พระนั่งเมืองเนื้อวัชรธาตุ

Nine Prem‎ ถึง พระของขวัญวัดหลวงพ่อสด

วันนั้น (15 สิงหาคม 2562) ตอนเช้าผมยุ่งกับการเตรียมกระเป๋าและพาลูกไปโรงเรียน พอส่งลูกเสร็จก็ขับรถไปทำงานตามปกติ เมื่อไปถึงที่ทำงานแล้วพบว่า ‘ลืมเอากระเป๋าคอมมา’ ตอนนั้นก็ 08.30 น. แล้ว ในใจก็หงุดหงิดกับตัวเองคิดคำนวณเวลาว่า กว่าจะกลับบ้านแล้วมาที่ทำงานอีกก็คงเกือบ ๆ 9 โมงครึ่ง คิดแล้วก็รีบบึ่งรถกลับบ้านทันที ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้าน ก็คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ ๆ ก็มานึกถึงเหล็กไหลวัชรธาตุ เพราะผมชอบเหล็กไหลชนิดนี้เป็นพิเศษ แล้วก็นึกต่อว่าเรามีพระของขวัญองค์ไหนบ้างที่ทำด้วยเหล็กไหลวัชรธาตุ ก็นึกได้ว่า มีพระนั่งเมืองแก้วเนื้อวัชรธาตุอยู่ พอขับรถถึงบ้าน ผมก็ขึ้นไปห้องพระ แล้วเปลี่ยนพระนั่งเมืองเนื้อวัชรธาตุแทนองค์เดิมที่แขวนอยู่ในคอ (พระกริ่งชัยมงคล) จากนั้นก็เอากระเป๋าขึ้นรถแล้วรีบขับกลับไปทำงาน

เกิดเหตุไม่คาดคิด

ผมขับตามถนนเส้นเลียบทะเล เป็นถนน 2 เลน รถวิ่งสวนกัน และในเวลานั้นประมาณ 9 โมงกว่า ไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนักผมก็ขับเร็วขึ้น น่าจะประมาณ 100 กม/ชม วิ่งไปเรื่อย ๆ ก็เห็นรถกระบะขับช้า ๆ ขวางอยู่ข้างหน้า ผมก็ตีไฟเลี้ยวแล้วแซงขวาขึ้นไป แต่ในจังหวะที่กำลังจะแซง รถกระบะคันนั้นหักขวาเข้ามาเพราะจะเข้าโรงแรมที่อยู่ด้านขวา (จุดตรงนั้นเป็นตำแหน่งทางเข้าโรงแรมพอดี) ด้วยความตกใจและผมก็แซงมาจะหมดคันอยู่แล้ว เลยเร่งเครื่องขึ้นแล้วหักกลับเลนซ้าย แต่ตอนหักซ้ายเข้าเลนตัวเอง รถมันไม่เป็นใจ วิ่งทะลุทะลวงเข้าที่ดินว่างเปล่าด้านซ้ายไปเลย เจ้ากรรมระหว่างถนนและที่ดินเขาขุดเป็นร่องไว้ พอรถผมไถลเข้าเขตที่ดิน รถก็พลิกคว่ำทันทีและกลิ้งต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 3-4 ตลบ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

มีสติสมบูรณ์

ตัดฉากมาในรถ ผมรู้สึกว่าผมนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ แล้วก็ดูรถหมุนและหมุนและหมุน ในใจคิดว่า เมื่อไรจะหยุดหมุนนะ แล้วก็คิด เวลาดูในหนังมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

ตอนนั้นไม่ได้ตกใจอะไรทั้งสิ้น มีสติสมบูรณ์ จนรถหยุดหมุน หันมามองสภาพในรถ เละเทะไปหมด แล้วคิดต่อว่า ‘กลัวรถระเบิด’ (คงดูหนังมากไป) จึงรีบหาทางออกจากรถ ประตูข้างคนขับเปิดไม่ได้ ผมจึงต้องปีนไปออกที่หน้าต่างบานอื่น

อานุภาพพระของขวัญ

พอปีนขึ้นมายืนบนรถ (ที่ตะแคงข้าง) ได้ ภาพที่เห็นคือชาวบ้านนับสิบวิ่งกรูกันมา ตะโกนถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง ได้ยินเสียงอย่างกะระเบิด ผมยืนอยู่บนรถ สำรวจตัวเองแล้วตอบว่า “ผมไม่เป็นไร” แล้วก็กระโดดตุ้บลงที่พื้น ชาวบ้านนิ่งอึ้งไปสัก 3 วิที่เห็นผมกระโดดลงมาอย่างนั้น แล้วรีบเข้ามารุมล้อมว่าเป็นอะไรบ้าง ผมก็บอกว่า ไม่เป็นไรครับ ทั้งตัวตอนนั้นมีแค่แผลเล็กๆที่ฝ่ามือเพราะเศษกระจกตำเอาน้ำล้างก็ไม่เห็นรอยแผล

“ห้อยพระอะไรเนี่ย” คำถามยอดฮิตจากชาวบ้าน ผมก็ยิ้ม ๆ ไม่ตอบ พอไม่ได้คำตอบจากผมพวกเขาจึงต้องหาคำตอบกันเอง พากันวิ่งไปสำรวจในรถจนเจอพระผงจักรพรรดิชัยมงคลพิมพ์เล็กแบบธรรมดา (ทำบุญ 100 บาท) แล้วก็ตะโกนบอกกันว่า “เจอแล้วๆๆๆ” จึงรุมล้อมถ่ายรูปเก็บไว้

ไปตรวจร่างกายที่คลินิก พยาบาลก็ถามย้ำ 2 ครั้งว่าไม่ได้คาดเข็มขัดจริง ๆ หรือ

ไม่สรรเสริญความประมาทแต่พระของขวัญผ่อนหนักเป็นเบาได้

สรุปวันนั้นผมไม่ได้คาดเข็มขัด ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน รถพุ่งเข้าที่ดินแบบเฉียดเสาไฟฟ้า และหยุดกลิ้งก่อนที่จะไปจนกับกำแพงรั้วด้านหลัง จังหวะที่รถหมุนผมนั่งอยู่ที่นั่งคนขับตลอดเวลาไม่ได้กระเด็นไปไหน

ผมรอดตายมาได้ โดยที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่แแผลฟกช้ำที่หัวเข่ามาให้ดูนิดหน่อย นั่งมองสภาพรถแล้วก็คิดว่า ถ้าครอบครัวของผมอยู่ในรถด้วยจะเป็นอย่างไร

เหตุการณ์ผ่านไปครบ 1 ปี จึงกลับมานั่งนึกทบทวนอีกครั้ง

ผมไม่รู้ว่าตามหลักฟิสิกส์ผมก็ควรจะปลอดภัยในสภาพอย่างนี้ หรือจะเป็นเพราะอำนาจคุณพระรัตนตรัยและความดีที่ผมพอจะมีรักษาตัวผมไว้ แต่ผมเชื่อว่าอย่างหลังนะ 🙂

พระของขวัญที่แขวนติดตัว พระนั่งเมืองเนื้อวัชรธาตุ

พระของขวัญที่แขวนในรถ พระผงจักรพรรดิชัยมงคล

พระของขวัญที่อยู่ในรถรอนำไปเลี่ยม พระกริ่งสัมมาอะระหัง พระยอดฉัตร พระผงเทพนิมิต พระกรุวังหน้าพิมพ์อธิษฐานฤทธิ์ พระผงหลวงพ่อเกษม

น้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์

สัมมาอะระหัง

แชร์เลย

Comments

comments

Share: