การทำบุญกับคนชั่ว คนพาล ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เราจะได้บุญหรือไม่

– การทำบุญกับคนชั่ว คนพาล ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เราจะได้บุญหรือไม่ ?

🔮 ถาม :: การให้ทานขอทาน ที่มิใช่ขอทานจริง แต่ทำกันเป็นกระบวนการ เราสมควรจะให้หรือเปล่า และจะทำให้เราเป็นบาปหรือไม่ ฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่ง ที่ผลักดันให้เขาไม่ประกอบอาชีพ คือ มาใช้วิธีร่วมมือกันเป็นกระบวนการขอทานแบบนี้ แต่บางครั้งเราไม่ทราบ ??

☀️ ตอบ :: ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่าทานกุศลก่อน ขึ้นชื่อว่าทาน คือการให้ ย่อมได้บุญเสมอไป ข้อนี้คุณโยมต้องเข้าใจไว้เป็นอันดับแรกก่อน แต่..ได้บุญอย่างไร ??

🙏พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานอิ่มหนึ่ง ยังได้อานิสงค์ ๑๐๐ อัตภาพ หมายความว่าได้อานิสงค์ ๕๐๐ เท่า คือ ได้อานิสงส์ในส่วนที่เป็น อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ ๕ อย่างเนี่ย แต่ละอย่างๆๆเนี่ยจะได้ร้อยอัตภาพ คือเกิดมาจะได้รับอย่างนี้ แต่ละอย่างๆนี้ อย่างละร้อยอัตภาพ ห้าอย่างก็ห้าร้อย ห้าร้อยเท่า นี่ เพียงให้อาหารอิ่มหนึ่งแก่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง

🙏 ถ้าให้อาหารอิ่มหนึ่งแก่คนทุศีล ยังได้อานิสงส์ ๑,๐๐๐ อัตภาพ หรือ ๕,๐๐๐ เท่า คือ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ ถึงหนึ่งพันอัตภาพ คือ เกิดชาติใดหนใดก็จะได้รับอานิสงส์ผลบุญเป็นอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ อย่างละ ๑,๐๐๐ ชาติ ห้าอย่างก็ ๕,๐๐๐ เท่า นี้เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่า ขึ้นชื่อว่าทานได้อานิสงค์เรื่อยไป มากหรือน้อยอย่างไรเดี๋ยวฟังกันต่อ

ทีนี้ พระพุทธเจ้าตรัสต่อไปอีกว่าอย่างนี้นะ

ท่านว่า ผู้ใดให้ทานในบุคคลที่ไม่ควรให้ ฟังให้ดีนะ ให้ทานในบุคคลที่ไม่ควรให้ ไม่ให้ในคนที่ควรให้ ผู้นั้นเมื่อประสบความทุกข์หรืออันตราย เมื่อประสบความทุกข์หรือความเสื่อมเพราะอันตราย ย่อมไม่ได้สหาย

นี่ น่าคิดนะพระพุทธดำรัสนี้ ตรัสว่า ถ้าให้บุคคลที่ไม่ควรให้ คือ คนพาล คนโง่ คนประพฤติผิดศีล ผิดธรรม ไปให้อย่างนี้นะ ก็ได้อานิสงค์ตามที่ตรัสไว้ แต่ ในยามที่มีทุกข์หรือถึงความเสื่อมเพราะประสบอันตรายต่างๆ ไม่ได้สหาย คือไม่ได้มิตรแท้ที่จะช่วยอุปการะเจือจุน เพราะบุคคลผู้โง่เขลาเบาปัญญา เป็นมิจฉาทิฐิมีความเห็นผิด หรือประพฤติผิดศีลผิดธรรม ชื่อว่าเป็นคนพาล เหล่านี้ก็ไม่รู้จักคุณคนน่ะพูดกันง่ายๆ และด้วยอำนาจของ แม้เราให้ทานกับบุคคลเหล่านี้ ด้วยอำนาจของความเป็นพาลของเขา สำหรับบุคคลที่ให้ทานไปนั้น ถ้าว่าประสบความทุกข์เดือดร้อนเพราะอันตรายต่างๆ จะไม่มีบุคคลประเภทคนพาล คนโง่เขลาเบาปัญญา หรือประเภททุศีลนี่มาช่วยเหลือ นี่แหละจึงตรัสว่า “#ย่อมไม่ได้สหาย

ทีนี้ ตรัสอีกว่า

ผู้ใดไม่ให้ทานในบุคคลที่ไม่ควรให้ ให้คนที่ควรให้ ไม่ให้คนที่ไม่ควรให้ก็คือว่า คนที่มักประพฤติผิดศีลผิดธรรม หรือมิจฉาทิฏฐิมีความหลงผิดทำนองคลองธรรม ไม่รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง อย่างนี้ไม่ให้ แต่ให้คนที่ควรให้ คือคนที่มีศีลมีธรรม อยู่ในศีลในธรรม ให้คนประเภทนี้ได้อานิสงส์มาก แล้วยังตรัสว่า ผู้นั้นเมื่อประสบความเสื่อมหรือความทุกข์เพราะอันตราย #ย่อมได้สหาย

อันนี้ ท่านลองสังเกตดูตัวอย่างง่ายๆ ในทางสังคมปัจจุบันนี่แหละ ถ้าว่า ท่านให้ด้วยความรู้สึกกรุณา ปรารถนาให้ผู้อื่นมีสุข เมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นอยู่ดีมีสุข กรุณาปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ถ้าเราให้แก่คนที่ควรให้ อย่างนี้ คนเช่นนั้น คือ คนดี มีศีลมีธรรม ย่อมรู้สึกในความกตัญญูกตเวทิตา คือ รู้สึกคุณของผู้มีพระคุณ และเมื่อมีโอกาสก็จะตอบแทนคุณผู้มีพระคุณ นี่เป็นธรรมดาที่สุด นี่แหละพระพุทธองค์ตรัสตรงตามธรรมชาติที่เป็นจริง

แล้วก็ เพราะเหตุนั้นจึงตรัสว่า “ผู้ใดไม่ให้ทานบุคคลผู้ไม่ควรให้ ให้ในบุคคลที่ควรให้ ผู้นั้นเมื่อประสบความทุกข์เดือดร้อนเพราะอันตราย ย่อมได้สหาย” นี่แหละเป็นธรรมดา ผู้ให้นั้นยามตกทุกข์ได้ยาก มีความเดือดร้อน ผู้อื่นก็จะมาช่วย ด้วยอำนาจของบุญกุศลนี้ เพราะเราให้แต่คนดีมีศีลมีธรรม คนดีมีศีลมีธรรมก็จะระลึกได้ แม้ตายไปเกิดมาใหม่แล้ว แม้จะรู้จักกันหรือไม่รู้จักกัน แต่บางทีเราจะเห็นบุคคลบางคนเมื่อประสบทุกข์ยาก หรือเคราะห์กรรมต่างๆ ก็จะมีผู้อื่นมาอนุเคราะห์ช่วยเหลือด้วยดี นี่ ก็เพราะว่าได้เคยให้ทานแก่บุคคลที่ควรให้ เพราะฉะนั้น เขาจะได้รับอานิสงส์อย่างนี้ต่อๆไปทุกภพทุกชาติ

และส่วนว่า ไปให้บุคคลที่ไม่ควรให้ ผิดศีลผิดธรรม เป็นมิจฉาทิฏฐิ อันนี้ อาตมาจะขอยกตัวอย่างให้ฟัง อันนี้ก็มีอยู่ในคัมภีร์พระธรรมบท พระพุทธเจ้าเมื่อเสวยพระชาติเป็นพญาช้าง และก็มีนายพราน นายพรานน่ะได้มาต้องการงาพญาช้างนั้น พญาช้างนั้นตัวใหญ่ด้วย มีบริษัทบริวารมากด้วย จะทำยังไงดีถึงจะได้ เพราะถ้าเข้าใกล้ก็ตายลูกเดียว พยายามแอบไปตอนที่ช้างเผลอ คือว่า รู้ว่าช้างตนนี้มายืนพักตรงนี้เป็นประจำ ตนเองก็ไปขุดเป็นหลุม แล้วตนเองก็ไปอยู่ข้างในนั้นแหละ มีธนูอาบน้ำพิษไว้ แล้วก็เอาหญ้าปกไว้ ช้างนั้นก็ เมื่อถึงเวลาจะพักก็มายืนตรงนั้น นายพรานนี่ก็ยิงช้างด้วยธนู ช้างนั้นมีความเจ็บปวด รู้ว่าข้างล่างต้องมีคนทำร้ายแน่ แต่เป็นช้างโพธิสัตว์ ก็ไม่ทำร้าย เรียกตัวออกมา ปรากฏว่านายพรานออกมา ช้างก็ถามว่าต้องการอะไร บอกต้องการงา ต้องการงา นายสั่งให้เอางาไป จะให้รางวัลอย่างงาม

ช้างพระโพธิสัตว์นั้น ยอมให้นายพรานนั้นเลื่อยตัดงาของตน ทั้งที่เจ็บปวดแสนสาหัส ตัดงาแล้วงามันหนัก นายพรานนั้นจะกลับไปสู่ถิ่นของตนก็ไปไม่ถูก เพราะมันหลงป่า ช้างพระโพธิสัตว์นั้นก็ช่วยยกงานั้นใส่บรรทุกบนหลัง แล้วก็ยกนายพรานนั้นขึ้นไปนั่งข้างบนคอช้าง พาไปส่ง

นี่ พระมหาโพธิสัตว์น่ะ ให้ทุกอย่างแก่บุคคลที่ต้องการ เป็นทานปรมัตถบารมี เพื่อพระโพธิญาณ แต่ปรากฏว่านายพรานนั้น ต่อมาภายหลังก็คือ เจ้าชายเทวทัต เป็นน้องชายของพระนางพิมพายโสธรา ซึ่งเป็นพระมเหสีของพระมหาโพธิสัตว์เจ้า ที่มาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะนั้นเอง แล้วภายหลังเมื่อพระมหาโพธิสัตว์เจ้าออกบวช จนบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็เจ้าชายท่านนี้ก็มาขอบวชด้วย คือเทวทัตนั่น ก็ตามผจญพระพุทธเจ้ามานี่ไม่ใช่ภพชาติเดียวนะ นับภพนับชาติไม่ถ้วน แม้กระทั่งพระชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้า ก็ยังติดตามมาล้างมาผลาญกันอยู่ คือพระเทวทัต

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ให้ทานในบุคคลที่ไม่ควรให้ นะ ผู้ใดให้ทานในบุคคลที่ไม่ควรให้ ผู้นั้นเมื่อประสบความทุกข์หรือความเสื่อม ย่อมไม่ได้สหาย กลายเป็นศัตรูไปเสียก็มี และเพราะเหตุนั้น พระพุทธองค์จึงตรัสว่า คนอกตัญญูน่ะ แม้จะยกแผ่นดินให้ทั้งแผ่นดินก็ไม่พอใจ ดั่งเช่นพระเทวทัตนี่แหละ นี่แหละจึงตรัสคำนี้ เพราะฉะนั้นจำไว้

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสอีกว่า

“วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ”

การเลือกให้ อันพระสุคตเจ้าทรงสรรเสริญ

นี่ ตรัสคำนี้หมายความว่า จงรู้จักเลือกให้บุคคลที่ควรให้ อย่างนี้

ทีนี้ ถ้าจะถามว่า “เราสมควรจะให้หรือเปล่า” คำตอบก็มีอยู่ในพระพุทธดำรัสแล้ว

แล้วถามต่อไปว่า “จะทำให้เราเป็นบาปไหม ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่ง ที่ผลักดันให้เขาไม่ประกอบอาชีพ แต่บางครั้งเราไม่ทราบ” ข้อนั้นอย่าไปคิด ถ้าเราปรารถนาจะทำบุญทำไปเลย ไม่เป็นไร เพราะอานิสงส์ได้อยู่แล้ว คือ ได้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ นี่รวม ๕ อย่าง เฉพาะคนทุศีล ประเภทเหล่านี้ ที่จัดเป็นขบวนการ นี่ประเภททุศีล ประเภทนี้แม้เราให้ทานก็ยังได้อานิสงส์ ๑,๐๐๐ อัตภาพ แต่ละข้อ ๕ ข้อ ก็เป็น ๕,๐๐๐ เท่า แต่ว่า มีผลอยู่ว่า ผู้ใดให้ทานบุคคลที่ไม่ควรให้ ยามมีความทุกข์เดือดร้อนไม่ได้สหาย คือไม่ได้คนช่วยเหลือ อย่างจริงใจ นะ อันนี้ก็ขอให้เข้าใจ แต่ไม่ได้เป็นโทษอะไร.

_______________

เทศนาธรรมจาก

พระเทพญาณมงคล

หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล

วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

อ.ดำเนินสะดวก

จ.ราชบุรี

_______________

ที่มาจากเทศนาธรรมตอบปัญหาธรรมปฏิบัติ

“เวบมงคลธรรม”

_______________

เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.

แชร์เลย

Comments

comments

Share: