เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้
เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ของข้าพเจ้า
มิได้ต้องการให้เป็นการโอ้อวด แต่มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญยิ่ง ๒ ประการ
#คือประการแรก
เพื่อให้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ที่ได้จากการปฏิบัติธรรมจริงๆ
เพื่อให้ผู้อ่านที่ได้ปฏิบัติเข้าถึง และเจอปัญหาแบบเดียวกัน เข้าใจสามารถแก้ไขตนเองได้ทัน
เพราะบางทีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไม่มี ครูบาอาจารย์
อยู่ด้วย
ถ้าตนเองไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็อาจแก้ปัญหาไม่ถูกต้อง ตามแนวทาง ทําให้เกิดผลเสียหนักขึ้นได้
การทำวิชชาชั้นสูงที่ละเอียดมาก ๆ ต้องระวังอย่างยิ่งความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรง ที่ไม่อาจแก้คืนหรือแก้คืนได้ยาก
เช่นอาจพลาดแล้วถูกภาคมารกิเลสมาร ยึดสุดละเอียดไปทําให้หลง ไม่เห็นกิเลสละเอียด ทำให้กาย วาจาใจเบี่ยงเบนไปจากธรรมฝ่ายสัมมาทิฏฐิ ไปทีละน้อย
จนไม่รู้สึกตัว แล้วจะถูกทำลายธาตุธรรม ไปในที่สุด
#ประการที่สอง
เป็นการยืนยันว่า ธรรมกายเป็นของจริง ขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงป๋าทราบ
และมั่นใจได้เลยว่าวิชชาธรรมกาย ที่หลวงป๋าสอนตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) นั้นเป็นธรรมะของจริง ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเมื่อปฏิบัติถูกต้องแล้ว
ย่อมได้ผลจริง ขอพวกเราจงภูมิใจเถิดว่า
เรานั้นไม่เสียชาติเกิดเลย ที่ได้มาเป็นลูกหลานของหลวงป๋า เพราะการสอนของท่าน เปิดใจกว้างเสมอไม่เคยปิดบังวิชชา เรียกว่าเปิดกันจนหมดตัว หมดใจเลยทีเดียว แต่เฉพาะศิษย์กับครูเท่านั้นนะ
ท่านถึงจะให้เห็น เพราะท่านถือว่าจำเป็นในการสอนเพื่อที่ศิษย์จะได้เข้าใจถูกต้อง ครบถ้วนตามจริง
ไม่ถือว่าเป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรมถือว่าเป็นการสอน
ทุกครั้งในการสอนธรรมะ ข้าพเจ้าเห็นกายของท่านใสเป็นแก้วฉัพพรรณรังสี ปกคลุมไปทั่วบริเวณลานธรรม บางครั้งเห็นมีอาสนะเป็นพญานาคเจ็ดเศียร
นั่นหมายถึงท่านเป็นธาตุธรรมที่แท้จริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีที่เปล่งออกมาหมายถึงความเมตตา ต่อสัตว์โลกทั้งหลาย
ไม่เคยแบ่งว่าใครจะเป็นพระหรือมาร และข้าพเจ้าเห็นด้วยตัวเองว่า เมื่อถึงตอนแผ่เมตตา ด้วยความบริสุทธิ์ใจของท่าน แม้แต่ไฟนรกยังดับทั่วทั้งจักรวาล
มีแต่เสียงสาธุ นี่คือการสอนธรรมะในแต่ละครั้ง
ของท่าน
เพราะฉะนั้นที่วัดหลวงพ่อสดฯ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสทำวิชชาทุกวันตลอดเวลา (เรียกว่าวิชชาเป็น)
ที่นั่นจึงเป็นศูนย์รวมแห่งความศักดิ์สิทธิ์
เพราะทุกอณูของวัดหลวงพ่อสดๆ เป็นเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับอยู่เต็มพื้นที่ แต่เมื่อดูด้วยตาธรรม
กายแล้ว จะเห็นเป็นองค์พระมากกว่าเมล็ดทราย
ในท้องมหาสมุทรเสียอีก
จากจุดเริ่มต้นในวิชชาชั้นสูง ที่หลวงป๋าเปิดใจให้กับศิษย์ ซึ่งมีความรู้แค่หางอึ่ง ยังไม่ลึกซึ้งในวิชชาธรรมกายเท่าไรนัก จึงทำให้ข้าพเจ้าผู้เป็นคนที่นับถือศาสนาอื่นมาก่อน เริ่มศรัทธาในศาสนาพุทธ
และด้วยความเมตตาที่ท่านมีให้แก่ศิษย์
ท่านจะคอยประคับประคอง ในเรื่องวิชชาไม่ให้เดินออกนอกลู่นอกทาง อยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าเกิด
สงสัย ขึ้นมาว่าทําไมทุกครั้ง ที่นั่งธรรมะเสร็จแล้ว
แผ่เมตตา ไม่เคยเห็นพ่อแม่ญาติพี่น้องของเราที่เสียชีวิตไปแล้ว มาอนุโมทนาบุญเลย
จึงกราบเรียนให้ท่านทราบ ท่านก็ให้ความกระจ่างมาว่าเขา เป็นมิจฉาทิฏฐิไปอยู่สุดขอบจักรวาลโน่น
วิธีช่วยน่ะมี แต่การช่วยคนนอกศาสนาไม่เหมือนกับชาวพุทธที่อยู่ในนรกนะ เพราะต้องแลกด้วยบุญบารมี
(หมายถึงบุญบารมีของท่านที่สร้างมาจะต้องถูกตัดทอนลดลงไป)
ฉะนั้น ให้เลือกมาคน จะเอาใคร
ข้าพเจ้าก็ขอเลือกแม่ ท่านเริ่มทำสมาธิ
ให้ข้าพเจ้าทำสมาธิตามไปด้วย ในระหว่างที่เดินวิชชาอยู่นั้น จะเห็นท่านเดินนำหน้าไปยืนคอยอยู่แล้ว
เราก็เข้ากลางตามท่านไป ความรู้สึกเวลานั้น
ไม่เหมือนกับนั่งสมาธิแล้ว เหมือนกับว่าเข้าไปในมิติของแดนสนธยาเลย ยิ่งเดินก็ยิ่งมืดเห็น
แต่หลวงป๋าองค์เดียว เพราะรัศมีกายท่านสว่างมาก
แต่บริเวณนั้นมืดหมด ในที่สุดท่านก็บอกว่าถึงแล้วนะให้เรียกชื่อแม่ ๓ ครั้ง ท่านว่าแม่มาแล้ว
ข้าพเจ้ามองไปที่เท้าของหลวงป๋า
เห็นแม่นั่งยอง ๆ ผิวหนังขาดวิ่น ผมเป็นกระเซิง
เห็นสภาพของแม่แล้วน้ำตาไหล ด้วยความสงสารเสียงหลวงป๋าดังขึ้นทันที เข้ากลางเอาไว้
เพราะจิตเริ่มส่าย ภาพของแม่เริ่มเลือน ๆ
ถ้าคุมสติไม่อยู่คงต้องเริ่มต้นกันใหม่ เข้ากลางอยู่พักหนึ่งเมื่อใจเริ่มเป็นปรกติ ท่านก็ให้เรียกแม่อีก
ครั้งแรกแม่ทำท่าตกใจ เมื่อเห็นข้าพเจ้าเพราะเราเป็นองค์พระอยู่ หลวงป๋าให้เรียกแล้วให้บอกว่า เราเป็นลูกชื่ออะไร เมื่อแม่จำได้ก็ร้องไห้
ขออธิบายเรื่องความจำของแม่สักนิด
คนที่ตายไปแล้ว ถ้าสมัยที่มีชีวิตอยู่ ไม่เคยฝึกสมาธิตายไปก็จำอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่เราเกิดมาจากไหนเป็นอะไรมาก่อน เราก็ไม่รู้ ต้องมาฝึกสมาธิถึงจะรู้อดีตได้ แต่ที่แม่จำได้ ก็เพราะหลวงป๋าคุมอยู่ตลอดเวลา
ในที่สุดท่านก็ให้แม่รับไตรสรณาคม โดยการให้ข้าพเจ้าเข้ากลางแล้วถ่ายทอด เสียงของหลวงป๋าไปยังแม่ เมื่อแม่รับไตรสรณาคมแล้ว ก็กราบ ๓ หน เป็นการยอมรับในบวรพระพุทธศาสนา
แล้วหลวงป๋าก็ให้ใช้จักรแก้ว เป็นพาหนะส่งแม่
ไปยังสวรรค์ ก็ช่วยได้แค่ดาวดึงส์เท่านั้น
เพราะบุญของแม่มีน้อย แถมยังทำบุญกับศาสนาของตัว โดยการฆ่าสัตว์ใหญ่ตามความเชื่อ ของบรรพบุรุษว่า เมื่อตายไปจะได้ขี่วัวแพะขึ้นสวรรค์ ไม่ต้องเดินให้ลำบาก
ความเมตตาของหลวงป๋า ในครั้งนั้น ทำให้ข้าพเจ้าทราบซึ้ง ในความกรุณาของท่านเป็นยิ่งนัก
จะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านได้เลยในชาตินี้
จึงขอมอบกายถวายชีวิต แด่บวรพระพุทธศาสนาตราบเท่าชีวิตจะหาจะหาไม่
และทุกภพทุกชาติไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
#อีกเรื่องหนึ่ง
เป็นเรื่องของการทำวิชชา เมื่อทำสมาธิเข้ากลางไปจนถึงหัวแก๊ส (ธาตุล้วนธรรมล้วนที่บริสุทธิ์)
ในที่สุดละเอียด องค์พระผุดขึ้นมา แต่กลับแตกละเอียดเอง โดยที่ยังไม่ได้ทำวิชชาระเบิดเลย
หลังจากนั้นก็สว่างระยิบระยับเป็น ทางช้างเผือกแล้วเห็นหลวงพ่อมายืนขวางไว้(หลวงพ่อสด)
จึงเกิดความลังเลว่าจะเข้าไปดีไหม
เพราะสว่างเหลือเกิน ระหว่างที่ลังเลอยู่นั้น
เสียงของหลวงป๋า บอกมาทันทีเลย ขณะที่กำลังสอนอยู่ อย่าเข้าไป จากนั้นท่านก็สอนตามปรกติ
เมื่อนั่งสมาธิเสร็จก็คลานเข้าไปหาท่าน
ยังไม่ทันจะพูดอะไร ท่านก็บอกว่า จำไว้นะเมื่อเป็นคนของหลวงพ่อแล้ว (หมายถึงหลวงพ่อสด) ท่านจะไม่ทิ้ง เพราะถ้าเดินเข้าไปก็จะถูกภาคมารเขายึดสุดละเอียดไป
หลังจากนั้น เขาจะให้ความสมบูรณ์ทุกอย่าง
เป็นต้นว่าทรัพย์สมบัติ หรืออะไรต่อมิอะไร
ก็ได้ทั้งนั้น เพื่อทำให้เราหลง แต่พอหมดประโยชน์กับเขาแล้ว ทีนี้แหละ ความเดือดร้อนนานัปการ
จะทับทวีเป็น ๑๐ เท่า ๑๐๐ เท่าเลยทีเดียว
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ความเชื่อมั่นความศรัทธาต่อวิชชาธรรมกายเปี่ยมล้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ชี้ให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของหลวงป๋า
ที่มีต่อศิษย์ ถ้าเราตั้งใจทำวิชชา ความรู้สึกเวลานั้นอยากร้องไห้ แต่ก็อาย ทีนี้ทุกครั้งที่นั่ง ต่อหน้าท่าน
ก็ต้องระวังตัว ไม่กล้ากระดิกใจออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ท่านจะพูดกับข้าพเจ้าเสมอว่า
จงร่วมกันสร้างบารมี
ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย ความลับของหลวงป๋าในธาตุธรรม ขององค์ต้นของหลวงพ่อสด ยังมีอีกมากมายท่านที่เป็นลูกศิษย์ทั้งหลาย จงรีบตักตวงวิชชาให้มากที่สุดเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
อย่าให้ต้องเสียใจในภายหลัง เมื่อไม่มีท่านแล้ว
ความเป็นธาตุธรรมที่แท้จริงนั้น เปรียบเสมือนความศักดิ์สิทธิ์
ฉะนั้นใครก็ตามที่คิดไม่ดี ทั้งกาย วาจาใจ ต่อท่านขอบอกได้เลยว่า ท่านผู้นั้นเมื่อตายไปแล้ว
มีที่อยู่แน่นอนคือนรกภูมิ จะเป็นขุมไหนก็เลือกได้
ตามสบายเลย เผลอ ๆ ยังไม่ทันจะตาย กรรมก็ตามทันเสียแล้ว พิสูจน์กันเอาเองก็แล้วกัน
ข้าพเจ้าไม่เอาด้วย ผู้ทำวิชชาจะรู้ดีว่า
อาจารย์ของเขาเป็นอย่างไร
พูดถึงเรื่องรู้จิตใจมีเรื่องขำ ๆ หลายเรื่อง
จะเล่าให้ท่านผู้อ่านทราบสัก ๒ เรื่องเรื่องแรกเป็นเรื่องของน้ำพริกครั้งหนึ่งท่านเล่าถึงชีวิตฆราวาส
สมัยหนุ่ม ๆ ท่านทำกับข้าวเก่ง ตำน้ำพริกก็เก่งน้ำพริกอะไรใส่อะไร ท่านตำอร่อยทั้งนั้น เราก็คิดในใจเก่งจังเลยเราเป็นผู้หญิงแท้ ๆ เป็น แต่น้ำพริกกะปิ
แต่เราก็อร่อย เสียงท่านหัวเราะ แล้วบอกว่าเออน้ำพริกกะปิของเอ็งอร่อย ข้าพเจ้าหยุดคิดทันที
ทับทวีองค์พระอย่างเดียวเลย
มีครั้งหนึ่ง นั่งรถจากกรุงเทพฯไปวัดหลวงพ่อสดฯ กับท่าน พอรถเลี้ยวเข้าวัดพญานาคองค์ใหญ่ที่ดูแลวัดหลวงพ่อสดอยู่ ก็ขึ้นมาล้อมโบสถ์
ข้าพเจ้าเห็นแล้วไม่กล้าพูด กลัวจะโดนดุ
เพราะมีทั้งพระและโยมเต็มรถ หลวงป๋าพูดขึ้นมาลอย ๆ ไอ้นิดพรรคพวกเขาขึ้นมาต้อนรับแล้ว
ท่านก็ชี้มือ ไปทางโบสถ์ ทุกคนในรถเป็นงง
ที่อยู่ดี ๆ หลวงป๋าพูดขึ้นมาลอย ๆ ถามกันใหญ่อะไรอยู่ไหน ท่านหัวเราะชอบใจ พญานาคที่ปรากฏนั้นเป็นกายละเอียด ผู้ที่ไม่มีตาใน จึงไม่เห็น
ปกติหลวงป๋าจะเป็นพระอารมณ์ดี เป็นกันเองกับลูกหลานเสมอ แต่ถ้าเรื่องวินัยสงฆ์แล้ว
ท่านจะเคร่งครัดมาก ในเรื่องของธรรมะสำหรับตัวข้าพเจ้าแล้วต้องถือว่าหลวงป๋า ท่านทำคลอดมากับมือเลยทีเดียว จึงได้รับอิทธิพลของความเคร่งครัดมาจากท่าน โดยเฉพาะเรื่องศีล
ดังนั้นเมื่อไปทําบุญที่วัดอื่นใดก็ตาม
ถ้าเห็นพระเณรเลี้ยงนกใส่กรง สอยผลไม้เอาไปฉันและการกระทำอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ถูกต้อง ตามพระธรรมวินัย บอกว่ารับไม่ได้
เรื่องต่างๆที่เล่ามาเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าประสบมากับตัวเอง ในปีแรกเท่านั้น ปัจจุบัน10 ปี แล้ว ที่อยู่
ในสำนักนี้มา
ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร
ถึงความเชื่อมั่นและศรัทธา ในวิชชาธรรมกาย
ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ (สดจนฺทสโร) นำมาสอน แล้วหลวงป๋าน้ำมาถ่ายทอดต่อ ที่เป็นของจริงพิสูจน์ได้ แม้องค์พระธรรมกายก็สัมผัสได้
ครั้งหนึ่งเมื่อข้าพเจ้าทำวิชชาชั้นสูง เข้าไปในธาตุธรรมสุดละเอียดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อสดได้ยินเสียงของท่านดังขึ้นมาว่า
ผู้ที่เป็นหลักสำคัญใน การเผยแพร่วิชชาธรรมกายที่เป็นของจริงของแท้ในขณะนี้ มีอยู่สององค์คือท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถระ (วีระคณุตฺโม) ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงป๋า และเสริมชัยเมื่อนำมาพิจารณาดูแล้ว
ก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างนั้น ดูได้จากการเผยแพร่วิชชาธรรมกาย ที่ถึงพร้อมด้วยเนื้อหาวิชชา ทั้งทางเอกสารหนังสือและนิตยสาร“ ธรรมกาย” ทางวิทยุ
ทางโทรทัศน์และสื่ออื่น เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
เนื้อหาการสอนวิชชาธรรมกาย ชั้นต้น กลาง สูง
ของทั้งสององค์ มีความละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก
ดังตัวอย่างที่เล่าให้ทราบข้างต้น
ถ้าไม่ได้หลวงป๋าผู้เขียนก็อาจหลงทาง ถูกภาคมารยึดสุดละเอียดไปแล้วก็ได้ ในปัจจุบันไม่ได้ยินว่ามีใครสอนเนื้อหาวิชชาธรรมกายชั้นสูง ได้ลึกซึ้ง
เปิดวิชชาเต็มที่เช่นนี้ ท่านผู้อ่านที่สงสัยสามารถพิสูจน์ได้จากคำสอนของท่านทั้งสอง
แม้แต่ชาวต่างประเทศที่มาอบรมพระกัมมัฏฐานที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามอ. ดำเนินสะดวกจ. ราชบุรี ก็สามารถปฏิบัติจนได้วิชชาธรรมกายชั้นสูงสามารถเห็นนิพพาน ภพสามโลกันต์ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ ว่าเป็นจริงอย่างไร
ได้ด้วยตนเองไม่ต้องหลับตาเดา
ผิด ๆ ถูก ๆ
ดังนั้นเมื่อเรามีบุญวาสนา ได้พบพระที่แท้
สะอาดบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นธาตุธรรมที่แท้จริง ของต้นธาตุต้นธรรม คือหลวงพ่อภาวนา
และหลวงป๋าของเราแล้ว จงอย่าปล่อยให้โอกาสอันงามที่จะได้ศึกษาวิชชาชั้นสูง ที่ลึกซึ้งหลุดไป
สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่าน ที่รักทั้งหลาย
มีศรัทธาพร้อมด้วยปัญญา แยกแยะผิดถูกได้ถูกต้องจงพิสูจน์ด้วยตนเอง อย่าให้น้อยหน้าชาวต่างประเทศที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา จนได้วิชชาธรรมกายชั้น สูงไป ธรรมะเป็นของสูง เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด
จงรักษาไว้ตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ ทุกภพทุกชาติไป
ตราบเท่าเข้าสู่นิพพาน ขอความสันติสุขจงเกิดแก่ชาวโลกทั้งหลาย จงรักกันเสมือนกับเป็นสายเลือดเดียวกัน อย่างเช่น หลวงป๋ารักเราทุกคน
มาอ่านเรื่องเก่าในอดีตอีกครั้ง ภาพต่างๆพร้อมบรรยากาศนั้นๆ ก็ผุดขึ้นมาเป็นทิวแถวเชียว…คิดถึงนะ “นิด”(จิรภา – มือหนึ่งอีกคนของหลวงป๋าในยุคนั้น)..