……. ช่วงหลังจากที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านได้ร่ำเรียนวิชาจากพ่อปู่ฤาษีที่ภูเขาควายแล้ว ท่านข้ามโขงกลับมายังฝั่งไทย พบสถานที่ที่ท่านเคยบำเพ็ญบารมีโพธิสมภารในกาลก่อน สถานที่นั้นในปัจจุบันก็คือ วัดป่าสีดาฯ (บ้านฝายแตก)…จากนั้นไม่นานก็มีคนลาวชื่อ…ตาไพรวัลย์..ได้ติดตามข้ามมาฝั่งไทยเพื่อคอยอุปฐากพัดวีชงน้ำร้อนน้ำชาถวายหลวงปู่ อีกทั้งคอยดูแลทำความสะอาดสถานที่ในวัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้ก็ยังมีแม่ออกชื่อ “แม่สิบสอง” คนทั่วไปมักเรียกท่านว่าแม่สอง(มีนิ้วมือข้างละ6นิ้ว)..แม่สองผู้นี้เป็นผู้ที่ไม่ธรรมดามีภูมิจิตภูมิธรรมสูงผู้หนึ่ง ท่านเป็นใครมาจากไหนไม่มีใครรู้ เพราะหลวงปู่เองท่านก็ไม่บอก แม่สองผู้นี้เป็นผู้ที่เดินทางไปไป..มามาระหว่าง วัดป่าสีดาฯ กับ มิติเร้นลับที่ภูเขาควายอยู่เสมอ ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่งในการรับใช้หลวงปู่ก็ว่าได้ หลวงปู่มักจะกล่าวชื่นชมแม่สองคนนี้ให้ลูกหลานท่านฟังอยู่เสมอว่า…แม่สองชอบ แว๊บไป..แว๊บมา(ระหว่างโลกคู่ขนาน) ไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้นอกจากแม่สองเท่านั้น แม่สองท่านจะไปมาในช่วงวันโกนวันพระ และจะกลับมาอีกทีก็วันพระหน้า…ในช่วงนั้นเองคนทางหนองคายที่ได้ยินกิตติศัพท์อภินิหารของหลวงปู่ที่ขี่พญานาคข้ามโขง ก็มักจะเดินทางมาทำบุญที่วัดมิได้ขาด..และหนึ่งในนั้นก็คือคนชื่อ “องต๊วด”คนลาวเชื้อสายเวียดนามที่เข้ามาทำกินฝั่งไทย ขายเครื่องสังฆภัณฑ์ อยู่หลังวัดโพธิ์ชัยชื่อร้าน ..”โพธิ์ชัยสังฆภัณฑ์”…ก็เข้าๆออกๆวัดป่าสีดาฯเป็นประจำในช่วงนั้น แกชอบเรื่องเสี่ยงโชค ดังนั้นการมาของแกก็จะมาคอยเฝ้าดูอากัปกิริยาของหลวงปู่ทองทิพย์แล้วนำไปตีเป็นเลข การมาแต่ละครั้งแกก็จะนำสิ่งของต่างๆมาถวายรวมทั้งไก่ด้วย…เพราะหลวงปู่ท่านชอบเลี้ยงไก่(เหมือนหลวงปู่สรวง) แกมาบ่อยจนเห็นแม่สองข้ามไปฝั่งลาว อย่างไร้ร่องรอย เพื่อทำหน้าที่เป็นคนนำสารจากหลวงปู่ไปให้คนทางโน้น(ภูเขาควาย) แล้วก็กลับมาพร้อมจดหมายจากทางภูเขาควายฝากมาให้หลวงปู่ทองทิพย์เช่นกัน บางครั้งก็เป็นจดหมายจากปู่ฤาษีบ้าง บางครั้งก็เป็นจดหมายจากปู่ทวดฝากมาบ้าง…ในการไปของแม่สองแต่ละครั้งจะไปในช่วง วันโกน วันพระ แกจะเข้าไปในกุฏิแล้วให้คนข้างนอกปิดหน้าต่าง ล็อกประตูห้อง จากนั้นแกก็จะสวดมนต์สักพักพอเสียงเงียบลง คนข้างนอกก็ไขกุญแจเปิดประตูออกก็ปรากฏว่าในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆไม่ปรากฏร่างของแม่สองเสียแล้ว ไม่ทราบว่าออกไปทางไหน และไปอย่างไร..และแกก็จะกลับมาอีกครั้งเมื่อถึงวันศีลหน้า ก็มาโผล่หน้าประตูวัดป่าแล้ว…สมดังคำหลวงปู่ที่ว่า “แม่สองนี้แว๊บไป แว๊บมาได้”…”และแม่สองเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ คนอื่นทำไม่ได้” คนแถวนั้นเขาเห็นกันจนชิน ถือเป็นเรื่องปกติ รวมทั้งองค์ต๊วด ด้วย แกจึงมีความคิดอยากจะได้ตะกรุดที่จารและเสกโดยปู่ฤาษีที่ถ้ำไว้ติดตัว พอถึงวันศีลแกจึงตระเตรียมแผ่นทองเหลืองตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วฝากแม่สองเพื่อขอปู่ใหญ่เมตตาทำตะกรุดให้ แม่สองเองท่านก็ยินดีพอวันศีลหน้าแม่สองท่านก็กลับมาโผล่หน้าประตูวัดเหมือนเช่นทุกครั้งพร้อมด้วยตะกรุดที่ม้วนจารเสกโดยปู่ฤาษี พอแม่สองเดินเข้ามาในวัด ในขณะนั้นมีลูกศิษย์หลวงปู่อยู่กันพร้อมหน้า มีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อ “ทิดคม” (เคยบวชเป็นสามเณรอุปฐากหลวงปู่)เกิดความคึกคะนองอยากจะลองยิงตะกรุดดูซิว่าจะแน่แค่ไหน? หลวงปู่ท่านก็นั่งอยู่ด้วย ส่วนองค์ต๊วดก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร ทิดคมจึงขออนุญาตหลวงปู่ขอลองยิง สักพักหลวงปู่ท่านก็พูดว่า…”จะยิงยังไงก็ไม่ออกหรอก”…เมื่อหลวงปู่ท่านเอ่ยดังนั้น ทิดคมก็ไม่รอช้านำตะกรุดดอกเล็กร้อยเชือกไปผูกกับคอหมาในวัด..สับไกทันทีอย่างไม่ยั้ง เสียงดัง…แชะ…แชะ…แชะ(ครั้งที่สี่ไม่กล้ายิง) หยุดเลย..เท่านั้นแหละคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งคนในวัดนอกวัดต่างพากันเข้ามาขอตะกรุดกับองค์ต๊วดทันที แกก็เมตตาแจกให้คนเหล่านั้น สมจริงดังคำหลวงปู่ท่านว่าไม่มีผิด..”ยิงยังไงก็ไม่ออก” หลวงปู่ทองทิพย์นี้ท่านปากประกาศิตมาก คำไหนก็คำนั้น…ผมจึงขอย้ำคำพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ภายหน้าอันไม่ไกลจากนี้ ที่ท่านเคยพูดว่า …จะมีสงครามนิวเคลียร์ และโลกจะมืดสามวันเจ็ดวันเตรียมเทียนไขเอาไว้เยอะๆ…และใครมีวัตถุมงคลของท่านนิวเคลียร์ก็ไม่ได้กิน ใครมีของท่านรับประกันว่าไม่ตายโหงอย่างแน่นอน นี่คือประกาศิตของหลวงปู่ครับ (จะช้าจะเร็วก็คงต้องเกิดอย่างแน่นอน)…คนที่พูดถึงไม่ว่าจะเป็น… องค์ต๊วดก็ดี ปัจจุบันแกยังมีชีวิตอยู่อายุราว85ปี ..อยู่ร้านโพธิ์ชัยสังฆภัณฑ์…ส่วนมือยิงชื่อ ทิดคม ก็ยังอยู่อายุในราว50ปี อยู่บ้านโคก อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย …สำหรับแม่สองและตาไพรวัลย์ ทั้งสองคนได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่ได้เผา ศพแม่สองนั้นบรรจุในสถูปเจดีย์เล็กๆข้างมณฑปพระแก้วในวัดป่าสีดาฯ…ส่วนศพตาไพรวัลย์หลวงปู่ฝังนอกวัดข้างกำแพง บริเวณต้นไผ่ที่มีสามกอ…ของดีอย่างแรกจากภูเขาควายที่กล่าวไปแล้วคือตะกรุดดอกเล็กที่จาร และเสกโดยพ่อปู่ฤาษีนะครับ…..ส่วนของดีอย่างที่สองจากภูเขาควายนั้นคือ…”ธาตุตาฤาษี” ตาฤาษีที่ว่าคือพระฤาษีดาบสที่ท่านบำเพ็ญตบะฌานฤทธิ์กับปู่ฤาษีที่ในถ้ำภูเขาควายแล้วท่านละสังขารอัฐิแปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุคล้ายก้อนหินสีน้ำตาล แต่ไม่ใช่หิน หากพิจารณาให้ดีแล้วจะเกิดเป็นเม็ดธาตุเล็กๆสีขาวขุ่นบ้าง สีดำบ้าง สีน้ำผึ้งบ้าง ผุดออกจากเนื้อในหินปรากฏให้เห็น บางลูกก็ปรากฏคล้ายเส้นเลือดเหมือนเส้นเลือดของคนเรา บางก้อนจะเห็นเนื้อในหินเป็นสีดำคล้ายขี้เถ้าครับ พระธาตุฤาษีที่ว่าจะอยู่กองรวมกันบริเวณแท่นหินสถานที่บำเพ็ญเพียรของปู่ฤาษี สรรพคุณไว้ทำน้ำมนต์ไล่คุณผี คุณไสยได้สารพัด ไว้อาบกินก็เป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง หากเจริญกรรมฐานกำไว้ในมือพลังจากหินธาตุฤาษีก็จะส่งพลังออกมาเสริมปรับธาตุให้จิตเข้าถึงสมาธิโดยง่าย ยิ่งใครที่ชอบเรื่องฝึกกสิณด้วยแล้วถือว่าเข้าทางเลยครับ…. ช่วงใกล้ปีใหม่ที่จะถึง ผมจึงนำ”ของดีจากภูเขาควาย”มาแบ่งปันให้เพื่อนๆครับ..ของดีทั้งสองอย่างที่ว่าใช่ว่าจะหากันได้โดยง่าย ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสโชควาสนา สำหรับท่านที่เห็นคุณค่าในสายนี้ครับ…ของมีน้อย จึงนำมาแบ่งได้แค่นี้นะครับ…….ตะกรุดดอกเล็ก ยาว3 ซม. พร้อมก้อนธาตุฤาษี 1 ก้อน 1599 (พร้อมส่ง)มีจำนวน 16 ดอก……ตะกรุดสาริกา ยาว 1 ซม.ครึ่ง พร้อมก้อนธาตุฤาษี 1ก้อน 1299(พร้อมส่ง) มีจำนวน7 ดอก.. หมายเหตุ…หากก้อนธาตุฤาษีก้อนเล็กผน่อยผมจะให้ไ 2 ก้อนครับ …ตามนี้นะครับ