คำสอนหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ ทุคคตะชาดก

… พ่อแม่จงเอ็นดู กรุณา จะเอาราคาเท่าไหร่ ภรรยา ของลูกนี้พ่อแม่จะซื้อไว้เป็นลูกบุญธรรม เพื่อค้ำชูอุดหนุนทั่วไปแก่นะ พ่อแม่แก่ตายทำลายขันธ์ไปจะยกสมบัติให้นางนี้ต่อไป หรือจนกว่าลูกนั้นจะมาอยู่ เป็นคู่กับนางนี้อีกต่อไปก็ยิ่งดี นะลูกนะ เพราะฉะนั้นก็ถือว่ายายทั้งสองนั้นได้เอาเงินมาตามราคาของคนในยุคนั้น พอประมาณได้แล้วก็ไปซื้ออาหาร หรือใดๆ ทั้งสิ้นไปอุปัฏฐาก พระปัจเจกโพธิญาณเจ้า ยังที่ได้ยังไม่ล่วง ยังไม่หมดที่ ๙๐ วัน เหลืออีกห้าวัน ถึงจะออกพรรษานะ ทีนี้ขอให้ ไปขอที่ไหนก็ไม่ได้ หมดแล้ว ตัวจะทนความตายจะขอตายเถิดหมดลูกหมดเมียแล้วทีนี้จึงออกเอ่ยต่อพระปัจเจกโพธิเจ้า ๗ พระองค์ เพราะฉะนั้นขอให้พระคุณเจ้าพระองค์ทั้ง ๗ นี้ ควรลดโทษให้บ้าง เพราะหมดทรัพย์อับปัญญา หมดบุตรทั้งสองกับภรรยาพระเจ้าข้า แม้พระองค์จะไปสู่ที่ไหนตามความชอบใจเถิด ดังนั้นข้าก็จะถึงแก่ความตายไม่บริโภคข้าวปลาอาหารใดๆ ดังนั้นส่วนพระปัจเจกว่า เอ้าไปได้ ไม่ไปอดทนอยู่ก็ได้ ดูกร อุบาสก ว่างี้ เมื่อออกพรรษาแล้วจึงจะคล้อยไป เพราะฉะนั้น ส่วนว่านายทุคคตะนั้น ไม่บริโภคหรือกินอาหาร ถึง ๗ วัน หรือผลทานนั้นร้อนไปถึง เทวสถาน การเทวโลก ในชั้นดาวดึงส์ ที่แท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ของพระอินทราเทวราช แข็งกระด้าง เพราะเหตุอะไร แม้ใครที่มีบุญสุนทานอันใหญ่ หรือเป็นเหตุประการใด บัดนี้พระจอมไตรโลกนาถศาสดาจารย์ เห็นเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว ใครอีกหนอ ครบถ้วนมองพระเนตร แย้มดูในพระเนตรทั้งสองข้างซ้ายขวา พระอินทราอัมรินทร์ปิ่นเทวราช มองดูจักรวาลโลกหรือมนุสสโลกป่าหิมพานต์ทั้งสถานสัตว์ป่า หรือเดรัจฉานมนุษย์ ทุกเพศทุกวัยไม่เห็นใคร เกี่ยวข้องเลยเห็นแต่ทุคคตะคนเดียว ที่ขายลูก และขายภรรยาเมียนี้ เอาเงินมาอุปัฏฐากพระปัจเจกโพธิญาณเจ้า สร้างบุญกุศลประกอบทั้ง ๗ หลัง ให้พระปัจเจกอยู่ตามที่ยากจนทรัพย์อับปัญญา ดังนั้นด้วยอานิสงส์ เป็นเช่นนี้ พระอินทราเทวราช เราผู้เป็นใหญ่จะไม่ช่วยเหลือคนอีก ไม่นานวันก็จะถึงแก่ความตายไปไม่มีประโยชน์ดังนั้น ข้าจะไปช่วยทุคคตะนี้ให้จงได้ ว่าแล้วพระอินทร์ที่มีลักษณะการที่ลงจากบนสวรรค์ทันที แปลงเป็นชายชราคนแก่ ทีนี้ไปทรงเนรมิต พระราชนิเวศน์สถาน บ้านเมืองอันตระการตา มีทหาร นานา ประการ เอายักษ์ เอาผี เอานาค เอาครุฑ ใดๆ มาให้เขาเป็นมนุษย์ สร้างบ้านแปลงเมืองถนน หนทาง เรียบราบด้วยทองคำธรรมชาติ นี้นะ อานิสงส์ นิมิตปราสาทสามหลัง หลังหนึ่งที่แล้วด้วยทองคำ หลังหนึ่งแล้วด้วยแก้วมณีโชติ หลังหนึ่งแล้วด้วยเงินดังนี้ สามหลังที่อยู่สามประกอบฤดู ดังนั้นจึงไปไถ่ถอนภรรยาหรือบุตร ทั้งสองอันที่ขายไปแล้วอันเป็นทาสของเขา เอาทองคำที่มากๆ เอาเป็นที่สามกวักไวนอนนี้ไปไถ่ ใครล่ะจะไม่เอา ได้เงินได้ทองมากแล้ว เอาตั้งแก้วที่โสดสรง ที่บุตรทั้งสองอันขี้เหร่ กับภรรยานั้นให้เป็นหญิงที่ปราณีตบรรจง หรือเด็กทั้งสองนั้นเป็นคนที่ใหญ่โตหรือเติบเท่าพ่อแม่ ๑๔ หรือ ๑๕ ปี ทั้งมีปัญญาหรือญาณอันวิจิตร พิจารณาเห็นสามีของตัวนอน หันใจ(หายใจ)อยู่สู่บรมอยู่ ไม่ได้บริโภคอาหาร เกิดการที่เอ็นดูกรุณา ถึงยังไงพระอินทราเทวราช ไปขอให้นั่งรอท่าอยู่ที่นี่ จะไปเอาสามีของนางกับผู้เป็นพ่อ ของเด็กทั้งสองนี้ มาให้จงได้ ว่าแล้วถือเอาข้าวต้มสองกลีบนั้นน่ะ
เดินเข้าไปทรงตรัสถาม ผู้เข็ญว่า “อ้าวเป็นอะไร ชายทุคคตะนี้ ทำไมจึงมานอนที่ แอบอิงสู่บรมยังนี้ เป็นใครหรือประการใด อ้า…บอกมา ”
ทุคคตะ : “อ้า… ธุระยังไงล่ะ ไปเถิดชายแก่ อย่ามาถามถึงเหตุเภทภัย ข้านี้มันหมดลูกหมดเมียไปแล้ว ถึงจะตายอยู่วันพรุ่งนี้ หรือวันนี้ก็ยิ่งดี ไปแล้ว ข้าทุกข์ ข้าจน”
พระอินทร์ : “อ้า … จนอะไร หมดอะไร บอกมา!” ว่างั้น
ทุคคตะ : ไม่อยากบอกแล้ว “บอกว่าหนีไปธุระของคนแก่ ไปที่ไหนไปเลย ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
พ่อพระอินทร์ก็ ตรัสถามซักเท่าไหร่ก็ไม่อยากพูด เพราะกำลังอ่อนเพลียไปแล้ว ทนอยู่ถึง ๖ วันนะ ไม่ได้กินข้าวปลาอาหาร คอยแต่ความตาย แล้ววันที่ ๗ พระอินทร์ที่ผุดมาจากบนสวรรค์นี้ รีบเอาข้าวแก้ว หรือเอาขาวต้มนั้นยัดเข้าใส่ปาก
พระอินทร์ : “หนา… ต้องกินอาหาร ไปตายอะไร การตายนี้ไม่ดี เป็นคนดีๆ แล้วยิ่งดีกว่า ผลทานของเธอนี้ เราจะให้เห็นทีเดียว ณ บัดนี้…อ้าวกิน!”
ปิดปากอยู่เนี่ย ไม่อยากกินข้าวต้ม แล้วก็เอาน้ำทิพย์นั้นรดลงไปทันที น้ำไหลเข้าจมูก ช่องจมูกบ้าง เข้าปากบ้าง ข้าวต้มนั้นอร่อย ที่ตกไปหนึ่ง ครึ่งหนึ่งนั้น หรือโคนหนึ่งเท่านั้น กีบหนึ่งเท่านั้น ทำให้ปัญญาของตนนี้มองเห็นในโลกจักรวาลเนี้ย สัตว์ที่เกิดที่ตาย สัตว์ที่ทนทุกข์อะไรรู้หมด ใครจะพูดอยู่ที่ไหนก็รู้ ได้โสตทิพย์อีกซะด้วย ร่ายกาย กายเป็นทิพย์ทันที นี่แหละ ความดีของผล อันผลเห็นปัจจุบัน เห็นปานดังนี้ ถือว่าเจตนารมณ์ดีในทานนะ นั้นก็พระอินทราเทวราช โสจน์สรงให้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ สังขรจักร ขี่ไปด้วยยานจักร นั้นรอบโลกจักรวาล ลัดมือเดียวนาทีหนึ่ง อยู่มาปรางปราสาท ไปตรวจดูตราสัตว์ ขี่จักรแก้ว จักรแก้วอันนั้นที่พันซีก มีดุมอยู่กลางเป็นของทิพย์ จะไปตีเอาเงินเอาทองหรือแก้วพรึกที่ไหนก็ได้ เอามาเป็นทานแก่มนุษย์สัตว์ทั้งหลาย ทุกชาติ ทุกภาษานี้ ชายทุคคตะ กับภรรยาสองคน มีใจร่วมรักภักดีด้วยกัน อันนี้ยังมีอยู่ในพระไตรปิฎก คนไม่แลเห็น ถึงที่พระเรียนรู้แล้วก็ไม่สู้ว่าเชื่อแน่ในผลทำ หรือผลทาน ไม่นำทายก ทายิกาให้เข้าอบอุ่นไปด้วยทาน ให้ยิ่งๆ ขึ้นไปนะ มันเป็นอย่างนี้ ….
เพราะพระสงฆ์นั้นๆ ยังลำเอียง หรือยังที่ไม่บริสุทธิ์ ก็เป็นที่น่าสงสัยของญาติโยม อยู่ไม่ใช่น้อย
ถ้ามันมีแล้ว มันก็ไม่เกิด หรือเกิดก็น้อย เหมือนกัน หรืออาศัยว่าศรัทธา คือความเลื่อมใสสูงสุด ไม่มีใดๆ ที่จะเปรียบปานไม่ได้ คนเราถึงท่านทำการกุศลใดๆ ว่าตัวฟังธรรม แต่ไม่ทำเหมือนอริยะนั้นๆ ที่ทำมาแล้ว ผู้ได้รับมรรค ผล นี่ก็หลายเรื่องด้วยกัน

แชร์เลย

Comments

comments

Share: