ที่เรียกว่าสังขกิจจะสามเณร เป็นผู้มีอินทรีย์สระสวยงดงามดี ถึงว่าสมณะคนน้อยคนนี้ เป็นที่ถึงอะไรเป็นครูเป็นศาสดา ชะรอย เป็นน่าเลื่อมใส ว่าแล้วจึงได้นิมนต์เจ้าสามเณร มารับบิณฑบาต ที่พระราชนิเวศน์สถาน ถวายทานเฉพาะหน้าเจ้าสามเณรน้อยผู้ชื่อว่า สังขกิจจะสามเณร เพราะฉะนั้น สามเณรนี้เมื่อได้รับบิณฑบาตอาหาร โดยอิ่มหนำสำราญ ด้วยความปรารถนาดี ของพระเจ้าสังขรจักร ผู้ชื่อว่า บรมจักรพรรดิราช ผู้มีช้างแก้ว ม้าแก้วขุนพลแก้ว หรือแก้ว ๗ ประการ เมียแก้ว นางแก้ว หรือแก้วทั่วไป ทั่วๆ ไป อันเป็นแก้วมณีโชติ หรือแก้ว ๗ ประการ ประดับประดา ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะฉะนั้น สังขรจักรบรมจักรพรรดิราช จึงตรัสถามเจ้าสามเณรผู้มีอินทรีย์สังวรงามดี อยู่ในลักษณะเป็นสมณะผู้บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ละอองศีล ใครหนอ เป็นศาสดาจารย์ เป็นครูสั่งสอนท่าน เพราะฉะนั้น สามเณรผู้ชื่อว่า สังขกิจจะเจ้าสามเณร จึงทูลละอองธุลี สนองพระยุคลทั้งคู่ของสังขรจักรเจ้าบรมจักรพรรดิ ออกเอ่ยเผยวาจาไปว่า มหาราชะ ดูกร พระราชสมภาร ผู้มีอิสระ มหาอิสรยศ ปรากฏด้วยการใด ชนบริวารจักรวาลทั่วไปในโลก ถึงสามพิภพ ถึงเป็นผู้ขัตติยะ ผู้ประเสริฐ เลิศดังพระมหาบพิตรนี้ก็ไม่มี พระเจ้าข้า แต่ข้าอาตมานี้ ได้เป็นศิษย์ของพระสัพพัญญูพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระองค์ที่มาตรัสโปรดสัตว์ในโลก คือ พระควัมปติสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีพระสาวกอริยสงฆ์ ๔ แสนเป็นยศบริวาร พระเจ้าข้า อันได้ถึงพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก หรือปรมัตถ์ของพระองค์นั้น ได้กำจัดปัดเป่า บรรเทากิเลสให้หลุดไป ถึงเพียงชั้นโสดาปัตติผล พระเจ้าข้า หวังเป็นบุคคล ผู้ที่มีหนทางดี ต่อไปในพระนิพพานเทอญ เพราะฉะนั้น สามเณรสังขกิจจะ นั้น เล่าอาการ ความเป็นไป พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้น เพื่อมนุษย์เทพยดาเท่านั้น สังขรจักรผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ไพศาล ทั่วโลกจักรวาล มนุษย์ ทุกชาติ ทุกภาษาทั้งนาค ครุฑ กุมภัณฑ์ คันธัพพะอารักขาเทวดา ผู้ให้สิทธิหรือรับ ที่ส่วย ดอกไม้เงิน ไม้ทอง ทุกปีๆ กระทั่งถึงของดับของดี ของมีคุณค่ามหาศาล แก้ว แหวน เงิน ทอง รัตนมณีนั้นๆ ของที่อยู่ในโลก ย่อมที่เป็นของพระเจ้าจักรพรรดิ ชื่อว่าสังขรจักร พระองค์นั้น ที่ประทับระงับ ความร่มเย็นเป็นสุข หรือเป็นใหญ่อยู่ในราชสมบัติขัตติยะสาร อันที่เรียกว่าจักรพรรดิราช คืออินทปัฏฐานคร ณ สมัยนั้น ที่ทุกวันนี้เรียกว่า พนมเปญ หรือประเทศกัมพูชาหรือเขมร เขาก็เรียก นับแต่จำเริญ ได้รับรู้แห่งพระรัตนตรัยเกิดขึ้นดังนั้น ถามถึงสามเณรเล่าอาการว่า พุทธเจ้าผู้บังเกิด ขึ้นในโลก หรือพรหม มนุษย์ เทพยดา หรือเป็นศาสดา หรือเป็นครูผู้ประเสริฐเลิศล้ำในไตรจักรวาลพิภพนี้ ถึงความเลื่อมใส ประสิทธิ์ประสาทราชสมบัติให้เจ้าสามเณรสังขกิจจะนั้นเป็นผู้มาครองราชสมบัติ ยกให้ทั้งหมด ถอนยศถอนศักดิ์ หรือศักดาเดชานุภาพ ทั้งที่ภรรยาแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ดังนี้ ถึงปราสาทแก้ว หรือมณเฑียรแก้ว ทั่วไปของดับของดี มีอะไรก็ตามภายนอกนี้ ถือว่าไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงเสียสละราชสมบัติ มอบหมายให้เจ้าสามเณร ราชาภิเษกเป็นกษัตริย์แทน หรือตั้งอยู่ในบรมจักร หรือจักรพรรดิราชดังนั้น ส่วนตนนี้ถือเอาศรีขรรค์ชัย ถอดยศถอดศักดิ์ หรือแก้ว จักรแก้วนั้นให้เจ้าสามเณร แม้ว่าสังขรจักรจะ เดินไปแต่ตีนเปล่า ด้วยความเพียรผู้หวังดี ตั้งหน้าต่อทิศพายัพ ที่จะอยู่เป็นทิศเหนือ เพื่อที่ดำเนินบรรลุไปสู่เป้าหมาย พระเชตวันมหาวิหาร อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น นั่งประทับพระอิริยาบถ เพื่อเทศนาโปรดมนุษย์เทพยดา ตามที่เจ้าสามเณรสังขกิจจะ เล่าอาการที่เป็นไป เพราะด้วยความเลื่อมใส พระเจ้าสังขรจักร เป็นที่ปลดซึ่งอำนาจอันใหญ่ยิ่ง เห็นการดังนี้เพราะเหตุอะไร ดำเนินทางที่เดินไปแต่ พระยุคลทั้งคู่เปล่าๆ ที่เดินพสุธา ทั้งทุ่งสงหรือป่าใหญ่ หรือภูเขา ป่าที่ทึบหนาไปด้วย สัตว์ป่าอันเสพเป็นปกติอยู่ก็ตาม แม้สังขรจักรผู้ที่มีชื่อว่า ปลดเสียซึ่งราชสมบัติให้ เจ้าสามเณรครองแทนดังนั้น ด้วยอุตสาหะ พยายาม ด้วยความเพียร ด้วยขันติธรรม และวิริยะธรรม ไปทั้งนี้ ด้วยคุณงามความดี ปรารถนาอยากจะเจอะ พระผู้มีพระภาคศาสดาจารย์ผู้ประเสริฐ ถึงแม้ว่าเป็นผู้เลิศยิ่งใหญ่ไพศาล ถึงปานนั้นๆ แต่ก่อนจะขี่ยวดยาน หรือจักรแก้วไปรอบจักรวาล ประมาณที่ ๕ นาที ก็ยังไม่ถึง นาทีเดียวเท่านั้น จักรแก้วนั้น อันจะล่องหนบินวนไป คลำเอาสมบัติต่างๆ อันเป็นที่อัศจรรย์ของมนุษย์ ทุกชาติหรือทุกภาษา …ยังที่ว่ามีซี่ได้พันซี่ มีดุมอยู่กลาง ทั้งนี้เพราะเหตุอะไร เพราะฉะนั้น นี้แหละ สังขรจักรปลดอำนาจเห็นการดังนี้ ก็เลื่อมใสในองค์พระผู้มีพระภาค ผู้มีพระรัศมี หรือโอภาส อันที่สว่างไสวไปทั่วจักรวาลพิภพ เพื่ออยากประสพหน้า หรือประทับฟังพระสัทธรรมเทศนา เห็นตามที่ สังขรจักรอุตสาหะ พยายามไปถึงเวลา ประมาณถึง ๗ ปี หรือ ๗ เดือน ๗ วัน ข้ามแม่น้ำทะเลไป นับไม่ถ้วน ข้ามภูข้ามผาไป นับไม่ถ้วน เพราะเหตุอะไร เพื่ออยากจะพบหน้าพระพุทธเจ้าของเรา อันผู้มีชื่อว่า พระควัมปติ ในยุคนั้นสมัยนั้น นับแต่พระศรีศากยะมุนีพระโคดมถอยหลังไปได้ ๑๐๐ พระองค์ นั้นแหละที่ว่าเป็นผู้ได้รับพยากรณ์ ให้พระศรีอาริยเมตไตรย์สังขรจักรนั้น ได้หันมาจะเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย์ ในอนาคต เพื่อโปรดพวกมนุษย์ หรือเทพยดา หรือชาวเราทั้งหลายต่อไป ในท้ายต่อศาสนานี้ อันนี้เป็น ณ วันนี้นะ อันนี้เป็นประวัติอันย่นย่อ ของพระบรมครูของเราผู้ใด ใครผู้หนึ่งที่เราปรารถนาอยากพบท่านหรือที่ การที่เล่าข่าวสาร อันที่อยู่ชั้นดุสิตบนสวรรค์ชั้น ๔
คนเราที่ทำคุณงามความดี ท่านสร้างบารมีคำรบจบแปดหมื่น แปดสิบอสงไขยกำไรแสนมหากัป ผู้มีอายุที่คำรบ ๘ หมื่นปี ในยุคนั้นสมัยนั้น เพราะฉะนั้นคนเราที่ ณ วันนี้ เป็นวันที่สุดท้ายในการปวารณาออกพรรษา ของพระสงฆ์ หรือผู้ดำรงศีลธรรม ค้ำชูพระศาสนา เพื่อประพฤติปฏิบัติ พระไตรลักษณะคมน์ คือพุทธเจ้า พระธรรม พระอรหันต์ เทิดทูนไว้ เล่าเรียนสมณะ สมถะกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานธุระ เพื่อให้เป็นเกียรติแก่พระสงฆ์ผู้ปรารถนาดี ณ วันนี้ คำรบจบไตรมาส ๙๐ วัน หรือ ๓ เดือน ที่ออกมา ณ วันนี้ เพราะฉะนั้น ทายก ทายิกาทั้งหลาย ต่างผู้ที่มีศรัทธานั้น ถึงจะทำลาบาศรี หรือพระสงฆ์ ผู้ดำรงอยู่ในวัดนี้ เพื่อคุณงามความดี ของท่านที่ทำลาบาศรี หรือทำรูปช้าง หรือใบตองกล้วยนี้ ทำเป็นที่โบราณาจารย์ เทิดทูนไว้ ที่เป็นศรัทธา ไปด้วยคุณงามความดี เพื่อธรรม คำสั่งสอนพุทธเจ้า อันที่บรรจุในตนตัวของบุคคล ว่าหาแสวงอานิสงส์ เรามาเกิดเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา เป็นหญิงเป็นชาย เป็นพระเจ้าพระสงฆ์ องค์สามเณรก็ตาม ผู้ปรารถนาดี เอาคุณงามความดี ต่อไปอนาคตหน้า เพราะฉะนั้น ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือบารมีของบรมครูโพธิสัตว์ชื่อว่า ศรีอาริยเมตไตรย์ นั้นที่มาประดิษฐานอยู่เบญจขันธ์ หรือที่บาศรีนี้ ทั้ง ๕ เจดีย์ หรือเป็นที่บาศรีแทนที่ ๗ ชั้นก็มี ๙ ชั้นก็มี หรือ ๓ ชั้นก็มี ทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อความสวยงามประดับ ด้วยธูปเทียนดอกไม้หรือปทุมชาติ ดอกนานา ทุกชนิด ที่คู่ควรบูชาพระรัตนตรัย เอาเป็นวิสัย ความที่เราปรารถนาดี อยากจะให้สังขารและร่างกาย หรือที่กิเลสอันเป็นชั่วหยาบ อันที่เป็นเครื่องปฏิกูลของ ที่โสโครกดองอยู่ในจิตสันดานของเรา ไม่ใสสว่าง ไม่ได้แลเห็นพระไตรลักษณะคมน์ หรือไม่ถึง พระพุทธอันให้แจ่มใส ไม่ถึงพระธรรมอันให้แจ่มใส ไม่ถึงพระอรหันต์อันให้แจ่มใส ยังเป็นปุถุชนผู้หลงอยู่ ฉันใด ที่ดอกไม้หรือสิ่งที่เราคิดกระทำขึ้นวันนี้ เพื่อคุณงามความดี จะมาบรรจุอยู่ใน ที่บายศรี ที่ ๙ ชั้น หรือ ๗ ชั้น หรือ ๓ ชั้นนี้ ต่อไป หรือเป็นตัวของมนุษย์ ผู้ปรารถนาดี จะแทนพบ องค์พระสัพพัญญูพุทธเจ้า พระธรรมนั้นๆ อันที่มีในพระโพธิสัตว์ ที่ดังกล่าวมา ผู้ที่มาเลี่ยงลัด ตรัสเป็นศาสดาจารย์เอก ในโลกเป็นครูสั่งสอนมนุษย์ เทพยดา ต่อท้ายนี้ ถึงบารมีอันจะครบถ้วนบริบูรณ์ ๘๐ อสงไขย พระองค์นั้น คือ ศรีอาริยเมตไตรย์ ผู้ที่มนุษย์ เทพยดา หรือบุคคล ผู้น้อยผู้ใหญ่ ทั้งหญิงทั้งชาย ที่ท่านแต่ละคนปรารถนาอยากพบ หรือในยุคใดก็ตามสมัยใด ยุคนี้ก็ตาม ที่ขอให้คุณงามความดี บารมีของท่านตลอดถึง เพื่อนของบรมโพธิสัตว์นั้นๆ มีรามพุทโธ พระธรรมราช พระธรรมสามี หรือ นารทะ พระรังสีมุนี เทวะเทโว พระนรสีหะ พระติสสะ พระสุมังคละ ๑๐ พระองค์ อันเป็นเพื่อนพระบรมโพธิสัตว์ ที่ทุกข์ยากลำบากอยู่ในวัฏสงสาร กับเพื่อนสัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นญาติๆ นั้น มีบิดา มารดา หรือญาติกาพงศ์วงศา ผู้ที่มีพระคุณอันใหญ่ยิ่ง ของพระองค์นั้นๆ ทุกๆ พระองค์ เป็นที่ได้เลื่อนลอยถอยมาจากพื้นจักรวาลพิภพ ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกชั้นวรรณะ หรือทั้งที่เป็นยมโลกก็ตาม เทวโลก พรหมโลก หรือ อรูป ๔ บารมีของญาติ หรือสรรพสัตว์ พระโพธิสัตว์นั้นๆ ตกอยู่ในอากาศ เม็ดน้ำ เม็ดหิน เม็ดทราย มหาสมุทรใดๆ ภูเขาจักรวาล ป่าหิมพานต์ จะเลื่อนลอยถอยเข้ามาบรรจุไว้ ในสถานที่นี่ หรือในการที่ทำลาบาศรี ที่ ๙ ชั้น ๗ ชั้น หรืออะไรที่ ๓ ชั้นก็ตาม จงให้คุณงามความดีประจักษ์เกิดขึ้นแก่ ตนตัวบุคคลผู้ปรารถนาดี ณ กาลครั้งนี้ต่อไป