คำสอนหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ หลวงปู่ ฯ สอนเรื่องความเพียรให้แก่พระภิกษุ

นั่นก็ว่าผู้ใหญ่ ในหลวงภูมิพลน่ะ เสด็จย่าก็ตาม นั่นก็ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ใหญ่ดีแล้ว และก็เทียบเท่ากับว่าใหญ่แล้ว กับเรา เราที่ยังไม่ใหญ่ เป็นเด็กอยู่ เป็นลูกของเขาอยู่ … เหมือนกับว่า พ่อเราแม่เรา จะให้เด็กอยู่ในวัย ปี สองปีนั้น หรือสามปีนั้น ใหญ่ขึ้นมั๊ย ใหญ่ได้มั๊ย ใหญ่ไม่ได้ ถ้าหลงเขาอยู่ ถ้าไม่โต ถ้าเขาโตแล้วก็อาจจะเท่าโตเหมือนพ่อเหมือนแม่ แล้วแก่ก็ได้ อย่างนั้นแหละ คือแตกได้ งามได้ อย่างนั้นแหละอันนั้นก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความคิดของคน แผ่บุญแผ่กุศลไป ผู้น้อยแผ่ไปหาผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่แผ่ไปหาผู้น้อยแหละดีมาก อาจจะทั่วถึง เหมือนกับว่าเราหว่านข้าวเปลือก หรือปลูกข้าว หว่านกล้านั้น ไร่นาไร่นั้นน่ะ เราจะหว่านข้าวเปลือกขึ้น ดินอยู่ของเก่าบ่ได้ ต้องอาศัยหว่านรอบๆ หว่านรอบๆ มิฉะนั้นก็อาจจะเดินเข้าเดินลงไป ถ้าติดข้างนั้นข้างนี้ ก็อาจจะทั่วถึงกัน ก็มีอยู่ที่ ที่เดินไม่ได้ เปรียบประดุจก็ว่า หว่านข้าวไม่ทั่วถึง หรือพื้นที่ฉันใดก็ว่า บุคคลผู้น้อย ข้อย(ฉัน)มีกำลังน้อย จะมีกำลังในด้านไหนแล้วก็ตาม ด้านศีลธรรมบารมี คุณงามความดีนั้น กับเกิดขึ้นที่ใหญ่ไม่ได้ เกิดไม่ได้ ได้ยังไง เพิ่มเติมได้ เอาเป็นโพนแล้ว(พูนขึ้น) เอาดังปลวก จะเกาะที่เขาแห่ มีที่ให้เติบใหญ่เติบโตขึ้นได้ จะขนเอาขี้ดิน ตั้งหลาย แต่มีหลายตัว นั้นว่าโพนนั้นน่ะ มันเป็นโพนไปแล้ว เกี่ยวข้องได้ ไปทำก่อโพน อันนี้ได้ ตัวนั้นก็คายขี้ดินออกจากตัวนั้น ตัวนี้ก็คายขี้ดินออกจากตัวนี้ น้ำลายพร้อม น้ำลายของตัวปลวก นั้นมันเป็นมูลดิน แล้วก็เลยเป็นโพนขึ้นไป เพราะหลายๆ ตัวช่วยกัน อันนี้ก็เพื่อว่าเพิ่มเติมให้ ให้โพนให้ สิ่งที่ว่าโนน(เนิน)นั้นให้สูงขึ้นไป เหมือนกับว่าภูเขาปลวก เหมือนสูงเป็นภูเขานั้นสูงขึ้นมาก มันใหญ่มันโตขึ้นไปข้างหน้า อย่างเนี้ย เพราะมันถูกแสงพระอาทิตย์แผดเผา แต่คนเราจะโตนั้น โตได้ยังไง ก็ว่าจะพยายามที่ทำให้ดี ถ้าบวชอย่างนี้ก็ดี อาจจะผลิตกุศลไปก็ได้ เจ้ากรรมนายเวร สิ่งที่เป็นอุปการะ บุพการีบุคคล