พระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าองค์ต้น (องค์ที่ 1 หรือองค์ปฐม) ที่ประดิษฐานอยู่ในพระเศียรของพระปฐมบรมศาสดา โดย หลวงตาอู๋
วันหนึ่งได้มีพระเขี้ยวแก้ว 1 คู่ เสด็จมาเองโดยปาฏิหาริย์ที่วัดหลวงพ่อสด มีลักษณะใสบริสุทธิ์ขนาดยาวประมาณ 5 นิ้ว มีน้ำหนักมาก เมื่อหลวงป๋าท่านใช้ญาณตรวจสอบดูท่านถึงกับตกใจและดีใจมากเพราะท่านก็ไม่คาดคิดว่าพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าองค์ต้นจะเสด็จมาเช่นนี้ มาชนิดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่สุด ท่านจึงตั้งใจว่าต่อไปจะนำประดิษฐานไว้ที่พระมหาเจดีย์ของวัดที่กำลังก่อสร้าง แล้วก็จะต้องอยู่ในส่วนที่สำคัญที่สุดด้วยเพื่อให้สมพระเกียรติของพระพุทธเจ้าองค์ต้นนี้
เมื่อท่านตรวจญาณโดยละเอียดด้วยวิชชาธรรมกาย ท่านก็ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าองค์ต้นนี้ทรงพระนามว่า “พระพุทธเจ้าติกขักขะ” ซึ่งชื่อนี้ภาษานี้ก็ไม่คุ้นหูของคนในสมัยนี้เลย อาจเพราะว่าเป็นภาษาชื่อในยุคต้นกัปป์อันไกลโพ้นนับเวลาประมาณมิได้
ต่อมาอีกราวๆ เกือบ 1 ปี อาตมาก็ขอหลวงป๋าท่านสร้างพระที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะจะเป็นการสร้างพระพุทธเจ้าองค์ต้นหรือสมเด็จองค์ปฐมด้วยเนื้อโลหะพิเศษทองปลาไหล ซึ่งที่วัดก็ยังไม่เคยได้สร้างสมเด็จองค์ปฐมเช่นนี้มาก่อน อย่าว่าแต่ที่วัดหลวงพ่อสดเลยแม้ที่อื่นๆ ในโลกก็ยังไม่เคยมีใครสร้างมาก่อน เมื่อหลวงป๋าท่านอนุญาตอาตมาก็ดำเนินการสร้างโดยเริ่มจากขนาด 54 นิ้ว แล้วค่อยๆ ขยายขึ้นเรื่อยๆ ตามเงินบริจาคที่เพิ่มเข้ามาจนขยายไปได้ถึง 81 นิ้ว (4 ศอก 1 นิ้ว) ซึ่งเป็นขนาดที่คนโบราณเชื่อว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมของพระประธานในโบสถ์และมีอานิสงส์สูงสามารถตัดหนี้สงฆ์ทั้งหมดทั้งมวลที่เคยมีติดตัวได้ทั้งหมด
พอสร้างเสร็จสมบูรณ์ก็ปรากฏว่ามีพระพุทธลักษณะสวยงามมากอย่างกับฝีมือเทวดาสร้าง เมื่อพระส่งมาถึงวัดหลวงป๋าท่านเห็นเข้าก็เกิดความเคารพเลื่อมใสมาก ท่านจึงรู้ได้ทันทีด้วยตัวของท่านเองว่าพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าองค์ต้นที่เสด็จมาเองนั้นก็เพราะต้องการที่จะประดิษฐานไว้ในองค์พระปฐมองค์นี้นั่นเอง ท่านจึงได้นำพระเขี้ยวแก้วคู่นี้บรรจุลงไปในส่วนพระเศียรแล้วให้ช่างเทปูนขาวปิดทับไว้อย่างแน่นหนาไม่มีทางที่ใครจะมานำออกไปได้อีก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรื่องสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ อาตมาจึงมั่นใจว่าเทพเบื้องบนและครูบาอาจารย์ท่านได้กำหนดไว้หนดแล้ว มันไม่มีเรื่องบังเอิญในโลกนี้เพียงแต่เราจะรู้หรือไม่เท่านั้นเอง พระปฐมบรมศาสดาองค์นี้จึงเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นพระที่มนุษย์ เทพเทวา พรหม ยม ยักย์ พญานาค พญาครุฑ จะต้องมากราบไหว้อย่างแน่นอน ต่อไปก็จะต้องเป็นพระสำคัญคู่บ้านตู่เมืองไทยต่อไปในอนาคต
————————————-
ต่อไปนี้เป็นประวัติของพระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก “พระพุทธเจ้าติกขะคัมมะ” (หลวงป๋าเขียนว่าติกขักขะ) ที่ปรากฏในหนังสือปฐมกัปของไทยตั้งแต่สมัยโบราณที่หอสมุดแห่งชาติโดยกรมศิลปากรแปลและจัดพิมพ์
พระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก
ในหนังสือคัมภีร์ปฐมมูลซึ่งจัดพิมพ์โดยหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร (แปลมาจากคัมภีร์โบราณของไทย) รับรองพระนามของพระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลกมีชื่อว่า “พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า”
ที่หอสมุดแห่งชาติยังมีคัมภีร์เก่าๆ มากมายที่ยังไม่ได้แปล และมีสุดยอดคัมภีร์อีกหลายๆ คัมภีร์ที่ คนไทยยังไม่รู้ และเป็นของเถรวาทแท้ๆ ด้วยครับ
พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ทรงตรัสแสดงแก่ท่าน “พระอัญญาโกณฑัญญะ” และ พระปฐมสาวกทุกองค์ในศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะทูลถาม พุทธประวัติ ของ ” พระพุทธเจ้าองค์ปฐม” พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตทุกพระองค์ก็จะทรงตรัสแสดงให้ฟังปฐมสาวกได้ฟัง แม้มาในศาสนาของพระพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกัน คัมภีร์นี้เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่มาก ต้นฉบับ เป็น “ภาษล้านนา” คณาจารย์ของกรมศิลปากร ได้แปลรวมไว้อยู่ใน หนังสือเล่มใหญ่ ชื่อ ” โลกุปปัตติ อรุณวดีสูตร ปฐมมูล ปฐมกัป มูลตันไตรย “
และถ้ามีปัญหาถามว่า “พระพุทธเจ้าองค์แรกในพระพุทธศาสนา ที่ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงพระนามว่าอะไร” พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ อุบัติขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพระองค์ไม่เคยได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นใดมาก่อนเลย เพราะยังไม่มี พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่องค์เดียว พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ใช้ระยะเวลาในการประทับนั่งบนโพธิบัลลังก์เป็นเวลายาวนานกว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เกิดขึ้นมาภายหลัง คือ ทรงใช้เวลา 5,000 ปี นั่งประทับตรัสรู้อยู่ใต้ต้นไม้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยทราบมาก่อนว่าต้องสร้างพระบารมีเท่าใด และไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์ในศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์มาก่อนเลย
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมมูลพระองค์นั้นทรงพระนามว่า “พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า” พระองค์มีพระชนม์มายุ 100,000 ปี แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้ทรงพยากรณ์เป็นพระองค์แรกว่า
“ต่อไปภายภาคหน้า ตระกูลของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ซึ่งจะมาตรัสรู้ต่อจากพระองค์จะมี 3 ตระกูลคือ
1. ปัญญาธิกะ
2. สัทธาธิกะ
3. วิริยาธิกะ
ซึ่งมีเหตุมาจากมานพ 3 คน ได้มีศรัทธาเลื่อมใสปั้นพระพุทธรูปเหมือน “พระติกขะ”
คนแรก มีวิริยะน้อย และต้องการจะปั้นให้เสร็จเร็ว พระรูปที่ปั้นจึงมีขนาดเล็กที่สุด ด้วยผลแห่งกรรมนี้ จึงได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าประเภท “ปัญญาธิกะ” คือใช้เวลาในการสร้างบารมีน้อยเพื่อให้ตรัสรู้ได้เร็วที่สุด และพระวรการก็เล็กเหมือนกับพระรูปที่ปั้น
คนที่ 2 มีสัทธามากแต่มีวิริยะน้อย ปั้นเหมือนพระติกขะมากกว่าคนแรก พระรูปมีขนาดปานกลาง ด้วยผลแห่งกรรมนี้จึงได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าประเภท “สัทธาธิกะ” คือใช้เวลาในการสร้างพระบารมีปานกลาง
คนที่ 3 มีวิริยะแก่กล้ามากที่สุด และต้องการจะปั้นพระพุทธรูปให้เหมือน “พระติกขะ” มากที่สุด จึงได้ใช้ระยะเวลาในการปั้นนานที่สุด และพระพุทธรูปที่ปั้นขนาดใหญ่เท่าองค์จริง ด้วยผลแห่งกรรมนี้จึงได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าช้าที่สุด แต่มีพระรูปกายสูงใหญ่มากที่สุด ใช้เวลาในการสร้างบารมีนานที่สุด
ที่มา : บทความเรื่อง พระพุทธเจ้าองค์แรกของโลก พระปฐมพุทธเจ้า Posted by ละอ่อนเจียงใหม่เมืองป้าว วันอังคาร ที่ 12 พฤษภาคม 2552
ขอบคุณ : http://oknation.nationtv.tv/…/bmchiangmai/2009/05/12/entry-1
จากพันทิพย์
พระพุทธเจ้าองค์แรกที่อุบัติขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ใน ” ปฐมมูล “
ทรงพระนามว่า
” พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า”
ทรงบำเพ็ญพระบารมีใต้ต้นไม้ตรัสรู้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี
พระองค์เป็นผู้บัญญัติ ” ภาษาอักษร ” ใน ภาษาบาลี และทรงพยากรณ์ตระกูลของ
พระพุทธเจ้าซึ่งตรัสรู้ต่อไป หลังจากที่พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว
ว่าจะมี 3 ตระกูล
คือ
1. ตระกูลพระพุทธเจ้า ประเภท ” ปัญญาธิกะ”
2. ตระกูลพระพุทธเจ้า ประเภท “สัทธาธิกะ”
3. ตระกูลพระพุทธเจ้า ประเภท “วิริยาธิกะ”
ถ้าใครได้ศึกษาคัมภีร์ ” ปฐมมูล” จะไม่เกิดความสงสัยเลยว่า
” พระพุทธเจ้าองค์แรก มีหรือไม่ ? “
เพราะลำดับการนับ 2 3 4 5 6 7 8 9 … 100 ….200 … ยังมีได้
แล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์แรกที่อุบัติขึ้นก่อนทุกพระองค์ก็ต้องมี
หมายเหตุ
ข้อมูลนี้
เป็นคัมภีร์ของล้านนา ชื่อ ” ปฐมมูล” บันทึกเป็นภาษาบาลี
เก่าแก่มากจนเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร ต้องเก็บรักษาไว้อย่างระมัดระวังที่สุด
พระพุทธเจ้าติกขะ ทรงใช้เสียงร้อง อะ อา ของเด็กทารก มาเป็นมูลในการบัญญัติภาษาบาลี เพราะในกาละนั้น ไม่มีภาษาอักษร มีแต่ภาษาเสียง
หอสมุดแห่งชาติ แปลคัมภีร์นี้แล้วเผยแพร่แก่ประชาชน
ในปฐมมูล ปรากฎข้อความเป็นภาษาบาลี แล้วแปลเป็นไทยว่า
” ดูก่อน โกณฑัญญะ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงเทสนาสั่งสอนปาณสัตว์ทั้งหลาย ให้ได้เข้าถึง พระนิพพาน นานประมาณได้ 28
อสงไขย 160 โกฏิ ปลายแสนตัวสัตว์ สำเร็จบริบูรณ์แล้ว
ทรงมีพระชนมายุได้ 100,000 ปีก็ปรินิพพานแล
ดูก่อน โกณฑัญญะ ความเป็นมาของนิทานนี้ สืบเนื่องมาจากพระพุทธเจ้าที่มีมา
แล้วแต่ปางก่อนทุกพระองค์ ทรงเทสนาต่อ ๆ กันมาโดยลำดับ
และในคัมภีร์นี้ ยังมีบาลี ที่กล่าวถึงการสั่งสมพระบารมี ของ พระสังกัจจายะ
นะเถระ อย่างละเอียด เมื่อครั้งศาสนาของ พระพุทธเจ้า ” อโนมทัสสี”
ครูบาอาจารย์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร และจบเปรียญธรรม 9 ประโยคหลาย
ท่าน ได้ตรวจสอบเทียบเคียงกับ พระไตรปิฎก และอรรถกถาหลายเล่มแล้ว และเห็น
ว่าเป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงมูลเหตุแห่งพระพุทธศาสนาจริง สมดังชื่อคัมภีร์ ” ปฐมมูล”
สมาชิกหมายเลข 2277768
18 กรกฎาคม 2558 เวลา 07:36 น.