จักรพรรดิ ภาคผู้เลี้ยง

วันนี้มาสวดมนต์และพบ พอจ
เอกลักษณ์
ถวาย เหล็กไหลทองทิพย์ รูปเคารพหลวงป๋า
เหรียญนี้ ด้านหลังมีจักร และยันต์ ของวิชชาสายวัดปากน้ำ
กำลังจักรพรรดิ ภาคผู้เลี้ยง
//////
ในการสร้างพระประธานและพระคู่บารมีสำเร็จด้วยหินรัตนชาติ วันนี้ขอบอกตรงๆ เลยว่า ภาคผู้เลี้ยงซึ่งเป็นกายในกาย ณ ภายในของแต่ละกายสุดกายหยาบ กายละเอียด ถึงพระนิพพาน มีจักรพรรดิ และจักรพรรดินั้นถ้าหากจะอาราธนาสถิตอยู่วัตถุใดที่บริสุทธิ์เพียงใด ก็จะเป็นสิริมิ่งมงคลแก่ผู้เคารพกราบไหว้บูชาปฏิบัติบูชา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เป็นเจ้าภาพสร้างขึ้นเพียงนั้น นี่แหละที่บอกไว้อันนี้แหละเป็นเคล็ดลับของวิชชาวัดปากน้ำ ซึ่งหลวงพ่อท่านเป็นผู้ค้นพบ และท่านก็อาศัยภาคผู้เลี้ยงคือ จักรพรรดิรัตนะ 7 และกายสิทธิ์ทั้งหลายซึ่งท่านกลั่นธาตุธรรมดีแล้ว ทับทวีจักรพรรดิดีแล้วให้เป็นภาคผู้เลี้ยงแก่พระพุทธศาสนา ซึ่งมีผลถึงสัตว์โลกทั้งหลายที่จิตใจนั้นน้อมเข้าไปจรดอยู่ ณ ศูนย์กลางกายเพื่อความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจด้วยกัน นี่แหละมันต่อเนื่องกันอย่างนี้
ทีนี้ ภาคผู้เลี้ยงจึงมีคุณค่าทั้งแก่พระสงฆ์ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้เข้าไปศึกษาปฏิบัติธรรม และทั้งแก่สังคมประเทศชาติผู้ที่อยู่ในศีลกินในธรรมด้วย ที่เข้าไปเคารพกราบไหว้บูชาทั้งอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา
ปฏิบัติบูชาทำอย่างไร กราบไหว้แล้วน้อมเอามาสู่ใจตนเป็นโอปนยิโก น้อมเข้ามาสู่ใจตน ทำให้เป็นธรรมะเร็ว ทีนี้เมื่อสัตว์โลกทั้งหลายน้อมเอาความบริสุทธิ์คือพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตลอดทั้งจักรพรรดิรัตนะ 7 ซึ่งซ้อนอยู่ภายใน (เราจะเห็นก็ตาม ไม่เห็นก็ตาม สิ่งเหล่านี้คงมีอยู่) เข้ามาสู่ใจตนเช่นนั้น มีผลให้แต่ละสัตว์โลกสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไป มีกำลังสูงขึ้นในการที่จะบำเพ็ญบารมีไปเพื่อมรรคผลนิพพาน เป็นบุญเป็นกุศล แก่กล้าเป็นบารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมียิ่งๆ ขึ้นไปแก่ตนเอง ผู้ปฏิบัติยิ่งเป็นเท่าไร คือบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เป็นบุญเป็นบารมีที่เราบำเพ็ญส่วนภายนอกเท่าไร ยิ่งมีผลไปถึงภายใน
ผลถึงภายในอย่างไร ?
จักรพรรดินั่นแหละเขาจะเก็บเหตุที่สัตว์โลกแต่ละสัตว์โลกบำเพ็ญคุณความดี ถ่ายทอดส่งกลับไปยังต้นธาตุต้นธรรมหรือเครื่องธาตุเครื่องธรรม เพื่อปรุงเป็นผลเป็นวิบาก ส่งผ่านกลับเข้ามายังธาตุธรรมที่สุดละเอียดของกายหยาบ ตรงกลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม ให้มีผล เจริญงอกงามไพบูลย์ในบวรพระพุทธศาสนา สุขสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วย มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ในส่วนของกายเนื้อหรือกายหยาบ มีการส่งไปมาอย่างนี้
และในขณะเดียวกัน กำลัง หรืออีกนัยหนึ่ง ความแก่กล้าของธาตุธรรม ที่สัตว์โลกทั้งหลายกระทำกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ไปถึงธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ สุดหยาบไปจนสุดละเอียด ก็ไปมีผลถึงต้นในต้นให้แก่กล้ายิ่งขึ้นด้วย เมื่อแก่กล้ายิ่งขึ้นด้วยการสื่อเชื่อมต่อบุญกุศลจากกายเนื้อ ซึ่งเป็นฐานของพระ ถ้าทำคุณความดี ผ่านเข้าไปจากกายแต่ละกายที่มีอยู่ สุดกายหยาบกายละเอียด ผ่านไปทางกายภาคผู้เลี้ยงคือจักรพรรดิ ภาคผู้สอด ผู้ส่ง ผู้บังคับ ผู้ปกครองธาตุธรรมไปจนถึงต้นธาตุต้นธรรม แล้วก็ทับทวีกลับเป็นวิบากกรรมมา ยิ่งใกล้ชิดเข้าไปมากเท่าไร บุญบารมีในธาตุในธรรมสุดหยาบสุดละเอียดของท่านก็แก่กล้าไปตาม จนถึงต้นธาตุต้นธรรมเพียงนั้น และเมื่อถึงที่สุดแห่งความแก่กล้าคือปรมัตถบารมีนั้นแล้ว ท่านก็มีพลังที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานตามส่วน พร้อมกับจะเรียกว่า พระโพธิสัตว์ แปลว่า ผู้บำเพ็ญบารมีเพื่อปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ที่ได้รับพยากรณ์หรือยังไม่ได้รับพยากรณ์ก็แล้วแต่ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น เมื่อองค์ใดได้มาบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็จะยิ่งมีพลังสูงที่จะช่วยสัตว์โลกได้มากเพียงนั้น นี่ในส่วนของการบุญการกุศลมันมีความละเอียดลึกซึ้งไปอย่างนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ได้เปิดเผยเรื่องจักรพรรดิและจักรพรรดินี่แหละเมื่อมีมากขึ้น สะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น ก็จะช่วยให้ผู้เข้าไปนมัสการกราบไหว้ ปฏิบัติบูชา ถึงธรรมะกันได้มาก เรียกว่ากำลังต่อกำลัง ทุนต่อทุน หรือบารมีต่อบารมี เลยทีเดียว
แต่ว่าสัตว์โลกใดกระทำความไม่ถูกต้อง ก็จะมีจักรพรรดิภาคมาร คอยเก็บเหตุที่ไม่ดี ส่งไปยังต้นๆ ของภาคมาร ให้มีกำลังแก่กล้าขึ้น แล้วก็ส่งผลกลับมา อันนี้อาตมายกตัวอย่างให้ดู เช่น กลุ่มประเทศทางตะวันออกกลางมีทรัพยากรมากมาย คนของเขามีทาน มีศีลเหมือนกัน แต่ว่าส่วนที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีน้อย เป็นมิจฉาทิฏฐิมาก ทานกุศลที่เขาทำก็ส่งผลมาเป็นโภคทรัพย์ เป็นมนุษย์สมบัติสวรรค์ สมบัติเหมือนกัน แต่โภคทรัพย์หรือสมบัติทั้งหลายจะเป็นคุณสมบัติ รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ บริวารสมบัติ ทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติแล้ว มันไม่ได้เป็นไปในแนวทางที่ส่งไปยังนิพพานสมบัติได้ เพราะเมื่อมารใช้ให้ทำหน้าที่เป็นฐานแก่มารแล้ว หมดความหมายเมื่อไร มารจะทำลายธาตุธรรมนั้นเสีย เหมือนอย่างสำนักเข้าทรงใหญ่แห่งหนึ่งที่ราชบุรี พูดเท่านี้โยมคงเข้าใจ และสำนักปฏิบัติธรรมใดที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นไปในทางมิจฉาทิฏฐิ ด้วยความโลภ ความหลง ด้วยมานะทิฏฐิของผู้บริหารแล้ว ก็จะเป็นไปในแนวนั้นเช่นกัน มารเก็บเหตุแล้วก็ส่งผลมาทับทวีมาจนแก่กล้า จนทำผิดไม่เห็นว่าตัวผิด นั่นแหละเต็มที่ ผิดแล้วไม่รู้ว่าผิด หลงมะงุมมะงาหรา ไม่โผล่ออกมาสักที เหมือนที่นักประพันธ์ท่านหนึ่งบอกว่า เหมือน ศิลาตกลงไปในบ่อที่ไม่มีก้น ไม่ได้โงหัวขึ้นมา เป็นอย่างนั้น การบุญการกุศลใช่ว่าสักแต่ทำแล้วเป็นบุญ ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญา ให้รู้เท่าทันกิเลส ตัณหา มานะ ทิฏฐิ ของตัวเอง ก็จะเป็นบุญผสมบาป และมันจะนำไปสู่แนวทางนั้น นี่แหละ เพราะฉะนั้นอาตมาจึงพาอธิษฐานขอให้บริสุทธิ์สมบูรณ์ บริบูรณ์ด้วยทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล มีความหมายอย่างนี้นะโยม ไม่ใช่สักแต่พูดๆ มันมีเหตุ มีที่มา อาตมาเข้าใจเรื่องนี้มานาน เห็นเหตุด้วย จึงได้มีคำอธิษฐานเอาไว้ด้วยความสุขุมรอบคอบพอสมควร แต่ถ้าใครเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้อง ก็แนะนำอาตมาบ้าง
แต่ที่อาตมาได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าดีที่สุด เป็นไปในแนวทางที่หลวงพ่อได้แนะนำไว้ แต่คำพูดอาจจะไม่รวมกันเป็นอันเดียวกันทุกคำ แต่ว่าในเนื้อหาสาระมันเป็นอย่างนี้นี่แหละ เมื่อปฏิบัติไปแล้วมันเข้าอย่างนี้
ทีนี้ จุดหนึ่งที่สำคัญที่อาตมาได้พูดไปนั้น โยมฟังแล้วอาจจะนึกว่า สวรรค์สมบัติจะเป็นมิจฉาทิฏฐิได้อย่างไร เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็มีนะ ไม่ใช่ไม่มี เป็นยักษ์เป็นมารก็มี ยักษ์มีกุมภัณฑ์เป็นต้น บรรดาชั้นระดับจาตุมหาราชิกา ก็ใกล้ๆ กับ มนุษย์เรา เพียงแต่ว่ากายเขาใสกว่าเท่านั้น แม้กระทั่งที่สุดถึงชั้นที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตดี ชั้นนี้เป็นที่สูงสุดของเทวโลก เทพยดา ชั้นนี้ต้องการอะไรปรารถนาอะไร ไม่ต้องเนรมิตเอง มีบริวารเนรมิตให้เสร็จ สบายถึงเพียงนั้น แต่ก็ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ ท่านอ่านพุทธประวัติคงจำได้
อย่างเช่น ท้าววสวัตตีมาร ผู้เป็นจอมเทพของสวรรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ท่านลองนึกดูว่าท่านจะแค่ไหน หลังจากพุทธกาลมาประมาณ 100 ปี พระเจ้าธรรมาโศกราช หรือ พระเจ้าอโศกนี่แหละ ศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างสถูปเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น สิ้นทรัพย์มากมาย แต่ว่าไม่สำเร็จ สถูปใหญ่ไม่เสร็จเลยเพราะท้าววสวัตตีมารตามผจญอยู่พร้อมทั้งบริวาร ทีนี้ พระอุปคุต ซึ่งมีจริงนะ จำพรรษาอยู่ใต้สะดือทะเล แต่อย่าไปควานหาสะดือทะเล ในทะเลนี้นะ หาไม่เจอหรอก อันนั้นเป็นมหาสมุทรซึ่งเป็นอายตนะละเอียดนั่นแหละ ได้มาทรมานท้าวสวัตตีมาร ทรมานกันจนแพ้ ว่าอย่างนั้นเถอะ เมื่อยอมแล้วจึงกลับเป็นสัมมาทิฏฐิ และยังปรารถนาพุทธภูมิ อธิษฐานบำเพ็ญบารมีเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า นี่แหละ ท้าววสวัตตีองค์ปัจจุบันแหละ เพราะฉะนั้น สวรรค์สมบัติที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็มี ให้เข้าใจไว้ จากสูงสุดจนต่ำสุด มีทุกชั้น แต่ชั้นที่เป็นมิจฉาทิฏฐิน้อย มีสัมมาทิฏฐิมาก หรือจะว่าที่สุด ก็คือชั้นดุสิตเทวโลก ซึ่งเป็นชั้นของผู้บำเพ็ญบารมี.
แชร์เลย

Comments

comments

Share: