แก้วจักรพรรดิ
แก้วกายสิทธิ์ แก้วจักรพรรดิ์
ทรัพย์ ๒ อย่าง
หลวงพ่อวัดปากน้ำเคยอธิบายว่า…………
ทรัพย์อันหมายถึงเครื่องปลื้มใจในโลกนี้แบ่งออกเป็น
๒ อย่างคือ สวิญญาณกทรัพย์ และ อวิญญาณกทรัพย์
สวิญญาณกทรัพย์ คือ ทรัพย์ที่มีวิญญาณ หรือทรัพย์เป็น
อวิญญาณกทรัพย์ คือ ทรัพย์ที่ไม่มีวิญญาณ
หรือทรัพย์ตาย
หลวงพ่อท่านให้อัตถาธิบายว่า สวิญญาณกทรัพย์
คือทรัพย์เป็นนั้น เป็นทรัพย์ที่สำคัญยอดยิ่ง คนที่ไม่เข้าใจ
จะหลงหาสะสมแต่อวิญญาณกทรัพย์ คือทรัพย์ตาย ทรัพย์
เป็นไม่หา ถ้าคนมีปัญญาจะไม่หาทรัพย์ตาย ทรัพย์เป็น
ที่สำคัญที่สุดคือตัวเราเอง ถ้าเราทำตัวของเราให้ดี มีวิชา
ความรู้ความสามารถจะเป็นที่พึงประสงค์ของคนทุกคน
ใครเห็นก็อยากได้ไปอยู่ด้วย อยากจะได้เป็นพรรค
เป็นพวกด้วย ถ้าเป็นหญิงก็ต้องมีวิชาความรู้ของหญิง มี
ความสามารถรักษาตัวดี หญิงบางคนมีรูปสวยไม่มีใครเทียม
ทันจนเป็นที่เลื่องลือ ขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังต้องให้เสนา
อำมาตย์ไปรับมาอภิเษกเป็นมเหสี เรียกว่า สวิญญาณก
ทรัพย์เกิดขึ้นในตัวเอง
คนที่เขาจะรับผู้ใดไปร่วมสกุล ร่วมวงศ์วานเขาจึงต้องดูให้
รอบคอบ พิจารณาให้ละเอียดเพราะกลัวจะไปเจอคนชั่วเข้า
คนที่มีลักษณะชั่วจึงไม่เป็นที่พึงปรารถนาของผู้ใด เพราะ
กลัวจะไปทำให้ลูกหลานที่เกิดมาสืบลักษณะชั่วอีก เขาจะ
แสวงหาที่สวยกันทั้งนั้น ยิ่งสวยงามจนไม่ทีที่ติยิ่งเป็นที่
นิยมชมชอบ ได้ชื่อว่าเป็นสวิญญาณกทรัพย์แท้ ๆ
ส่วน อวิญญาณกทรัพย์ คือทรัพย์ตาย เป็นเครื่องใช้สอย
ของสวิญญาณกทรัพย์ คือมนุษย์นั่นเอง ทรัพย์ที่
มนุษย์ใช้สอยไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เรือกสวนไร่นา
ตึกรามบ้านช่อง ล้วนเป็นอวิญญาณกทรัพย์ทั้งสิ้น ส่วนพวก
สิ่งที่มีชีวิตต่าง ๆ ที่เป็นบริวารของมนุษย์ เช่น วัว ควาย
ช้าง ม้า เป็ด ไก่ สุกร ข้าทาสบริวาร เหล่านี้ล้วนเป็น
สวิญญาณกทรัพย์ แต่เป็นสวิญญาณกทรัพย์จริง ๆ ก็คือตัว
ของตัวเอง
การที่จะเป็นสวิญญาณกทรัพย์ชั้นดีหรือชั้นเลวนั้น ขึ้นอยู่กับ
การทำตัวเราเอง ถ้ารู้จักทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
รู้จักสร้างตัวสร้างหลักฐาน รู้จักปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ไม่ปล่อย
ชีวิตไปตามยถากรรม เรียกว่ารู้จักสร้างสวิญญาณกทรัพย์
ทรัพย์ที่ดีเกิดขึ้นในตัวเอง ถ้าทำตัวไม่เป็นเรื่องเป็นราว เกียจ
คร้านเหลวไหล จัดเป็นสมบัติเลว คือเป็นสวิญญาณกทรัพย์
อย่างเลว
ในสากลโลกนี้ เขาต้องการแต่สิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็น
สวิญญาณกทรัพย์หรือ อวิญญาณกทรัพย์ ทุกคนเขาต้อง
การแต่สิ่งดีเยี่ยม ทรัพย์ในโลกนี้ต้องคัดชนิดเนื้อเยี่ยม
ตั้งแต่เนื้อเงิน เนื้อทอง เนื้อเพชร เนื้อแก้ว ต้องคัดกัน
อย่างละเอียด ถึงแก้วสารพัดนึก แก้วกายสิทธิ์
สิ่งที่จัดเป็นสวิญญาณกทรัพย์รัตนะ ๗ ประการมี ช้างแก้ว
ม้าแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว
แก้วมณี อันเป็นสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ
พระเจ้าจักรพรรดิมี ๓ ประเภทคือ
-บรมจักร (จักรพรรดิอย่างสูง)
-มหาจักร (จักรพรรดิอย่างกลาง)
-จุลจักร (จักรพรรดิอย่างต่ำ)
สมบัติเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นในโลกแล้วช่วยทำให้โลกเป็นสุข
จัดเป็นสวิญญาณกทรัพย์แท้จริง
ตามปกตินั้นเมื่อโลกได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน ไม่มี
ความสงบสุข พระพุทธเจ้าจะอุบัติมาเป็นที่พึ่งของมนุษย์
โลก ถ้ายุคนั้นไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง จะมีพระปัจเจก
พุทธเจ้าแทน หากยุคนั้นว่างทั้งพระพุทธเจ้า และพระ
ปัจเจกพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิจะมาเกิดพร้อมรัตนะ ๗
ประการ เพื่อเป็นที่พึ่งแก่มนุษย์ บรรเทาความทุกข์ยาก
เดือดร้อน ปราบปรามพวกมิจฉาทิฐิให้เบาบางลง ทำให้
มวลมนุษย์ได้รับความสงบสุขขึ้น
สวิญญาณกทรัพย์ ๗ ประการนี้ลึกซึ้งยิ่งนัก ดูเหมือน
เป็นของตาย แต่ความจริงแล้วเป็นของเป็น เหาะเหิร
เดินอากาศไปได้มาได้ ในโลกมนุษย์นี้และโลกอื่น ๆ ล้วน
แล้วแต่มีสวิญญาณกทรัพย์เหล่านี้ ไว้ใช้สอยทั้งนั้น จัดเป็น
รัตนะอันประณีตในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น คือ จาตุมหาราช
ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานนรดี และปรนิมมิตวสวัตตี
ทุกชั้นล้วนมีแก้วมณีทั้งสวิญญาณทรัพย์ และ อสวิญญาณ
กทรัพย์ทั้งสิ้น
แก้วมณีที่เป็นอวิญญาณกทรัพย์ คือ ทรัพย์ตาย ได้แก่
เครื่องประดับตกแต่งวิมานแท่นที่นั่งที่นอน ล้วนแต่สวยสด
งดงาม ประณีต เป็นของมีค่าที่เป็นสวิญญาณกทรัพย์ หรือ
ทรัพย์เป็นได้แก่รัตนะ ๗ ประการ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ทำให้มีแต่ความสุขกายสุขใจ ไม่มีความทุกข์
นอกจากสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นแล้ว ในชั้นพรหมทั้ง ๑๑ ชั้น คือ
พรหมปาริสัชชาภูมิ พรหมปุโรหิตาภูมิ มหาพรหมมาภูมิ
ปริตตภาภูมิ อัปปมานาภูมิ อาภัสราภูมิ ปริตตสุภาภูมิ
อัปปมานะสุภาภูมิ สุภกิณหาภูมิ เวหัปผลาภูมิ
อสัญญีสัตตาภูมิ ก็ใช้รัตนะ ๗ ประการนี้เช่นกัน
แต่รัตนะ ๗ ประการนี้ทั้งที่เป็น สวิญญาณกรัตนะ และ
อวิญญาณกรัตนะ ก็หาเลิศประเสริฐไปกว่าพระพุทธเจ้าไม่
พุทธรัตนะเป็นรัตนะสูงสุด
การที่เราได้ธรรมกายคือการเข้าถึง พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ
สังฆรัตนะ เรียกว่าตัวพระรัตนตรัย หรือแก้ววิเศษสุด ๓
ประการนั่นเอง รัตนะแปลว่าแก้ว ในที่นี้หมายถึงเอาแก้ว
อย่างประเสริฐ เช่นแก้วมณีโชติ ถึงนับถือกันว่าเป็นแก้วมี
คุณวิเศษสูงสุด ใครมีไว้ย่อมชื่นชมโสมนัส อิ่มอกอิ่มใจยิ่ง
กว่าทรัพย์สินอย่างอื่นทั้งหมดในโลก แก้วรัตนะตรัยนี้เหมือน
กัน ผู้ใดเข้าถึงก็ย่อมอิ่มใจชื่นใจเช่นเดียวกัน ดังมีพระบาลี
รับรองมาในรัตนะสูตรดังนี้
ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา สัคเคสุ วายัง ระตะนัง
ปะณีตัง นะโน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ อิทัมปิ พุทเธ
ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัติถิ โหตุฯ
รัตนะอันใดมีค่าอันเป็นเครื่องปลื้มใจในโลกนี้ หรือโลกอื่นก็ดี
แก้วล้ำค่าอันใดที่ละเอียดอ่อนในสวรรค์ก็ดี
สิ่งเหล่านี้จะประณีตเสมอด้วยพุทธรัตนะนั้นไม่มีเลย
นี้แลเป็นความกายสิทธิ์ของดวงแก้วในพระพุทธเจ้า
ด้วยเดชะวาจานี้ขอความสุขสวัสดีจงบังเกิดขึ้น
พุทธรัตนะนี้มีสัณฐานเหมือนพระปฏิมากรเกตุดอกบัวตูมขาว
ใส เป็นแก้วมีรัศมีขาวใสประดุจเพชรน้ำดีไม่มีที่ติ
ดวงธรรมที่มีลักษณะกลมใสบริสุทธิ์ ใสสว่างดุจแก้วมณีโชติ
ที่ศูนย์กลางกายพุทธรัตนะนั้นคือธรรมรัตนะ
พุทธรัตนะนั้นคือธรรมกาย
ธรรมรัตนะคือดวงธรรม
ส่วนธรรมกายละเอียดที่อยู่กลางดวงธรรมนั้นคือสังฆรัตนะ
เป็นแก้วใสสว่าง แก้วทั้งสามองค์รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย
แก้ววิเศษ ๓ ประการนี้ใครได้เข้าถึงเป็นเจ้าของจะมี
แต่ความสุขใจ อันใดเปรียบไม่ได้เลย เป็นของวิเศษสุดใน
โลก เป็นสุดยอดของมนุษย์ทุกคนที่พยายามหาหนทาง
เข้าถึงพระรัตนตรัยนี้