ที่ทำคุณมาก่อน มีบิดามารดานั้น อันนั้นเป็นใช้ได้ ปู่ย่าตายายของเรา ก็ได้แล้ว ถ้าเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรม คือคำสอนของพระองค์นั้น หรือพระอริยสงฆ์สาวก เป็นผู้ที่สาวก จะนำประพฤติและปฏิบัตินั้น หรือตรัสรู้ตามพระผู้มีพระภาค ได้รับมูลมรดกเป็นอรหันต์ เมื่อสาวกทั้งหญิงทั้งชายเหล่านั้น เป็นอรหันต์ แล้วก็อาจจะนำพระธรรมนั้นเป็นมรดก ที่จะนำเอาแจกจ่ายถึงที่ชาวโลก มีมนุษย์หรือเทวดาให้รับมรรคผล ภาคผล ภาคผลส่วนหนึ่งของประพฤติปฏิบัติตามธรรมคำสอนของพระองค์นั้น อันนั้นใช้ได้ เราจะเป็นบุพการีของบุคคล ของพระรัตนตรัยคือ มนุษย์และเทวดา คนที่จะประพฤติหรือนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า นอบน้อมถึงพระธรรม ถึงพระอริยสงฆ์สาวกอรหันต์ อันเนี้ย สาวกนั้นๆ ก็อาจจะส่วนหนึ่งว่า เป็นผู้สั่งสอนสรรพนิกรได้รับมรรคผล เป็นต้นว่า ความสุขหรือความเจริญ ในชีวิตหรือสร้างผลิตกุศลอานิสงส์ของเขาเขยิบขึ้นไป ถึงเป็นขั้นๆ ทีนี้ ก็พระสงฆ์นั้น เหมือนกับเรานี้ เป็นที่ภาคพื้น ภาคประพฤติและปฏิบัติ มีคำสอนได้มาเพิ่มเติม อาจจะแถลงหรือแจกจ่ายเรี่ยไร ไปถึงผู้ใหญ่ได้ ถึงพระอินทร์ ถึงพระพรหม ถึงพระยาทุกหมู่เหล่า ถึงผู้บรรพบุรุษ จะเป็นกษัตริย์ รัฐมนตรี เศรษฐีกะฎุมภีก็ได้ ถ้าหากว่าเขาตกทุกข์ได้ยาก เขาลำบากหรือไม่ลำบากก็ตาม ก็อาจได้เพราะว่ารู้มรรคผล หรือภาคผลประพฤติและปฏิบัติธรรม และทำให้เราได้รู้ธรรมเสียก่อน จนกว่าว่า ธรรมที่เราประพฤติและปฏิบัติคำสอนพระพุทธเจ้าได้ผลดี คือส่วนหนึ่งเป็นส่วนที่ว่า เป็นรสของพระธรรม ธรรมที่ทำตัวเราที่เป็นรสดี หรือในการที่ว่า รู้กระจ่างแจ้งถึงผู้น้อยผู้ใหญ่ สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกถ้วนหน้า อันอยู่ในขอบเขตข่ายของญาณนั้น แต่บุพเพกตาบุญญตา หรือวิชาการที่ว่า ปฐมฌาน รู้วิชชาจรณะสัมปันโน โลกะวิทู รู้แจ้งโลกซะก่อน รู้แจ้งโลกยังไง คือรู้ที่ว่า รู้บุพเพกตาบุญญตา ชาติปางก่อน หนหลังของตัวนั้นได้ผ่าน ระลึกชาติได้ดังนี้ จัดว่ารู้แจ้งในกาลอดีต ที่ผ่านมานั้นแปลว่า การระลึกชาติหนหลังได้ ทั้งชาติของตัวหรือชาติหมู่สัตว์ทั้งหลายทั่วไป อันนี้ก็ยังไม่ใช่ว่าขาดจากสมมติ ยังเป็นส่วนหนึ่งของรสพระสัทธรรมหรือการที่ว่า ผลการประพฤติปฏิบัติธรรม มาแต่อดีต หรือปัจจุบัน ปัจจุบันเวลานี้เราอาจจะได้ประพฤติและปฏิบัติ จะทำให้เคร่งครัดสามารถจะมา ทำความเพียรวิริยะให้พากเพียรยิ่งๆ ขึ้นไป จนความเพียรของเราจะอยู่ในการหมดจด ให้ถึงพร้อมด้วยปัญญา คำว่าปัญญาอาจจะสามารถ ที่จะตัดเสียซึ่ง ส่วนใดส่วนหนึ่ง ของวิบากหรือกรรม หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของ สิ่งที่ขวางหน้าอยู่ นั้นคือภัยอันตราย หรืออุบัติเหตุนั้นๆ หรือกิเลสนั้นๆ สิ่งที่เป็นที่น่ากลัว กิเลสน่ากลัวก็มี น่าย่าน(น่ากลัว)ก็มี น่าเกรงขามก็มี กิเลสนั้นๆ อันที่อาศัยว่า คนจะชนะได้เพราะปัญญา ความรอบรู้ ปัญญาเป็นอาวุธที่จะรบ คำว่ากิเลสนั้น อาจจะเป็นกระสุนอันหนึ่ง กระสุนของที่ว่า ตัวของมารจะมา รอนตัดมรรคผลเรา นั้นคืออะไรความชั่วมัวหมอง เราจะเอาตัวปัญญานั้นเข้าที่ เข้าไปกระชั้นชิด หรือรบต่อสู้เหมือนกับว่าชาติหนึ่ง ทหารอันจะรบต่อสู้หรือกระสุน ระเบิดของข้าศึกฝ่ายหนึ่ง ในการรบสมรภูมิ เพื่อเอาแพ้ชนะซึ่งกันและกัน ส่วนเราก็เหมือนกัน จะรบกิเลสหรือรบสิ่งที่ว่าไม่ดีนั้น จะใช้ปัญญาเป็นตัวกระสุน ถึงพร้อมด้วยความเพียรและขันติอย่างที่ว่าเฉียบขาด และไม่กลัวกระสุนของเขานั้น จะหลบกระสุนของเขาได้ดี หรือวิธีที่เราจะมายิง เป้าหมายให้ถูกส่วนในเป้าหมายของศัตรูที่อยู่นั้น ที่เป็นข้าศึกหรือชาติของเขา กองระเบิดบ้างหรือกองกระสุนของเขาบ้าง ที่เขาขนมาอันต่อสู้ในสมรภูมิ เพื่อเอาชัยชนะเรา เราก็เพื่อเอาชัยชนะเขานั้น ให้ได้ที ต่างคนต่างยังจะมีหวังชนะ เปรียบประดุจกับว่าเรารบกิเลส รบข้าศึก หวังจะทำที่ข้าศึกให้ฉิบหาย อัปราชัยไป พ่ายแพ้ไป ด้วยความกล้าหาญ วิชาการหรือความเพียรขันติ ถึงพร้อมด้วยปัญญาอันประเสริฐ ที่จะหลบกระสุนของศัตรูนี้ จนศัตรูนั้น ส่งสารมาว่า แม้กระสุนของเขายิ่งดี ทวีคูณอย่างที่ว่าอาจจะไม่รอดแห่งที่ว่าความตายในการรบ เขาที่จะผจญหรือกลัวย่าน วิ่งหนี หรือทิ้งกองศัตราวุธ อันจะไปซุกซ่อนหรือกลับ ไปถึงที่ ที่อยู่อาศัยของเขาหรือชาติภูมิลำเนาของเขาดังนี้ หรือถ้าเขาไม่ตายแล้วเขาก็ถือว่า อาจจะอยู่ในการที่ว่า แคล้วคลาด แห่งการมอดม้วยชีวา สามารถไม่ต่อต้านหรือต่อสู้ได้ เหมือนกับว่าบุคคลผู้ที่มีปัญญาถือประพฤติและปฏิบัติ ปฏิบัติที่เอารส หรือคุณงามความดีของธรรม มีธรรมะส่วนที่ว่า เป็นมรรคผล หรือเป็นผลอันดีเลิศ ของธรรมนั้น จะหาว่าสิ่งใดนั้น ไม่เหมือนกับธรรมสั่งสอนพระพุทธเจ้า อันเป็นรสหรือโอชารส กับบุคคลที่ได้รับลิ้มรส หรือที่อาจจะเป็นกำลังหรือปัญญาต่อสู้ ในฝ่ายข้าศึกต่อไป อันจะไม่หวั่นไหวในพระหฤทัย ของบุคคล ผู้ถือประพฤติและปฏิบัติสามารถสร้างศรัทธาและเจตนาดีในการที่ว่า ศรัทธาหรือ ปีติ อย่างที่ว่าใหญ่หลวงขึ้น อย่างไม่ท้อถอย นำปีติเพิ่มเติมขึ้นเหมือนกับว่า จะเพิ่มในการที่พลังให้ใหญ่ เป็นฐานทัพที่กระจายไปทั่วโลก หรือทั่วทุกทิศนั้นหมายถึงว่าคุณธรรม คุณธรรมของคนที่จะประพฤติปฏิบัตินั้นก็อาศัยความเพียร เพียรในการวิริยะ ในการต่อสู้ ในความชั่วไป อาจจะเป็นไฟ หรือกองเพลิงเผา สิ่งที่ว่าในการเชื้อเพลิงนั้น ๆ อาจจะเป็นของที่อะไรแล้วก็ตาม ไฟอาจจะเผาเรื่อยๆ ในการที่ไม่เหลือในเชื้อนั้นๆ เช่นว่าไม้แห้ง หรือไม้ตายทุกอย่าง ไฟจะเผาไปด้วยที่ว่า แม้ไม้ตายก็ตามเผาได้เพราะความร้อนมาก ความร้อนจัด เป็นไฟอันที่ดวงใหญ่นั้น หมายถึงว่าความเพียร พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า หรือในการที่ท่านบอกว่า
“ภิกขะเว ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอจงที่ใช้ความเพียร เป็นบทบาทที่จะสามารถ ต่อต้านกิเลสนั้นให้ไปให้หลุด ให้ถึงวิมุตติธรรม ที่ปัญญาจะพุ่งขึ้นเกิดตาม เป็นแสงสว่างให้ท่านได้รับ ในการที่ว่าสุกใส ในการเดินทาง หรือตลอด อันจะเรียกร้องหมู่เพื่อนสัตว์ทั้งหลาย เดินตามตัวไป เพื่ออาศัยแสงสว่างของตัวนั้นให้ดี แสงสว่างของตัวนั้นคือ สิ่งที่ว่าปัญญา หรือธรรม อันวิเศษ” ฉะนั้น ที่เราจะประพฤติและปฏิบัติ ที่ได้สร้างเจตนาหรือศรัทธาให้แก่กล้า ทำให้ปีติขึ้นยิ่งมากๆ ไป ปีตินั้นคือความเลื่อมใส เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เลื่อมใสในการที่ว่า พระพุทธหรือพระธรรม พระสงฆ์ หรืออะไรก็ตาม จะเลื่อมใสแต่เฉพาะหน้าการพระธรรมคำสอนแต่อย่างเดียว คำสอนพระองค์ว่าให้ทำอย่างนี้ คือเร่ง กรรมฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนว่ากรรมฐานนั้น อาจจะเห็นที่ว่า มีการเบื่ออย่างที่ว่า เราอาจจะอยู่ไม่ได้ เกิดไฟสิ่งที่ควรเบื่อหน่าย นิพพิทาเกิดขึ้นดังนี้ เห็นสิ่งนั้นๆ สังขารที่ปรุงอยู่ อันเป็นอย่างแต่ละอย่าง ขนก็ตาม เล็บก็ตาม ฟันก็ตาม หนังก็ตาม เนื้อก็ตาม กระดูกก็ตามนั้น ดังนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสมถกรรมฐาน เมื่อกรรมฐานเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว ก็อาจจะกลายเป็นวิปัสสนากรรมฐานขึ้น วิปัสสนากรรมฐานนั้นจะมองเห็นว่า ของไม่จริงไม่จังหรือแปรปรวนไป ของใช้ไม่ได้ หรือการที่ว่า เราจะชักช้าเสียเวลา จะทำให้สำเร็จดังจิตใจหวัง คือความปรารถนานั้นเอง แต่อย่าไหวในความปรารถนาก็แล้วกัน ถ้าถอนความปรารถนาแล้วก็แปลว่า ไม่ดีแล้ว การประพฤติปฏิบัติธรรม จะเป็นเพศไหน วัยไหนก็ตาม คฤหัสถ์ บรรพชิต ก็ตาม เพราะฉะนั้น เราเป็นบรรพชิต คิดดีแล้ว อันไม่ยุ่งอะไร ยุ่งในการที่ว่า จะประพฤติปฏิบัติเอามรรคผล เดินตามรอยองค์พระผู้มีพระภาคไป ให้ถึงจุดนั้นๆ จนกว่าจะเกิดผล ใช้ความเพียรไปจนเป็นอานิสงส์ว่าทุกเวลาไป วันนี้ก็วันหน้า วินาทีนี้ก็วินาทีหน้า นาทีนี้ก็นาทีหน้า ชั่วโมงนี้ก็ชั่วโมงหน้า เอาได้ไปดังนี้ ถือว่านั่นแหละเป็นส่วนหนึ่งว่าสร้างศรัทธาคือความเชื่อมั่นเข้า ไม่ขี้คร้าน ให้ศรัทธาของตัวนั้น มั่นหมายไป อันจะตัดห่วงบ่วงของมารนั้นๆ ให้กลายเกิดเป็นคนดี กลายเกิดเป็นผลดีขึ้น แก่บุคคลนั้น นั้นแหละบุคคลนั้นถือว่าคนมีบุญ มีบุญมีวาสนาแล้ว นั้นคือการประพฤติและปฏิบัติ ถ้าเราเรียนรู้แล้วถึงไม่ประพฤติปฏิบัติเอา ไม่ใช้แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร จะเป็นเหลือแต่เป็นคำพูดเฉยๆ เราจะเอาแต่สิ่งที่ว่า เอาคำพูดยังไงก็ถือประพฤติตามคำพูดอย่างนั้น เมื่อกายอยู่ยังไง กายต้องอะไร ต้องการกายอะไร จิตใจต้อง จิตใจเป็นตัวจิตยังไง จึงจะเป็นจิตสูง จิตสมบูรณ์ด้วยที่ยศลาภ ชนชั้นบริวาร จะมาที่ว่าเอาธรรมที่จิตที่แน่นอน จิตที่เป็นส่วนที่ว่าดียิ่งๆ จิตเป็นพระพุทธ ถึงพระพุทธ ก็จิตเป็นพระพุทธ ถึงพระธรรม จิตก็คงจะเป็นพระธรรม ถึงพระสงฆ์ จิตก็คงจะเป็นพระสงฆ์ดังนี้ นี่แหละ อาจจะรู้ดีในการที่วิถีจิตของเราที่เดินไป หรือปรารถนา ทำให้จิตตรงไปสู่ความปรารถนาดี นั้นคืออะไร เราปรารถนาอะไร ปัจจุบันนี้ หรือปัจจุบันหน้า หรืออนาคตหน้า เราที่ปรารถนาว่า อย่างนั้น ตรงไปเลย หมดชาตินี้ ก็ชาติหน้า ติดต่ออย่าง อย่างเดิม อย่างพระองค์นั้น หรือพระอริยะนั้นๆ ทุกพระองค์ ก็อยู่ในการว่าอย่างนั้น ทำต่อ ต่อไปอย่างนั้น ไม่มีท้อแท้ และไม่มีท้อถอย อันนี้แหละเป็นที่คุณ บุญบารมีของคน คือการประพฤติและปฏิบัติตนนั้นเอง ทำตนให้ถึงธรรม ไม่ถึงน้อยก็ให้ถึงมาก ไม่ถึงมากก็ให้ถึงน้อยดังนี้ แต่อย่าให้ที่ว่าวางเสียที่ เอาทรัพย์เป็นทางที่ปักหลัก สัจธรรมด้วยกาย วาจา จิตใจ ทรัพย์นั้นไม่ให้ลังเล ถ้าอยากเห็นตัวของตัวจริงนั้น นั่นแหละ ขอฝากไว้อย่างนี้ อย่างเดียว อย่าไปหลงใหลว่า นั้นๆ ทำอะไรก็เกิดนั้นๆ จะเป็นคนดียังไงเพราะธรรมเกิด ธรรมไม่เกิดนั้นก็ถือว่าไม่เป็นคนดี เกิดธรรมเกิดอาจจะเป็นคนที่ว่ารู้ คนรอบรู้ทุกสิ่งอย่างไป ในโลกจักรวาลนี้ อาจจะรอบรู้ไปได้ทั้งหมด ไม่มีปัญหาอะไร จะรอบรู้ทั้งตน หรือทั้งตัว รอบรู้ทั้งบุคคลผู้อื่น หรือสัตว์อื่น ว่าเขาจะเดินหรือไม่เดิน เขาจะไปหรือไม่ไป ด้วยเราก็รู้ ทำให้ตนที่รู้ตนไปเสียก่อน ถึงจะถึงธรรมอันประเสริฐ เพราะธรรมพระพุทธเจ้านี้ เป็นธรรมประเสริฐ ถ้าใครได้แล้ว อาจจะรู้ได้ ได้ยังไง ได้ด้วยกาย ด้วยจิตใจ ได้ด้วยวาจา ให้ถึงพร้อมเพรียงกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนี้ แต่จะแลกเอาญาณดวงประเสริฐ ญาณนั้นแปลว่าสิ่งที่รอบรู้ ญาณ ๑ ญาณ ๒ ญาณ ๓ ก็ตาม ญาณ ๔ ญาณ ๕ มันก็เป็นอย่างนี้แหละ อย่างเขาว่าจริงๆ (หัวเราะ) มันกัดกินเราไป ขอให้เราที่จะพากัน ถึงยังไงก็ดี พากันไปสร้างคุณงามความดี ที่ประพฤติและปฏิบัติ กลัวจะล่าช้า บวชกี่ปี อายุเท่าไหร่ อย่างนี้ ก็เราผ่านมา แต่อยากจะรู้แต่ว่าเด็กๆ อนาคตหน้า ดังพระองค์ของเรา พระพุทธเจ้าของเราปรารถนา พระองค์ปรารถนาไว้ ท่านนะ ท่านเป็นคฤหัสถ์ หรือเป็นผู้ใหญ่ เป็นกษัตริย์ รัฐมนตรีก็ตาม เป็นพระสงฆ์ สามเณร ผ้าขาว ดาบสก็ตาม ให้ปรารถนาว่า ถึงอนาคตหน้าหรือชาติหน้าขอให้ ที่จะปฏิสนธิก็ขอให้รู้ รู้ธรรมพระองค์นี้ รู้ธรรมพระพุทธเจ้า รู้แจ้ง แต่อยู่ในท้องของมารดาเถิด ครั้นผุดออกมาแล้วก็ให้รู้ ในการที่จะ ในการเดิน รู้ธรรมติดต่อในการที่เป็นผู้ของคนให้เป็นคนดี พระองค์ปรารถนาอย่างนี้ พระองค์ก็รู้ได้ดี ตราบที่ว่าเติบโต ทุกชาติ ทุกชาติไป
เนี่ย ขอให้เราที่ ผู้ฟังที่ปรารถนาอยากได้รู้ มันเดินไม่ได้ ถ้าไม่ได้ดี ไม่ดีนี่เดินไม่ได้ ถ้าเราคิด ทำไปอย่างนั้นแหละ ใครจะว่ายังไงก็ตาม ให้เราประพฤติและปฏิบัติธรรม เขาจะว่ายังไงก็ตาม ถ้าพวกหรือหมู่ ถ้าเป็นเพื่อนชอบกัน ก็ไม่ติ หรือไม่ชอบกันอย่างเนี้ย ชอบฟัง ชอบประพฤติและปฏิบัติ ก็อาจจะได้ดีพร้อมเพรียงกัน แต่ต่างคนต่างประพฤติ ต่างคนต่างที่ว่า ไม่ออนซอน (โดยไม่ต้องสนใจกันและกัน) ที่ความประพฤติและปฏิบัติ หลวงปู่ไม่เอาอย่างงั้น หลวงปู่เอาที่ว่า บวช ทำเลย ไม่ใช่แค่คำพูด มาตลอดทุกวันเนี้ย
เนี่ย เขาจะมาว่ายังไงก็ตาม ภาวนาอย่างนั้นแหละ รักษาศีลอย่างงั้นแหละ ไม่ถอย จนวันนึง คงจะรู้ บอกได้อย่างเงี้ย พวกลูกพวกหลานก็เหมือนกัน ขอให้ตั้งใจทำก็พอ มันจะเสียเวลา เดี๋ยวมันตะวันบ่าย เดี๋ยวคล้อยไปอย่างเนี้ย
บ่ายโมง สองโมง เลยยันค่ำ ก็ ๑๘ นาฬิกา ถึงตอนที่ตะวันตกแสง มันก็เท่ากับว่าอาจจะหมดแล้ว จะหมดเวลาแล้ว ประพฤติไม่ได้แล้ว เวลาอะไร เวลาตายแล้ว มันมืดแล้ว มันมืดตะวันตกแล้ว มันเทียบเท่ากับอายุสังขารของคน อันนี้มันอยู่ในลักษณะที่ว่า วันแรกพระอาทิตย์ขึ้นใหม่ สองโมง สามโมง เก้านาฬิกา ยังไม่ทันเที่ยง อย่างนี้ก็เดี๋ยวตะวันจะเที่ยง นั้นก็จะเป็นอย่างนั้น แสงพระอาทิตย์นั้น บางรายมันก็อาจจะอยู่พลาหกนั้น ตัวเมฆเข้าไปบัง คำสอนไม่ได้แล้ว ไม่สว่างโลกแล้วทีนี้ มันมืดแล้ว ดังนั้น หรือที่จะเป็นส่วนที่ ฝนจะตกลงมา ความเย็นเข้าไปกลบความร้อนไป ไม่ออกแล้ว พระอาทิตย์ก็ถือว่า อยู่ในการที่ว่า ลำบากแสง ฉันใดเปรียบว่า อายุของคนเรา ที่จะต่อสู้ความให้เป็นแสงสว่างอยู่เสมอๆ ดังนี้
กายเอ๋ย ใจเอ๋ย … รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูปอะไรดี เราเอารูปที่ว่า รูปองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รูปอรหันตเจ้า ปัจเจกโพธิญาณเจ้า รูปนั้นแหละดี ดีมาก สีอะไรที่ดี สีทอง สีแก้ว สีเงิน นั่นก็คือว่า สีเงินก็ขาวเจิดจ้า สีทองก็เหลืองอร่าม สีเขียวก็เหมือนดังว่า สีแก้วทิพย์ สีแก้วมณีโชติ เขียวอย่างที่ว่าสดใส สดสีเป็นดังนั้น นั่นดีแล้ว ถ้าสีดำก็สี ดำที่เป็นว่า เป็นแสง ดำเป็นแสง ดำชิ้นเหล็กไหล ดำที่ส่วนหนึ่งกับที่ว่ามหานิล ดำที่ว่าเพชรนิล เพชรดำ หรือคำดำ มีค่ามาก คำ(ทองคำ)ที่ว่าทำความร้อนไม่มีปัญหา มีแสงสว่างเรียกว่าคำดำ ถ้ามันมีซักก้อนหนึ่ง แค่กำปั้นนี้ ดับไปหมดแล้วนี่

แชร์เลย

Comments

comments

Share: