กิมเซ้งเพื่อนรัก โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
ผมเป็นคนที่โชคดีอยู่อย่างหนึ่ง คือจะได้อยู่ใกล้ชิดหรือมีเพื่อนที่ได้หูทิพย์ตาทิพย์ตั้งแต่ยังเด็กๆ เลยจนมาถึงทุกวันนี้ กิมเซ้งเป็นคนมีหูทิพย์ตาทิพย์และเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่ตอนที่ผมอายุราวๆ 13 ปี กิมเซ้งเป็นเด็กหนุ่มชาวจีนที่มีรูปร่างแข็งแรงเพราะวันๆ เขาก็จะต้องทำหน้าที่ช่วยที่บ้านขนข้าวสารที่คนมาซื้อไปส่ง เพราะบ้านของเขาเปิดเป็นร้านขายข้าวสารและของปรุงอาหารอยู่ที่ตลาดโบ๊เบ๊ เขาจึงเป็นคนมีรูปร่างบึกบึนแข็งแรง ส่วนผมนั้นเป็นเด็กเรียนความแข็งแกร่งของร่างกายสู้กิมเซ้งไม่ได้เลย
ที่บ้านของกิมเซ้งเป็นคนจีนแท้ๆ ดังนั้นจึงให้กิมเซ้งได้เรียนภาษาจีนเพื่อใช้ในการสื่อสารค้าขาย แล้วก็ออกมาทำงานช่วยที่บ้าน เขาจึงเขียนอ่านภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อที่บ้านไม่ส่งเสริมให้เรียนหนังสือต่อ เขาจึงค้นคว้าอ่านหนังสือด้วยตัวเองในห้องของเขาจึงเต็มไปด้วยตำราจีนเกี่ยวกับศาสนา การนั่งสมาธิ ตำราโหราศาสตร์และตำราจับยามสามตาของจีน จึงเป็นเด็กหนุ่มที่แปลกไปจากคนอื่นๆ อย่างชัดเจน เมื่อว่างจากการงานก็ชอบนั่งสมาธิแบบจีน สวดมนต์ตลอดเวลาที่ว่างคือนั่งบ่นเป็นทำนองสวดภาษาจีนอยู่ตลอดเวลา หน้าตากิมเซ้งจะยิ้มน้อยๆ อยู่เสมอไม่เคยเห็นแกโกรธเคืองเรื่องอะไรเลย
ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าไปรู้จักกิมเซ้งตอนไหน เพราะสมัยเด็กๆ เราก็มักจะมีเพื่อนสนิทในโรงเรียนหรือแถวบ้าน แต่กับกิมเซ้งนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาซ้ำที่บ้านก็ยังอยู่ห่างกันอีกด้วย แต่ก็แปลกตรงที่เราสองคนมีความรักและสนิทกันยิ่งกว่าเพื่อนที่โรงเรียนเสียอีก ต่างก็ไปมาหาสู่กันที่บ้านเป็นประจำ เรื่องที่คุยกันก็มักจะเป็นเรื่องการนั่งสมาธิและศาสนา อาตมายังจำได้ถึงวันที่เราสองคนเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปกราบหลวงปู่สิมวัดถ้ำผาปล่องที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน เอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปขึ้นรถทัวร์แล้วไปกราบหลวงปู่สิมขอนอนค้างคืนเพื่อปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สิมที่ถ้ำผาปล่อง 5-7 วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กอายุขนาดนั้นเขาไม่ทำกัน
เวลาไปไหนแล้วได้พบเจอเหตุการณ์แปลกๆ ก็จะได้กิมเซ้งนี่แหละคอยบอกว่ามันเป็นเพราะอะไร ไปตรงไหนจะมีอะไรให้ต้องคอยระวังเพราะแกมีญาณรู้เห็นคอยบอกเป็นฉากๆ เจอพระองค์ไหนแกก็จะบอกว่าท่านมีรัศมีสีอะไร องค์ไหนเป็นพระอรหันต์แกรู้หมดเพราะรัศมีของพระอรหันต์จะสว่างออกมาเป็นสีทอง เวลาที่หลวงปู่สิมท่านสอดญาณเข้ามาดูว่าไอ้เด็กหนุ่ม 2 คนที่มาอยู่วัดกำลังทำอะไรกันอยู่ เจ้ากิมเซ้งก็จะรู้ทันทีแล้วรีบบอกให้ผมนั่งสมาธิเพื่อไม่ให้โดนหลวงปู่ดุ แกบอกว่าเวลาหลวงปู่สิมสอดญาณมาดูพวกเราจะเห็นเป็นลำแสงสีทองเป็นลำเหมือนสปอตไลท์ส่องตรงมาจากกุฏิของหลวงปู่ ไม่ว่าหลวงปู่จะส่องญาณมาตอนไหนแกจะบอกตลอด
ส่วนเหตุการณ์ในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง พอถามแกปั๊บแกก็จะเอานิ้วมือขึ้นมานับ กระดิกน้ำมือไปมาเพียงไม่นานแกก็จะบอกได้หมด เป็นวิชาจับยามสามตาของจีน ซึ่งที่เห็นมีผู้ที่ใช้วิชานี้ก็จะมีรูปที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โตเอานิ้วมือขึ้นมานับเพื่อการทำนายทายทักเช่นกัน กิมเซ้งอยู่เป็นเพื่อนผมเพียงไม่กี่ปีก็ตายด้วยอุบัติเหตุรถชนขณะไปส่งของที่ร้าน ผมรู้สึกเองว่าพวกที่เป็นเทพพรหมที่หนีลงมาเกิดเพื่อเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์นั้น คนพวกนี้จะมีอายุเพียงไม่กี่ปีก็จะต้องตายเพื่อกลับไปสวรรค์ จะไม่มีใครที่จะอยู่ได้นานๆ ผมตั้งใจว่าหากได้ธรรมกายวันไหนก็จะขอขึ้นไปเพื่อเยี่ยมเยียนกิมเซ้งสักหน่อย
รูปดอกบัวที่นำมาลงนี้เป็นรูปที่กิมเซ้งเขาเขียนให้ผมในวันแรกที่ได้พบเจอกัน แกเล่าว่าพอแกกลับไปถึงบ้านแล้วนั่งสมาธิกำหนดจิตถึงผมก็ปรากฏภาพดอกบัวบานเหนือน้ำนี้ขึ้นมา แกจึงวาดภาพนี้ด้วยดินสอสีแล้วส่งไปรษณีย์มาให้ผมดู พร้อมกับเขียนมาในจดหมายว่า “นี่คือรูปของคุณ คุณคือดอกบัวดอกนี้” (รูปนี้เป็นรูปแทนรูปของจริงที่ไม่รู้ว่าเก็บเอาไว้ตรงไหนแล้ว แต่รูปจริงก็ลักษณะแบบนี้)