คำของหลวงพ่อสด ห้ามแก้ของท่านแม้คำเดียว

อมตวัชรวจีหลวงป๋า 11 มกราคม 2020  · #อมตวัชรวจีหลวงป๋า

คำของหลวงพ่อสด ห้ามแก้ของท่านแม้คำเดียว
มีโทษยิ่งกว่าตกอเวจีมหานรกเสียอีก.
🙏 แต่ก่อน อาตมาเคยลังเลสงสัย ในคำเทศน์ของหลวงพ่อฯอยู่คำหนึ่ง ในหนังสือหลักสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานเบื้องต้น ที่ท่านแสดงไว้ว่า “ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นั้น ทางนี้ทางเดียว ไม่มีสองทาง เป็นเอกายนมรรค”
ตอนแรก อาตมานึกลังเลสงสัยว่า ถ้าว่าจะนำไปพิมพ์เผยแพร่ สมัยนั้นอาตมาเป็นกรรมการที่ปรึกษาในสภาสังคมสงเคราะห์ ก็คิดว่าจะนำหนังสือนี้ไปพิมพ์เผยแพร่ ก็เป็นห่วงกลัวว่าจะถูกเขาโจมตี ว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี่ จะเป็นทางนี้ทางเดียวได้อย่างไร
จึงได้ไปปรึกษา #หลวงพ่อพระภาวนาโกศลเถร ท่านบอกว่า “#อย่าไปแก้นะคำของหลวงพ่อ #แก้ของท่านแม้เพียงคำเดียวประเดี๋ยวเข้าเซพนะ”
“#เข้าเซพ” หมายถึงอะไร ประเดี๋ยวค่อยไปถามผู้ถึงธรรมกายแล้ว หรือปฏิบัติให้ถึงธรรมกายเอง ก็จะทราบว่า #มีโทษรุนแรงยิ่งกว่าตกอเวจีมหานรกอีก เพราะนี้เป็นคำจริง “ทางเดียวไม่มีสองทาง” ท่านว่าทางนั้นทางเดียว
เอ๊ะ! ถ้าอย่างนั้น คนอื่นเขาจะรู้สึกขัดข้องโจมตีว่า ถ้าอย่างนั้นคนอื่น สำนักอื่น ที่ปฏิบัติแบบอื่น ก็ปฏิบัติไม่ถึงนิพพานซิ
ความจริง ท่านพูดหมายความว่า ใครจะถึงนิพพานก็ต้องไปทางนี้ทางเดียว ต้องมาทางนี้ คือ ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อันเป็นที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิม เป็นที่ตั้งถาวรของใจ คือ ตรงศูนย์กลางกายนี่ เป็นที่เปลี่ยนวาระจิตเป็นประจำ
เพราะเป็นที่ตั้งของธาตุละเอียดของขันธ์ ๕ ..อายตนะ ๑๒ ..ธาตุ ๑๘ ..อินทรีย์ ๒๒ ..อริยสัจ ๔ ..ปฏิจจสมุปบาทธรรม ๑๒
เพราะฉะนั้น เมื่อจะบรรลุมรรคผลนิพพาน ใจของแต่ละกาย หรือรวมหมดทุกกายนั่นแหละถึงธรรมกาย ดวงเดิมจะตกศูนย์ ใจดวงใหม่จะลอยเด่นขึ้นมาตรงนี้ ใสสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป จนถึงธรรมกาย ตั้งแต่ธรรมกายโคตรภู ไปจนถึงธรรมกายมรรคผลนิพพานแต่ละระดับ ส่วนหยาบจะต้องตกศูนย์ตรงนี้ ส่วนละเอียดที่บริสุทธิ์ผ่องใสก็จะปรากฏขึ้นมาตรงนี้ จิตเกิดดับเปลี่ยนวาระจิตตรงนี้ วิญญาณดับและเข้ามรรคผลนิพพานก็เข้าตรงนี้จริงๆ
เมื่อท่านปฏิบัติถึงธรรมกายแล้ว ก็จะถึงบางอ้อว่า เออ! จะเข้าถึงธรรมกายนั้น ก็ต้องดับหยาบไปหาละเอียด หยุดในหยุดกลางของหยุดกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม ส่วนหยาบจะตกศูนย์ ส่วนละเอียดจะปรากฏขึ้นใหม่ ทับทวีไปอย่างนี้สุดละเอียดจนถึงธรรมกาย จนถึงธรรมกายมรรค ธรรมกายผล และธรรมกายนิพพาน ด้วยอาการอย่างนี้ตรงศูนย์กลางของกายในกาย กลางของกลางๆๆๆ ตรงกลางกำเนิดธาตุธรรมเดิมของแต่ละกายสุดกายหยาบกายละเอียด จนถึงธรรมกายมรรคผลนิพพานนี้เอง
จึงเป็น #เอกายนมรรค เพราะเป็นที่ตั้งของกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม อันเป็นธรรมในธรรมในส่วนโลกิยะ ไปจนสุดละเอียดถึงโลกุตตรธรรม สุดละเอียดเข้าไปก็คือธรรมกายที่จะบรรลุมรรคผลนิพพาน
ธรรมกายอริยมรรคก็จะตกศูนย์ ธรรมกายอริยผลก็จะปรากฏขึ้นใสสว่างตรงกลางของกลางๆๆๆตรงนั้น จากศูนย์กลางกายสุดหยาบ จนถึงศูนย์กลางกายสุดละเอียดนั่นเอง ส่วนหยาบเป็นมรรค ส่วนละเอียดเป็นผล มรรคและผลเกิดอย่างนี้ต่อๆไปจนสุดละเอียด จนถึงมรรคผลนิพพาน ตรงจุดศูนย์กลางกายแต่ละกาย สุดกายหยาบ กายละเอียด กลางของกลางๆๆๆ และดับหยาบไปหาละเอียดนี้เอง
แต่คนอื่นไม่รู้ไม่เห็นว่า ความเปลี่ยนแปลงวาระจิต หรือภูมิจิต ทุกอย่างเป็นที่ธาตุธรรม ไม่ใช่เป็นที่ภายนอก ไม่ใช่เป็นที่ใจของกายมนุษย์อย่างเดียว แต่ความบรรลุมรรคผลนิพพานนั้น ต้องเปลี่ยนวาระจิต คือ เลื่อนภูมิจิตจากกายโลกิยะ สุดหยาบคือมนุษย์ ไปจนสุดละเอียดของกายอรูปพรหม จนเมื่อวิญญานของอรูปพรหมดับ ความบรรลุมรรคผลนิพพาน จึงไปปรากฏเป็นที่ใจของกายธรรม เป็นธาตุธรรมที่ละเอียดที่บริสุทธิ์ นั่นแหละ เป็นธาตุธรรมที่บรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นที่ไหน? เป็นอยู่ที่กลางของกลางศูนย์กลางกายที่สุดละเอียดของกายมรรคผลนิพพานนั่นแหละ
ผู้ที่บรรลุอริยมรรคอริยผลในขั้นต่างๆ จะเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม ใจต้องเปลี่ยนวาระ เปลี่ยนภูมิจิตตรงนั้น เป็นที่อื่นไม่มี เพราะตรงนั้นเป็นที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิม เป็นที่ตั้งของกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม จากกายสุดหยาบถึงกายสุดละเอียด คือถึงพระนิพพาน ทั้งพระนิพพานธาตุ ผู้ทรงสภาวะนิพพาน และอายตนะนิพพาน ก็กลางของกลางตรงนั้น #พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอายตนะนิพพาน ว่า #หาที่ตั้งมิได้
เพราะเหตุนี้นี่แหละ คนที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตรงประเด็น ตามทางสายกลางอย่างนี้ ก็เลยไม่เห็นนรก ไม่เห็นสวรรค์ ไม่เห็นนิพพาน ตามที่เป็นจริง แต่ถ้าปฏิบัติตามทางสายกลางอย่างนี้ ก็จะสามารถเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นพระนิพพาน ตามที่เป็นจริงได้ แม้เห็นหมดทั้งจักรวาลตามที่อยู่ในคัมภีร์ ก็เห็นตามที่เป็นจริงได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นทิพย์ หรือสุดละเอียดไปจนถึงพรหมโลก หรือสุดละเอียดไปจนถึงอายตนะนิพพาน ก็เห็นได้ตามพระพุทธดำรัส
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติภาวนา ตามแนววิชชาธรรมกายนี้ ถ้าปฏิบัติไปในแนวนี้ ความสงสัยต่างๆจะค่อยๆหายไป ด้วยการเจริญปัญญาจากการที่ได้ทั้งเห็นและทั้งรู้ จนถึงที่สุดของผู้ที่บรรลุมรรคผลนิพพานตามระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้
เพราะแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องตามทางสายกลาง โดยทางปฏิบัติในกลางของกลางธาตุธรรมเห็น จำ คิด รู้ คือใจ ของพระโยคาวจรที่กำลังปฏิบัติอยู่นั้นนั่นแหละ ไปจนถึงผู้บรรลุมรรคผลนิพพานนั้น การเปลี่ยนวาระจิตหรือเลื่อนภูมิจิต ก็ตรงกลางของกลางๆๆ ตรงศูนย์กลางกายสุดกายหยาบกายละเอียด จนถึงธรรมกายมรรคผลนิพพาน และถึงอายตนะนิพพาน ก็ตรงนี้แหละ
ศูนย์กลางกายสุดกายละเอียดจนถึงธรรมกายมรรคผลนิพพาน ตรงนี้จึงเป็น #เอกายนมรรคเป็นทางเดียวไม่มีสองทาง ด้วยประการฉะนี้
ส่วนอาการภายนอกอย่างอื่นนั้น เป็นเรื่องของอาการภายนอก แต่การจะบรรลุมรรคผลนิพพานจริงๆนั้น บรรลุที่ธาตุธรรม ที่เห็น จำ คิด รู้ คือ ใจ ที่บริสุทธิ์ผ่องใสที่สุดละเอียด ไปจนถึงเป็นใจของกายธรรม เรียกว่า #ธรรมกาย นั่นความเป็นจริงทางปฏิบัติ และผลของการปฏิบัติเป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้น คำถามนี้ อาตมาจึงขอขยายความให้เห็นชัดเจนว่า #คำพูดของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำแต่ละคำนั้นมีค่าสูงที่สุด #ถ้าใครรู้จักพิจารณาและปฏิบัติไปตามแนวทางนี้ก็จะเห็นได้ชัดเจน หรืออย่างน้อยก็จะพอได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่า ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา


เทศนาธรรมจาก
พระเทพญาณมงคล
หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
อ.ดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี


ที่มา
หนังสือตอบปัญหาธรรมปฏิบัติ


เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.

แชร์เลย

Comments

comments

Share: