ที่มาของชื่อพระรุ่น “เทพนิมิต” โดยทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 29 เม.ย. 2557
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ได้ดำเนินการก่อสร้างหอฉัน (ตึกสมเด็จฯ) ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นโรงครัวของวัดและเป็นที่ฉันภัตตาหารของพระภิกษุ และเป็นที่ประกอบกิจกรรมทางพระศาสนา
การสร้างพระรุ่นนี้ได้มีการนำผงวิเศษที่เหลือจากการสร้างพระของขวัญรุ่น 1 รุ่น 2 และรุ่น 3 ซึ่งสร้างสมัยหลวงพ่อสดยังมีชีวิตอยู่ พร้อมทั้งผงจากพระของขวัญรุ่น 4 ผงว่าน 108 ผงจากเกสรดอกไม้ที่ใช้บูชาพระของวัดหลวงพ่อสด เส้นเกสาของหลวงพ่อภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตโม) ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาของวัดปากน้ำภาษีเจริญ และที่พิเศษคือได้มีการนำผงเหล็กไหลตัดสดของอาจารย์วิน แคล้วคลาด มาบดให้เป็นผงผสมลงไปในการสร้างพระรุ่นประวัติศาสตร์เทพนิมิต (รุ่นพิเศษ 19999) นี้ด้วย
พระชุดนี้ได้เข้าพิธีอธิษฐานจิตในแนววิชชาธรรมกายหลายครั้ง (ทำกันอย่างประณีต) โดยร่วมกันเดินวิชชาตลอดพรรษาของปี 2540 นำโดยท่านเจ้าอาวาสพระมหาเสริมชัย ชยมังคโล (หลวงป๋า) และพระสงฆ์ที่บรรลุวิชชาธรรมกายชั้นสูงแล้วอีกหลายรูป โดยได้น้อมจิตอาราธนาพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ต้นธาตุต้นธรรมที่สุดละเอียด พร้อมทั้งอาราธนาหลวงพ่อสด อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย และครูบาอาจารย์ที่อธิษฐานจิตทำหน้าที่ดูแลรักษาพระศาสนา อาทิเช่น หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ฯลฯ มาร่วมอธิษฐานจิตตั้งผังความศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดแก่พระชุดนี้อย่างเต็มที่ ให้สมกับที่จะเป็นพระชุดประวัติศาสตร์ของวัดหลวงพ่อสดและของประเทศชาติต่อไป
นอกจากนั้นยังได้อัญเชิญเทพพรหมฝ่ายสัมมาทิฐิผู้ทรงฤทธิ์อานุภาพเช่น ท้าวสักกะเทวราช (พระอินทร์) พญานาค พญาครุฑ พญาเหล็ก ฯลฯ เข้าร่วมอธิษฐานจิตให้กับพระชุดนี้อีกคำรบหนึ่งด้วย
ทางวัดตั้งใจที่จะมอบพระชุดนี้ให้แก่พุทธศาสนิกชนที่ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดี เพื่อนำมาใช้เป็นพุทธานุสติ เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เพื่อคุ้มครองผู้มีไว้บูชาให้รอดพ้นจากภัยต่างๆ ในยุคนี้ โดยอธิษฐานจิตให้ครอบคลุมพุทธคุณ 9 ประการคือ แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มหาอำนาจ มหาลาภ คุ้มกันสรรพภัย (รวมถึงภัยจากสงครามนิวเคลียร์) ป้องกันภัยจากเขี้ยวงาอสรพิษ คุ้มกันภัยจากคุณไสย-ไข้ป่า ป้องกันภูติผีปีศาจ และที่พิเศษสุดคือมีการตั้งผังพลิกธาตุพลิกธรรมให้เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิ เพื่อให้ผู้ที่มีไว้ติดตัวจะได้มีจิตใจฝักใฝ่ในการบุญการกุศลอีกด้วย
เมื่อสร้างพระชุดนี้เสร็จ
หลวงป๋าท่านก็ได้แจกให้แก่พระภิกษุที่อยู่ภายในวัดหลวงพ่อสดท่านละ 1 องค์ พระที่ท่านได้รับไปต่างก็ได้รับประสบการณ์กันหลายท่าน เช่น โดนของมีคมต่างๆ บาดแต่ไม่เข้าในขณะควบคุมการก่อสร้างภายในวัดจนเป็นที่อัศจรรย์ โดยมีพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ เช่น พระมหาถิรเดช พระมหาสุจิตต์ และสามเณรชัยวัฒน์ เป็นต้น
สำหรับที่มาของชื่อรุ่น “เทพนิมิต” นั้น เนื่องจากได้มีเทพธิดาองค์หนึ่งมานิมิตให้กับตัวผมเอง (ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์-อู๋) โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเวลาใกล้รุ่งของวันที่ 21 กันยายน 2540 ในนิมิตฝันนั้นได้มีเทพธิดาองค์หนึ่งเดินเข้ามาหา เทพธิดาองค์นี้มีใบหน้ายิ้มแย้มผิวขาวหมดจดงดงาม อายุประมาณ 16-17 ปี สูงประมาณ 165 ซ.ม. ตัดผมสั้น แต่งชุดขาวเหมือนคนไปวัดทั่วไป
เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วก็เอามือชี้มาที่บริเวณหน้าอกของผมแล้วพูดโดยไม่ได้เปิดปากด้วยเสียงอันไพเราะอ่อนหวานขึ้นมาว่า “พระองค์ที่แขวนอยู่นั้น เป็นพระที่ดีมีรัศมีสว่างมาก แต่สว่างเหมือนเวลา 8 โมงเช้า” ซึ่งพระที่ผมแขวนอยู่ในฝันและเป็นพระที่ผมใช้อยู่ประจำนั้น เป็นพระกรุเก่าแก่จากกรุที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แล้วท่านเทพธิดาองค์นั้นก็ยังพูดต่อไปอีกว่า “แต่ก็สู้พระองค์นี้ไม่ได้ เพราะพระองค์นี้มีรัศมีสว่างเหมือนพระอาทิตย์ในเวลาเที่ยงวัน” พร้อมกับยื่นพระองค์หนึ่งส่งมาให้ผมดู
ผมรับพระองค์นั้นมาพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่งก็มีความคิดว่า พระองค์นี้เป็นพระอะไรไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นพระผงสีขาวสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ตรงด้านหลังกลางองค์พระมีของสิ่งหนึ่งลักษณะคล้ายแก้วใสขนาดเล็กฝังอยู่ด้วย ล้อมรอบด้วยอักษรขอม 3-4 ตัว แต่อ่านไม่ออกไม่ทราบว่าเขียนว่าอะไร เมื่อพลิกมาที่ด้านหน้าองค์พระก็เห็นว่าเป็นรูปพระพุทธรูปองค์หนึ่ง พยายามเพ่งดูอยู่นานจึงมั่นใจว่ายังไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน ในใจคิดว่าพระองค์นี้จะดีจริงอย่างที่ท่านเทพธิดาบอกหรือเพราะพระก็มีขนาดเล็กนิดเดียว จากนั้นก็สะดุ้งตื่นแต่ก็ยังสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ดี เพราะเป็นนิมิตที่แปลกประหลาดไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต และเป็นนิมิตที่ชัดเจนเหมือนว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ
ในวันเดียวกันนั้นเองซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ผมและภรรยาได้ไปทำบุญที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เพื่อร่วมงานทอดผ้าป่าของวัดซึ่งจัดโดยพระนวกะ (พระบวชใหม่) เมื่อไปถึงวัดแล้วผมก็ชอบปลีกตัวไปหาที่นั่งสมาธิ โดยได้เข้าไปนั่งที่ชั้นลอยใต้ถุนโบสถ์ของวัดหลวงพ่อสดเพราะเป็นที่สัปปายะไม่มีใครรบกวนเหมาะแก่การนั่งสมาธิเป็นอย่างมาก หลังจากที่นั่งสมาธิเสร็จผมก็ได้ขึ้นไปที่บนโบสถ์เพื่อกราบพระประธานและพระศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็ได้พบกับพระวิวัฒน์ชัยซึ่งดูแลโบสถ์และมีความคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
ท่านได้ทักทายผมว่า “โยมอู๋ได้เห็นพระชุดใหม่ของวัดหรือยัง” ผมก็ตอบท่านไปว่า “เคยแต่ได้ยินว่าที่วัดจะออกพระชุดใหม่แต่ยังไม่เคยเห็นครับ” ท่านวิวัฒน์ชัยจึงได้หยิบพระมาให้ดูองค์หนึ่ง เมื่อผมเห็นก็ต้องตกตะลึงเพราะองค์พระมีลักษณะเหมือนกับพระที่ท่านเทพธิดานำมาให้ดูไม่ผิดเพี้ยน ทั้งขนาด สีสันขององค์พระ และการฝังเม็ดพลอยขนาดเล็กที่ตรงกลางพระด้านหลัง และยังมีอักษรขอมเขียนไว้ 4 ตัว (สัมมา อะระหัง) ที่ด้านหลังอีกด้วย
ผมจึงบอกท่านวิวิฒน์ชัยไปอย่างตื่นเต้นว่า “ผมเคยเห็นพระองค์นี้มาแล้ว แต่เห็นในนิมิตฝันเมื่อเช้าวันนี้เองครับ” พร้อมกับเล่าความฝันให้ท่านฟัง ท่านฟังเสร็จก็พลอยตื่นเต้นไปกับผมด้วยเพราะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ แล้วพระชุดนี้ก็เพิ่งจะออกมาใหม่แต่ก็สร้างปรากฏการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาภายในระยะเวลาอันสั้น
หลังจากนั้นเมื่อผมได้พบหลวงป๋าผมก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง แล้วจึงขออนุญาตท่านว่าขอให้พระชุดนี้มีชื่อเรียกว่ารุ่น “เทพนิมิต” เพื่อเป็นที่ระลึกว่าเป็นรุ่นที่ท่านเทพธิดาได้มาการันตีว่าเป็นพระที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง หลวงป๋าท่านได้ฟังเรื่อ’ที่ผมเล่าจบแล้วท่านก็อนุญาตให้ใช้ชื่อตามที่ผมขอ
เพิ่มจากท่านอื่นๆ
phon
- Hero Member
เล่าเรื่องพระของขวัญรุ่น เทพนิมิต
มีคนๆหนึ่ง ชอบทดลองว่า พระของขวัญ รุ่นนี้ จะศักดิ์สิทธิ์ หรือว่า แรงและเร็ว ขนาดไหน
ปกติ เวลาทดลอง ต้องลองกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก
ว่า พระเครื่องนั้น ส่งผลได้เร็วขนาดไหน
วันหนึ่ง ชายคนนั้น ก็นำพระของขวัญรุ่น เทพนิมิต มาดูแล้ว นึกองค์พระ ตามแผ่นพับวิธีใช้พระของขวัญ ของวัดปากน้ำ
แล้ว ก็อธิฐานลงไปว่า ถ้าจะซื้อหุ้น ตัวหนึ่ง แล้วได้กำไร จะทำบุญ ครึ่งหนึ่งของกำไร ที่ได้ เพื่อร่วมสร้างบารมีร่วมกันกับพระของขวัญ
เสร็จแล้ว เขาโทรศัพท์ ไปสั่งซื้อหุ้นที่ราคาเปิดซื้อขายของวันนั้น ผ่านไปไม่ถึง 5นาที เขาสั่งขายทันที
ปรากฏว่า ได้กำไร 2หมื่น บาท ในเวลา แค่ 5 นาที
ผ่านไป 3 วัน เขาก็ลืม โอนเงินที่ว่า จะทำบุั้ญ 10000 บาท ให้กับ ทางวัดหลวงพ่อสดฯ เพื่อทำตามที่อธิฐานไว้
ผลปรากฏว่า วันที่ 4 หลังจากขายหุ้น ได้รับเงินกำไรแล้ว เขาขับรถไป วันนั้น เป็นอะไรไม่รู้ เขาขับรถไปชน รถคันข้างหน้า เสียทรัพย์ไป 2000 บาท
เขารีบโอนเงินไปทำบุญ ทันที ตามที่ได้อธิฐานไว้
จากการทำบุญ ก็ได้พระของขวัญมาอีก เป็นพระสมเด็จเหล็กไหล ขนาดเล็ก
ตั้งแต่นั้นมา เขาก็รู้ว่า รุ่นนี้ แรงมาก แล้วก็เร็วมาก และก็ไม่กล้าทำแบบนั้นอีก
แต่ว่า ตั้งใจทำงาน แล้ว ให้พระของขวัญช่วย ในการทำงานอย่าได้มีอุปสรรคใดๆ
งานที่ยากก็ขอให้ง่าย งานที่ง่าย ก็ให้ง่ายยิ่งขึ้น
จะได้มีเงินมาทำบุญ ต่อไปเรื่อยๆ แบบว่า บุญต่อบุญ
คำถามตามมาว่า ทำไม ไม่ใช้ธรรมกายตรวจดูจักรพรรดิ์ในพระของขวัญ
เขาบอกว่า ดูไม่เป็น แต่ว่า รู้ว่า วิธีใช้พระของขวัญตามแผ่นพับเป็น เท่านั้นเอง
เล่าไว้ แบบว่า ฟังหูไว้หูครับ
nineprem
- Full Member
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์จากพระของขวัญรุ่นนี้ครับ ถือว่าได้ประกาศอานุภาพของพระรัตนตรัยไปในตัว
เดือนที่แล้วผมมีความตั้งใจจะร่วมทำบุญเจดีย์ จริง ๆ แล้วตอนแรกตั้งใจว่าจะทำบุญแค่ 2-3 พันบาทก่อน แต่พอเปิดกระทู้พระบูชาและพระเครื่องของวัดหลวงพ่อสดฯ ที่คุณ mr.surin โพสต์ไว้ ผมก็เปิดดูไปเรื่อย ๆ ครับ ยอมรับว่าละลานตามาก แต่ก็ดูไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร เพราะปกติเป็นคนที่ไม่นิยมพระเครื่องครับ ปกติผมก็ไม่ได้แขวนพระอะไร ถ้าจะชอบผมชอบเป็นดวงแก้วมากกว่า
แต่แล้วก็มาสะดุดตอนเปิดมาถึงพระเครื่องรุ่น “เทพนิมิต” นี่แหละครับ แว่บแรกที่เห็นคิดว่าพระรุ่นนี้มีลักษณะคล้ายพระผงวัดปากน้ำรุ่นแรก ๆ เพียงแต่เป็นปางนั่งสมาธิ แล้วก็รู้สึกว่ามีรายละเอียดชัดเหลือเกิน ทั้งพระพักตร์และริ้วจีวร อย่างกับเป็นภาพปูนปั้น เห็นแล้วชอบจริง ๆ ครับ รู้สึกติดตาติดใจมาก
พออ่านข้อมูลต่อไปพบว่า ต้องทำบุญ 5000 บาทขึ้นไป และพระรุ่นนี้ยังมีอยู่ ผมก็ตัดสินใจทำบุญ 5000 บาททันที หลังจากนั้นอีกไม่นานก็ไปโอนเงินเข้าบัญชีวัด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้พระนะครับ อยู่ในระหว่างรอจัดส่ง
ตั้งแต่วันแรกที่เห็นภาพพระองค์นี้ (ยังไม่ทันได้ทำบุญ) เวลานั่งสมาธิผมก็นึกถึงพระองค์นี้ตลอดครับ อาศัยภาพจากคุณ mr.surin นี่แหละครับ อาศัยเป็นนิมิตมาเดือนกว่า ๆ แล้ว และในขณะที่กำลังออกจากสมาธิ ผมก็นึกถึงคำสอนของหลวงปู่ว่า ให้อธิษฐานกับพระของขวัญ “ขอให้ธุรกิจของข้าพระพุทธเจ้า ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม”
จากนั้นปรากฏว่าเดือนที่แล้วธุรกิจที่ผมทำอยู่คือขายของทางอินเตอร์เน็ต มีคนสั่งซื้อเยอะมากครับ สมมติว่าจากปกติสั่งเดือนละ 2-3 ชิ้น เดือนที่แล้วสั่ง 6 ชิ้นเลยครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอานุภาพของพระองค์นี้จริงหรือเปล่า เพราะยังไม่ได้มีเป็นของตัวเองเลย แต่ในใจลึก ๆ คิดว่าใช่
พระของขวัญรุ่นเทพนิมิตนี้ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ครับ
หยุดไปด้วยกัน
- Full Member
ผมเองก็มีพระของขวัญรุ่นนี้ในความครอบครองอยู่ 1 องค์
ซึ่งการได้มาของพระของขวัญองค์นี้ เป็นการได้มาแบบที่ไม่ได้แสวงหา
เป็นการได้ชนิดที่เรียกว่า ผมเองก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555
วันนั้นพอดีผมไปวัดหลวงพ่อสดฯ ก็ไปตั้งทุนภัตตาหารประเดิมก่อน 1,000 บาท
ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ เนื่องจากอาทิตย์ก่อน มีเหตุฉุกเฉินบางประการที่ทำให้ผมไม่สามารถมาวัดได้
คือผมตั้งใจจะมาวัด มาตั้งทุนตั้งแต่อาทิตย์ก่อนนี่แหละ แต่ไม่ได้มา ก็เลยมาตั้งทุนในอาทิตย์ถัดไปแทน
ผมไปติดต่อพระเจ้าหน้าที่ที่ประชาสัมพันธ์ 2 ว่าจะมาตั้งทุน 1,000 บาท
กรอกอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบขึ้นศาลาสมเด็จฯ ไปปฏิบัติธรรมรอบเช้า
ก็ไม่ได้รอให้เสร็จเรียบร้อยก่อน กะว่าเสร็จจากตรงนั้นแล้วค่อยมาเอาทีเดียวตอนเที่ยง
เพราะพระเจ้าหน้าที่ก็น่าจะยังเก็บพวกใบเสร็จอะไรต่าง ๆ ไว้ให้อยู่แล้ว
หลังจากเสร็จเรีัยบร้อยแล้ว ผมก็ลงมาเอาพวกใบเสร็จอะไรต่าง ๆ ที่ประชาสัมพันธ์ 2
แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจที่ีสุด ก็ตอนที่พระเจ้าหน้าที่
ยื่นพระของขวัญเทพนิมิตให้ พร้อมใบเสร็จและใบเพิ่มทุน
ในห้วงเวลานั้่น ผมงงมากถึงงงที่สุด ว่าไม่รู้ยังไงเหมือนกัน
ผมเพิ่งตั้งทุนไปแค่ 1,000 แต่พระเจ้าหน้าที่ดันยื่นพระของขวัญเทพนิมิตมาแล้ว
ตอนนั้นผมก็รับมา โดยที่ไม่ได้พูดทักท้วงอะไร
ถือเสียว่าพระเจ้าหน้าที่ท่านยื่นมาให้แล้ว ก็จบเท่านั้น พระก็เป็นสิทธิของเราไป
หลังจากนั้นมาประมาณ 3 เดือน ผมมาอบรมพระกัมมัฏฐานที่วัด
ผมก็เล่าเรื่องนี้ให้พระอาจารย์ท่านหนึ่งที่รู้จักกันฟัง
ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็บอกประมาณว่าเก็บไว้เถอะ พระรุ่นนี้ศักดิ์สิทธิ์
เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้
แต่หลังจากนั้น ผมก็ได้มาเพิ่มทุนเป็นประจำ ครั้งละ 500 บาท ในทุกครั้งที่มาวัด
ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2555 (วิสาขบูชา) เป็นต้นมา
ตอนนี้ทุนภัตตาหารที่ผมตั้ังไว้ ยอดอยู่ที่ 2,500 บาท
ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ทำไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ ปกติผมมาวัดประมาณเดือนละครั้งโดยเฉลี่ย
เพิ่มทุนเดือนละ 500 ก็กำลังพอดี ๆ ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน สำหรัุบผมนะ
เพราะผมก็ยังต้องกินต้องใช้สารพัดอย่าง ทำเดือนละ 500 ถือว่าอยู่ในอัตราที่ผมรับได้
ทำบุญครั้งละ 1,000 ผมก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกว่าเราจะอยู่ไหวมั้ย แต่ก็ไม่ค่อยบ่อย
ถ้า 5,000 ไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าช่วงเงินเข้าเยอะ ๆ ก็ยังโอเค
ต้องบอกตามตรงว่า ผมไม่เคยเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย
ผมเลยไม่ค่อยมีอัธยาศัยในการทำบุญด้วยเงินเยอะ ๆ แบบไม่เสียดาย
แบบคนที่เคยเป็นศิษย์วัดนี้เขาทำกันเป็นปกติ
ประเภทว่าวันดีคืนดีเอาเงินมาโชว์ใน facebook ว่าจะเอาไปทำบุญอย่างนี้เท่านี้
แล้วเรื่องพระของขวัญเนี่ย ผมไม่ค่อยแสวงหา่เท่าไหร่นะครับ
เขาว่ารุ่นนั้นรุ่นนี้ดี ผมก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่เขาให้มา เราก็เอา เขาไม่ให้ เราก็ไม่เอา
สำหรับผมตอนนี้ แค่พระของขวัญเทพนิมิตองค์เดียวก็กินขาดแล้ว
ผมเลยไม่ซีเรียสตรงนี้เท่าไหร่
ป.ล. แต่สงสัยว่า(จักรพรรดิ กายสิทธิใน)พระของขวัญ
ท่านคงขี้เกียจรอให้ผมเพิ่มทุนให้ครบ 10,000 บาท ละครับ
กว่าจะครบ 10,000 ก็คงอีกนาน แต่ไหน ๆ ท่านเลือกผมให้มาเป็นเจ้าของแล้ว
ท่านก็เลยมาอยู่กับเรา ตั้งแต่ 1,000 บาทแรกซะเลย
ปัจจุบันผมอัญเชิญท่านติดตัวตลอด เวลาไปไหนนอกบ้าน
ถ้าอยู่บ้าน ผมก็เชิญท่านไว้ที่หัวนอน ทำอย่างนี้มาตลอดครับ