การให้พรและการรับพรในช่วงปีใหม่ เพื่อให้ได้ผลดี ควรปฏิบัติอย่างไร

– การให้พรและการรับพรในช่วงปีใหม่ เพื่อให้ได้ผลดี ควรปฏิบัติอย่างไร.

💎 ในตอนที่จะเปลี่ยนศักราช เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีนะท่าน ต่อให้เธอไปเดินรับพรจากใครน่ะ ร้อยคนให้ยาวเหยียด หรือเป็นพันคนน่ะ ก็ไม่เท่าท่านมาปฏิบัตินี้เพียงกระพริบตาเดียว

เพราะพรก็คือเจตนาดีต่อกัน ก็ลมปาก เจตนาดีต่อ แต่อ้ายคนรับพรเนี่ย อ้าว เอาตั้งแต่คนให้พรดีกว่า ถ้าคนให้พรเนี่ยกินเหล้าเมายา หรือว่าอะไรๆที่มันผิดศีลผิดธรรม ตัวเองก็ไม่มีพรอยู่แล้ว ไม่มีความประเสริฐ ให้อะไรใครก็ไม่ได้ เพียงแต่เป็นกิริยาเท่านั้นเอง

แต่คนให้พรแล้วก็มีผลดีเนี่ย ก็คือคนที่มีศีลมีธรรม เขามีคุณความดี มีความประเสริฐในตน แล้วก็ให้ ถ้าให้อย่างนี้มันถึง แต่ถึงแล้ว อ้ายคนรับ ก็จะต้องรู้จักรับเหมือนกัน รับคือรับไปปฏิบัติในคุณความดีมันถึงจะได้ผล

เพราะฉะนั้น คนมีศีลมีธรรม มีพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา อย่างโยมเนี่ย ให้พรใครไปน่ะ ใจก็เจตนาให้ไปปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วย แต่เห็นเขาปฏิบัติไม่ดีให้พรก็สอนไปในตัวเสร็จ เขารู้ตัวกลับตัวกลับใจมาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงได้รับผลของพรนั้น

แต่ถ้าให้พรไปแล้ว เดินสะบัดตูด ไม่รู้ล่ะ เดินสะบัดตัวพรึดออกไป ไม่มีอะไรล่ะ เออ รับ สวัสดี ก็อาจจะได้นิดนึง เส้นผมตัดหม่นๆ แต่แล้วไม่ได้ทำความดี จะไปเอาพรที่ไหนล่ะ เพราะพรมันเกิดจากตัวเอง คนอื่นเขาชี้ทางให้ ตัวปฏิบัติตามเขาเนี่ย เขาถึงจะมีพร แล้วก็ถึงให้พรเรา ปฏิบัติตามเขาอย่างน้อยก็เท่าตามสมควรที่เราพอปฏิบัติได้ พรถึงจะมีผล นี่ เป็นอย่างนี้

เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายมาเนี่ย โอ้โห้! ดีที่สุดเลย ถึงใครไม่มาก็ตั้งใจศึกษาสัมมาปฏิบัติที่บ้านก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาอย่างนี้ถือศีล ๘ โอโห้! ดีประเสริฐเลย ใช่ไหม ถือศีล ๘ นี่มันปิดอบายภูมิเลย

นี่ท่านปฏิบัตินี่ จิตท่านสงบไปๆ จิตใจผ่องใสด้วยบุญกุศลเนี่ย กาย เวทนา จิต ธรรม ของท่านนี่ผ่องใสกันหมด เห็นหรือไม่เห็นก็ผ่องใสตามระดับภูมิธรรม แต่การเห็นหรือไม่เห็นอยู่ที่ว่าใจสงบนิ่ง เป็นเอตคัตตา หนึ่งเดียว ผ่องใสยิ่งขึ้นจากกิเลสนิวรณ์ ธาตุ ๑๘ ณ ภายใน จะเปลี่ยนสภาพเป็นทิพจักษุ ทิพโสต ให้สามารถเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม ในตัวเองได้ แล้วก็พัฒนาตัวเองให้สูงขึ้นๆ แล้วก็สามารถเห็นภพภูมิคนอื่นได้ด้วย

แต่ว่าที่ดีสุดก็คือเห็นที่ตัวเรานี่แหละ ทำให้มันดีเข้าไว้ แล้วคุณความดีที่ท่านทำนี่แหละ มันจะแก่กล้าเป็นบารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี ไปตามลำดับ นี่ เป็นอย่างนี้

เพราะฉะนั้น ทานกุศล เป็นต้นนี่ หลวงตาหรือหลวงป๋าหรืออาตมาก็แล้วแต่ ให้ท่านใช้ปัญญา ไม่ชักนำอย่างอื่นล่ะ ให้ท่านใช้ปัญญา ถ้าชักนำอย่างเดียว อู้ววว!! เกิดชาติใดหนใดขอให้มันมโหราฬเลย รวยไม่รู้เรื่องเลยเอ้า มหาสาร เพียงเท่านี้นะ ถ้าปัญญาไม่เกิด อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตาไม่เกิด ไปหลงติดอยู่ในทรัพย์นั่นน่ะ โอโห! ไวเลยทีนี้ ตายแล้วก็ง่าย อุปาทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพชาติ ชรา มรณะ ทุกข์ ต่อให้รวยเท่าไหร่ มโหราฬเท่าไหร่ ถ้าขาดปัญญาปุ้บ หมดเลย หมดสภาพเลย ได้สุขแค่นั้นน่ะหน่อยเดียว

ทีนี้ ถ้ามันมีปัญญาด้วย ประกอบกันนี่ มันอยู่ด้วยความสันติสุข ท่านเข้าใจไหม ไม่ใช่โลกียสุขหรือกามสุข ไม่ใช่

สันติสุข สุขด้วยความสงบ ผ่องใส อ้ายนี่ล่ะไปไกลเลยทีเดียว นำไปสู่มรรคผลนิพพานเลย บารมีจะแก่กล้าไปเรื่อยๆ เข้าใจนะ

นี่แหละ ที่มานี่ประเสริฐแล้ว นะ ใครก็ได้ ไปอยู่ปฏิบัติที่ไหน หรือแม้แต่ที่บ้าน ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ใช้ได้หมดเลย แต่ถ้ามาวัดนี่มันแน่นอน มาวัดที่เขาสอนให้ปฏิบัติ มันแน่นอน แต่ถ้าไปเฉยๆ ก็ไปนอนคร้อกฟี้ๆก็ไม่ได้เรื่องอีกเหมือนกันล่ะ ดีไม่ดีไปนั่งนินทากันอยู่อีกต่างหาก หรือแทนที่ใจจะสงบที่ไหนได้ ฟุ้งซ่านหนักเข้าไปกว่าเก่าอีกทีนี้

เพราะฉะนั้น อันนี้ก็ต้อง ไอ้ครั้นบอกว่าจะให้เลือกที่ไป ก็จะบอกว่าเดี๋ยวยังงั้นก็เลือกไปวัดหลวงพ่อสดฯ ไม่ได้โฆษณานะ บอกตรงๆ มีปัญญาก็คิดเอาเองใช่หรือไม่ใช่ ถ้าไม่เชื่อก็แล้วไป เพราะว่าเราแค่บอกทางเท่านั้น พระพุทธเจ้าท่านก็ทำได้เท่านี้แหละ แต่ท่านมีฤทธิ์มีอำนาจมากกว่าเราหลายร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า แสนเท่า ใช่ไหม ของเราก็ได้บอกแค่นี้ นี่ เพราะฉะนั้น นี่จะต้องอนุโมทนากับญาติโยมทั้งหลาย.

______________

เทศนาธรรมจาก

พระเทพญาณมงคล

หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล

วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

อ.ดำเนินสะดวก

จ.ราชบุรี

______________

ที่มา

เทศนาธรรมเรื่อง

“การปฏิบัติธรรมคือพรอันประเสริฐ”

______________

เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.

แชร์เลย

Comments

comments

Share: