คดขนุนทองคำวัดหลวงพ่อสด โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)

คดขนุนทองคำวัดหลวงพ่อสด โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
คด ก็คือธาตุกายสิทธิ์ของขลังชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คดมีมาช้านานแต่โบราณแล้ว นิยมพกติดตัวเพื่อป้องกันอันตรายโดยเฉพาะเป็นมหาอุด นักรบโบราณต่างไขว่คว้าหาคดอย่างใดอย่างหนึ่งติดตัว เพื่อให้สามารถรอดชีวิตกลับมาจากการศึกสงคราม ถ้าคดไม่ดีจริงไม่มีอานุภาพจริงคงไม่มีผู้แสวงหามาจนทุกวันนี้
คดนั้นเชื่อกันว่า เกิดขึ้นได้ก็เพราะมีกายสิทธิ์เข้าไปอาศัยอยู่ในพืชหรือสัตว์จนทำให้พืชหรือ สัตว์นั้นกลายเป็นหิน ไม่เหมือนกับฟอสซิลนะครับคนละแบบกัน ฟอสซิลนั้นเกิดเพราะพืชหรือสัตว์ที่ตายแล้วอยู่ในดินเป็นเวลานานนับร้อยนับ พันปี ผ่านการทับถมของดินและมีสภาพแวดล้อมอุณหภูมิพอเหมาะจนเกิดเป็นหินฟอสซิลขึ้น มา แต่คดนั้นเกิดได้เพราะกายสิทธิ์เขาลงไปครองพืชหรือสัตว์นั้นจนเกิดเป็นหิน ขึ้นมา และไม่ได้เกิดเฉพาะพืชหรือสัตว์ที่อยู่ใต้ดินตามที่บางท่านเข้าใจ คดมีอานุภาพมากน้อยตามแต่บารมีของกายสิทธิ์ที่ลงมาครองในคดนั้นนั่นเอง
คดที่คนนิยมมากที่สุดก็คือ “คดขนุน” เพราะมีขนาดพอเหมาะและชื่อดีคือชื่อว่าขนุนหรือการหนุนชีวิต หนุนฐานะ หนุนดวงของผู้เป็นเจ้าของ เกิดพบในลูกขนุน คือเมื่อกินเนื้อขนุนแล้วพบว่าเมล็ดขนุนนั้นแข็งเป็นหินมีสีน้ำตาล ที่สำคัญมีน้ำหนักมากกว่าเมล็ดขนุนธรรมดา ถ้าเป็นสีน้ำตาลเข้มอมแดงก็เรียกว่าคดขนุนทองแดง เนื่องจากสีของมันดูเหมือนสีของทองแดงแต่ไม่ใช่เป็นโลหะทองแดง ถ้าเป็นสีดำก็เรียกว่าคดขนุนทองดำ ทั้งนี้ยังไม่เคยปรากฏว่ามีคดขนุนที่เป็นเนื้อโลหะจริงๆ เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้เลย ครั้งนี้ ยุคของเรานี้ พ.ศ.นี้ จึงเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่เกิดคดขนุนโลหะทองคำ (เทพประทาน) ขึ้นมาในโลก
ถ้าถามผมว่าตอนนี้ของศักดิ์สิทธิ์ หรือของขลังประเภทกายสิทธิ์อะไรมีพลังอิทธิคุณหรืออานุภาพแรงมากที่สุด ผมขอตอบเลยว่า “คดขนุนทองคำ” ที่เกิดขึ้นเองในวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เพราะตั้งแต่ผมได้มีประสบการณ์ในการสัมผัสพลังพุทธคุณอิทธิคุณของพระเครื่อง และของกายสิทธิ์ต่างๆ เช่น คดขนุน (หิน) คดไม้สัก คดไม้ตะเคียน คดปลวก คดไม้งิ้วดำ คดตัวต่อ คดทับทิม คดหอย คดตับหิน คดสมองปลา คดดีปลา ฯลฯ ไม่มีพลังของคดใดจะแรงสู้คดขนุนทองคำได้เลย พลังของคดขนุนทองคำจัดอยู่ในระดับ A+ ซึ่งถือเป็นระดับสูงที่สุด ความแรงในระดับนี้ก็น่าจะมีเพียงเหล็กไหลชั้นหนึ่งโกฏิปีสีเขียวปีกแมลงทับ เท่านั้น ที่จะมีพลังใกล้เคียงในระดับเดียวกันกับคดขนุนทองคำ ส่วนคดแบบอื่นๆ ยังนับว่าห่างกับคดขนุนทองคำมาก
คดขนุนทองคำ (เทพประทาน) นี้จึงเป็นสุดยอดของคด เป็นหนึ่งไม่มีสอง
ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินมาว่า มีผู้เอาคดขนุนทองคำนี้ไปลองยิงแล้วยิงไม่ออก ไม่ใช่ยิงด้วยปืนธรรมดานะครับ แต่เป็นปืนเอ็ม 16 ข่าวที่ได้มานี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้เพราะเขาแอบเอาไปลองยิงกัน แต่ผมก็ได้เคยเจอตัวคนยิงผู้นั้นและได้ถามโดยตรงกับผู้ที่เอาไปลองยิง เขาก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เขาเล่าว่าพอยิงชุดแรกไม่ออก ก็เอากระสุนชุดใหม่แกะกล่องกันเลยใส่เข้าไปใหม่แล้วยิงซ้ำก็ยังยิงไม่ออกอีก แต่เมื่อเอากระสุนที่ยิงไม่ออกนั้นยิงขึ้นฟ้าก็ออกทุกนัด โดยเอาไปลองยิงกันที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก (แต่ผู้ที่เอาไปทดลองยิงก็ถูกท่านพระวิษณุกรรมเอาโทษ ต้องขอขมาลาโทษยกใหญ่จึงบรรเทาลงได้) หรือข่าวตอนที่เกิดคดขนุนทองคำนี้ขึ้นมาใหม่ๆ ผู้ที่ได้ไปในชุดแรกๆ ก็ไปโดนยิงที่สำเพ็ง ปรากฏว่ายิงไม่ออกจึงรอดตายมาได้
ล่าสุดก็ในการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีทั้งสไนเปอร์ และหัวลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 ถูกยิงตกลงมาหลังเวทีผู้ชุมนุมแต่กลับไม่ระเบิดซักลูก รอดตายกันแบบปาฏิหาริย์จนเป็นข่าวออกทางสื่อมวลชน ซึ่งหนึ่งในผู้ชุมนุมนั้นก็ได้นำคดขนุนทองคำนี้พกติดตัวไปด้วยนั่นเอง เขาเหล่านั้นจึงเอามาเล่าให้ฟังด้วยความตื้นตันใจที่รอดชีวิตกลับมาได้
ทำไมคดขนุนทองคำนี้ จึงศักดิ์สิทธิ์และมีพลังอิทธิคุณแรงมากในระดับ A+ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ผ่านการปลุกเสกใดๆ ทางวัดหลวงพ่อสดฯ เอง ก็ไม่ได้สร้างหรือทำคดขนุนทองคำนี้ขึ้นมา แต่เพราะคดขนุนทองคำนี้ถูกปรุงหรือทำขึ้นจากท่านจอมเทพผู้ปกครองเหล่าเทวดา หรือที่เราเรียกท่านกันว่า “พระอินทร์” นั่นเอง ทำไมผมถึงได้ทราบว่าเป็นของท่านพระอินทร์สร้าง ผมไม่ได้รู้เองหรอกครับ ผมทราบเพราะตอนที่ผมได้สัมผัสพลังของคดขนุนทองคำในครั้งแรก ผมก็รู้สึกประทับใจและแปลกใจที่พลังของเขาหนักแน่น-รุนแรง-และว่องไวมาก ไม่เหมือนคดอื่นๆ ที่เคยสัมผัสมา คือใช้คดขนุนทองคำแล้วไม่จำเป็นต้องใช้คดอื่นๆ อีกเลย จึงได้สืบและสอบถามจากท่านผู้มีญาณทัศนะที่ไว้ใจได้ ก็ได้ทราบว่าผู้ที่สร้างก็คือท่านพระอินทร์นั่นเอง สำหรับคดชนิดอื่นๆ อาจสำเร็จด้วยฤทธิ์อำนาจของเหล่าพญานาค พญาครุฑ หรือเทพอื่นๆ ฯลฯ
ท่านพระอินทร์จอมเทพ ได้มีเทวราชโองการมอบหมายให้สร้างคดขนุนทองคำนี้แก่ท่านพระวิษณุกรรม ท่านพระวิษณุกรรมจึงได้ประกาศแจ้งเทวราชโองการนี้แก่เหล่าเทพยดาทั้งหลาย มีท่านพระสุริยเทพและท่านพระจันทิมเทพ (จันทราเทพ) พร้อมบริวาร เป็นต้น ให้ได้มีส่วนร่วมในเทวราชโองการที่สำคัญนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างก็เพื่อให้เป็นทุนช่วยทางวัดหลวงพ่อสดฯ ก่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ ให้สำเร็จเสร็จสิ้นโดยเร็วนั่นเอง
ทั้งนี้ก็เพราะท่านพระอินทร์คงจะทราบด้วยญาณทัศนะของท่านว่า ทางวัดหลวงพ่อสดฯ ได้ใช้งบประมาณในการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ไปถึง 100 กว่าล้านบาทแล้ว เงินทุนในการสร้างก็ร่อยหรอลงไปมาก จนอาจทำให้การก่อสร้างพระมหาเจดีย์เกิดการสะดุดลงได้ ท่านพระอินทร์ซึ่งท่านเองก็เป็นพระอริยะบุคคลในระดับพระโสดาบัน ตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาล และยังทรงเป็นผู้อธิษฐานค้ำจุนพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้มีเมตตาช่วยเหลือโดยการปรุงธาตุกายสิทธิ์คดขนุนทองคำให้แก่วัด หลวงพ่อสดฯ เพื่อมอบเป็นของที่ระลึกให้แก่ผู้ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ และเฉพาะในช่วงนี้ก็จะมอบให้แก่ผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ รายละ 100,000 บาท (ผมได้มาตอนแรกต้องทำบุญถึง 300,000 บาท) ท่านจะมอบคดขนุนทองคำให้รายละ 1 เม็ด
นอกจากนั้น (ผมคิดเอาเอง) อาจเป็นเพราะท่านพระอินทร์จอมเทพพระองค์นี้ มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์เป็นพี่น้องหรือเป็นสหายกับท่านเจ้าอาวาส วัดหลวงพ่อสด พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล) ในอดีตชาติใดชาติหนึ่งที่ผ่านๆ มาก็เป็นได้ เพราะเคยมีแม่ชีผู้เจริญภาวนาวิชชาธรรมกายท่านหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งสามารถสื่อสัมผัสกับท่านพระอินทร์ได้ ก็เคยมาเล่าให้ฟังว่าทุกครั้งที่ท่านพระอินทร์พูดถึงท่านเจ้าอาวาสวัดหลวง พ่อสดฯ ท่านจะเรียกว่า “พระน้อง” เสมอ
ปัจจุบันเชื่อกันว่าท่านพระอินทร์ พระวิษณุกรรม พระสุริยเทพ และพระจันทิมเทพ ต่างก็ได้บรรลุคุณธรรมสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลในระดับพระอนาคามี หรือในระดับที่สูงกว่าเมื่อครั้งพุทธกาลที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ ชีพอยู่
ไม่ใช่แต่เพียงแม่ชีท่านนี้เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แม้แต่พระลูกวัดของวัดหลวงพ่อสดฯ องค์หนึ่งที่มีหน้าที่จัดการดูแลรักษาคดขนุนทองคำและทองชมพูนุท ก็ยืนยันในเรื่องนี้ เพราะท่านมีหน้าที่ดูแลคดขนุน ท่านจึงได้มีโอกาสพบกับท่านพระอินทร์และพระวิษณุกรรมหลายครั้งหลายโอกาส และทุกครั้งที่ท่านพระอินทร์จะฝากเรื่องหรือพูดถึงท่านเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อ สดฯ ท่านก็จะเอ่ยถึงในลักษณะที่มีความสนิทสนมเป็นพิเศษ เช่น “ท่านไม่ต้องไปห่วงเขาเลยองค์นี้ (บางทีท่านเรียก “พระอนุชา”) แต่อดีต (ชาติ) ท่านสร้างอะไรต่ออะไรมามากแล้ว ใหญ่กว่านี้ ยากกว่านี้ เช่น ….. ท่านก็สร้างมาแล้ว” เป็นต้น
นับว่าท่านพระอินทร์ ได้มีเมตตาและรักพระน้องชายของท่านองค์นี้มาก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม ท่านพระอินทร์องค์นี้ถึงเมตตาช่วยเหลือวัดหลวงพ่อสดฯ เป็นกรณีพิเศษ ทั้งยังได้สร้างและมอบของศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนาและของเทวโลก ไว้ให้กับวัดหลวงพ่อสดฯ อีกมากมายหลายอย่าง (ของที่เทวดาสร้างหรือเนรมิตขึ้นมา จะสวยและประณีตกว่าของที่มนุษย์สร้างมาก จนช่างที่ชำนาญงานมาเห็นเข้าก็จะบอกว่าไม่สามารถสร้างให้สวยและประณีตอย่าง ที่เทวดาท่านสร้างได้)
ในช่วงแรกที่ผม (อู๋) ได้คดขนุนทองคำมาก็ปรากฏว่ามีนิมิตฝัน เห็นเทวดาผู้รักษาคดขนุนทองคำมาปรากฏกาย ผมเห็นเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 15-16 ปี กำลังอยู่ในวัยหนุ่มแน่นทีเดียว หน้าตาหล่อเหลา ผิวขาว ผมดำ ท่าทางใจดี แต่งตัวด้วยชุดขาวเดินเข้ามาหาด้วยความยิ้มแย้ม เหมือนการมาแนะนำตัวทุกครั้งที่ผมได้ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้มาครอบครอง ซึ่งนับว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ถือว่ามีบารมีสูงที่สุดกว่าคดกายสิทธิ์ชนิดอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นกายสิทธิ์ของคดตัวต่อหิน (ลักษณะแข็งใสขุ่นเหมือนแก้ว) ที่ผมได้มาก่อนหน้านั้นก็มาปรากฏให้เห็นเช่นกัน โดยมาในร่างของเด็กชายแต่งตัวด้วยชุดขาวอายุประมาณ 9-10 ขวบ ผิวขาว ผมดำ น่ารัก ท่าทางค่อนข้างจะซุกซนทีเดียว ยังคงมีนิสัยชอบเที่ยวชอบเล่นแบบเด็กๆ เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว กายสิทธิ์ของคดขนุนทองคำ (เทพประทาน) น่าจะมีบารมี วัยวุฒิ และคุณวุฒิสูงกว่าคดชนิดอื่นๆ มาก แต่ถ้าเป็นคดหินโดยทั่วไปจะมาในร่างของเด็กน้อยอายุประมาณแค่ 6-7 ขวบเท่านั้น
และถ้าเปรียบเทียบกับเหล็กไหลแล้ว ผู้ที่มาปรากฏกายให้เห็นในนิมิตฝันจะเป็นท่านพระฤๅษีหนวดเครายาวสีขาว ผมยาว หน้าตาสงบเคร่งมีตบะน่าเกรงขาม บางองค์ยืนถือไม้เท้า บางองค์ก็นั่งเข้าฌานสงบนิ่ง มีทั้งแบบครองผ้าขาวและครองผ้าลายเสือ แล้วแต่ว่าท่านพระฤๅษีท่านนั้นจะครองผ้าอย่างไร บางท่านก็จะมาบอกถึงชื่อเสียงเรียงนาม เพื่อให้สามารถเรียกชื่อของท่านได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
ดังนั้นการใช้คดขนุนและเหล็กไหลจึงมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะคดขนุนเป็นกายสิทธิ์ที่ปรุงขึ้นโดยเทพยดาอริยบุคคลสร้างไว้ให้ เราจึงสามารถที่จะขอในเรื่องโชคลาภ การค้าขาย เมตตา มหาอุด ความสำเร็จในกิจการต่างๆ ทางโลกได้มากกว่า เพราะการที่เราจะไปขอเรื่องทางโลก กับท่านพระฤๅษีซึ่งมีตบะฌานบารมีแก่กล้าย่อมไม่เป็นการสมควร เพราะท่านจะชำนาญในเรื่องของการทำฌานบารมี ปฏิบัติสมาธิ ควบคุมดินฟ้าอากาศ ฟ้าฝน หรือการคุ้มครองป้องกันขับไล่สิ่งชั่ววิญญาณร้ายมากกว่า
คดขนุนทองคำเม็ดแรกพบโดยพระท่านหนึ่ง (พักอยู่ที่กุฏิหมายเลข 1) ในปีพ.ศ. 2550 ท่านเป็นพระลูกวัดหลวงพ่อสดฯ บวชที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. แต่มาปฏิบัติธรรมเข้าถึงธรรมกายที่วัดหลวงพ่อสดฯ ท่านจึงไม่ขอไปที่ไหนอีกแต่ขออยู่ทำงานช่วยวัดหลวงพ่อสดฯ เผยแพร่ธรรมะ ในขณะนั้นท่านรับหน้าที่ดูแลพระเถระที่เข้ามาอบรมพระกรรมฐาน ซึ่งทางวัดหลวงพ่อสดฯ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีๆ ละ 2 รุ่น คือ รุ่นกลางปี (1-14 พ.ค.) และรุ่นปลายปี (1-14 ธ.ค.) ท่านปักกลดอยู่บริเวณวิหารหลวงพ่อสด ซึ่งบริเวณนั้นเป็นป่าปลูกมีต้นไม้ใหญ่อยู่หลายต้นรวมทั้งต้นขนุนด้วย ท่านเล่าว่าขณะเดินพักผ่อนรอบกลดสังเกตเห็นขนุนลูกหนึ่งถูกสัตว์กัดตกอยู่ ที่พื้น ขนุนต้นนี้อยู่ข้างวิหารหลวงพ่อสดด้านทิศตะวันออก ตัวต้นอยู่ในแนวบันไดขึ้นวิหารด้านทิศตะวันออกเยื้องมาด้านหน้าเล็กน้อย แม้ขนุนลูกนั้นจะถูกสัตว์กัดจนร่วงลงมาแล้วก็ตาม ท่านคิดว่าเนื้อขนุนบางส่วนก็น่าจะยังพอฉันได้ ท่านจึงบอกให้สามเณรนำไปผ่าแกะดูแล้วนำมาถวายท่าน
ปรากฏว่ามีขนุนอยู่เมล็ดหนึ่งที่มีน้ำหนักผิดปกติ เมื่อแกะเนื้อออกมาดูก็ปรากฏว่าขนุนเมล็ดนั้นมีลักษณะแข็งเป็นหิน มีสีน้ำตาลอ่อน ที่เขาเรียกกันว่า “คดหิน” นั่นเอง ต่อมาก็มีขนุนตกลงมาอีก ท่านก็ให้สามเณรที่มาช่วยดูแลพระเถระด้วยกันนั้นนำขนุนผลนั้นมาแกะดู ปรากฏว่ามีขนุนอยู่เมล็ดหนึ่งมีน้ำหนักมาก สีเหลืองทองงดงามผิดไปจากเมล็ดขนุนทั่วไป มีความแข็งมาก เป็นคดขนุนโลหะสีเหลืองทอง ไม่ใช่คดหินเหมือนเม็ดแรก ขนุนทั้งลูกเป็นคดขนุนโลหะสีเหลืองทองเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น ท่านเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าโลหะนั้นเป็นอะไรกันแน่ จึงได้วานให้ลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งทำงานเกี่ยวกับเครื่องประดับจิวเวอรี่มี ร้านตั้งอยู่แถวถนนสีลม เอาไปให้ที่ร้านตรวจพิสูจน์ดู ปรากฏว่าที่ร้านอยากได้ขอซื้อในราคานับแสนบาท เขาบอกว่าคดขนุนที่ให้ไปตรวจดูนั้นเป็นทองคำมีเปอร์เซ็นต์ทองสูงถึง 85% หนักประมาณ 4 บาท ถ้าเรียกเป็นภาษาร้านทองก็ต้องบอกว่าเป็นทอง 20k (ทอง 24k เท่ากับทองคำ 99.99% ส่วนทอง 18k มีเปอร์เซ็นต์ทอง 75%) แต่ท่านไม่ยอมขายเพราะมีเพียงเม็ดเดียวและเป็นของกายสิทธิ์หายากไม่เคยพบมา ก่อน
ดังนั้นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด คดขนุนทองคำเทพประทานนี้จึงไม่ใช่ทองคำแท้ 100% แต่เป็นคดขนุนที่มีเนื้อทองผสมอยู่จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ท่านประทานมาให้ เพราะทางวัดเป็นเพียงแต่ผู้ได้รับมาจากท่านเทพเท่านั้น และต้องเข้าใจด้วยว่าคดนี้เทวดาท่านทำมาจากเมล็ดขนุนจริงๆ จึงต้องมีเนื้อของเมล็ดขนุนตามธรรมชาติผสมอยู่ไม่มากก็น้อย
ต่อมาท่านจึงได้นำคดขนุนทองคำเม็ดนั้นถวายแก่หลวงป๋า (ท่านเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดฯ) ซึ่งท่านนับถือเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของท่าน เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ท่าน เพราะหลวงป๋าคือผู้สอนผู้ชี้แนะการปฏิบัติจนท่านเข้าถึงธรรมกายได้นั่นเอง
เมื่อหลวงป๋าเห็นว่าคดขนุนเกิดขึ้นเองภายในวัด แสดงว่ากายสิทธิ์ที่ลงมาน่าจะยังมีอยู่อีก จึงได้ให้พระเณรลองดูที่ต้นอื่นๆ ภายในวัด ทั้งบริเวณป่ารอบโบสถ์และอาคารต่างๆ รวมถึงต้นขนุนที่อยู่หลังกุฏิของท่านเจ้าอาวาส ก็ปรากฏว่าที่ต้นอื่นก็พบคดขนุนทองคำเช่นกัน โดยมีทั้งที่เป็นทองคำธรรมดาและทองชมพูนุท (Pink Gold) เมื่อเอาไปให้ร้านทองตรวจสอบก็ปรากฏว่า คดขนุนแบบทองชมพูนุทมีเปอร์เซ็นต์ทองสูงกว่าคดขนุนทองคำเล็กน้อย โดยแบบทองชมพูนุทมีเปอร์เซ็นต์ทองสูงถึง 90% เทียบเท่ากับทอง 22k ทีเดียว
ดังนั้นคดขนุนทองคำที่เกิดขึ้นเองในวัดจึงมี 2 สีด้วยกัน คือสีทองคำและสีทองชมพูนุท มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันบ้าง ขนาดใหญ่สุดจะหนักประมาณ 5 บาท สำหรับคดขนุนทองชมพูนุทนั้น เมื่อสอบถามไปยังผู้ที่มีญาณทัศนะแล้วท่านบอกว่าเป็นกายสิทธิ์ของท่านพระ สุริยเทพ ซึ่งจะมีพลังอิทธิคุณออกไปในทางเข้มขลัง รุนแรง ว่องไว เรียกตามภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่าชอบออกทางแนวบู๊ มหาอุด ป้องกันภัยอันตราย และเกื้อหนุนหน้าที่การงาน
ส่วนคดขนุนทองคำสีเหลืองทองนั้นท่านว่าเป็นกายสิทธิ์ของท่านพระจันทิมเทพ (จันทราเทพ) พลังอิทธิคุณจะนุ่มนวลเยือกเย็นกว่าแบบทองชมพู ซึ่งเชื่อกันว่าอิทธิคุณจะเด่นออกไปทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และโภคทรัพย์ อย่างไรก็ตามคดทั้ง 2 แบบนี้ก็ถูกปรุงขึ้นตามเทวราชโองการของท่านพระอินทร์จอมเทพ จึงเชื่อว่าคดทั้ง 2 แบบต่างก็มีเทวฤทธิ์อิทธิคุณครอบคลุมรอบด้านตามเจตนาของท่านผู้สร้างอยู่ แล้ว เรียกว่าชอบแบบไหนก็เลือกใช้แบบนั้นทดแทนกันได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจหาต้นขนุนกันจนทั่วทั้งวัดแล้ว แม้จะได้คดขนุนทองคำมาเพิ่มก็ยังถือว่าน้อยมาก รวมๆ แล้วก็มีเพียงไม่กี่เม็ด จึงเกิดความคิดว่าน่าจะขอโอกาสต่อท่านพระอินทร์ ในการที่ทางวัดจะทำการรวบรวมเมล็ดขนุนไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อเร่งกระบวนการปรุงธาตุของเหล่าเทพยดา ในครั้งแรกที่จัดเตรียมเมล็ดขนุนไว้ก็ปรากฏว่าไม่ได้ผล ไม่ได้คดขนุนทองคำตามที่คาดหวัง ทั้งนี้เพราะยังเป็นการลองผิดลองถูก ยังไม่รู้ขั้นตอนที่เหมาะสมว่าควรจะจัดเตรียมอะไรบ้าง
ต่อมาภายหลังจึงรู้ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคดขนุนไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนไหนก็ตามจะต้องเป็นผู้ ที่มีศีลบริสุทธิ์ เมล็ดขนุนที่เตรียมไว้เพื่อการนี้จะต้องผ่านการพรมน้ำมนต์จากท่านเจ้าอาวาส เพื่อให้เกิดสิริมงคลก่อน หลังจากนั้นจึงอธิษฐานอัญเชิญท่านพระอินทร์จอมเทพพร้อมเหล่าเทพยดาทั้งหลาย มาทำการปรุงธาตุและอัญเชิญกายสิทธิ์ให้ลงในเมล็ดขนุนที่ได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งวันและเวลาที่ท่านพระอินทร์จะมาก็ต้องแล้วแต่ท่าน ส่วนทองคำที่จะต้องใช้มาลงในเนื้อของเมล็ดขนุน ก็ได้รับความเอื้อเฟื้อจากท่านท้าวเวสสุ-วรรณประทานมาให้
ผู้ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนนี้ท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อท่านพระอินทร์มาถึง บริเวณนั้นจะสว่างไสวเหมือนกับมีการเปิดสปอตไลท์หลายๆ ดวงพร้อมกัน ท่านมาด้วยเวชยันต์ราชรถโดยมีพระวิษณุกรรมเป็นสารถี ท่านพระอินทร์จะเป็นผู้มาอธิษฐานปรุงธาตุเป็นลำดับแรก ต่อมาก็เป็นท่านพระวิษณุกรรม โดยท่านจะเอามือทั้งสอง มาวางเหนือพานที่ใส่เมล็ดขนุนชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากนั้นประมาณ 1-2 อาทิตย์ น้ำหนักของเมล็ดขนุนจะเพิ่มมากขึ้นแสดงว่ากายสิทธิ์ได้เริ่มลงมาแล้ว แต่สำหรับผู้มีตาในแล้วจะรู้ได้ทันทีว่ากายสิทธิ์ลงมาแล้วหรือไม่ โดยถ้าเห็นว่ามีแสงรัศมีสีเหลืองทองอยู่รอบๆ ภาชนะที่ใส่เมล็ดขนุนก็แสดงว่ากายสิทธิ์เขาลงมาแล้วนั่นเอง
เมื่อน้ำหนักเมล็ดขนุนเพิ่มมากขึ้นจนถึงประมาณ 15-20 เท่าจากเดิม ก็แสดงว่ากายสิทธิ์ลงมาเต็มที่แล้ว หากเปิดภาชนะดูก็จะสามารถตรวจนับได้เลยว่าคดขนุนทองคำเกิดมีขึ้นสำเร็จแล้ว จำนวนกี่เม็ด โดยมากจะเป็นขึ้นมาไม่เกิน 30% ของจำนวนที่เตรียมไว้เท่านั้น บางครั้งก็ไม่เป็นเลย ทั้งนี้ก็เนื่องจากขั้นตอนการลงของกายสิทธิ์นั้น เราไม่สามารถไปกำหนดบังคับกะเกณฑ์ได้ คงต้องแล้วแต่ความเหมาะสมที่ท่านจอมเทพจะพิจารณา และขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเหล่ากายสิทธิ์นั้นๆ ที่ต้องการจะลงมาเพื่อช่วยพระศาสนา และสร้างบารมีร่วมกับผู้ที่จะได้เป็นเจ้าของคดนั้นนั่นเอง
แต่มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ทั้งคดขนุนสีทองคำและคดขนุนสีทองชมพูนุทมักจะเกิดในคราวเดียวกัน และมีจำนวนพอๆ กันอีกด้วย นับเป็นเรื่องที่แปลกมหัศจรรย์มาก
ในขั้นตอนที่กายสิทธิ์ลงแล้วนั้น เราจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เรียกว่าต้องดูแลประคบประหงมเป็นพิเศษ เปรียบเสมือนการดูแลรักษาทารกแรกเกิดให้เติบโตขึ้นมาทีละน้อยๆ หากเกิดการผิดพลาดเช่นทำภาชนะที่ใส่หลุดมือตกลงพื้น คดขนุนที่เห็นว่าเป็นทองคำแล้วนั้นก็จะอันตรธานกลายเป็นไอ หายไปต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว เหมือนกับการหุงปรอทหรือเหล็กไหลอย่างไรอย่างนั้น คือห้ามทำหล่นในขณะที่ขั้นตอนทุกอย่างยังไม่เสร็จสิ้นนั่นเอง สรุปแล้วกว่าจะได้คดขนุนมาแต่ละเม็ดต้องใช้เวลานานนับเดือน บางเดือนไม่ได้เลยก็มี
สำหรับคดขนุนแบบที่มีเยื่อหุ้ม (รก) ติดอยู่ยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้เยื่อขาดหรือหลุดออกจากเมล็ด การควบคุมอุณหภูมิ (ฟักในตู้เย็น) ป้องกันแสงสว่าง และควบคุมสภาพแวดล้อมจะต้องกระทำอย่างระมัดระวัง ซึ่งเทคนิคเคล็ดลับการดูแลในระยะต่างๆ มีขั้นตอนและรายละเอียดมาก
บางท่านที่ได้ไปก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ข้างในคดขนุนจะเป็นทองทั้งเมล็ดหรือไม่ หรือเป็นทองแต่เพียงเฉพาะผิวด้านนอกเท่านั้น เมื่อความสงสัยมีมากขึ้นๆ ก็เลยเอาเลื่อยมาผ่าคดขนุนที่ได้มานั้นดู ปรากฏว่าข้างในก็มีลักษณะตันทั้งเมล็ด บางรายลองเอาไปขัด-ฝนดูเนื้อใน ก็ปรากฏว่าสีสันข้างในก็เหมือนกันกับข้างนอกทุกประการ
สำหรับคนที่นำคดขนุนไปผ่าดูเนื้อใน ต่อมาไม่นานปรากฎว่านิ้วชี้ของท่านโดนใบเลื่อยยนต์ตัดนิ้วเกือบขาดเลยครับ หลวงป๋าท่านรู้ข่าวถึงกับสั่งห้ามทุกคนเอาไปพิสูจน์อีกเป็นอันขาด เพราะถ้าคนบุญไม่มากก็อาจถึงตายครับ เทวดานะครับไม่ใช่มนุษย์ ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก เขาตรงไปตรงมา ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ
ผมมีคดขนุนอยู่เม็ดหนึ่งเก็บไว้นานแล้ว ปรากฏว่าเยื่อหุ้มเขาเปลี่ยนเป็นผิวสีคล้ำดำไม่สวย ผมเลยไปให้พระท่านนำกลับไปทำพิธีใหม่ โดยขอให้ท่านพระวิษณุกรรมเอาเยื่อมาหุ้มคดให้ใหม่จะได้สวยๆ เชื่อไหมท่านก็มาทำให้ใหม่จริงๆ ซะด้วย แต่วันไปรับคดขนุนกลับมาโดนท่านฝากดุมาว่า “ไอ้อู๋นี่มันยุ่งจริงๆ มันถึงบวชยาก” 555 แต่คนอื่นอย่าไปทำอย่างผมนะครับ ดูรูปซิครับทำมาใหม่ซะสวยเลย
สรุปว่าคดขนุนทองคำที่เทวดาท่านสร้างนั้น ท่านสร้างไว้อย่างสมบูรณ์จริงแท้แน่นอนทุกประการ และขอท่านอื่นๆ อย่าได้เอาคดขนุนไปผ่าแบบนี้ หรือไปขัด-ฝนดูเนื้อในหรือเอาไปทดลองยิงอีกเลย พอเห็นหรือดูด้วยตาเปล่า ก็รู้ว่าเป็นของแท้อยู่แล้ว ก็ควรจะพอใจได้แล้ว เพราะการกระทำที่ไม่สมควรหรือลบหลู่แก่ธาตุกายสิทธิ์เทพประทานเช่นนี้ ก็ย่อมมีผลตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
การค้นพบคดขนุนทองคำที่วัดหลวงพ่อสดฯ ครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็นเรื่องมหามงคลอย่างยิ่ง เพราะนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและของโลก ที่เกิดคดขนุนธาตุกายสิทธิ์เทพประทานอันศักดิ์สิทธิ์สำคัญแบบนี้ขึ้นมา พวกเราซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน ก็น่าจะใช้โอกาสอันเป็นมงคลนี้ร่วมทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ กันอย่างพร้อมเพรียง มีมากก็ทำมากมีน้อยก็ทำน้อย และจะเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างเทพยดาและมนุษย์ ที่จะบำรุงรักษาค้ำชูพระพุทธศาสนา ให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงตราบนานเท่านานในแผ่นดินทองของพวกเราแห่งนี้
เรื่องเล่าจากผู้ที่ได้คดขนุนไปจาก : Facebook of Angie Sampoltong posted to WatLuangPhorSodh – ธันวาคม 2012
เทวดามาช่วยรักษา
มีเรื่องมาเล่าให้ฟังค่ะ พอดีได้โอกาสไปเยี่อมคุณพ่อของเพื่อนที่โรงพยาบาล คุณพ่อเค้าเป็นโรคมะเร็งระยะที่สอง รักษาสารพัดวิธี ใช้สารเคมีมาก เมื่อเดือนก่อนไปทีนึง ต้องใช้คำว่าอาการบางตายเพราะแก่มากแล้ว เพื่อนยังพูดว่าทำใจแล้ว แต่เพื่อนได้ไปทำบุญกับหลวงป๋า หลวงป๋าให้คดขนุนมา (แต่เราก็ไม่รู้ว่าเพื่อนได้เล่าอาการของพ่อให้ฟังหรือยัง) เพื่อนก็นำคดขนุนนั้นมาให้คุณพ่อสวมใส่ห้อยคอที่โรงพยาบาล อธิษฐานให้ช่วยรักษาตัวให้คุณพ่อหายไวๆ หรือไม่ก็ไม่ต้องทรมานมากนัก
เมื่อวานไปเยี่ยมมา ปรากฏว่าอาการดีขึ้นมาก สีหน้าผ่องใส คุณพ่อของเพื่อนยังเล่าว่า เห็นเทวดาหนุ่มๆ มาคอยดูแล มาดูแม้กระทั่งคอยจับเม็ดยาทีละเม็ดๆ ก่อนจะป้อนเข้าปาก โดยที่คนอื่นๆมองไม่เห็น มีแต่คุณพ่อที่ห้อยคตขนุนอยู่เห็นคนเดียว คุณหมอที่รักษายังว่า มะเร็งเหมือนแห้งไปเอง ไม่ต้องผ่าตัด จึงคุยกันว่า คตขุนุนมีอานุภาพรักษาสุขภาพด้วย เพราะแม่ของเพื่อนอีกคน ก็มีอาการปวดหลังบ่อย ห้อยคตขนุนแล้วหายปวดถาวรเช่นกัน
เห็นเทวดา
เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2556 ผมพบกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (คุณพูนศักดิ์ ทองใย) ที่วัดหลวงพ่อสด คุยเรื่องบุญกันหลายเรื่องก็วกกลับมาที่ใครพกอะไรมากันบ้าง ท่านนี้เล่าว่าท่านต้องเอาคดขนุนติดไว้ในกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา ท่านบอกว่ามีคดขนุนอยู่ด้วยแล้วอุ่นใจเพราะเวลาเดินทางไป
ไหนๆ โดยเฉพาะตอนขับรถคนเดียว มักจะมีคนชอบมาถามภายหลังว่าขับรถไปกับใคร เห็นชายหนุ่มแต่งชุดขาวนั่งคู่ไปกับท่านตลอดเลย ผู้ใหญ่ท่านนี้เล่าไปก็หัวเราะไปด้วยความสุขใจ เพราะผมเคยบอกท่านไปว่าในคดขนุนเขามีเทวดาหนุ่มรักษาอยู่ ท่านเลยดีใจทุกครั้งที่คนชอบมาถามว่า “ขับรถไปกับใคร เด็กหนุ่มๆ คนนั้นน่ะ”
ทำคดหล่นหายเทวดานำมาคืน
ทำคดขนุนทองคำ (วัดหลวงพ่อสด) หล่นหายท่านพระอินทร์นำกลับมาส่งคืน (บันทึกเมื่อ 5 พ.ย.58)
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณฐานเทพ ลิ้มสว่างวงศ์ ท่านได้เล่าเพื่อบันทึกไว้ดังนี้ (รูปคดขนุนทองคำที่เลี่ยมกรอบทองคือคดขนุนที่คุณฐานเทพทำหล่นหาย) ประสบการณ์ของทิดฐานเทพ ลิ้มสว่างวงศ์ เกี่ยวกับคดขนุนทองคำ มีดังนี้……
มีเรื่องจริงจะเล่าให้ฟังครับหลวงพี่ (พระมหาชัยนิพจน์) ผมทำคดขนุนทองคำหาย หายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ผมมั่นใจว่าหายนอกบ้าน เพราะผมห้อยไว้ที่กระเป๋าสะพายครับ!
ผ่านไปประมาณ 2 เดือน ผมฝันว่า มีพราหมณ์ชุดขาวมาบอกว่า “ท่านท้าวสักกะเทวราชไปเจอคดขนุนทองคำของท่านถูกมอไซด์รับจ้างเก็บได้ เค้ากำลังจะเอามาขายที่ร้านทอง (คือผมเลี่ยมทองแล้วยังฝังเพชรด้วยครับ!)
ท่านว่าตอนนี้ คดขนุนทองคำได้กลับมาวางอยู่ที่หน้าพระประธานที่บ้านผมเรียบร้อยแล้ว” ผมออกไปดูที่หน้าพระประธานที่บ้าน ก็ปรากฏว่ามีมาวางอยู่ตรงนั้นจริงๆ
ผมถามคนในบ้านว่า “มีใครเก็บคดขนุนทองคำของผมมาวางเอาไว้ตรงหน้าพระประธานมั้ย?” คำตอบคือไม่มีใครรู้เรื่องเลยครับ!
อัศจรรย์บารมีท่านท้าวสักกะโดยแท้ครับ……
ผมเคยพูดไว้หลายครั้งแล้วว่าคดขนุนทองคำของวัดหลวงพ่อสด คือคดอันดับหนึ่งที่มีอานุภาพสูงที่สุด เป็นของที่หาได้ยากก็เพราะมนุษย์ทำไม่ได้ เป็นของที่ท่านจอมเทพท้าวสักกะเทวราชสร้างให้เพื่อการสร้างพระมหาเจดีย์ ท่านจึงประทานคดขนุนนี้มาให้พวกเรา ซึ่งก็ไม่มีในที่อื่นเลยนอกจากที่วัดหลวงพ่อสดเท่านั้น คดนี้เป็นของกายสิทธิ์หนึ่งเดียวในโลก การเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในสิ่งที่ผมพูดครับ
คดขนุน
แชร์เลย

Comments

comments

Share: