ความเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ศุข

§ ความเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ศุข § โดย ฅนขลัง คลังวิชา
..บรมครูหลวงปู่เดินหน อิเกสาโร..
❀❀❀❀❀❀❀❀
ตอนที่ ๓
…………
¤ กราบลาพระอาจารย์ ¤
หลวงปู่ศุขศึกษาอยู่กับอาจารย์นานพอควร วันหนึ่งหลวงปู่อิเกสาโรบอกกับท่านว่า อันสรรพวิชาที่ได้เรียนรู้ไปก็พอควรแล้ว ท่านจึงมอบตำราให้หลวงปู่ศุขไว้เพื่อนำไปศึกษาต่อ แล้วสั่งให้หลวงปู่ศุขกลับคืนสู่สังคมสามัญอีกครั้ง ด้วยว่าวาสนาบารมีในการได้พบกันมีเพียงเท่านี้ ทราบว่าศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันมี หลวงพ่อเงิน พุทฺธโชติ วัดหิรัญญาราม (วัดบางคลาน) ท่านนี้เป็นศิษย์พี่ ส่วนศิษย์น้อง คือ หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพธิ์ สามรูปนี้ล้วนเป็นศิษย์ หลวงปู่อิเกสาโร เห็นได้ว่าหลวงปู่ศุขเคยแนะนำให้เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ไปขอต่อวิชาจากหลวงพ่อเงิน และยังบอกว่าหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับท่าน ภายหลังเสด็จในกรมฯ ยังเคยเดินทางไปกราบหลวงพ่อเดิม และได้ต่อวิชากับหลวงพ่อเดิมมาวิชาเดียว คือ วิชากำบังพล ซึ่งโอกาสหน้าจะนำเรื่องของคาถากำบังพลนี้มาลงให้ทราบกัน
…………
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
¤ เรื่องเล่าของตำราน่าอัศจรรย์ ¤
เกี่ยวกับตำราของหลวงปู่ศุขที่ได้รับมอบจากอาจารย์นี้ มีเรื่องเล่าน่าอัศจรรย์จากคำบอกเล่าของ พระใบฏีกาบุญยัง วัดหนองน้อย ศิษย์มือซ้ายของหลวงปู่ศุข ได้เล่าเกี่ยวกับตำราและแรงครูในสายวิชาวัดมะขามเฒ่า ให้หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ได้จดจำไว้จากคำบอกเล่าว่า หลวงปู่ศุขมีตำราเล่มครูอยู่เล่มหนึ่ง ตำรานี้ท่านเล่าว่าได้จากพระอาจารย์ของท่าน น่าแปลกที่ตำรานี้เมื่อเปิดดูเห็นมีหน้ากระดาษเปล่าอยู่มาก ตำรานี้หลวงปู่ศุขศึกษามาเรื่อยยังเรียนรู้ไม่จบตำรา เมื่อใดท่านเรียนวิชาในหน้ากระดาษจบในแต่ละบทแล้ว เมื่อถึงหน้ากระดาษเปล่าที่ไม่มีตัวอักษรเมื่อใด เมื่อนั้นท่านจะเข้าไปในโบสถ์เพื่อทำการเชิญครู ซึ่งครูเจ้าของตำราเล่มนี้เป็นพระผู้ทรงฤทธิ์มาก โดยหลวงปู่ศุขจะนำตำรามากางหน้ากระดาษเปล่าไว้ แล้วจัดอาสนะเปล่า (ที่นั่ง) ไว้ ส่วนตัวท่านจะนั่งสมาธิเชิญครูมา

ครู่หนึ่งจะเห็นมีสายรุ้งทะลุผ่านประตูโบสถ์เข้ามายังอาสนะเปล่า อึดใจต่อมาเห็นมีพระผู้เฒ่าเดินมาตามสายรุ้งมา แล้วนั่งลงที่อาสนะที่จัดรออยู่ เมื่อนั่งลงแล้วท่านจะใช้ฝ่ามือตบลงที่หน้ากระดาษเปล่าสามที ก็ปรากฏคาถาอาคมทั้งอักขระเลขยันต์เกิดขึ้นเต็มหน้ากระดาษ แล้วพระผู้เฒ่าก็หันกลับเดินไปตามสายรุ้ง หายวับออกจากโบสถ์ไป เรื่องนี้พระใบฏีกาบุญยังท่านยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่ แต่ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่าตำรานี้ หรือพระผู้เฒ่าผู้มากับสายรุ้งนี้เป็นหลวงปู่อิเกสาโรหรือไม่ ? เพราะหลวงปู่ศุขท่านไม่ได้บอกแก่ใคร ว่าตำราดังกล่าวท่านได้มาจากไหน ? ข้าพเจ้าเห็นเป็นเรื่องแปลกจึงรวบรวมมาเสนอ เพียงให้ศึกษาเท่านั้น ส่วนตำราจะเป็นของใครหรืออาจารย์ผู้เฒ่านั้นเป็นใครไม่อาจตอบได้
…………
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
¤ ที่มาของนามว่าเดินหน ¤
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องที่มาของนามว่า #หลวงปู่เดินหน ให้ทราบก่อนว่า ความจริงแล้วแต่เดิมเริ่มต้น ตั้งแต่ครั้งหลวงปู่เริ่มมาโปรดศิษย์ครั้งแรกเมื่อราวปี พ.ศ. ๒๔๙๓- ๒๔๙๔ เมื่อแรกท่านบอกนามเพียงว่า #อิเกสาโร ซึ่งศิษย์ในยุคแรกจะเรียกท่านว่าหลวงปู่หรือพ่อปู่อิเกสาโร ต่อมาในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เศษ ได้มีศิษย์ฅนหนึ่งชื่อนายตง เป็นฅนแล่เนื้อหมูขาย นายตงได้ติดตามอาจารย์สุวัฒน์มาที่วัดทุ่งสมอ เพราะต้องการพิสูจน์พูดง่าย ๆ ก็อยากมาลองของ เพื่อรู้ว่าหลวงปู่อิเกสาโรมีจริงไหม หรือเป็นเพียงการสร้างเรื่องหลอกลวงกัน นายตงมาถึงก็พูดจาลองดีอยากเห็นหลวงปู่มาแบบกายเนื้อ โดยไม่ต้องเข้าประทับทรงผ่านร่าง โดยท้าทายว่าหากหลวงปู่มาแบบกายเนื้อได้ ตนเองจะยอมทำทุกอย่างตามหลวงปู่ต้องการ แม้นขอชีวิตตนเองต้องตายก็ยอม ขอเพียงมาให้เห็นจริงด้วยตาเท่านั้นใช่หลับฝัน

¤ ปรากฏกายเนื้อให้ประจักษ์ ¤
คืนนั้นนายตงกับเพื่อนอีกราว ๒-๓ ฅน นอนพักอยู่ที่กุฏิไม้ด้านหลังกุฏิ พระอาจารย์เบี่ยง อุทโย อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งสมอ คืนนั้นนายตงนอนคุยกับเพื่อนจนดึก ปากแกก็ยังพูดท้ายทายว่าอยากเห็นจริง ๆ ว่าหลวงปู่หน้าตาเป็นอย่างไร หากมาจริง ๆ แกจะยอมนับถือไปจนวันตาย ขอมอบกายถวายชีวิตให้เลย หากมาได้จริง เวลาล่วงเลยมาจนดึก นายตงเล่าว่าแกเอนหลังลงนอน หูได้ยินเสียงนาฬิกาแขวนตีบอกเวลาห้าทุ่มได้ไม่นาน ช่วงกำลังเคลิ้ม ๆ ใกล้หลับ ในห้องนอนก็ไม่ได้มืดอะไร เพราะเปิดไฟหน้าห้องไว้สว่าง แสงด้านนอกส่องเข้ามาเห็นชัดไม่มืดมัว ช่วงกำลังเคลิ้มอยู่นั้นหูได้ยินเสียงประตูดัง แกร๊ก !! หางตาเห็นพระเดินเข้ามายังคิดว่าตัวฝัน

ความฝันต้องมาสลายพลันตื่น เมื่อพระที่เห็นท่านเดินเข้ามาใกล้แล้ว บรรจง ถีบ!! นายตง เข้าที่สีข้าง ร่างนายตงตกลงมาจากตั่งไม้ที่นอน เสียงดังโครม !! เพื่อนที่นอนอยู่ด้วย ๒-๓ ลุกพรวดตื่นหมดทุกฅน มีนายตงที่ตื่นแล้วตาสว่างที่สุด เพาะแกได้ยาดีจากหลวงปู่ ยานี้เป็นได้ทั้งยาไทยาเทศ เป็นยาที่โบราณใช้กระตุ้นประสาทก็ได้ ระงับประสาทก็ดี เรียกว่า #ปลาห้าหัว นายตงโดนยาดีเข้าไปตื่นตาสว่างทันที เมื่อนายตงตกลงไปที่พื้นห้องพระท่านก็เดินมานั่งลงบนตั่งไม้แทนที่นายตง พระท่านพูดกับนายตงเสียงฟังชัดเจนว่า ท่านคือ #หลวงปู่อิเกสาโร ท่านมีรูปร่างสูงใหญ่มาก ท่านนั่งเหยียดขายื่นมาทางนายตงแล้วพูดว่า

หลวงปู่ :
** เจ้าตงมานวดปู่ทีว่ะ ไหนเอ็งอยากเจอปู่ ๆ ก็มาให้เจอแล้วไง เอาสิเอ็งนวดปู่ดูทีว่า เนื้อปู่กับเนื้อมึงเหมือนกันไหม ? จะได้รู้ว่าปู่หลอกเอ็งหรือไม่ เอาสิเอ็งนวดตามใจเลยเอาให้มั่นใจ**

นายตงเล่าว่าตัวเองก็นวดหลวงปู่ตามทานสั่ง นวดไปก็เอามือหยิกตัวเองบ้าง หันมาบอกให้เพื่อนหยิกตัวบ้าง เพื่อนก็ช่วยกันนวดหลวงปู่ทุกฅน นวดไปก็จับเนื้อตัวเองดู ทำสลับกันไปหันไปมองหน้ากันไปมา จนรู้สึกมั่นใจเหลือเกินแล้วว่า #ทั้งหมดไม่ได้ฝันไป เพราะหากฝันคงเป็นฝันที่แปลกประหลาดที่มีเพื่อนร่วมฝัน และเป็นฝันที่ทั้งหมดไม่ยอมตื่นไปพร้อม ๆ กัน นายตงกับเพื่อนนวดหลวงปู่อยู่ราว ๑๐ นาที ท่านก็หันมาบอกว่า

#ปู่จะไปละนะ #ไอ้ตงไอ้ตัวดีเอ็งอย่าลืมคำพูดนะ #จากนี้เอ็งต้องบวชให้ปู่เอาแค่บวชเท่านี้พอเอ็งอย่าลืม

พูดจบหลวงปู่ก็ลุกขึ้นเดินทะลุข้างฝากุฏิไม้หายวับไป ทีนี้นายตงกับพวกต่างลุกขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย ต่างพร้อมใจกัน วิ่ง !!! หน้าตื่นไปหาอาจารย์สุวัฒน์ ที่เวลานั้นท่านพักอยู่กุฏิเดียวกับหลวงพ่อเบี่ยง นายตงทุบประตูส่งเสียงเอะอะปากแกก็พูดภาษาไทสำเนียงจีน แบบไม่ชัดคำแบบฅนจีนว่า

นายตง :
** อาจัง อาจัง ผะ ๆ ผะ ๆ ผง เจอผีหลวงปู่หลอก เมื่อกี้ลี้ ท่านมาหาผง ท่านถีบผงจนตกเตียง ตกลง ผงต้องบวชให้อาหลวงปู่ท่าน คัก พรุ่งนี้เลย อาจัง อาจังบวชให้ผมเลยนะ ไม่อย่างงั้นเดี๋ยวผีหลวงปู่มาหักคอผม **

หลวงพ่อเบี่ยงและอาจารย์สุวัฒน์เมื่อได้ฟังคำนายตงก็อดขำไม่ได้ จึงบอกไปว่า
**บวชพรุ่งนี้ไม่ทันหรอก ต้องเตรียมของและหัดสวดขานนาคก่อน สัก ๗ วันข้างหน้าค่อยบวช พรุ่งนี้นายตงไปบอกทางบ้านก่อนว่าจะบวช**
จากวันนั้นนายตงก็เล่าเรื่องหลวงปู่ท่านเดินทะลุข้างฝากุฏิให้ชาวบ้านฟัง ฅนเก่า ๆ เข้าก็ว่าแบบนี้โบราณเขาเรียก #เดินหน คือ เดินแล้วหายวับไปแบบผู้วิเศษ นายตงแกจำคำนี้ได้แม่น วันหนึ่งเมื่อหลวงปู่มาผ่านร่างอาจารย์สุวัฒน์ นายตงได้เข้ารายงายตัวว่ากำลังจะบวชถวายท่าน และได้ถือโอกาสนี้ถามท่านถึงคำว่า #เดินหน หลวงปู่ท่านจึงบอกย้อนกลับมาว่า ชาวป่าและชาวกะเหรี่ยงเขาก็มักเรียกท่านว่า #เดินหน เวลาเขาทำบุญหรือนึกถึงท่าน เขาไม่รู้นามท่าน พวกเขาก็ใช้นึกเรียกว่าท่านเดินหน, หลวงพ่อเดินหน, หลวงปู่เดินหน

แต่นั้นมาพวกศิษย์จึงขออนุญาตเรียก และเรียกนามท่านติดปากกันมาว่า #หลวงปู่เดินหน เมื่อนำมารวมกับนามเดิมของท่าน จึงเรียกชื่อเต็ม โดยนำคำมารวมกันเรียกนามท่านว่า #หลวงปู่เดินหน #อิเกสาโร นับแต่นั้นเป็นต้นมาตราบจนปัจจุบัน นอกจากนายตงผู้นี้แล้วไม่ปรากฏว่าหลวงปู่ไปแสดงฤทธิ์ โดยปรากฏกายเนื้อให้ศิษย์ฅนไหนพบเจอเช่นนายตงอีกเลย ถือว่านายตงผู้นี้มีโชควาสนามากที่ได้เห็น แต่นั้นมาหลังจากบวชถวายหลวงปู่แล้ว

ตลอดชีวิตของนายตงแกนับถือหลวงปู่เป็นอาจารย์ใหญ่มาตลอด ทุกปีในงานบุญใหญ่ประจำปี นายตงจะทำหน้าที่พ่อครัวหุงข้าวถวายพระและเลี้ยงฅนทุกปี ปัจจุบันนายตงถึงแก่กรรมไปแล้วนานปีด้วยโรคหัวใจ ทิ้งไว้แต่เรื่องราวอันนาอัศจรรย์ที่แกได้พบเห็นมาด้วยตาตนเอง ไม่ว่าวันเวลาผ่านไปกี่ปี นายตงคงยืนยันเช่นเดิมว่า #แกโดนหลวงปู่หนักมาในคืนนั้น และยืนยันว่าหลวงปู่ท่านมีตัวตนจริงแท้
…………
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
¤ สอบถามหลวงปู่ ¤
ในอดีตเคยมีศิษย์สอบถาม หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ถึงเรื่องหลวงปู่ศุข ผู้ถามเรื่องนี้มีหลายครั้งต่างวาระกัน เท่าที่จำได้เห็นมี คุณสมชาย กับ คุณอรุณ ลำเพ็ญ (ปรมาจารย์โหราศาสตร์ไท) ได้เคยถามหลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ว่าท่านมีความเกี่ยวเนื่องเป็นอาจารย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หรือไม่? เพราะโดยฤทธิ์ที่หลวงปู่แสดงหลาย ทั้งนามท่านก็มีความเหมือนกับอาจารย์หลวงปู่ศุข เมื่อศิษย์ถามเรื่องนี้ทุกครั้งหลวงปู่ท่านจะเงียบไม่ตอบ คือ ปกติวิสัยของพระโบราณเป็นที่ทราบกันว่า หากสิ่งใดใช่แต่หากว่าตอบไปจะเป็นการอวดตน หรือแสดงตนไปในทางที่ให้เขาคิดต่อยอดไปได้ท่านจะเงียบ

ส่วนอะไรที่ถามหากไม่ใช่ท่านจะปฏิเสธทันที เพื่อกันความเข้าใจผิด แต่คำถามใด้ท่านเงียบ คือ ไม่ตอบตกลงไม่รับแต่ไม่ปฏิเสธ แบบนี้เขาเรียกว่า #ดุษณีภาพ คือ อาการนั่งนิ่งแสดงถึงการยอมรับ อันเป็นการตอบรับแบบพระโบราณมาแต่สมัยพุทธกาล ทุกครั้งที่ถามเรื่องนี้หลวงปู่ท่านจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง แล้วท่านจะคุยเลี่ยงไปเรื่องอื่นเลย ทำให้พวกศิษย์คิดไปต่าง ๆ พวกที่มั่นใจแล้วก็ฟันธงเลยว่าใช่ บางพวกก็ว่าท่านไม่ได้รับเพราะท่านคงมีเหตุผล แต่ทั้งหมดสำหรับข้าพเจ้ามั่นใจมาตลอดว่าใช่ เวลาผ่านไปท่านอาจารย์สุวัฒน์ถึงแก่กรรมไปแล้วนานปี เรื่องนี้แม้นเชื่อว่าจริงแต่ก็ยังคาใจข้าพเจ้าอยู่
…………
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
¤ ได้รับการยืนยัน ¤
ต่อมาราวปี พ.ศ. ๒๕๔๐กว่า ข้าพเจ้าได้พบคุณประยูร วงศ์ผดุง ในวันสงกรานต์ที่บ้านพักท่านย่านลาดพร้าว หลายท่านอาจสงสัยว่าท่านนี้เป็นใคร ขอตอบว่าท่านผู้นี้ คือ หนึ่งในผู้สร้างตำนานพระพรหมเอราวัน เพราะท่านผู้นี้เป็นร่างทรงพระพรหมเอราวันมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อบ๋าวเอิง วัดญวนสะพานขาว และเป็นศิษย์หลวงปู่ด้วยเช่นกัน ในวันหน้าจะมาเล่าเรื่องราวของท่านผู้นี้ให้ฟังอีกครั้ง ซึ่งในวันสงกรานต์ปีนั้นข้าพเจ้าได้รับคำตอบจากท่านพระพรหมว่า หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ท่าน คือ พระอาจารย์ของหลวงปู่ศุขอย่างแท้จริงตามที่ทราบมานั่นเอง

ตกลงว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดเป็นความจริง หากคิดว่าคำพูดของท่านผู้นี้เพียงฅนเดียวทำไมข้าพเจ้าจึงเชื่อ เอาป็นว่าที่เชื่อเพราะข้าพเจ้าเคยเห็นว่า เมื่อพระพรหมมาผ่านร่างคุณประยูร ท่านสามารถใช้ไฟฉายชนิดที่เราใส่ถ่านเป็นก้อนนี้ ท่านใช้ไฟฉายจุดเทียนไขให้พวกข้าพเจ้าดูมาแล้วกับตา ที่สำคัญคำถามที่เพียงคิดจะถามแต่ในใจ พระพรหมท่านทราบและพูดคำตอบขึ้นมาก่อน โดยไม่ต้องเอ่ยปากถามเลย เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเชื่อทุกสิ่งที่ท่านพูดมาดังนี้

แชร์เลย

Comments

comments

Share: