ปฏิบัติถึงธรรมกายแล้วสามารถรู้เห็นสภาวะธรรมที่ละเอียดตามความเป็นจริงได้ ปัญญามันจึงเกิด

🍀 ปฏิบัติถึงธรรมกายแล้วสามารถรู้เห็นสภาวะธรรมที่ละเอียดตามความเป็นจริงได้ ปัญญามันจึงเกิด 🍀
🍄เราปฏิบัติทั้งหมดเพื่อนำไปสู่คุณธรรมในระดับโลกียธรรมก่อน ในระดับมนุษยธรรม เทวธรรม พรหมธรรม ได้รู้ได้เห็นธรรมชาติที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่งฝ่ายบุญกุศลและฝ่ายบาปอกุศล ในภพภูมิในจักรวาลนี้ ได้รู้บาปบุญคุณโทษให้ผลอย่างไร ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ฟังพระเล่าก็ เอ้ะ! จริงไม่จริง ไม่แน่เพราะเรายังไม่ได้เห็น แต่ก็ยังพอเชื่อได้อยู่ถ้าว่าท่านเป็นผู้ที่มีศีลมีสัจ ปฏิบัติธรรมตามพระสัทธรรมของพุทธเจ้า
🍄แต่ที่จะให้ได้รู้เห็นไปถึงความพ้นโลกคือพระนิพพาน คืออายตนะที่สถิตอยู่ของพระนิพพานธาตุ ที่อยู่พ้นโลกออกไป ต้องปฏิบัติธรรมให้ถึงธรรมกาย ธรรมเป็นที่รวมพุทธธรรม และเป็นที่รวมคุณธรรมของพระอริยสงฆ์ของพระอริยเจ้าของผู้ปฏิบัตินั้นน่ะ ได้เท่าไหร่ก็ได้เข้าไปถึงรู้เห็นและเป็นเท่านั้น
🍄นี่แหละเป็นทางปฏิบัติของเราอย่างนี้ ปัญญามันเกิดตรงนี้แหละ ตั้งแต่เห็นว่าธรรมชาติที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่งนั้น ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยนะ ฝ่ายดีฝ่ายชั่วก็ให้ได้รับผลไปตามนั้นแหละ ไปดีไปชั่ว ให้เห็นชัดเจน เรียกว่าไม่เที่ยง นี่เห็นไหม ไม่ว่าจะไปดีไปชั่วท่านเรียกว่าไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยอยู่ตลอดเวลาทุกขณะจิตด้วย
🍄นี่แหละมารู้กันตรงนี้ ไม่ใช่มาเปลี่ยนแปลงเป็นปีไม่ใช่นะ ทุกขณะจิต เปลี่ยนแปลงที่ไหน เปลี่ยนแปลงภายใน กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรมน่ะ เปลี่ยนแปลงภพภูมิอยู่ตลอดเวลาทุกขณะจิตที่เราคิดดีคิดชั่ว เจตนาดีเจตนาชั่ว พูดดีพูดชั่ว ทำดีทำชั่ว นี่แหละ เราต้องรู้ตรงนี้
🍄เมื่อรู้ตรงนี้ เราก็เลือกสรรว่าไปแต่ในทางที่ดี ให้เจริญขึ้นด้วยคุณธรรม คือมนุษย์ธรรม เทวธรรม พรหมธรรม อ้าว! พรหมธรรมบางคนเนี่ยพอเรียนรู้เท่านี้ก็ แหม!เดี๋ยวไปติดอยู่พรหมโลก ใครบอกคุณว่าปฏิบัติธรรมไปติดอยู่ในพรหมโลก
🍄พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปฏิบัตินะ ไม่ใช่ใครไปหลงโง่อยู่อย่างเดียวไปติดอยู่ในพรหมโลก ก็คุณเองนั่นแหละคุณติด กลัวจะติดน่ะ เพราะคุณรู้ไม่ตลอด ถ้าคุณอยากจะรู้ให้ตลอดคุณต้องปฏิบัติถึงธรรมกาย ธรรมที่ประชุมหรือรวมพุทธธรรมและคุณธรรมของพระอริยสงฆ์พระอริยเจ้า
🍄ปฏิบัติไปอย่างนี้ละมันเห็นไปถึงพ้นโลก คืออายตนะคือพระนิพพาน ทีนี้ถึงบางอ้อล่ะทีนี้ เมื่อถึงอย่างนั้นแล้วเรามั่นใจเลย เข้าถึงคุณธรรมนั้นท่านว่าเทลง ลาดลง เอียงลง สู่พระนิพพาน ไม่มีการถอยกลับ ถึงคุณธรรมที่พ้นโลกยิ่งไปเป็นลำดับ คือมรรค ผล นิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์และเป็นบรมสุขอย่างถาวรตลอดไป นี่เราปฏิบัติอย่างนี้นะ
🍄มาปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานสี่ ถึงธรรมกายของพระพุทธเจ้า ถึงพระนิพพานเนี่ย มันเป็นทางลัด ทางตรง ถ้าว่าท่านปฏิบัติตรง ปฏิบัติได้ผลตรงแล้วก็ไม่มีหยุดยั้งล่ะ มันไปอย่างนี้เชียว
🍄แต่ถ้าไปวกไปวนอยู่ มันก็ไปอื่น นี่แหละ รู้ทั้งสภาวะของธรรมชาติที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง แล้วก็รู้ทั้งความจริงแท้ 4 ประการ ในเรื่องของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ หนทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ และปฏิบัติแล้วได้ผลเป็นความดับทุกข์ เป็นบรมสุขอย่างถาวรตามระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้ นั่นคือเข้าถึงรู้เห็นและเป็นมรรคผลและพระนิพพานธาตุ นี่แหละมันรู้อย่างนี้
🍄มาปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานสี่ ถึงธรรมกาย ถึงพระนิพพานของพระพุทธเจ้า มันได้รู้อย่างนี้ รู้เลย ถ้าถึงธรรมกายแล้วดับหยาบไปหาละเอียดถึงพระนิพพานเมื่อไหร่รู้เลยชัดเจนอย่างนี้
ก็ถามว่า อย่างนั้นบรรลุมรรคผลนิพพานกันหมดแล้วแล้วสิ ???
🍄ก็ขึ้นอยู่ที่ บุญบารมีของผู้ใดปฏิบัติสั่งสมอบรมบุญบารมีแก่กล้าเพียงไร คือ เป็นบารมี เป็นอุปบารมี เป็นปรมัตถบารมี ทั้ง 10 ประการในระดับไหน ในระดับปกติสาวก ถ้าปฏิบัติถึงขั้นนี้ก็บรรลุได้ในภพชาตินี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสรับรองว่า ถ้าปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานสี่จริงจังแล้ว อย่างน้อย 7 วัน อย่างมากไม่เกิน 7 ปี เป็นอันบรรลุพระอรหัตผล อย่างต่ำก็พระอนาคามี นี่พระพุทธเจ้าท่านรับรองไว้ แต่นั่นหมายความว่าบุญบารมีของท่านเต็มแล้วในภพชาตินี้
🍄และถ้าบุญบารมีรองลงไปก็เป็นลำดับ บุญบารมีก็มีระดับนะ ระดับปกติสาวก ระดับอสีติมหาสาวก อัครสาวก พุทธอุปัฏฐาก พุทธบิดา พุทธมารดา ขึ้นไปถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัพพัญญูพุทธเจ้า ตามระดับภูมิธรรมที่ตั้งจิตอธิษฐานเป็นอธิษฐานบารมีเอาไว้เพียงไร
🍄บารมีเต็มในภพชาติใดก็บรรลุคุณธรรมมรรคผล นิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ในภพภูมินั้น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เป็นเทพยดา เป็นพรหม เป็นอรูปพรหม ก็บรรลุในภพภูมินั้น ในภพชาตินั้น ถ้าบุญบารมีเต็มในระดับนั้นๆ
🍄นี่เห็นไหม นี่เรารู้กว้างอย่างนี้แล้วก็ไม่มีปัญหา เราปฏิบัติอย่างเดียว โยมก็ปฏิบัติทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล เป็นเบื้องต้น ให้แก่กล้าขึ้นไปจนเป็นศีล สมาธิ ปัญญา อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา มีรายละเอียดอยู่ในอริยมรรคมีองค์ 8 เกิดและเจริญขึ้น นี่แหละเป็นทางมรรค ผล นิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์และเป็นบรมสุขอย่างถาวรได้…”
เทศนาธรรม
โดย พระเทพญาณมงคล
(เสริมชัย ชยมงฺคโล) (หลวงป๋า)
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

แชร์เลย

Comments

comments

Share: