ประวัติหลวงปู่พิบูลย์ วัดพระแท่น (บ้านแดง) อ.พิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี
หลวงปู่พิบูลย์ได้อบรมสั่งสอนให้เป็นคนมีอุปนิสัยดี ขยัน ซื่อสัตย์ ว่านอนสอนง่าย เป็นที่รักของหลวงปู่พิบูลย์และภรรยา พอเจริญวัยขึ้นมาอายุได้ประมาณ 16 ปี หลวงปู่พิบูลย์ได้ให้เครื่องประดับ เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามคนหนึ่งเป็นที่ชอบของหนุ่ม ๆ ต่อมาอายุได้ ๑๙ ปี หลวงปู่พิบูลย์จึงได้ให้แต่งงาน พอเห็นว่าบุตรสาวของตนได้แต่งงานกับบุคคลผู้มีนิสัยดี พอที่จะไว้เนื้อเชื่อใจได้ หลวงปู่พิบูลย์จึงบอกกล่าวกับลูกสาวและลูกเขยว่า ” พ่อขอยกทรัพย์สมบัติทั้งปวงนี้ให้แก่พวกเจ้าเป็นผู้ดูแลกรักษา ส่วนพ่อจะขอลาออกบวช “ ส่วนภรรยาเมื่อได้ยินหลวงปู่พิบูลย์กล่าวอย่างนั้น ก็ออกปากว่าจะออกบวชชีหนีไปคนละทางตลอดชีวิต ส่วนหลวงปู่พิบูลย์เมื่อตัดสินใจแล้ว จึงได้ไปปรึกษากับพ่อจารย์ฮวดชักชวนให้ออกบวช พอพ่อจารย์ฮวดได้ยินคำชักชวนของหลวงปู่พิบูลย์ก็ยินดีจะออกบวชด้วย วันต่อมาจึงได้ปรึกษากับพระอุปัชฒฌาย์เรื่อจะบวง อุปัชฌาย์ก็ยินดีอนุโมทนาด้วย พออุปัชฌาย์ตกลงแล้ว ก็ได้โกนหัวอุปสมบทในวันนั้นทั้งหลวงปู่พิบูลย์และอาจารย์ฮวด แต่ไม่ปรากฎนามฉายาของหลวงปู่พิบูลย์ พอออกบวชแล้วอยู่ร่วมจำพรรษากับพระอุปัชาฌาย์และเหล่าภิกษุสามเณรวัดนั้นจนกระทั่ง ถึงเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม หลวงปู่พิบูลย์จึงมีความประสงค์จะออกเดินรุกมูลเจริญกัมมัฏฐานในป่า จึงได้ไปลาอุปัชฌาย์อาจารย์และเรียนกัมมัฏฐาน-ฐานอันเป็นข้อปฏิบัติ และได้บอกกล่าวลาอุบาสก อุบสิกาที่มีอยู่ในหมู่บ้านญาติโยมก็อนุโมทนาสาธุพร้อมด้วยเตรียมเครื่องอัฐบริขารที่จำเป็นส่วนตัว ก็เดินทางออกจากวัดมุ่งสู่ทิศตะวันออกโดยไม่ม่ใครติดตาม ไปเฉพาะลำพังรูปเดียว ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่นพอเดินทางมาถึงริมแม่น้ำโขง ก็มีญาติโยมเอาเรือนำส่งไปถึงฝั่งประเทศลาว หลวงปู่พิบูลย์ได้ไปอาศัยถ้ำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมถ้ำนั้นอยู่ที่ ” ภูอาก” ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
ขณะนั้นหลวงปู่ถามชาวบ้านว่า ” ญาติโยมกลัวไอ้จระเข้ไหม” ญาติโยมบอกว่ากลัวมาก ๆ เลยหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่า ” ไม่ต้องกลัวเพราะมันยอมเราแล้ว” หลวงปู่จึงเอามือตบหัวไอ้จระเข้และเอามือล้วงเข้าไปในปากของไอ้จระเข้ มันก็ไม่ทำอะไรหลวงปู่ แล้วหลวงปู่ก็บอกให้มันกลับลงสู่น้ำ ต่อมาภายหลังชาวบ้านเห็นจระเข้อยู่ในป่า จึงได้นำเหล็กแหลมๆ ทั้งสองข้างเอาริ้วหนังติดกับไม้ยื่นไปหาไอ้จระเข้ๆ จึงอ้าปากขึ้น ชาวบ้านจึงเอาเหล็กยัดเข้าไปในปากไอ้จระเข้ในทางตั้ง พอไอ้จระเข้งับปากลงเหล็กก็แทงปากจระเข้ทั้งด้านและด้านล่าง (ช่วงนั้นหลวงปู่ไม่อยู่แล้ว)
กล่าวถึงบ้านเชียงงามก่อนสมัยที่หลวงปู่จะเข้าไปจำพรรษา พระจะอยู่ไม่ได้เพราะมีเปรตร้ายอยู่ที่นั้น ถ้าพระไปนอนจะถูกเปรตลากขาและหลอกหลอนตลอดทั้งคืน จึงเป็นวัดที่น่ากลัวในสมัยนั้นหาผู้ไปอยู่ไม่ได้ พ่อเวียงได้แจ้งให้หลวงปู่ฟังตลอด และปรึกษาหารือกับหลวงปู่ว่าจะทำอย่างไร หลวงปู่แนะนำพ่อเวียงว่า ” แต่ก่อนเปรตพวกนั้นมันทำบาปไว้มากมันเอาเนื้อควายมาย่างที่วัด และเอาไม้ศาลาวัดมาก่อย่างควาย ” หลวงปู่บอกว่า ” ให้บอกลูกบอกหลานพร้อมทั้งผู้เฒ่าผู้แก่บ้านเราให้ทำข้าวร้อยพา ( ข้าว100 ถาด) แล้วนำไปไว้สี่ทิศ ๆ 25 พา (ถาด) ทำอย่างนี้มันจะได้ไปเกิด ” ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านเชียงงามก็อยู่เย็นเป็นสุขมาตลอด
เมื่อวันที่ 13 -18 มีนาคม พ.ศ.2546 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยพระครูมัญจาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี