ที่มา : บันทึกเสียง ในกุฏิหลวงปู่ฯ ณ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร
หลวงปู่ ฯ : ศาสนาของท่าน …. เพียงงาม อายุ ๘ หมื่นปี
ศิษย์ : โอ้ ครับ
หลวงปู่ ฯ : และคนในโลกนั้น ชายหญิงนั้น ใบหน้า ใบตา เสมอเดียวกัน หญิงก็เสมอกันไม่ว่าใครเป็นแม่
ชาติไหน ภาษาไหนก็ตาม เหมือนเดียวกัน ราว ๑๔, ๑๕ ปี ผู้ชาย ๑๖ ปี แค่นั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ บารมีของพระอชิตะภิกขุ นี้จะได้เป็นพระเมตไตรโย อนาคต หรือจะไปหาไปกูเห็นยังไง ว่าซั่น …..ไม่รู้…..เพิ่นว่า แต่ก็กูก็ยังที่ว่า คนสุดท้ายนะเนี่ย กกุสันโธยังเป็นพระเจ้า(พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ชั้นพิเศษ ศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์เนี่ย วื๊ดไป เอาไป ๓ ส่วน เอาทิ้งไว้ส่วนเดียว กกุสันโธเอาไปครึ่ง ทิ้งไว้ครึ่ง
โอ้ครับ
โกนาคม ที่สอง เอาไป ๒ ส่วน ทิ้งไว้ อีกส่วนครึ่ง ว่าซั่น
อีก กัสสะโป เราตถาคตเนี่ย เอาไปส่วนเดียว เอาทิ้งไว้ ๓ เพิ่นบารมีน้อย เพิ่นก็ว่า เมตไตรโยเนี่ย เอาไป ๓ ส่วน ทิ้งไว้ส่วนหนึ่ง นั่นพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ อันนั้น เป็นอยู่กับพระพุทธเจ้า คอยให้พระองค์นั้น พระองค์นั้นๆ โปรดเอายังงั้น อืมเนี่ย มันจะรู้ได้ยังไง ก็อชิตะภิกขุก็ไม่รู้ รู้ได้ก็เป็นเหตุก่อน นั่นหนาคนเรา ถ้าพระพุทธเจ้าไม่มี ก็พระอินทร์ช่วย พระอินทร์อยู่บนสวรรค์ เพราะฉะนั้นท่านจึงว่าให้เรานี้ทำเพียรไป รักษาศีลภาวนาไป นั้น ถึงจะเป็นยังไงก็ตามทุกข์ยาก ลำบาก หรือแนวไหนก็ตาม พระศาสนา ไม่ว่าเล่นไม่เป็น ไม่เป็นประชาธิปไตยเลย ครั้งแรกก็ยังที่ว่าเหลวไหลด้วยเนี่ย อันนี้ไม่ใช่ ถ้าจะทำให้ประชาธิปไตย ทำเป็นให้เขาเห็นว่าดีเลย ดีไปเลย อันนั้นแหละ นี่ทำไม่เป็น ที่เป็นอยู่ ถ้าไม่เป็นแล้วไม่เป็นประชาธิปไตยเลย มันเป็นอย่างงั้น เพราะทำไมก็คุณเป็นคน คนกิเลส สิเป็นได้ยังไง คนกิเลสเนี่ย คำว่าคนกิเลสมีโลภ โกรธ หลง มาก เห็นอะไรก็อยากได้ไปอย่างเงี้ย เป็นอย่างงั้น มันล่ะไม่เป็นแล้ว เหมือนกับว่าสัตว์ที่ย่อมเยานั้น เหมือนดังไก่ หว่านข้าวเปลือกข้าวสารไป มันตีกันมั๊ย มันแย่งกัน… ฮ่า ๆๆ
เจ้าของ(เจ้าตัว)ก็ดูแล้ว ตีกันสิเนี่ย เจ้าของก็เขี่ย จิกเอา จิกเอา ฟ่าว(รีบ)กินฟ่าวหนี ยังงี้แหละ … คนเราคือกัน (เหมือนกัน)
ถาม : หลวงปู่ครับ อยากขอถาม ธรรมะข้อนึงครับ อยากขอทราบความรู้เกี่ยวกับ พระพุทธเจ้า พระสุมังคละ นะครับ ท่านจะมาตรัสเมื่อไหร่ในโลกนี้ครับ
ตอบ : อะไรล่ะ ?
ถาม : พระสุมังคละ พุทธเจ้า น่ะครับ
ตอบ : ยังไง ?
ถาม : อยากขอความรู้จากหลวงปู่ อยากรู้ความเป็นมาของท่านน่ะครับ
ตอบ : หา ?
ถาม : หลวงปู่ เมตตาเล่าให้ฟังซักหน่อยเถอะครับ
ตอบ : อะไร ? เมตตายังไง ?
ถาม (2) : เล่าประวัติครับหลวงพ่อ ว่าประวัติพระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าสุมังคละนี่ จะมาตรัสตอนไหนครับ องค์ที่เท่าได๋ครับ
ตอบ : ไผล่ะ
ถาม (2) : สุมังคละ ครับ
ถาม : สุมังคละ น่ะ อ๋อ องค์ที่ ๑๐
อยากให้หลวงปู่ กรุณาเมตตาเล่าให้ฟัง ซักหน่อยนะครับ
ตอบ : โอ้ มันก็ยังอยู่ ๑๐ ขั้น ๙ ขั้น
ถาม : เหรอครับ
ตอบ : เออ ขั้นพระพุทธเจ้าน่ะ ขั้นพระพุทธเจ้านั้นก็อยู่ในลำดับที่ แผ่นดินสูงขึ้น ๔๐๐ เส้น ถ้าแผ่นดินสูงขึ้น ๔๐๐ เส้นน่ะนะ มาอีกองค์หนึ่ง นั้นน่ะ องค์สองมาตรัสอีกล่ะ ปรินิพพานล้างศาสนาไปอีก ไว้ให้กับมนุษย์หรือเทวดาประพฤติปฏิบัติ แล้วก็องค์นั้นมาตรัสอีก องค์ที่สาม ตรัสต่อ แผ่นดินจะสูงขึ้นองค์ละ
ถาม : ๔๐๐ เส้น
ตอบ : โยชน์ โยชน์หนึ่งเท่านั้น โยชน์หนึ่งมี ๔๐๐ เส้น
ถาม : แผ่นดินในโลกมนุษย์เนี่ยนะครับ
ตอบ : หา ?
ถาม : แผ่นดินในโลกมนุษย์เนี่ยนะครับ ที่จะสูงขึ้นนะครับ
ตอบ : อามันจะสูงขึ้นไป แต่ว่า มันหมดกัป คนละกัป แต่ในภัทรกัปนี้นั้นก็ หมดภัทรกัปนี้ไปมันก็กลับมาใหม่ ได้โลกศร เป็นโลกใหม่ ตั้งแผ่นฟ้าแผ่นดินใหม่
ถาม : อ๋อครับ
ตอบ : เทวดา นั้นก็อาจจะ คนเราเทวดา มนุษย์สัตว์ทั้งหลายไปอัดแช่อยู่ชั้นอกนิษฐา ชั้นที่ ๒๒ เพราะแผ่นไฟมันไหม้
ถาม : อ๋อ
ตอบ : มันไฟที่มันไหม้อยู่ที่นั่น … จนจะมาตั้งกัปใหม่นั่นแหละ รามะพุทโธลงมาตั้งแผ่นดิน
ถาม : ครับ
ตอบ : ให้มนุษย์ อย่างเงี้ย มี ๒ องค์ มัณฑกัป คือพระธรรมราช พระเจ้าปเสนทิโกศล น่ะ
ถาม : อ๋อครับ
ตอบ : ที่จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า หรืออุปัฏฐากพระพุทธเจ้า หรือฟังธรรมพระพุทธเจ้า
ถาม : อ๋อครับ
ตอบ : เข้าใจไหม
ถาม : เข้าใจครับ
ตอบ : องค์ที่ ๔ นั้นก็ พระยามาร ที่มาลองพระพุทธเจ้า วสวัตดีมาร นั้นน่ะ
ถาม : วสวัตดีมาร เนี่ยนะครับ
ตอบ : เอ้อ ที่ขี่ช้างนาฬาคีรีน่ะ มันเป็นโต(ตัว) น่ะ ฮ่า ๆ
ถาม : องค์ที่ ๔ นะฮะ
ตอบ : เอ้อ นั่นแหละ จะมาเป็นองค์ที่ ๔ น่ะ
ครับ
วสวัตดีมาร น่ะ เมื่อเขาหมดมารน่ะ เขาสร้างบารมีไว้แล้ว ค่อยจะมาตรัสในเวลานั้น สารกัปมีองค์เดียว
ถาม : ครับ
ตอบ : จากนั้นแล้วก็ยังมี สาม ก่อนนั้นมีสามมีสี่ นับแต่ อสุรินทราหูน่ะ พระนารทะสัมมาสัมพุทธเจ้า ของที่อสุรินทราหูสัมมาสัมพุทธเจ้า สองชื่อน่ะ องค์ที่ ๕ อายุ ๒ แสนปี เท่าพระราม
ถาม : อ้อ.. ครับ
ตอบ : สุมังคละ นี่ก็ องค์สุดท้ายเนี่ย ๒ แสนปีเหมือนกัน นอกจากนั้น ๘ หมื่นปี
ถาม : อ๋อ ครับ
ตอบ : มันเป็นอย่างเนี้ยหนา สมัยพระพุทธเจ้าของเรา เป็นพระเจ้าชั้นตรี ชั้นจัตวาเนี่ยอายุ ๘๐ ปี
ถาม : ครับ อ๋อ
ตอบ : คนเป็น ๑๕๐ ปี พระพุทธเจ้าลงมาตรัส ถ้า ๕๐ ปี ไม่ตรัสน่ะ ไปดูที่พุทธจริยานะ อยากรู้เนี่ย มันอยู่ในนั้นหมดเลย แล้วก็ ๕๐ ปีไม่เกิด พระพุทธเจ้าก็ลงมาตรัส ๑๐๐ ปี ๑๕๐ ปี ลงมาตรัส
ถาม : ครับ
ตอบ : แต่พระพุทธเจ้าของเรา ศรีศากยมุนีโคดม นี่ ๘๐ ปี เป็นพระเจ้าชั้นตรี พระองค์ไม่เอามาก สร้างบารมีนั้นคือ ปัญญาบารมี แต่มีฤทธิ์มากเหมือนกัน อย่างเนี้ย อยู่ในชั้นตรีเนี่ย องค์ชั้น ๒ แสนปี ที่เช่นพระวิปัสสี เนี่ย ยังสู้ อาฬวกยักษ์ไม่ได้ โปรดไม่ได้ ฤทธิ์สู้ยักษ์ไม่ไหว ยักษ์ตัวนั้นมิจฉาทิฐิมาก พระพุทธเจ้าชั้นตรี คือพระศรีศากยมุนีโคดมเราเนี่ย สู้ได้ เออ ! มันมีในบทพาหุงเนี่ย
“มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง” เนี่ย
ถาม : ครับ
ตอบ : เพิ่น(ท่าน)ชนะด้วยขันติ อื้อ อาฬวกยักษ์ เนี่ย เพิ่นไปพระเจ้าอาราเย่ ลูกพระเจ้าอาราเย่ เอาไปส่งให้ยักษ์ตัวนี้กิน บัดนี้กินคนหมดแล้ว คนในโคตรนี้กินมาหมดแล้ว บ่มีไผแล้วมันสิกินพระเจ้าอาราเย่ พระเจ้าอาราเย่ส่งลูกไปก่อนเนี่ย กุมารนี่นั่งอยู่ขั้นตักเพิ่นนี่หนา เขาว่าพระขุนแผน ๆ บ่อแม่น นี่พระพุทธเจ้าโปรดลูกพระเจ้าอาราเย่ ราชกุมาร มันมีมรรคผลสิได้เป็นอรหันต์อยู่เนี่ย ได้เอาลูกพระเจ้าอาราเย่เป็นลูกบุญธรรม นานมาแล้วบอกได้เลย สำเร็จอรหันต์แล้ว อาฬวกยักษ์ ตัวนั้นก็เลี่ยงไปอีกนำ(กับ)คนหนึ่ง นี่ฝ่าด่านเนี่ยเป็นยักษ์คอคนตายกับบ่วงบาศ เอ้อ ! อาฬวกยักษ์เนี่ย พระพุทธเจ้าเพิ่นเข้าใกล้แล้ว เพิ่นก็ทำนายไว้อยู่ ๑๐๐ พระพุทธเจ้า ยักษ์ตัวนี้สู้บ่ได้ หรือจะอายุมาก ๘ หมื่นปี ๖ หมื่นปี พระพุทธเจ้าอายุ ๒ แสนปี ก็หลาย มาสู้อาฬวกยักษ์ไม่ได้ บ่ได้แล้ว แม่นเพิ่นเนี่ย ศรีศากยมุนีโคดม ๘๐ ปีสู้ได้
อ้า ยักษ์เลยย่าน บัดนี้ เพิ่นทำให้หัวมันใหญ่เด้ มาเอาบ่วงบาศมาแล้วก็ทำ บ่วงบาศคาดเข้าไปแล้วก็ขาดเป็นจุณๆ ไป มันมีอันที่สองแล้วฝ่าด่านใช้ปัญญาครอบแล้วนี้ ครั้นครอบบัดนี้ … ขาดไปเรื่อยๆ ขาดเป็นยิ่งเป็นจุณ ๆ ไป มันเลยย่านหัวมันหมดแล้ว บัดนี้ บ่มีแนวสิสู้แล้ว มนุษย์จั๋งได๋ นี่ว่าซั่น! พระเจ้ายังได๋ละขอยอมล่ะ เป็นจิตผล เลยตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล มันยังสิได้เป็นพระเจ้า(พระพุทธเจ้า)อีหลีอีกยุคอนาคตพุ่น(โน้น)
ถาม : โอ้ครับ
ตอบ : พ้นไปอีก ๘๐ พระองค์ มาตรัส ก็ยังมี ๒๘, ๕๐ พุ่นน่ะ เอ้อ ๑๐ พระองค์ นี่ ๑๖ พระองค์ อีกเด้นี่ พรรณนาไว้ ๑๖ พระองค์ มาตรัสต่ออีก ๑๖ พระองค์ แล้ว ๒๘ พระองค์อีก ที่ได้พรรณนาและรับพระพยากรณ์, ๒๘ พระองค์ มาตรัสแล้ว พุ่น ๕๐ พระองค์อีก มีหลายเด้ พระพุทธเจ้า มีพระองค์ที่ยังจะมาภายหน้า อันนี้เหล่านี้ ทีเนี่ย ๒ แสนปี ๘ หมื่นปี ผ่านไปเรื่อย ๆ
ถาม : แล้วมีพระพุทธเจ้าที่ทำให้อายุมนุษย์มากกว่า ๒ แสนปีอีก ได้อีกใช่มั้ยครับ
ตอบ : อะไรนะ
ถาม : มากกว่า ๒ แสนปี มีมั้ยครับ
ตอบ : ไม่มี
ถาม : ถ้า ๒ แสนนี่สูงสุดแล้วใช่มั้ยครับ
ตอบ : ก็ได้แค่ ๒ แสนเท่านั้น
โอ้ … สาธุครับ
เพราะถ้ามากกว่านั้น ก็ไม่ลงมาตรัส
ถาม : อ๋อ ครับ
ตอบ : มี ๒ แสนปี ๘ หมื่นปี ๖ หมื่นปี พระพุทธเจ้าลงตรัส ๔ หมื่นปี ๓ หมื่นปี ๒ หมื่นปีไม่มา เพราะโลก คนในโลกมันสอนยาก ๕๐ ปีก็ไม่ ไม่ลงมา มนุษย์สอนยาก
ทำไมมนุษย์สอนยาก อ้างว่าตัวนี้เพราะงี้ อย่างปุถุชนทุกวันนี้ ฮ่า ๆ
ถาม : โอ้
ตอบ : เป็นยังงั้นแหละสอนยาก
ถาม : ไม่เชื่อฟังพระพุทธเจ้านะครับ
ตอบ : เอ้อ จิตใจไม่อ่อน เพราะบุญกุศลเขาไม่มี เขาไม่ฟังความใครล่ะ เขาว่าเขารู้ เขาเด่น เขาเก่ง คนติดอยู่ในวิทยาศาสตร์เนี่ย
ถาม : เขาเชื่อวิทยาศาสตร์ทั้งหมดนะครับ
ตอบ : เอ้อ เชื่อวิทยาศาสตร์ทั้งหมด มันเป็นยังเงี้ย พระพุทธเจ้าก็ยังไม่มาตรัส แต่ว่าเกิดขึ้นอยู่ แต่มาทรมานมันนั่นแหละ นั่นก็ไปมาเป็นพวกโพธิสัตว์ มาทรมานพวกที่อยู่
ถาม : อ๋อ หมายความว่า ขอให้หลวงปู่พูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งนะ ครับ ท่านไม่ลงมาตรัส แต่ท่านลงมาเกิดยังไงครับ
ตอบ : มี ลงมาเกิดอยู่ ลงมายกย่องพระพุทธศาสนาเนี่ย
ถาม : แปลว่าโลกนี้จะไม่ว่างจากพระพุทธเจ้าเลยใช่มั้ยครับ
ตอบ : เออ ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าได้
ถาม : อ๋อ เป็นพระโพธิสัตว์นะครับ
ตอบ : เป็นโพธิ์สัตว์ จะมายกย่องศาสนาเฉยๆ เนี่ย
ถาม : โอ้ ครับ
ตอบ : เป็นพระยาธรรมค้ำชูศาสนา ก็อาจจะรวมกันกับฝูงที่ว่า พระโพธิสัตว์ หรือเชื้ออรหันต์ พระโพธิสัตว์เหล่านั้นแหละ
ถาม : อ๋อ ครับๆ
ตอบ : มันเป็นขอบเขตข่ายอยู่ พวกยักษ์เนี่ย พวกวิทยาศาสตร์นี่เขาเป็นยักษ์นะเนี่ย อันนี้ก็เขาเก็บกิน เก็บกินทั้งหมดเนี่ย เขาจุดไฟ มันติดอยู่ในยักษ์มันกินคน กินเศรษฐกิจ
ถาม : ครับ
ตอบ : สมัยทศกัณฑ์ก็เหมือนกัน มันยังที่ทำให้เป็นปราสาทราชนิเวศน์ จนทำให้นางสีดาทองนั้นน่ะ หลงใหลไป พระรามเอาศรยิงให้ เป็นจุณวิจุณไป นางสีดาก็ มันก็นิรมิตให้เป็นข้างหน้าไปอีก เป็นถ้วยทองคำ โอ๊ยหลายใบ นางสีดาอยากจะมีเงินมีทอง อันนี้เป็นเล่ห์กลของทศกัณฑ์ เอาศรผลาญไป บัดที่สุดท้ายล่ะ มันนิรมิตเป็นกวางทองนะนี่ แล้วพระรามนี่หมดปัญหาแล้ว นางสีดาอยากได้กวางทองนั่น ไม่ได้ล่ะสิตาย บัดนี้มันก็นิรมิตเป็นกวางแล้ว เหมือนอะไรล่ะกวางทองเนี่ย นั้นก็คือล็อตเตอรี่รางวัลที่ ๑ แหละ หึ มันสิ้นไหมเนี่ย แล้วก็ไม่ ไม่ถูก ก็เมิ๊ดไปแล้ว เมิ๊ดไปแล้ว บ่ถูกจั๊กตัว ก็คือจักว่า(อย่างว่า) เป็นจั๋งนี่ซั่นว่า(เป็นอย่างนี้อย่างว่า) ผู้ได๋ถูกก็เข้าเขาแล้ว เห็นผู้นั้นได้แล้ว เอาล่ะกูบ่ได้ เอาไปเอามาถูกเขามากินเยี่ยงนี้
ถาม : ครับ
ตอบ : ทศกัณฑ์น่ะ มันนิรมิตเป็นกวางทองแล้ว ว่าเป็นผู้ใดหลายๆ น่ะ บ่เห็นเลย ยากหยังล่ะ เอ้อ มันเป็นยังซี่เด้นี่
ถาม : หลวงปู่ครับ พระโพธิสัตว์ที่ท่านลงมาบำเพ็ญบารมี เป็นพระสงฆ์ปัจจุบันเนี่ย ถ้าท่านมรณภาพแล้ว จะกลับไปอยู่ที่ไหนก่อนครับ
ตอบ : อ่า ไปอยู่ดุสิต
ถาม : อยู่ดุสิตหมดเลยนะครับ เพื่อเตรียมมาเป็นพระพุทธเจ้านะครับ
ตอบ : ไหน ?
ถาม : ท่านจะกลับมาอยู่ดุสิตก่อนใช่มั้ยฮะ
ตอบ : อยู่ดุสิตชั้น ๔
ถาม : อ๋อ ครับๆ
ตอบ : มันก็จะได้เสวยภาคความสุขอยู่นั่นแล้วก็ ถึงกาลแล้วก็ พระอินทร์ไล่ลงมาเกิดแล้ว
ถาม : อ๋อ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ตอบ : ถ้าไม่ลงมาเกิดมันก็ถือว่าอยู่บนสวรรค์ สนุกเฉยๆ ไม่ได้เพิ่มเติม ไม่ได้ประโยชน์อะไร มันมีแต่ความสุข ความทุกข์ไม่มี
ถาม : อ๋อ ครับ
ตอบ : มันก็มีแต่ความตายนั่นแหละ มันตายเป็นอยู่ คือภายใน ๗ วันเนี่ย บุพนิมิต ๕ ประการปรากฏ ๗ วัน ลงมาเลย ที่นั่ง ที่นอน ที่กิน ดังนี้ก็จะเหม็นสาบขึ้น กุ้ยขึ้น อาหารที่มีรส มีโอชา ก็ไม่มีรส ไม่มีรสเลย วันนั้นวันจะตาย เทวบุตร เทวดาอินทร์พรหม ก็ดี
ถาม : ครับ
ตอบ : สิเป็นยังเงี้ย ผู้ชายผู้หญิงก็ตาม เพราะว่าถ้ามาเกิดในมนุษย์นี่ มันมีทุกข์ มันเป็นต้นเหตุ มันได้สร้างคุณงามความดี ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่ได้ ไม่มีเหตุมันก็ไม่มีผล อย่างนี้หนา อันนี้อริยบุคคลท่านว่า ให้อด(ทน) ให้อด ทุกข์ก็ให้อด อย่างไงให้อด ฮ้อนก็อด หนาวก็อด หิวก็อด กระหายก็อด เหนื่อยก็ให้อด อยากนอนก็ให้อด อดเอาอะไร อดเอาบุญ อดเอาอานิสงส์น่ะ ดังนี้แหละ อันนี้แหละ อันนั้นน่ะไม่มีอดเลย มีแต่สนุกอย่างเดียว ฮ่า ๆๆ
ความสนุกนั้นมันเลยไม่มีผล มันเป็นยังงั้น พอหมดสัญญา อินทร์พรหมก็ให้ลงมาที่นี่แหละอ่ะ เป็นสุขเป็นทุกข์ ทุกข์แล้วก็สุข สุขแล้วก็ทุกข์ เนี่ย มืดแล้วก็สว่าง สว่างแล้วก็มืด บาปแล้วก็บุญ บุญแล้วก็บาป อยู่อย่างนั้นล่ะ เฮ็ด(ทำ)บุญแล้วก็ไปหาบาปอีก เอ้า มันบาปล่ะ ทำบุญคืน สับปลับกันไปอยู่อย่างเงี้ย มันเป็นอย่างเนี้ย มีหญิงแล้วก็มีชาย อย่างเนี้ย มีลูกก็มีเมีย เนี่ย มีเมียแล้วก็มีลูก อย่างเนี้ย มันก็เลยเป็นอย่างนี้แหละ ในมนุษยโลกก็ถือว่ามันเป็นพืช เหมือนกับว่าเราทำนาเนี่ย ทำไร่ทำนา ทำมาค้าขาย มีกิจทำ ให้กินและเลี้ยงชีพได้ หรือเป็นทุนได้ ถ้าเราได้ข้าวด้วยแล้วเราก็อาจจะได้มาก แล้วเป็นเจ้าเศรษฐีมีมั่ง หรือเป็นกษัตริย์ไปก็มี กับความดี ความที่ดี หรือตลอดถึงปัญญา มีตบะ เดชฤทธิ์ หรือความศักดิ์สิทธิ์มาแต่ก่อน วันไหนทำไว้ ดังนั้น ไม่อยากดีก็ดี ถึงความดี เป็นอย่างนี้ เพราะว่าคนเราให้ทำไป
(เสียงนาฬิกา “ขณะนี้เวลา ศูนย์ นาฬิกา”)
ตอบ : หกทุ่ม
ถาม : ดีแล้วล่ะ ได้รสธรรมมะมากครับหลวงปู่ ฮ่าๆ ๆ
ตอบ : มันเป็นอย่างเงี้ย
ในชั้นดาวดึงส์หรืออะไรแล้วก็ตาม ชั้นพรหมก็ตาม แล้วก็อยู่ในจิต บำเพ็ญอยู่ในกุศลอย่างเฉียบขาดหนา ดุสิตนี้ก็ดี ไม่ใช่ว่าน้อย จะไปสวรรค์ได้นี่ก็ โอ้โหยาก ไม่ได้ไปง่ายๆ นะ เหมือนกับจิตเป็นเทวบุตร จิตเป็นเทวดา อยู่ในมนุษยโลกนี้ก็เหมือนกัน จิตราบคาบ ไม่ก่อเวรก่อกรรมกับใครทั้งสิ้น ทิฐิความเห็นผิด ระวังที่ว่าการเห็นผิดแต่อย่างเดียว ขอให้เห็นถูกไปเลย อันนั้นอาจจะตามหนทางของอริยะ ของคนที่ดี หรือมีพระอริยะผู้ที่จะไกลกิเลส ไกลกิเลส คือไกลจา
กความเศร้ามัวหมอง ไกลจากความไม่ดี ไกลจากความทุกข์ความยากลำบาก หวังไปหาความที่ดียิ่ง สมที่ปรารถนานั้นน่ะ นั้นเรียกว่าคนที่หวัง หวังความสุขความเจริญ ดังเนี้ย คนดีเนี้ย ไม่อยากได้ลาภก็ได้ ไม่ได้ยศก็ได้ยศ ไม่อยากได้บริวารก็ได้บริวาร เป็นเช่นนั้น เพราะเขาว่าดี ถ้าเขาว่าชั่วไม่ได้แล้ว เขาไปฆ่าอีกแล้ว มันเป็นอย่างเนี้ย ใครจะไปคบ อือ หมู่ภรรยาหรือหมู่พรรคพวกของเราถ้าไม่ดีแล้วก็อยากไม่คบ ถ้าคบแล้วก็จะพาเราเสียไป อย่างนี้แหละเหมือนกับว่า ไม่อ่อนใจอะไรเลย ให้ใจตัวของตัว หรือตัวทำดีก็ทำดีไปเลย นี่คือการรักษาความผิด มิจฉาทิฐิความเห็นผิดให้เห็นชอบไป ดังนั้น เห็นชอบแล้วจะไปเห็นผิดอยู่ไม่ได้ ถ้าเขายังคิดว่า เขายังไม่เห็นโทษก็คือเขาเห็น เมื่อเขาเห็นโทษก็เลยเขาอาจจะดีกว่าตัวไปอีก ที่เขาไม่ดีเขาเลยจะไม่แทนเรา เหมือนเราที่ไม่ทำงาน ในงานในการที่เป็นข้าราชการเนี้ย ทำอย่างที่เป็นผู้ว่าเนี่ย ไม่ทำเนี่ย คนที่ได้เขาทำ เขามาแทนเนี่ย ปลดออก ปลดผู้ว่าคนนั้นออกไม่ให้ทำงานเพราะ ผู้ว่านั้นไม่มาทำ หรือทำผิดเด้ อันคนเรานั้น เขาตั้งคนที่ดี เขาไม่ทำผิดมา เอาเป็นผู้ว่าแทนแล้ว นั่นเขาไม่ได้เป็นแล้ว มันเป็นยังงี้แหละ หึ ๆ จะเอามั้ย ไม่เอาแล้ว
ถาม : หลวงปู่ครับ แสดงว่าการอยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐและบริสุทธิ์ นั้นคือเรื่องจำเป็นใช่มั้ยครับ
ตอบ : เอ้อ เอ้อ
ถาม : อย่าให้ออกนอกทางท่านไปนะครับ
ตอบ : หา ?
ถาม : อย่าให้ออกนอกทางครูบาอาจารย์ไปนะครับ ? ใกล้ชิดท่านไว้
ตอบ : มันก็ตามตั๊ว(ตามนะ) ตามไป ถ้าเราทำดี เกิดความดีตามไปนะ เป็นอย่างนั้น ความชั่วก็ทำให้น้อย มันก็ตามน้อยๆ ไป มันเป็นขอบเขตข่าย ข่ายดีมาก ข่ายไม่ดีน้อย ถ้างั้นแล้วมันก็สู้ข่ายดีไม่ได้
ถาม : หลวงปู่ครับ ขอถามเป็นความรู้ครับ พระสงฆ์ท่านหนึ่งอยากทราบ อยากให้หลวงปู่เมตตาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธเจ้าองค์แรกที่มาตรัสน่ะครับ
ตอบ : หา ?
ถาม : พระพุทธเจ้าองค์แรกที่มาตรัสน่ะครับ หลวงปู่เมตตาเล่าให้ฟังว่าความเป็นมายังไงครับ
ตอบ : ใครมาตรัสองค์แรก
ถาม : องค์ต้นน่ะครับ องค์ต้นเลยน่ะครับ
ตอบ : ใครล่ะ
ถาม : ก็อยากให้หลวงปู่เมตตาเล่าให้ฟังว่าความเป็นมาของพระพุทธเจ้าองค์แรก องค์ต้นเลยเป็นยังไงครับ
ตอบ : องค์ต้น นั่นก็องค์ปฐมแล้ว ชื่อว่าพระปฐม เกิดจากดอกบัวแล้ว ดอกบัวเป็นแม่ แล้วตรัสรู้ ประกาศพระธัมมจักรอยู่ที่นั่น สร้างโลกอยู่ที่นั่น จึงว่าคนเรา จึงที่ทำดอกบัวนั้น ดอกอุบลนั้นบูชาพระรัตนตรัย เพราะพระพุทธเจ้าองค์แรกเป็นพระปฐมเกิดอยู่ในดอกบัว
ถาม : ครับ
ตอบ : เข้าใจมั้ย มาเป็นหลายโกฏิล้านพระองค์มาแล้ว ไม่ใช่น้อยๆ เท่าเม็ดหินเม็ดทรายแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสไป นับแต่ปฐมมานะ
ถาม : เท่าเมล็ดหินเมล็ดทรายเลยนะครับ มีมากขนาดนั้นเลยนะครับ
ตอบ : หือ ยังไงล่ะ ?
ถาม : องค์พระพุทธเจ้านะครับ
ตอบ : เป็นยังไง ?
ถาม : มีมากมายขนาดนั้นเลยนะครับ
ตอบ : เออ ขนาดนั้นแหละ ขนาดเม็ดหินเม็ดทราย
ถาม : โอ สาธุ โอโห
ตอบ : นับไม่ ไม่ได้
ถาม : นับไม่ได้นะครับ โอ้ครับ !
ตอบ :เหมือนกับพระอรหันต์ก็นับไม่ได้ สาวกก็นับไม่ได้ อานิสงส์ของบุญนั้นก็ต่างกัน ตามนั้นแหละ บุคคลที่จะดี เหมือนเม็ดหิน เม็ดทราย เม็ดน้ำ เม็ดอากาศ นับบาปก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราก็ถือว่า ที่ว่า ความมากความมาย เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ตายมากไหม มันก็ต้องตายมาก ใครตายก่อน ใครอยู่ดอนนั้น แห่งม่องได๋(ที่ไหน) คนที่ตายก่อน ก็พระปฐมเนี่ยตายก่อน