ารุ่นไหน ท่านใดมีรุ่นที่ฝังเหล็กไหลเพลิง หากถ่ายรูปมาให้ชมในคอมเม้นท์ได้ก็ขอบคุณมาก.

มีนิทานบางส่วนเกี่ยวกับหลวงพ่อประสิทธิ์ ในคอมเม้นท์

มีอีกเรื่องหนึ่งท่านเล่าให้ฟังสมัยท่านยังบวชไม่ถึง 10 พรรษาด้วยซ้ำ มีวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี เขาได้สร้างพระหลวงปู่ทวดขึ้น โดยจัดเตรียมพิธีพุทธาภิเษกอย่างใหญ่โตพอสมควร แต่ในขณะที่ยังเตรียมงานอยู่นั้น เจ้าอาวาสฝันเห็นเทวดามาถามว่า อยากให้พระหลวงปู่ทวดนี่ศักดิ์สิทธิ์ไหม ซึ่งท่านเจ้าอาวาสก็ตอบทันทีว่าอยากให้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เทวดาก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องจัดพิธีพุทธาภิเษก ไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้นให้ยกเลิกให้หมด แล้วไปนิมนต์พระประสิทธิ์มาองค์เดียว แค่นั้นพอ

ตื่นเช้ามาท่านก็นึกขำตัวเองว่าคงจิตกังวลเกี่ยวกับงาน จนถึงกับเก็บไปฝัน แล้วท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร ได้จัดเตรียมงานต่อไปตามปกติ

พอคืนที่ 2 ก็ฝันอีก เห็นเทวดาตนเดิม มาพูดย้ำใจความเดิม แต่ด้วยสภาพอารมณ์ที่ค่อนข้างหงุดหงิด ทั้งบ่นว่าเจ้าอาวาสนั้น บอกว่าไม่ต้องเตรียมงาน เตรียมไปก็เท่านั้นแหละ มันไม่ได้ขลังไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไรหรอก ถ้าอยากให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ก็ไปนิมนต์พระประสิทธิ์มาองค์เดียวพอ

หลังจากฝัน 2 คืนติดก็ชักจะลังเล จึงได้ปรึกษากับคณะกรรมการ เหล่าคณะกรรมการก็ถามว่าแล้วพระประสิทธิ์ เป็นใครอยู่ที่ไหน ก็ไม่มีใครรู้ เมื่อไม่มีใครรู้จะทำไงล่ะ ก็ต้องจัดเตรียมงานต่อไปเหมือนเดิม

คืนที่ 3 เทวดามาเข้าฝันอีก มาบ่นว่าต่างๆนานา พร้อมทั้งบอกว่า ก็บอกแล้วไง ว่าให้ไปนิมนต์พระประสิทธิ์องค์เดียวก็พอ ท่านเจ้าอาวาสก็ถามว่า พระประสิทธิ์เป็นใครอยู่ที่ไหน เทวดาก็ตอบว่า พระประสิทธิ์ อธิมุตฺโตอยู่ถ้ำน้ำใส ตำบลคูหา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ..เทวดาแจงรายละเอียดยิบ

พอเช้ามาก็คุยกับคณะกรรมการอีก มีข้อมูลบอกละเอียดถึงขนาดนี้ จะมีจริงหรือไม่จริงก็ต้องตามไปดูกันหน่อยละ จึงได้พากันมาถึงทำน้ำใส แล้วก็เจอหลวงพ่อประสิทธิ์ ฉายาของท่านก็อธิมุตฺโต ตามที่เทวดาบอก กลุ่มคนที่มาต่างตื่นเต้น ดีใจ จึงได้อาราธนาหลวงพ่อประสิทธิ์ไปอธิษฐานจิตพระหลวงปู่ทวดรุ่นนั้น

ข้าพเจ้าก็ถามหลวงพ่อประสิทธิ์ว่า อ้าว นั่นเป็นพระหลวงปู่ทวด แต่หลวงพ่อฝึกธรรมกาย แล้วหลวงพ่อไปเสกยังไง ท่านก็ตอบว่า ก็ทำธรรมกายของเรานี่แหละ
ปากเสียถามอีกว่า แล้วขลังมั้ยหลวงพ่อ
ท่านก็หัวเราะหึหึ แล้วพูดว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ”

แชร์เลย

Comments

comments

Share: