แม่ชีจันดี สาครเจริญ สร้างมีดหมอทำบุญเจดีย์ หลวงพ่อเดิมมาทำให้

..นิทานก่อนนอน..

กาลครั้งหนึ่ง…
แม่ชีจันดี สาครเจริญ ได้นิมิตเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งมาหา รูปร่างผอมสูง แม่ชีก็ได้ถามว่าหลวงพ่อเป็นใคร พระภิกษุรูปนั้นพูดแต่เพียงว่าเดิมๆ ซึ่งแม่ชีก็ไม่เข้าใจ หลังจากนั้นอีกสองสามวันพระอาจารย์นุกูลได้นำมีดหมอมาให้แม่ชีดูว่าใช่ของหลวงพ่อเดิมหรือเปล่า หลังจากแม่ชีตรวจแล้วก็ได้บอกว่าใช่ จากการตรวจนั้นจึงได้รู้ว่าพระภิกษุที่มาหานั่นก็คือหลวงพ่อเดิมนั่นเอง
จากการเช็คมีดหมอครั้งนั้นทำให้แม่ชีรู้ถึงอานุภาพมีดหมอของหลวงพ่อเดิม จึงอยากมีบ้างและได้ดำริว่าอยากจะทำมีดหมอไว้ใช้ ซึ่งคาดว่าแม่ชีก็คงปรึกษาหลวงพ่อวัดปากน้ำและหลวงพ่อเดิมแล้ว เพราะเท่าที่ทราบมาแม่ชีจะทำอะไรก็ปรึกษาและถามหลวงพ่อวัดปากน้ำทุกครั้งมาโดยตลอด เมื่อได้เจอกันแม่ชีจึงขอให้ช่วยเป็นธุระจัดการให้

ซึ่งก็ได้ช่างจากอำเภอพยุหะคีรีเป็นผู้ทำให้ ใช้ไม้มะขามเป็นด้ามและปลอก ข้างในด้ามบรรจุมวลสารหลายพันชนิดที่เคยใช้เป็นมวลสารสร้างพระหลวงปู่ทวดสำหรับแจกทหารทางภาคใต้ ได้ยินว่ามีพระเครื่องที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยทั้งหมด แม้สมเด็จวัดระฆังก็เอามาบดเป็นมวลสารนี้ด้วย ทั้งยังมีมวลสารอื่นๆอีกมากมายและยังมีมวลสารจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 รวมทั้งเส้นเกศาของพระองค์ด้วย

เท่าที่ทราบคร่าวๆ หลังจากชำระธาตุธรรมให้บริสุทธิ์แล้วหลวงพ่อเดิมไปขอความอนุเคราะห์จากท้าวสักกะให้มีเทพแต่ละองค์ประจำมีดแต่ละเล่ม ซึ่งท้าวสักกะก็ใช้วิธีเรียกคล้ายกลับการหาผู้พิทักษ์เสาหลักเมือง ที่สมัยก่อนเวลาสร้างเสาหลักเมืองจะเดินประกาศหาคนชื่ออินจันมั่นคง หากใครขานแม้ไม่ได้ชื่ออิน ชื่อจัน ชื่อมั่นหรือชื่อคงก็ตาม ก็จะเอาคนนั้นมาทำพิธี

จากนั้นท้าวสักกะได้ให้เทพเหล่านั้นบวชเป็นพระ และมีการประสิทธิ์ประสาทวิชากันมากมายจากเทพผู้ใหญ่และผู้ทรงวิชาต่างๆ ซึ่งแม่ชีเล่าว่าเขามากันมากมายที่มาช่วยประสิทธิ์ประสาทวิชา ซึ่งทำให้เขายิ่งมีพรรคพวกมากขึ้น ประมาณว่ามีดนี้ไปถึงที่ไหนๆ เขาก็มีพรรคพวกเพื่อนพ้อง ทำให้นอกจากทรงคุณภาพด้วยตัวเองแล้วก็ยังมีพรรคพวกในที่นั้นๆ ช่วยเหลืออีกด้วย

ในระหว่างนั้นแม่ชีก็ได้ประสิทธิ์ประสาทมีดหมอตามแนววิชชาธรรมกายที่หลวงพ่อวัดปากน้ำและหลวงป๋าได้สั่งสอนไว้ เป็นเวลานับเดือน

สรุปก็ประมาณว่าหลวงพ่อเดิมเป็นผู้พาทำ ในส่วนของแม่ชีก็ทำตามที่หลวงพ่อเดิมและหลวงพ่อวัดปากน้ำใช้ให้ทำ ส่วนจะมีอานุภาพอย่างไรแค่ไหน คงต้องผู้ทรงภูมิธรรมพิจารณาเอง เพราะผู้เล่าก็แค่จำมาเล่า ถือซะว่าเป็นนิทานก่อนนอน

ตอนที่ทำนั้นก็ได้ขอโอกาสแม่ชีว่าทำเพิ่มสำหรับผู้ที่อยากได้ด้วย ซึ่งวันต่อมาแม่ชีก็อนุญาต

เล่มใหญ่ เป็นส่วนที่ทำขึ้นตามจำนวนผู้สั่งจอง
ส่วนเล่มเล็กเกิดจากการดำริว่าอยากสร้างเจดีย์ในอนาคต แม่ชีก็เลยถามว่าจะสร้างเมื่อไร ตอบว่าไม่รู้ คงอีกนานมาก หรืออาจจะไม่ได้สร้าง
แม่ชีก็ว่า แล้วแม่ชีจะร่วมสร้างได้อย่างไร
เลยว่าเอางี้ซิทำมีดขนาดเล็กอีกสัก 100 เล่ม (ถ้ามีเงินคงสร้างมากกว่านั้น) แล้วถ้าเมื่อไรสร้างเจดีย์ก็จะเอามาให้คนบูชา แล้วเอาเงินจำนวนนั้นสร้างเจดีย์ แต่จนถึงบัดนี้เจดีย์นั้นก็ยังคงเป็นลมเป็นแล้งในความฝันต่อไป
#เมื่อทำวิชชามีดหมอเสร็จแล้ว ท่านเจ้าอาวาสวัดโนนธาตุ(พระอาจารย์นุกูล ปสาโท วัดโนนธาตุ จ.อุดรธานี)ได้ขอแบ่งไป 50 เล่มจึงเหลืออยู่ที่ข้าพเจ้า 50 เล่ม ได้ยินว่าท่านแจกจ่ายคนทำบุญในวัดตั้งแต่บัดนั้น

– ตอนที่ทำมีดเสร็จใหม่ๆมีดทั้งหมดยังอยู่ที่นี่ ตอนนั้นในหลวงทรงพระประชวรหนัก แม่ชีโทรมาบอกว่าให้หันปลายมีดทั้งหมดไปทางกรุงเทพฯให้ที แม่ชีจะช่วยในหลวงแต่ลำพังแม่ชีช่วยไม่ไหวต้องอาศัยมีดช่วยด้วยและหลังจากนั้น 2 วันก็ได้ข่าวว่าในหลวงดีขึ้น
ภายหลังเจอกันก็ถามแม่ชีว่าไกลขนาดนี้ช่วยได้ถึงหรือ แม่ชีบอกว่ารัศมีที่มีดทำงานได้คือ 1000 กิโล

หลวงพี่ครับ. เล่มใหญ่กับพระขรรค์ เหมือนกันมั้ยครับ

คือทำวิชชาพร้อมกัน แต่คิดว่าแต่ละเล่มคงไม่เหมือนกัน เพราะนิสัยของผู้มาประจำ ตลอดทั้งความเชี่ยวชาญในวิชชาของท่านที่มาประจำนั้นคงไม่เหมือนกัน ตลอดทั้งความแยกย่อยของมวลสารที่แม้จะรวมกัน แต่ก็อาจมีเด่นด้อยต่างกันก็ได้

ปัจจุบันคุณแม่ชีจันดี ท่านละสังขารรึยังหากท่านละแล้ว เมื่อปีใด อยากทราบประวัติของท่านอ่ะค่ะ

ละสังขารเมื่อเดือนกรกฏาคม ปีที่แล้ว (2561)

ดั่งที่แม่ชีปราถนาว่ามีดจะดึงผู้คนมาร่วมกัน ตามที่พระอาจารย์กล่าวไว้มีดทุกเล่มมีเทวดารักษาตามที่แม่ชีขอจากท้าวสักกะเทวราช ผิดถูกขออภัย

ฮ่าๆๆ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็เชื่อว่าคงมีอะไรที่พิเศษ ตามธรรมดาของวิชชาธรรมกายแท้ๆ และขนาดศิษย์ยังพิเศษอย่างนี้ หลวงป๋า หลวงปู่จะขนาดไหน

มีเรื่องมาเล่า..

นึกถึงการใช้มีดหมอ วันนี้เลยนึกถึงแม่ชีจันดีกับหลวงพ่อประสิทธิ์ที่เคยได้เกี่ยวข้องกับพระขรรค์เหล็กไหลชุดหนึ่ง

เรื่องมาจากว่า พระอาจารย์ท่านหนึ่งได้พระขันธ์ชุดที่มี 3 เล่ม คือมีทั้งสีเงินยวง สีทองและสีเมฆพัด โดยท่านได้มาจากพระอาจารย์อีกรูปหนึ่งอีกที ซึ่งพระอาจารย์รูปแรกนั้นได้มาจากหลวงป๋า
ต่อมาครั้งหนึ่ง แม่ชีรับคำสั่งจากหลวงป๋าให้ช่วยป้องกันภัยพระพุทธศาสนาในส่วนที่สำคัญไม่น้อย แม่ชีได้ปรารภกับพระอาจารย์รูปที่มีพระขรรค์ว่าสู้เขาไม่ไหวพลังต่างๆที่มีมันไม่พอ พระอาจารย์รูปนั้นจึงบอกว่าถ้ามีพระขรรค์ 3 เล่มนี้ล่ะ จะช่วยได้บ้างไหม แล้วท่านก็เอาพระขรรค์ออกมาให้แม่ชีดู แม่ชีมองแล้วก็พูดว่า น่าจะช่วยได้ ท่านก็เลยมอบพระขรรค์ไว้กับแม่ชี โดยอธิษฐานให้สิทธิ์ให้อำนาจแม่ชีใช้ได้ดังประสงค์

วันต่อมาได้แวะเข้าไปเยี่ยมแม่ชีกันอีก ท่านก็ได้ถามว่าพระขรรค์พี่ให้แม่ชีไปนั่นเป็นอย่างไรบ้างช่วยได้มากน้อยแค่ไหน แม่ชียิ้มแล้วพูดว่า ช่วยได้ไม่มาก เพราะพระขรรค์เหมือนคนป่วย อาการแบบไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรเลย พระก็เลยถามแม่ชีกันว่าทำไมจึงเป็นแบบนั้น แม่ชีก็นิ่งไปพักนึงแล้วตอบว่า ก่อนหน้านี้พระขรรค์อยู่กับอาจารย์รูปอื่น แล้วต่อมาท่านมีศีลไม่ค่อยดี พระขรรค์จึงเบื่อหน่ายไม่อยากช่วยเหลืออะไรจนกลายมาเป็นแบบนี้ พระได้ถามต่ออีกว่าแล้วแบบนี้จะทำยังไงจึงจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้ แม่ชีทำท่าเหมือนไม่แน่ใจ แต่ก็พูดว่า คงต้องให้อยู่กับคนที่มีศีลธรรมและใช้งานบ่อยๆ ก็อาจจะกลับมาดีได้กระมัง

ขณะนั้นมีพระอาจารย์อีกรูปนึง (รูปที่สาม) ท่านก็มีพระขรรค์ชุด 3 เล่มเหมือนกัน จึงหยิบออกมาบ้างพร้อมทั้งกล่าวว่า ชุดนี้ล่ะจะช่วยได้บ้างไหม แม่ชียื่นมือไปรับแล้วก็พูดขึ้นมาทันทีว่า อันนี้ต่างกันมาก คล่องแคล่วว่องไวพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับว่าเคยผ่านสนามรบมาโชกโชนมาก พระอาจารย์ท่านที่ 3 จึงมอบให้ไว้ในลักษณะเดียวกัน และมีผลต่อมาว่าแม่ชีสามารถช่วยเหลือเหตุการณ์พระพุทธศาสนาในครั้งนั้นไว้ได้

มีต่อ..

หลังจากแม่ชีคืนพระขรรค์ให้พระอาจารย์ทั้ง 2 รูปแล้ว ภายหลังท่านที่มีพระขรรค์ชุดที่แม่ชีว่าเหมือนคนป่วย ได้มีโอกาสลงไปทางภาคใต้ และได้พบกับหลวงพ่อประสิทธิ์ โดยเจตนาอย่างหนึ่งท่านตั้งใจจะเอาไปฝากหลวงพ่อประสิทธิ์ไว้ เพราะอยู่ทางภาคใต้ใช้งานหนัก อีกทั้งหลวงพ่อประสิทธิ์มีคุณธรรมสูงอาจมีส่วนช่วยเหลือให้ธาตุกายสิทธิ์คือพระขรรค์นี้กลับมามีอานุภาพดังเดิม เมื่อมีโอกาสท่านจึงเอาพระขรรค์ทั้ง 3 เล่มให้หลวงพ่อประสิทธิ์ดู เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และจะขอฝากหลวงพ่อประสิทธิ์ไว้ใช้งานรวมทั้งช่วยฝึกฝนหรือจะอะไรก็แล้วแต่ ตามแต่ท่านจะเห็นสมควร

หลวงพ่อประสิทธิ์รับไปถือหลับตานิ่งๆ ครู่ใหญ่ พอลืมตาขึ้นมาท่านก็ยิ้ม แล้วกล่าวว่า “อืมม.. อาการเหมือนคนง่วงสะลึมสะลือ” พูดแล้วท่านก็จะส่งคืนให้ พระอาจารย์เจ้าของพระขรรค์ก็บอกท่านว่า “ฝากหลวงพ่อไว้ก่อนครับ รบกวนหลวงพ่อช่วยทำให้เขากลับมาดีเหมือนเดิมก่อน ภายหลังผมจึงค่อยมารับคืนครับ”
หลวงพ่อประสิทธิ์ก็บอกว่า “ก็ดีแล้วนี่ตอนนี้ เขากลับมาดีเหมือนเดิมแล้ว”
พระอาจารย์นั้นก็งง “อ้าว..ทำไมดีได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลวงพ่อทำยังไง”
หลวงพ่อประสิทธิ์บอกว่า “ผมแค่เตือนเขาเฉยๆ เตือนถึงวัตถุประสงค์ที่เขาปรากฏมาในโลกนี้ ว่าเขามาเพื่ออะไร และตอนนี้ก็เปลี่ยนคนใช้แล้ว พอเขาระลึกได้เขาก็กลับเป็นเหมือนเดิม แค่นี้เอง”

ต่อ2..

เรื่องราวเหล่านี้ แม้จะได้ยินได้ฟังหลากหลายรูปแบบมาพอสมควร แต่ก็ยังอดทึ่งในคุณของท่านเหล่านี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแม่ชีจันดี หลวงพ่อประสิทธิ์ หรือท่านอื่นๆ อีกมากมาย และทำให้เห็นว่าความสามารถของแต่ละท่านนั้นมีความแตกต่างกันแบบที่เปรียบกันไม่ได้ จะว่าใครเก่งกว่ากันก็ไม่ได้ บางเรื่องบางท่านดูเก่งกล้าสามารถมาก แต่บางเรื่องที่น่าจะดูง่าย หรือง่ายสำหรับท่านอื่น ท่านที่ดูว่าเก่งมากอาจทำไม่ได้ไปเฉยๆ ซึ่งก็คงคล้ายกันกับพระพุทธเจ้าที่แม้พระองค์จะเลิศสุด สูงสุดแล้ว แต่บางครั้งพระองค์ก็อาศัยคุณสมบัติของพระสาวก เช่นอาศัยลาภของพระสิวลีเป็นต้น หรือเหมือนที่หลวงป๋าต้องอาศัยคุณสมบัติของแม่ชีจันดี ในการขอพระธาตุสำคัญบางอย่างที่ปกติเขาหวงมาก หลวงป๋าขอเองเขาก็ไม่ให้ แต่พอแม่ชีขอเขากลับให้ ทั้งที่ก็ขอให้หลวงป๋านั่นแหละ เรื่องขอพระธาตุสำคัญนี้ ในตอนนั้นบางคนหลงคิดไปว่าแม่ชีเก่งกว่าหลวงป๋าหรืออย่างไร ซึ่งก็ได้อธิบายให้กับบางคนฟังว่า เหมือนพ่อกับลูกสาวที่บางครั้งไปขอความช่วยเหลือจากผู้หลักผู้ใหญ่บางคน พ่อไปเองเขาไม่ช่วยเหลือ แต่พอมีลูกสาวไปด้วย หรือให้ลูกสาวเป็นฝ่ายไปขอ เขากลับช่วยเหลือเพราะอาศัยความเอ็นดูนั้น เป็นต้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าลูกสาวจะเก่งกว่าพ่อ แต่คุณสมบัติความเป็นลูกสาวนั่นแหละที่ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา และคาดว่าการขอพระธาตุให้หลวงป๋านี้ ก็คงเป็นลักษณะเดียวกัน เพราะจะเห็นได้ว่า ถ้าแม่ชีขอเป็นของส่วนตัวก็จะได้สวยงามในระดับหนึ่ง แต่ถ้าขอสำหรับหลวงป๋าจะสวยงามและมากเป็นพิเศษทุกครั้ง

ในส่วนของแม่ชีจันทร์ดีกับหลวงพ่อประสิทธิ์นี้ก็เช่นกัน บางเรื่องในแต่ละท่านก็มีกลเม็ดเคล็ดลับที่ต่างกันออกไป ซึ่งไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าใครเก่งใครดีกว่ากัน และดังที่หลวงป๋าพูดย้ำอยู่เสมอว่ามันไม่มีใครเก่ง ไอ้พี่เก่งนั่นคือกิเลสมันเก่ง ให้เป็นพระอรหันต์ก่อนแล้วค่อยเก่ง ถ้ายังไม่ถึงพระอรหันต์อย่าเก่ง และแม้เป็นพระอรหันต์แล้วท่านก็ไม่เก่งอยู่ดี เพราะไม่มีกิเลสให้อวดเก่ง.

cr: อารยะ คชทีป


ขออนุโมทนากับพระอาจารย์ ที่สละวัดถุมงคล มีคุณค่าทางใจ เพื่อมอบให้แก่สาธุชนรุ่นหลังได้มีโอกาสเอาไว้ใช้เป็นศิริมงคล
วัตถุมงคลชุดนี้ได้ผ่านการอธิษฐานจิต โดยคุณแม่ชีจันดี สาครเจริญ ท่านเป็นวิปัสสนาจารย์ชั้นสูง แห่งวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นผู้มีคุณต่อพุทธศาสนา ที่หลวงพี่พอได้ยินคำเล่าลือมาบ้าง คุณแม่ชีจันดีเป็นผู้ที่อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว บนศาลาสมเด็จชั้น 3 เมื่อสิบกว่าปีก่อน เพื่อมอบให้กับหลวงป๋านำไปประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์สมเด็จที่พวกเราได้ร่วมสร้างกันอยู่ ณ ขณะนี้ ขอยกตัวอย่างเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะที่จริงแล้วคุณแม่ชีจันทร์ดี ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย ตามคำเล่าลือของศิษย์ยานุศิษย์ที่รู้จักกันดี

โดยวัตถุมงคลชุดนี้ เป็นมีดหมอหรือมีดอาคมตามภาพที่ลง ตัวมีดเป็นอักขระขอม และตอกโค๊ต จ. ด้ามและปลอกทําจากไม้มะขามอย่างดี ยิงเลเซอร์คำว่า “แม่ชีจันดี สาครเจริญ ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ ” เจตนาในการสร้างได้อยู่ตามลิงค์ข้างต้นที่ลงไว้ โดยจะให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญ สร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จ ฯ กองบุญละ2,480 บาท (ตาม พศ.เกิดของคุณแม่ชี) เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดี ของคุณแม่ชีจันทร์ดี และปัจจัยทั้งหมดนี้ จะออกใบอนุโมทนาบัตรในนามของ แม่ชีจันดี สาครเจริญ cr: ຫລວງພີ່ ໂຈ້

หลวงพี่ โจ้ 7 กันยายน 2019  ·

เปิดให้ร่วมบุญได้ทันที มีจำนวน 50 กองบุญ

จากนิทานก่อนนอนในวันนั้น นำมาสู่เรื่องราวแห่งบุญกุศลนี้

https://www.facebook.com/groups/amuletofficial/permalink/2465096433723760/?sfnsn=mo

ขออนุโมทนากับพระอาจารย์ ที่สละวัดถุมงคล มีคุณค่าทางใจ เพื่อมอบให้แก่สาธุชนรุ่นหลังได้มีโอกาสเอาไว้ใช้เป็นศิริมงคล

วัตถุมงคลชุดนี้ได้ผ่านการอธิษฐานจิต โดยคุณแม่ชีจันดี สาครเจริญ ท่านเป็นวิปัสสนาจารย์ชั้นสูง แห่งวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นผู้มีคุณต่อพุทธศาสนา ที่หลวงพี่พอได้ยินคำเล่าลือมาบ้าง คุณแม่ชีจันดีเป็นผู้ที่อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว บนศาลาสมเด็จชั้น 3 เมื่อสิบกว่าปีก่อน เพื่อมอบให้กับหลวงป๋านำไปประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์สมเด็จที่พวกเราได้ร่วมสร้างกันอยู่ ณ ขณะนี้ ขอยกตัวอย่างเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะที่จริงแล้วคุณแม่ชีจันทร์ดี ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย ตามคำเล่าลือของศิษย์ยานุศิษย์ที่รู้จักกันดี

โดยวัตถุมงคลชุดนี้ เป็นมีดหมอหรือมีดอาคมตามภาพที่ลง ตัวมีดเป็นอักขระขอม และตอกโค๊ต จ. ด้ามและปลอกทําจากไม้มะขามอย่างดี ยิงเลเซอร์คำว่า “แม่ชีจันดี สาครเจริญ ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ ” เจตนาในการสร้างได้อยู่ตามลิงค์ข้างต้นที่ลงไว้ โดยจะให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญ สร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จ ฯ กองบุญละ2,480 บาท (ตาม พศ.เกิดของคุณแม่ชี) เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดี ของคุณแม่ชีจันทร์ดี และปัจจัยทั้งหมดนี้ จะออกใบอนุโมทนาบัตรในนามของ แม่ชีจันดี สาครเจริญ

กติกาในการร่วมบุญ

.คอมเม้นสั่งจองตามความต้องการ ระบุ กองบุญที่…… เท่าไหร่ เพื่อจะได้ลำดับจำนวน

****(ช่วยลงลำดับที่ให้ด้วย ใครที่ไม่ลงลำดับที่จะไม่นับ เพราะหลวงพี่ไม่มีเวลามานั่งเฝ่าครับ )

.โอนปัจจัยตามที่กำหนด(2,480 บาท )หรือมากกว่านั้นตามกำลังศรัทธาของท่านผู้ร่วมบุญ

. ยอดปัจจัยทั้งหมดที่ร่วมบุญออกใบอนุโมทนาบัตรในนามของ แม่ชีจันดี สาครเจริญ

(หลวงพี่จะรวบรวมยอดทั้งหมดออกไปอนุโมทนาทีเดียว โยมไม่ต้องแจ้งทางวัด)

. เมื่อโอนปัจจัยเป็นที่เรียบร้อยนำสลิปการโอน มาโพสต์ ในคอมเม้นที่ตนเองได้จองไว้ ให้รับทราบและได้อนุโมทนาร่วมกัน พร้อมแจ้งชื่อที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ (หากไม่สะดวก สามารถ inbox เป็นการส่วนตัวได้) เพื่อทำการจัดส่งให้ผู้ที่ร่วมบุญ

บัญชีที่ใช้รับโอนเงินในโครงการก่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ

เลขที่ และชื่อบัญชี ธนาคาร สาขาดำเนินสะดวก

422–0–25469–4 “วัดหลวงพ่อสดฯ เพื่อการก่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ” – ธนาคารกรุงเทพ

540–2–18485–8 “วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เพื่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ” – ธนาคารไทยพาณิชย์

707–0–12333–7 “วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เพื่อการก่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ” – ธนาคารกรุงไทย

534-2-02908-8 “วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เพื่อการก่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ” – ธนาคารกสิกรไทย

หมายเหตุ

กิจกรรมนี้ทำขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของครูบาอาจารย์

วัตถุมงคลที่นำให้ออกร่วมบุญไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับทางวัดหลวงพ่อสดฯ

ปัจจัยทั้งหมด โอนเข้าบัญชีวัดเท่านั้นโดยไม่ผ่านผู้ใด

วัตถุมงคลนี้หลวงพี่จัดส่งให้ผู้ร่วมบุญทุกท่านโดยไม่คิดค่าจัดส่งแต่อย่างใด

ขั้นตอนร่วมบุญและการโพสสลิปโอนปัจจัย ตามตัวอย่างที่หลวงพี่ลงไว้ในคอมเม้น เพื่อจะไม่ให้สับสน

ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

อารยะ คชทีป การใช้มีดของหลวงพ่อประสิทธิ์

ครั้งหนึ่งท่านชวนไปเยี่ยมหลวงพ่อมหาอำนวยที่วัดชัยชนะสงคราม หาดใหญ่ ขณะนั้นหลวงพ่อมหาอำนวยไม่สบายอยู่นาน

ไปเห็นสภาพท่านตอนนั้นผอมมาก ดูแล้วน่าใจหาย เดาว่าน่าจะมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการแพทย์ที่ทำให้ท่านไม่สบายมานานด้วย พูดความรู้สึกตรงนั้นกับหลวงพ่อประสิทธิ์ ท่านก็พยักหน้าอาการว่าเห็นด้วย ว่ามีสิ่งพิเศษที่ทำให้หลวงพ่อมหาอำนวยป่วยอยู่ยาวนาน เลยปรึกษาท่านว่าเอาพระขรรค์ของหลวงป๋าช่วยท่านจะดีไหม ท่านก็ว่าดี จากนั้นท่านก็เรียนหลวงพ่อมหาอำนวยเกี่ยวกับเรื่องพระขรรค์ ซึ่งหลวงพ่อมหาอำนวยก็ยินดี ซึ่งขณะนั้นท่านอยู่ในศาลาเล็กๆ ที่หามไปไหนมาไหนได้ ซึ่งหลวงพ่อประสิทธิ์ก็ให้ข้าพเจ้าได้ช่วยในครั้งนั้นด้วย จึงได้ถามท่านว่าเอาแบบไหนยังไง สวดอะไรบ้าง

..ที่จริงก็เคยเห็นท่านช่วยหลายคนอยู่ โดยปกติจะให้ผู้นั้นนั่งเก้าอี้อยู่กลางแจ้งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก แล้วท่านจะถือพระกับพระขรรค์ ยืนอยู่ข้างหน้าห่างประมาณ 1 วา แล้วชี้พระขรรค์ไปที่ผู้นั้นโดยเบี่ยงด้ามพระขรรค์ออกให้พ้นตัวเอง แล้วทานก็ว่าคาถาซึ่งไม่รู้ว่าท่านท่องคาถาอันไหนบ้าง จากนั้นท่านก็ไปทำทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศใต้และกลับมาทางทิศตะวันตกอีกครั้ง ถ้าเป็นฆราวาสบางครั้งก็มีพรมน้ำมนต์ด้วย

พอท่านให้ช่วยทำกับหลวงพ่อมหาอำนวยด้วย จึงได้ถามท่านว่าสวดคาถาอะไรบ้าง ท่านก็บอกว่าสวดคาถามหาปัตตาหมื่นกับคาถาแปรมีดหมอ เมื่อเข้าใจตามนั้นแล้วก็เริ่มต้นทำตามที่ท่านบอก โดยท่านอยู่ทางทิศตะวันออกก่อนข้าพเจ้าอยู่ทางทิศเหนือ พอเสร็จก็ขยับเวียนขวาไปจนครบ แต่ปัญหาคือหลวงพ่อท่องจบเร็วจัง ไอ้เราท่องคาถามหาปัตตาหมื่นได้ครึ่งกว่า ท่านก็เสร็จแล้วย้ายทิศแล้ว พอท่านมาชนกับทิศที่ข้าพเจ้าอยู่ ก็เลยได้ท่องแต่คาถาแปรมีดหมออย่างเดียว

ภายหลังจึงได้ถามท่านว่าทำไมหลวงพ่อท่องเร็วจัง หรือหลวงพ่อท่องแค่ไหน ท่านตอบว่า ท่านท่องคาถามหาปัตตาหมื่นถึง “จิเจรุนิ” จากนั้นก็ท่องคาถาแปรมีดหมอเลย ท่านว่าหลวงป๋าบอกให้ท่องแค่นี้ถ้าเวลาน้อย ก็ใช้ได้เหมือนกัน จึงได้ถึงบางอ้อ มิน่าล่ะจึงท่องไม่ทันท่าน

หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็ได้ข่าวว่าหลวงพ่อมหาอำนวยค่อยๆดีขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าดีเพราะการรักษาของท่านหรือว่าดีเพราะธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้มีส่วนช่วย

…มีเพิ่ม

อีกเรื่องราวหนึ่งที่หลวงพ่อประสิทธิ์เองก็รู้สึกอัศจรรย์ใจ คือมีพระรูปหนึ่งอายุ 80 กว่า ท่านเป็นโรคอยู่หลายโรค มีอาการหนักสุดคือนิ่ว ไปเอ็กซเรย์มาเม็ดใหญ่มาก ใหญ่กว่าหัวแม่มือซึ่งหมอก็ไม่อยากจะผ่า เพราะเสี่ยงมาก หลวงตารูปนั้นก็ทรมานมากขยับร่างกายก็ยังยาก ทั้งญาติพี่น้องอยู่ในสภาพสิ้นหวัง จนกระทั่งวันหนึ่งหลวงตารูปนั้นก็นึกได้ว่า เคยเห็นหลวงพ่อประสิทธิ์เคยใช้อะไรก็ไม่รู้ ชี้ๆช่วยรักษาคนหลายอย่าง อยากให้หลวงพ่อประสิทธิ์ลองช่วยทำให้บ้าง จึงขอให้พระในวัดช่วยพาท่านมาหาที่ภ้ำน้ำใส หลวงพ่อประสิทธิ์ก็รักษาให้โดยวิธีดังกล่าว ปรากฏว่ากลับไปวัด 2 วันต่อมา ก้อนนิ่วนั้นละลายออกมาทางปัสสาวะ เป็นสีขุ่นข้นอย่างน่าอัศจรรย์ หลวงพ่อประสิทธิ์พูดกับข้าพเจ้าว่า เออ.. ไอ้เราชี้อยู่ข้างนอกนี้ มันไปละลายนิ่วในท้องได้ยังไง แล้วก็หัวเราะหึๆ ตามบุคลิกของท่าน

พระขรรค์ที่หลวงพ่อประสิทธิ์เป็นชนิด 3 เล่มในยุคแรก ซึ่งสีเมฆพัดเป็นกระดำกระด่างหนักมาก ลักษณะเช่นนี้บ่งบอกว่าใช้งานหนัก เหมือนนักรบที่มีบาดแผล ซึ่งยิ่งทำให้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น

มีดหมอแม่ชีจันดีมี2แบบคือเล่มใหญ่กับเล่มเล็ก เล่มเล็กจะมี2แบบคือ มีกับไม่มียิงเลเซอร์ ที่มียิงเลเซอร์คือที่หลวงพี่โจ้(พระศักดิ์ชัย)แบ่งมาและให้ทำบุญเจดีย์ อีกส่วนไม่มียิงเลเซอร์จะอยู่ที่ผู้สร้างเดิม เดาว่าคือหลวงพี่อารยะ คชทีป (พระศราวุธ) มีผู้รู้ในอานุภาพมีดก็ไปทำบุญกับหลวงพี่มาหลายเล่ม ผมขอแบ่งมาอีกทีดังภาพด้านบนครับ เล่าเพิ่มอีกนิด แม่ชีจันดีนี้ท่านศักดิ์สิทธิ์และใจดีมากๆ ว่ากันว่าอดีตชาติท่านเป็นภรรยาพระอินทร์ครับหลวงป๋าขอพระบรมสารีริกธาตุกับพระอินทร์ก็จะต้องขอให้แม่ชีท่านช่วยอธิฐาน ผมเข้ามาอ่านเรื่องนี้และอยากได้มีด เลยอธิฐานขอในใจไว้แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากได้ไม่ได้ไม่เป็นไร ไม่เกินอาทิตย์ ผมได้ไปวัดหลวงพ่อสดและเจอพี่กัลยาณมิตรและหลวงพ่อท่านหนึ่ง ก็คุยกันเรื่องพระเครื่อง ก็พลัดกันขอดูพระ พี่เขาเอามีดหมอรุ่นนี้ให้ดูของพี่เขามียิงเลเซอร์ เราก็จำได้ว่าอยากได้มีดรุ่นนี้เคยอธิฐานขอไว้ เลยถามว่าพอจะมีแบ่งหรือหาได้บ้างไหมพี่เขาบอกว่าน้องเขามีพอดีเลยครับ เลยขอแบ่งมา สรุปว่าไม่เกินอาทิตย์ก็ได้มาอัศจรรย์จริงๆ ผมเชื่อว่ามีดทุกเล่มมีเจ้าของลองอธิฐานกันดูครับเผื่อเป็นบุญท่านครับ
ด้ามครู ของท่านพระศราวุธ
แชร์เลย

Comments

comments

Share: