พระปิดตาสี่กรหลวงปู่เทพโลกอุดรปลุกเสก ขึ้นที่กรุวังหน้า

ธัชชัย ศรีอาจ

ขออนุญาติโชว์ครับ พระปิดตาสี่กรหลวงปู่เทพโลกอุดรปลุกเสก ขึ้นที่กรุวังหน้า องค์นี้ได้มาจากพระปฏิบัติ สายของสำเร็จลุนครับ ความเชื่อเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดรนี่ ผมได้ยินมาจากหลวงตาผมสมัยตอนเป็นเณรนะครับ(ปี40-43) ท่านก็บอกว่าหลวงปู่ใหญ่นี่ ท่านมีตัวตนจริงนะ มีทั้งที่เสด็จมาแบบกายเนื้อ และเสด็จมาแบบกายทิพย์ เมื่อก่อนตอนท่านจะปลุกเสกพระในอุโบสถ ท่านจะปูอาสนะเปล่าไว้ที่หนึ่งด้วย (ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นด้านซ้ายมือพระประธาน) ท่านว่าหลวงปู่ใหญ่จะลงมาตรงนั่นแหละ ผมก็เชื่อตามครูบาอาจารย์ท่านครับ และเมื่อผมสึกออกมาแล้ว ผมก็อยากได้พระที่หลวงปู่ใหญ่ท่านปลุกเสกไว้ ผมเองเป็นคนคลุกคลีอยู่ในตลาดพระเครื่อง เป็นสิบๆปี เมื่อก่อนถ้าบอกว่าหาพระเครื่อง ของหลวงปู่เทพโลกอุดรใช้ คนในตลาดพระ ก็ต่างหัวเราะเยาะเย้ยผม พูดว่าโอ๊ยย..ไอ้หนุ่มเองเล่นพระสายมโนเหรอ เอ็งชอบพระสายลิเกเหรอ มันจะใช้ได้จริงเหรอ ก็จริงอย่างเขาว่าแหละ พระเครื่องที่ว่าเป็นของหลวงปู่ใหญ่ ในตลาดพระเขาไม่เล่นกัน ไม่นิยมค้าขายกัน บางองค์ก็เนื้อหาดูแล้วไม่เก่า แต่ผมเชื่อเรื่องหลวงปู่เทพโลอุดรไง ผมจึงคิดว่า อืมมมม ถ้าตัวเองได้พระของหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่เนื้อหาดูเก่าๆก็ดีสินะ ไอ้คนที่ว่าผมจะได้ เปิดมุมมองในการเล่นพระมิติใหม่ๆบ้าง คิดแบบนี้มาเป็นสิบปีนะ จนผมได้องค์นี้มาจบเลยครับ ตรงใจทุกอย่าง ผมเป็นคนชอบพระปิดตาที่ลงรักอยู่แล้ว (ปกติเล่นพระปิดตาสายนนท์ครับ) ได้องค์นี้มาคล้องคอ จบเลยครับ เดินโชว์ได้ทั้งตลาด เพราะเนื้อหาผง และรักเก่ามาก ก็ตามมาตรฐานที่นักเล่นพระเครื่องเขาเล่นกันหละ เอาไปให้ใครชม ก็ต่างพูดว่า เนื้อสวยดีนะ รักเก่าดูดี พระที่ไหนหละ ขายไหม..??? จะซื้อผมอยู่1-3พันบาทนะครับ (ผมก็ไม่ได้อยากขายไงครับ ตั้งใจไว้ขึ้นคอ) ทำให้รู้ว่า พระปิดตาสายวังนี่ ที่เนื้อหาเก่าๆ ก็มีอยู่นะ ถ้าเราเล่นหาเนื้อหาแบบนี้ ผมเชื่อเลยครับ ว่าพระสายนี้ต้องมา แต่ทว่าจะหาเนื้อหาแบบนี้ก็ยากยิ่งนัก ท่านใดมีแบบนี้อนุรักษ์ไว้เลยครับ หายากมากครับ
สำหรับพระปิดตาพิมพ์นี้ เป็นพิมพ์พระสังกัจจายน์ อธิฐานฤทธิ์ เพื่อแปลงกายให้มีกายที่อ้วนพลี ไม่น่าพิศสมัย อุปเท่ห์ ในการสร้างพระสังกัจจายน์นั้น ตามโบราณจารย์ท่าน เชื่อและสืบทอดกันว่า พระสังกัจจายน์นั้น เป็นสัญลักษณ์ ของเมตตามหานิยม อันนี้ต้องแยกกันนะ บางท่านเข้าใจไปว่า พระสังกัจจายน์ เด่นด้านทรัพย์ แต่ถ้าศึกษาดีๆ พระอรหันต์ที่เด่นด้านโภคทรัพย์ ไม่ใช่พระสังกัจจายน์นะ แต่เป็นพระสีวลี ท่านได้รับเอตทัคคะ เป็นพระผู้มีลาภสักการะมาก แต่พระสังกัจจายน์ท่าน ได้รับเอตทัคคะ ในด้านผู้อธิบายธรรมย่อให้พิดาร กล่าวคือ ท่านอธิบายธรรมสาธยายธรรม ที่เป็นบทย่อๆเนี่ย ให้เกิดพิดาร ความบรรเจิด จึงยังศัทธาแก่มหาชนได้นะ (อธิบายธรรมได้กินใจ,โดนใจมหาชน) ท่านเด่นด้านนี้แหละครับ อ้าว..แล้วไปเกี่ยวอะไรกับเมตตามหานิยมหละ เมื่อเราศึกษาประวัติท่านต่อไป จะเห็นได้ว่าท่านหล่อครับ เรียกว่าหล่อจนออร่าเชิดฉาย ก็เป็นอันดับต้นๆในสมัยพุทธกาลเลย พระภิกษุที่มีรูปโฉมอันงดงามในสมัยพุทธกาลนั้นมีอยู่ด้วยกัน ๓ รูป คือ:-
๑.พระพุทธเจ้า
๒.พระนันทะ ผู้เป็พระอนุชาคือน้องชายของพระพุทธเจ้า
๓.พระมหากัจจายนะ
จะ มีรูปร่างอันสวยงามคล้ายๆกันจนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่ายๆ แต่พระนันทะและพระมหากัจจายนะจะมีรูปร่างเตี้ยกว่าพระพุทธเจ้าอยู่ ๓ นิ้ว
ความหล่อของท่านนั้น สะเทือนไปถึงองค์อินทร์ เมื่อ เรื่องนี้ดังไปถึงหูของท้าวสักกเทวราชผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์ก็มีพระดำริว่าเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรหนอ จำที่เราจะต้องลงไปนมัสการพระมหากัจจายนะเพื่อสอบถามพระคุณเจ้าดูก็จะรู้ รายละเอียดทั้งหมด พอทรงดำริได้เช่นนี้แล้วท้าวสักกเทวราชก็เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วเสด็จตรงเข้าไปนมัสการพระมหากัจจายนะในทันที พอท้าวสักกเทวราชได้เสด็จเข้าไปเห็นรูปร่างของพระมหากัจจายนะแล้วก็ยึนเพ่ง ดูรูปโฉมพระมหากัจจายนะอย่างตะลึงแล้วพระองค์ก็ทรงมีพระดำริขึ้นในพระทัยว่า “เรายังไม่เคยเห็นใครนอกจากพระพุทธเจ้าแล้วจะมีรูปโฉมอันงดงามเช่นนี้ แม้เราเป็นเทพบุตรและเทพบุตรทั้งหลายที่อยู่ในทรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็มี รูปร่างงดงามสู่พระมหากัจจายนะนี้ไม่ได้เลย ประสา อะไรกับนายโสไรยะผู้เป็นบุตรชายของท่านเศรษฐีแห่งโสเรยะนครจะไม่หลงไหลในรูป โฉมนี้ แม้เราเป็นเทวดาก็ยัง หลงใหลในรูปโฉมนี้อย่างลืมตัวเหมือนกัน” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมื่อพระองค์เสด็จลงมาอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าแล้วก็มักจะ แวะเสด็จไปเยี่ยมพระมหากัจจายนะเป็นการส่วนตัวและพระองค์มักจะขอนวดขาให้พระ มหากัจจายนะเสมอและพระองค์ก็ได้ทรงสนิทสนมกับพระมหากัจจายนะตั้งแต่บัดนั้น เป็นต้นมา
ก็เรียกได้ว่า พระมหาสังกัจจายนะ ท่านหล่อมาก แถมยังอธิบายธรรมได้เก่งกาจ พิดารมาก ก็ทั้งหล่อทั้งเก่งนี่แหละ มนุษย์และเทวดาที่ได้สัมผัสพบปะ ก็ต่างหลงไหลได้ปลื้ม ความหลงไหลนั้น บางทีก็เป็นโทษ นายโสเรยยะบุตรเศรษฐี ได้คิดอกุศลกับท่าน คือคิดไปในทางต่ำอะนะ “พระเถระรูปนี้มีรูปร่างสวยงามยิ่งนักควรจะเป็นภรรยาของเรา หรือมิฉะนั้นภรรยาของเรา ก็ควรจะมีรูปร่างสวยงามเหมือนพระเถระรูปนี้” ในขณะที่คิดอยู่อย่างนี้รูปร่าง ของนายโสไรยะก็ได้กลับกลายเป็นรูปร่างของผู้หญิงในทันที ด้วยเหตุที่มีความคิดอันเป็นบาปอกุศลต่อพระอรหันต์ที่มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อ พระพุทธศาสนา พอกลายเป็นผู้หญิงแล้ว ก็ไปมีลูกมีครอบครัว ในภายหลัง จึงได้มาขอขมากับพระมหาสังกัจจายนะ เพศของนาง จึงได้กลับเป็นชายดังเดิม แล้วท่านโสเรยยะ ก็ปลงตกกับบาปกรรมทั้งหลาย ว่าบาปกรรมมันมีโทษจริงนะ ท่านอยากหยุดเวรกรรมทั้งหลาย จึงบวชในสำนักของพระมหากัจจายนะนั่นแหละ บวชแล้วท่านก็ปฏิบัติธรรมจนบรรลุอริยะธรรม สำเร็จเป็นพระอรหันต์
พระมหากัจจายนะ ท่านเล็งเห็นแล้ว ว่าการมีรูปงามนี่ ก็เป็นโทษนะ จะปฏิบัติธรรมก็ลำบาก เพราะมีแต่มนุษย์และเทวดา เวียนมาหา บางคนก็เอาความหล่อท่านไปเทียบกับพุทธเจ้าอีก บางคนเดือดร้อนเพราะความหล่อท่าน แบบนายโสเรยยะ ท่านจึงทูลขออนุญาติ กับพระพุทธองค์ เพื่อใช้ฤทธิ์แปลงร่าง ให้ไม่น่าพิศสมัย สมัยนั้นก็ต้องขออนุญาตินะ เพราะการแสดงฤทธิ์ หรืออวดอ้างปาฏิหารย์ นั้นเป็นอาบัติ พระพุทธเจ้าท่าน ก็ประทานอนุญาติให้นะ ก็ใช้หลักมหาปฏิรูปเทศนี่แหละครับ เพราะสิ่งที่ท่านพระมหากัจจายนะทูลขอ เป็นไปเพื่อการสงเคาระห์โลก สงเคราะห์ธรรม ไม่ยังให้เกิดกิเลส อันเป็นอุปสรรค ในการปฏิบัติธรรม ท่านพระสังกัจจายน์ก็ปลีกตัวออกไป หาสถานวิเวกเพื่อเข้ามสมาธิอธิฐานกายใหม่ ในปฐมยามนั้น ท่านพนมมือเพื่อบูชา สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธรรม ในทุติยะยาม ท่านยกมือทั้งสอง ปิดทวาร นั้นคือหน้าท่าน เป็นสัญญลักษณ์ กางกั้นมิให้กิเลสนั้นผ่าน อายตนะภายนอกเข้ามา ในตติยะยาม ท่านเอามือลงบรรจงวางไว้ที่ตัก เพื่อทำสมาธิ เปลี่ยนกายเปลี่ยนธาตุขันธ์นั้น ให้เป็นบุรุษที่อ้วนพลีเสีย ท่านก็เข้าสมาธิไปเรื่อยนะ จนธาตุขันธ์ท่านเปลี่ยน พุงท่านก็โย้ออกมา มือท่านที่วางไว้ ก็กลายเป็นมือที่อุ้มท้อง กายท่านก็เปลี่ยนเป็นคนอ้วน ไม่น่าดูไม่น่าชม ท่านก็มีรูปร่างอ้วนตามปราถนาแล้วหละ แต่ก็ยังมีมนุษย์และเทวดา เข้าหาท่านไม่ขาดสายเลย เพราะท่านเป็นคนเก่งไง อธิบายธรรมเก่ง พุ่งสู่กลางใจผู้ฟัง ลาภสักการะจึงมิได้ขาดไปเลย..!!!
ในเวลาที่หมู่สงฆ์จะต้องเดินทางจาริกไปทีละมากๆ หาก พระสีวลีไม่สามารถที่จะเดินทางไปด้วยได้ หรือไม่อยู่ พระพุทธองค์ก็ทรงเรียกให้พระสังกัจจายน์ไปด้วย เพื่อว่าหมู่สงฆ์จะได้ไม่ติดขัดเรื่องบิณฑบาต ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อาหารบิณฑบาตก็จะเหลือเฟือไม่ขาดแคลน ถึงแม้ว่าหนทางนั้นจะมีหมู่บ้าน และผู้คนไม่มากนักก็ตา เมื่อพระสีวลีไม่อยู่ แต่มีพระสังกัจจายน์มา ก็เหมือนกับมีพระสีวลีอยู่ด้วย
นี่นะที่มาของพระสังกัจจายนะ จะเห็นได้ว่าท่านทั้งหล่อทั้งเก่ง เป็นที่รักของมนุษย์เทวดา คุณวิเศษของท่านจึงเป็นไปทางเมตตามหานิยม หล่อด้วยเก่งด้วย เดี๋ยวทรัพย์ก็มาเองนะ พระสังกัจจายน์วังหน้านี้ หลวงปู่ใหญ่ท่านได้บรรจงสร้างด้วยมวลสารวิเศษต่างๆ บรรจงเสกด้วยจิตอันยิ่งใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์ ท่านที่ครอบไว้ ท่านมีศรัทธาในธรรม ก็อธิฐานใช้เถิด บางทีอาจเกิดเรื่องดีๆ ในชีวิตท่านก็ได้นะครับ
สุดท้ายนี้ ด้วยอานิสงค์ที่ข้าพเจ้า เขียนและเผยแพร่เรื่องนี้ ขอให้บุญอันวิเศษ จงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และท่านผู้อ่าน ขอให้ข้าพเจ้าและท่านผู้อ่าน จงปราศจากอุปสรรคใดๆ ในการดำรงชีวิต หากมีความทุกข์ มีอุปสรรค ก็ขอให้ผ่านไปด้วยดี ด้วยจิตที่เป็นกุศล ขอให้สมบูรณ์ด้วยสติปัญญา สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพานสมบัติ ตลอดกาลและตลอดไป นิพพาน ปัจจโย โหนตุ

แชร์เลย

Comments

comments

Share: