ดวงแก้วขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้อัญเชิญเสด็จมาด้วยวิชาธรรมกาย

Manop Limsuwankiti 13 ตุลาคม 2016  ·

ดวงแก้วขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้อัญเชิญเสด็จมาด้วยวิชาธรรมกาย
เมื่อประมาณเดือนมกราคมปี 2556 ผมได้ไปหารุ่นน้องท่านหนึ่งที่บ้านของเขา น้องท่านนี้เป็นนักปฎิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญจนเขาสามารถมีภูมิธรรมในขั้นสูงมานานแล้วและยังสามารถถอดกายทิพย์ไปในที่ต่างๆเช่นนรก สวรรค์และได้เล่าให้ผมฟังเพื่อประดับเป็นความรู้อยู่บ่อยๆ ในวันนั้นน้องคนนี้ได้มอบลูกแก้วใสให้ผม1ดวง และยังเล่าที่มาให้ฟังอีกว่าดวงแก้วนี้ผมได้ขอพระพุทธองค์ที่อยู่คนละจักรวาลกับโลกของเรามา การเสด็จมาของดวงแก้วนี้พุ่งมาเป็นแสงมีหลายดวงแต่สามารถใช้มือคว้าได้เพียงดวงเดียวจากที่เป็นดวงแสงสว่าง(ของละเอียด)จากนั้นแสงค่อยๆหรี่ลงจนดับกลับกลายเป็นดวงแก้วแข็งใสบริสุทธิ์(ของหยาบ) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2เซ็นติเมตรที่สามรถสัมผัสจับต้องได้อยู่ในมือของน้องเขาและยังพูดอีกว่าผมจะไม่ขออัญเชิญให้ใครอีกแล้วเพราะการที่กระทำแบบนี้ต้องใช้บุญของตนเองไปมาก ตอนนั้นผมรู้สึกเกิดความปิติดีใจอย่างยิ่งที่ได้สิ่งอันเป็นมงคลที่พระพุทธองค์ทรงประทานมาให้แต่ในส่วนลึกในใจก็ยังรู้สึกลังเลใจว่ามีเรื่องแบบนี้จริงๆหรือ เมื่อผมได้ดวงแก้วนี้มา ผมก็ตั้งใจเอาไปให้ช่างเลี่ยมพลาสติกในห้างพันทิพย์งามวงศ์วานที่รู้จักและเลี่ยมกันอยู่เป็นประจำเพื่อจะเลี่ยมพลาสติกกันน้ำเท่านั้น แต่เมื่อช่างได้หยิบดวงแก้วมาพิจารณาดูแล้วพูดกับผมว่าพี่อันนี้เลี่ยมไม่ได้นะข้างในมันนิ่ม ผมก็ยืนยันว่าเป็นแก้วจะนิ่มได้อย่างไรเขาก็ยังคงยืนยันว่าเลี่ยมไม่ได้เพราะข้างในมันนิ่มขณะที่พูดช่างก็ใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือบีบไปด้วยและยังพูดต่ออีกว่า”ผมก็อยากได้เงินของพี่นะแต่ถ้าเลี่ยมแล้วของจะเสียผมก็ไม่เลี่ยม” ผมจึงรับทราบว่าดวงแก้วที่เสด็จมานี้ท่านไม่ต้องการให้เลี่ยมพลาสติกแบบกันน้ำ ผมเลยจำเป็นต้องเดินไปที่ร้านทองในห้างพันทิพย์เพื่อเลือกหาตลับใส่แบบไม่กันน้ำแทนซึ่งปรากฏว่ามีตลับทองเก่าอยู่เพียงหนึ่งใบเท่านั้นที่ใส่ได้พอดีตามรูปที่ 4และ5
ผมเคยเอาดวงแก้วนี้ให้คนที่รู้จักกันหลายคนที่สามารถสัมผัสพลังของพระหรือวัตถุมงคลได้ลองจับดู เมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้สัมผัสจะบอกว่ามีรัศมีของพลังกว้างมากและมีความละเอียดของพลังสูงมากเมื่อสัมผัสพลังของดวงแก้วเสร็จบางท่านจะเอาดวงแก้วนี้วางไว้บนศีรษะของเขาเพื่อขอความเป็นสิริมงคลกันแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถพูดถึงที่มาของดวงแก้วนี้ได้สักคนเพราะผมไม่ได้บอกว่าท่านมาได้อย่างไรจนมีอยู่วันหนึ่งผมได้ไปเจอรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อพี่”วิ”ซึ่งไม่ได้เจอกันมานานหลายปีเพราะเธอไปอยู่ต่างประเทศแต่บังเอิญได้ไปเจอกันที่วัดโกมุทพุทธรังสี ถนนพุทธมณฑลสาย3 ในงานไหว้ครู ผมเคยรู้อยู่แล้วว่าพี่คนนี้มีความสามารถสัมผัสพลังงานและสิ่งเล้นลับได้และผมก็อยากจะลองทดสอบด้วยโดยผมยื่นดวงแก้วนี้ให้เธอและได้พูดว่าพี่ครับช่วยดูสิ่งนี้ให้ผมหน่อยสิ เมื่อเธอรับดวงแก้วจากผมเธอได้เอามือกำดวงแก้วอยู่ในมือและหลับตา เพียงชั่วเวลาไม่ถึง30วินาที เธอได้พูดกับผมเป็นคำแรกเลยว่า “ดวงแก้วนี้เสด็จมานะ”ซึ่งตรงกับความเป็นจริง
30พค.57 ผมได้มาถึงที่ทำงานประมาณ 6.30น.เป็นปกติทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจารจร เมื่อมาถึงที่ทำงานผมจะยังคงอยู่ในรถเพื่อนั่งสวดมนต์ต่ออีกสักครู่แล้วพัก ผ่อนเพื่อรอเวลาเข้าทำงาน ครั้นเมื่อเวลาประมาณ 7โมงเช้าของวันนี้รุ่นน้องที่สนิทกันเหมือนน้องชายแท้ๆชื่อ”ต”ได้โทรมาหาแล้วบอกกับผมว่า เดี๋ยวผมจะมารับพี่และลูกศิษย์รุ่นแรกๆของหลวงตาม้าอีกท่านหนึ่งขอใช้ชื่อว่าพี่”ฮ” ขึ้นไปเชียงใหม่ด้วยกันเพื่อจะไปไถ่เอารูปหล่อไฉ่ชิงเอี๊ยะจากโรงหล่อกุลวัฒนา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่(รูปที่ 6) ที่มีคนได้สร้างเอาไว้แล้วแต่เขาไม่มีเงินไปจ่ายประมาณสองแสนบาทซึ่งน้องชายท่านนี้ได้รวบรวมเงินจากเพื่อนๆที่ร่วมทำบุญกันมาได้เรียบร้อยแล้วเพื่อจะไปเอารูปหล่อดังกล่าวออกมาจากโรงหล่อและจะเอาไปตั้งไว้ที่วัดถ้ำเมืองนะ จ.เชียงใหม่ ผมได้ตอบรุ่นน้องไปว่าพี่คงไปไม่ได้หรอกเพราะไม่ได้ลาล่วงหน้าและวันนี้ต้องมีประชุมด้วย แต่รุ่นน้องดูเขามั่นใจมากว่าผมต้องไปกับเขาได้เพราะเขาบอกกับผมว่าได้ขอหลวงพ่อเดิมไว้ด้วย ผมเลยบอกเขาว่าเดี๋ยวขอเวลาให้เข้างานก่อนเพราะจะลางานกับหัวหน้าผม ซึ่งผลปรากฎว่าในวันนี้เลื่อนการประชุมออกไปเพราะบางคนลางานเหมือนกัน ผมจึงรีบกลับบ้านเก็บเสื้อผ้าเพื่อขึ้นไปเชียงใหม่ด้วยกันกับน้องและพี่”ฮ” ทันที ระหว่างการเดินทางได้ก็มีฝนตกบ้างเป็นช่วงๆเพราะเป็นหน้าฝนแต่ทุกอย่างราบรื่นถึงเชียงใหม่ค่ำๆ พวกเราได้ไปนั่งทานอาหารกันที่เซ็นทรัลเชียงใหม่ จากนั้นก็ไปพักในห้องชุดคอนโดฯของพี่”ฮ”กัน และก่อนนอนพวกเราก็ได้นั่งสมาธิกัน น้องชายได้ขอยืมดวงแก้วที่ผมแขวนติดตัวเอามากำไว้ในมือเพื่อนั่งใช้นั่งสมาธิด้วย หลังจากเลิกนั่งสมาธิแล้วน้องชายก็พูดกับผมว่า ตั้งแต่ได้เคยสัมผัสพลังพระและวัตถุมงคลทั้งหลายมามากมายยังไม่เคยเจอพระหรือวัตถุมงคลชิ้นไหนดีเหมือนกับดวงแก้วนี้เลย ซึ่งมีพลังงานละเอียดดีมากๆ
หลังจากที่ได้แขวนดวงแก้วมาหลายปีรวมกับพระอื่นที่เลี่ยมด้วยเงินจึงทำให้ตลับทองที่ใส่สีออกแดงไม่สวยเลยเหมือนกับว่าเป็นทองที่มีเปอร์ต่ำและพอดีได้เจอเพื่อนที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันชื่อคุณ”น” เธอมีดวงแก้วของท่านนันโทปนันทะนาคราชแขวนอยู่ในคอขนาดน่าจะเล็กกว่าของผมเล็กน้อยและใส่ตลับทองฝังเพชรแท้ดูสวยงามมากผมเลยมีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนตลับเป็นแบบของเธอบ้างแต่พอถามราคาเธอบอกว่า 45,000 บาทเป็นราคาที่เธอรู้จักกันและทำกับร้านนี้อยู่บ่อยๆ ผมเลยเปลี่ยนใจจากที่คิดจะฝังด้วยเพชรแท้ขอเปลี่ยนเป็นใช้เพชรเทียมแทนเพราะเห็นว่าเกินความจำเป็นและก็ไม่ได้เอาแขวนออกมาโชว์ใครด้วย
หลังจากเห็นแบบไม่กี่วันก็ได้เข้าไปห้างพันทิพย์งามวงศ์วานในวันที่17เมษายน ปี 59 เพื่อหาร้านทองตามที่เพื่อนที่สะสมพระแนะนำชื่อร้านเวทย์ยะลา ผมได้สอบถามราคาเบื้องต้นในแบบที่ต้องการทำเป็นตลับทองฝังเพชรเทียมล้อมรอบราคาประมาณ 27,000 บาทแต่ถ้าเป็นเพชรแท้ราคาประมาณ 60,000 บาท ขนาดของเพื่อน 45,000 บาทยังไม่อยากจะทำเลยยิ่ง 60,000 บาทไม่ต้องคิดมากตัดสินใจสั่งเอาเพชรเทียมและได้มัดจำเงินไว้ 3,000 บาท ทางร้านได้วัดขนาดดวงแก้วและเขียนระบุชัดเจนว่าใช้เพชรเทียมในใบสั่งให้ช่างทำรวมทั้งระบุในใบรับเงินมัดจำ(รูป3)จากผมด้วย ผมได้ถามว่าจะเสร็จเมื่อไร ทางร้านบอกว่าประมาณ 2อาทิตย์ เมื่อกลับถึงบ้านก็นึกอยู่ในใจว่าเราทำถวายท่านทั้งทีทำไมเราไม่ทำเพชรแท้ถวายให้ท่านนะมัวแต่เสียดายเงิน แต่เนื่องจากตัดสินใจไปแล้วและยุ่งในเรื่องต่างๆรวมทั้งเรื่องของหลานชายกำลังจะขึ้นไปบวชที่เชียงใหม่ด้วยซึ่งผมก็ได้ลางานขับรถขึ้นไปกับพี่ชายและหลานที่จะบวชขับรถเที่ยวด้วยอยู่ทางเหนือ1อาทิตย์ เมื่อกลับมาที่กรุงเทพฯก็นึกได้ว่าสั่งทำตลับทองฝังเพชรไว้นี่ก็ 2อาทิตย์กว่าแล้วทางร้านไม่เห็นโทรมาแจ้งเลยว่า พอดีผมต้องเข้าไปที่ห้างพันทิพย์ประจำอยู่แล้วเลยเดินไปถามที่ร้าน ก็ได้ความว่าทำตลับเสร็จแล้วแต่ช่างทำผิดไปเอาเพชรแท้ใส่แทนซึ่งมีจำนวนเพชรทั้งหมด 36 เม็ด ทางเจ้าของร้านทองได้หยิบใบสั่งงานให้ผมดูว่าให้ใช้เพชรเทียมแต่ช่างทำผิดนอกคำสั่ง ผมเลยขอดูตลับที่ทำผิดคำสั่งซึ่งมีป้ายราคาเขียนติดไว้ 55,000 กว่าบาท ทางเจ้าของร้านทองยื่นข้อเสนอผมถ้าผมเอาตลับใบนี้เขาจะขายผมแบบเลหลังไม่เอากำไรเลยลดให้เหลือเพียง 40,000 บาทถ้วน เท่ากับลดให้ผม หมื่นห้าพันกว่าบาท ผมจึงตกลงจ่ายโดยไม่ต้องคิดมากเลยเพราะใจหนึ่งก็อยากเอาเพชรแท้ทำถวายท่านอยู่เหมือนกัน และนี่เป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นจากตั้งใจจะใช้เพชรเทียมแต่ในที่สุดต้องใช้เพชรแท้และได้ในราคาที่ถูกมากเพราะถ้าผมสั่งทำแต่แรกราคาเท่าไรก็ต้องเท่านั้นและผมได้เอาไปให้เพื่อนรุ่นน้องที่เลี่ยมพระดูเขาบอกว่าแค่เพชรอย่างเดียว 30เม็ดรวมค่าแรงก็ประมาณ 27,000แล้ว(เม็ดละ300บาท) แต่ตลับใบนี้ใช้เพชร 36เม็ดและยังไม่รวมค่าทองที่หนักอีก 12 กรัมกว่าๆ(รูปที่ 1,2,3)

แชร์เลย

Comments

comments

Share: