ได้พบพระแม่ธรณี โดย หลวงตาอู๋
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากท่านพระครูสังฆรักษ์เทพนรินทร์ ชาตเทโว (@Phrakhru Thepnarin) ในครั้งที่ท่านได้ไปทำหน้าที่จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชา โดยทางวัดหลวงพ่อสด จ.ราชบุรี ได้รับเชิญจากหน่วยราชการให้ไปออกร้านจัดนิทรรศการที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพ เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว
สมัยนั้นหลวงป๋าท่านได้ให้พระครูเทพนรินทร์อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว 2 คู่ พร้อมทั้งมวยผมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ในคราวที่ออกบวชแล้วท่านได้ใช้พระขรรค์ตัดเกศาของท่านแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ โดยอธิษฐานว่าถ้าจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้เกศานี้จงลอยอยู่ในอากาศอย่าได้ตกลงมา ซึ่งในคราวนั้นพระอินทร์ท่านได้นำผอบไปรองรับเกศานั้นไว้จึงไม่ตกลงมายังพื้นดิน
มวยผมหรือพระเกศานี้เองที่ท่านพระอินทร์ได้อนุญาตให้หลวงป๋ายืมเพื่อมาเป็นของศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดหลวงพ่อสด โดยมีกำหนดอยู่ที่วัดอีกหลายร้อยปี แต่สุดท้ายก็จะต้องคืนกลับไปสู่พระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตามเดิม พระเขี้ยวแก้ว 2 คู่ พร้อมกับมวยผมนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นของที่ศักดิ์สิทธิ์มากเพราะได้มาจากท่านพระอินทร์โดยตรง
การออกนิทรรศการครั้งนั้นมีกำหนด 7 วัน ในวันแรกที่ท่านพระครูเทพนรินทร์ไปออกร้าน ท่านก็สังเกตเห็นว่าร้านของวัดตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับที่ตั้งขององค์ท่านแม่พระธรณีพอดี ท่านจึงกำหนดจิตคิดในใจว่าท่านแม่พระธรณี น่าจะมากราบไหว้พระเขี้ยวแก้วและมวยผมที่ทางวัดนำมาให้คนได้กราบไหว้ก็จะเป็นการดี
แต่เมื่อเวลาผ่านไป 4-5 วัน ท่านก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท วันหนึ่งขณะที่ท่านนั่งอยู่ก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆ เดินค้อมตัวเข้ามาในเต็นท์ของวัด รูปร่างท้วมไม่สูงไม่ต่ำ ท่าทางสุภาพไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป อายุประมาณ 40-50 ปี แต่งตัวมาแบบเต็มยศสวมชุดคล้ายลิเกมีสีสันหลากสี ที่สำคัญคือผมของผู้หญิงท่านนี้แปลกไปจากคนธรรมดา ผมของท่านสีดำเกาะตัวพันกันแน่นยาวมาก ม้วนพันกันเป็นเกลียว แล้วก็เอาผมม้วนซ้อนกันขึ้นไปอยู่ด้านบนของศีรษะ การทำผมแบบนี้มันไม่เหมือนใครในสมัยนี้เลย
ผู้หญิงท่านนี้ค่อยๆ เดินเข้ามาแล้วตรงไปที่ประดิษฐานของพระเขี้ยวแก้วและมวยผมของพระพุทธเจ้า แล้วก็ค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงกับพื้นอย่างเรียบร้อยพร้อมกับบรรจงกราบด้วยความเคารพอย่างสูง ท่าทางของท่านที่กราบพระก็ไม่เหมือนใครเพราะท่านค่อยๆ กราบอย่างตั้งใจ ทำอย่างช้าๆ ไม่รีบเหมือนคนสมัยนี้จนทำให้ท่านพระครูสนใจมอง แล้วก็นึกแปลกใจที่ผู้หญิงชาวบ้านคนนี้ทำไมจึงบรรจงกราบพระขนาดนั้น ที่แปลกกว่านั้นคือกลับไม่มีใครสนใจมองผู้หญิงคนนี้เลย….หรือมองไม่เห็น
ท่านพระครูจึงได้เดินเข้าไปหาแล้วถามทักทายไปว่า “โยมพักอยู่ที่ไหนหรือ”
ผู้หญิงท่านนี้ก้มหน้าตอบด้วยอาการสำรวมทำให้มองหน้าไม่ชัด “ฉันอยู่ใกล้ๆ แถวนี้เจ้าค่ะ”
พระครู “แล้วเดินทางมาอย่างไร”
ผู้หญิง “ฉันขึ้นมาเพื่อมากราบพระบรมสารีริกธาตุเจ้าค่ะ”
ท่านพระครูเอะใจที่ผู้หญิงท่านนี้พูดคำว่า “ขึ้นมา” จึงถามไปตรงๆ เลยว่า “โยมชื่ออะไร”
ผู้หญิง “ฉันคือพระแม่ธรณีเจ้าค่ะ”
พระครูท่านได้ฟังแล้วก็ตกตะลึงเพราะวันแรกที่เคยคิดไว้ในใจว่าพระแม่ธรณีควรจะมากราบพระเขี้ยวแก้วนั้น พอผ่านมา 4-5 วัน ท่านก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเนื่องจากยุ่งอยู่กับการต้อนรับญาติโยมที่เข้ามาในเต็นท์ของวัด
พระแม่ธรณีพูดแล้วก็เดินไปที่ตู้ทำบุญ ท่านพระครูก็มองตามไปอย่างงงๆ แต่ก็มองเห็นว่าในมืออันว่างเปล่าของพระแม่ธรณีนั้น อยู่ดีๆ ก็มีเงินปรากฏขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ (น่าจะเป็นแบงค์ใบละ 20 บาท) ท่านแม่พระธรณีก็เอาเงินนั้นหยอดลงไปในตู้อย่างช้าๆ แล้วก็ค่อยๆ เดินออกจากเต็นท์ของวัดข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อมุ่งหน้าไปทางที่ตั้งของพระแม่ธรณีบีบมวยผม บริเวณหัวมุมตรงข้ามท้องสนามหลวงนั้นเอง….. ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่โชคดีเหมือนท่านพระครู ที่ได้พบเจอและพูดคุยกับพระแม่ธรณีตัวเป็นๆ และใกล้ชิดแบบนี้
ปัจจุบันท่านพระครูเทพนรินทร์ท่านไปทำหน้าที่พระธรรมทูต เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ประเทศนอร์เวย์ ท่านได้ธรรมกายตั้งแต่อยู่ที่วัดหลวงพ่อสด ท่านเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงป๋าที่หลวงป๋ามักจะมอบงานให้ทำอยู่เสมอพร้อมกับพูดกับท่านพระครูว่า “นี่เป็นงานของเธอ”
v2 รอสัมภาษณ์ พระครูสังฆรักษ์เทพนรินทร์
ภาพชุด พระบรมธาตุฯ ชุดที่นำไปจัดแสดงครั้งแรกที่สนามหลวง ที่พระแม่ธรณีขึ้นมากราบบูชา
– ชุดพระบรมธาตุฯ ที่หลวงป๋าให้นำไปที่สนามหลวง – ภาพชุดนี้ถ่ายเก็บไว้เองในห้องพัก ก่อนนำไปให้สาธุชน เทวดา ได้กราบนมัสการบูชา ที่ท้องสนามหลวง
ข้อมูลและภาพชุด v2 by พระครูสังฆรักษ์เทพนรินทร์