“พระโพธิสัตว์” ลงมาสร้างบารมี
หลายท่านที่เพิ่งมาที่วัดหลวงพ่อสดก็จะรู้สึกแปลกใจว่า
ทำไมที่วัดแห่งนี้มีการพูดถึงพระอินทร์ ท้าวเวสสุวรรณ พญานาค พญาครุฑ
หมอชีวกโกมารภัจจ์ เหล็กไหล ดวงแก้วพญานาค หยก จุยเจีย ฯลฯ
เรื่องอะไรๆ ที่วัดแห่งอื่นๆ เขาไม่ค่อยพูดถึงกัน
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คนทั่วไปเขาไม่เชื่อแม้แต่พระภิกษุในที่ต่างๆ
ท่านก็ไม่เชื่อกันอยู่มาก
ยิ่งพวกที่เรียนปริยัติมามากยิ่งไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
ยกเว้นผู้ที่ปฏิบัติสมาธิมาพอสมควรจนสามารถสัมผัสสื่อถึงสิ่งเหล่านี้ได้
แต่ก็นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับคนทั้งหมด
อาจเพราะที่อื่นเขาไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับเทพ พรหม และธาตุกายสิทธิ์ ไม่เหมือนกับพระโพธิสัตว์ที่ท่านลงมาสร้างบารมี เพราะหลายท่านไม่เคยทราบว่าเหล่าพระโพธิสัตว์นั้นก่อนที่ท่านจะลงมา ท่านมีการเตรียมตัวกันมาก่อน การสร้างบารมีของเหล่าพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีแก่ๆ เขาจะต้องมีทีมงาน (กองทัพธรรม) มีเพื่อน มีญาติ มีการแบ่งงานกันทำ ทั้งกองหน้า กองกลาง กองหลัง กองเสบียง กองข่าว ฯลฯ มีทีมงานที่ลงมาพร้อมกันและตามกันมา และทีมงานที่ยังอยู่บนสวรรค์เพื่อทำหน้าที่เชื่อมการทำงานระหว่างมนุษย์และเทวดา เป็นการทำงานร่วมกันทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง
พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีแก่ๆ เมื่อลงมาเกิดแล้วไม่นานท่านก็จะระลึก
(รู้สึกตัว) ได้ว่าต้องมาสร้างบารมีให้มากยิ่งๆ ขึ้นไป
พระโพธิสัตว์เหล่านี้ส่วนมากหนีไม่พ้นต้องออกบวช
เพราะถ้าอยู่ทางโลกนานไปอาจเป็นผลเสียต่อผู้ที่อยู่ใกล้ชิด
เพราะนิสัยของมนุษย์ไม่ชอบให้ใครดีกว่าตนอาจเผลอพูดหรือกระทำสิ่งที่ไม่ควรต่อพระโพธิสัตว์
ผลเสียย่อมมากกว่าที่กระทำต่อคนธรรมดา
ท่านจึงต้องออกบวชเพื่อให้มีเครื่องแบบและฐานะที่ผู้คนเคารพเป็นเกราะป้องกันนรกแก่ผู้ที่อยู่รอบข้างได้บ้าง
การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์จึงไม่เหมือนพระทั่วไปเพราะท่านจะทำงานสร้างบารมีทั้ง
10 ทัศ เน้นทั้งด้านปฏิบัติและปริยัติ เน้นทั้งพระทั้งคน
ท่านทำเหมาหมดดูแล้วเหนื่อยแทนเลย
ผมเคยถามหลวงป๋าท่านว่าไม่เหนื่อยหรือครับกับการสร้างบารมี
ท่านบอกว่า “ไม่เหนื่อย…สนุกดี”
พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีแก่ๆ เช่นพระนิยตโพธิสัตว์
ซึ่งได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วนั้น
ท่านย่อมเที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณการเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอนาคต
ดังนั้นท่านย่อมได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือจากเทพมเหศักดิ์ต่างๆ เช่น
“พระอินทร์” จอมเทพผู้ปกครองเหล่าเทวดา
และท่าน “ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4”
โดยเฉพาะท่าน “ท้าวเวสสุวรรณ”
เพราะท่านเหล่านี้ท่านก็มีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่แล้ว
บางองค์ท่านก็ได้เคยกราบดูแลพระพุทธเจ้าตอนที่พระองค์ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ด้วยซ้ำ
บางท่านก็ได้บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว
คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ ไม่เพียงแค่หมื่นชาติแสนชาติแต่เป็นล้านๆ ล้านๆ
ชาติ
ดังนั้นเกือบจะไม่มีใครเลยที่ได้มาพบเจอกันจะไม่เคยเกิดเป็นพี่เป็นน้องหรือเป็นเครื่อญาติกันมาก่อน
เหมือนเช่นอย่างหลวงป๋าซึ่งผมก็มาทราบภายหลังว่า
ท่านเป็นน้องชายคนสุดท้องของพี่น้องสามคน
โดยคนพี่ก็คือ “พระอินทร์”
พี่คนกลางก็คือ “ท้าวเวสสุวรรณ”
ส่วน “หลวงป๋า” ท่านเป็นน้องคนสุดท้อง
เรื่องแบบนี้ผมคงคิดเองเออเองไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่ผมทราบก็เพราะตอนที่ท่านพระอินทร์ท่านมาปรุงคดขนุนทองคำให้แก่วัดหลวงพ่อสดนั้น มีตอนหนึ่งท่านพูดบอกแก่พระซึ่งดูแลเรื่องคดขนุนนี้ว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องการสร้างพระมหาเจดีย์หรอก พระน้อง (หลวงป๋า) เขาเคยสร้าง…..ซึ่งใหญ่กว่านี้ ยากกว่านี้ก็ยังสร้างสำเร็จมาแล้ว”
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่การปลุกเสกพระเครื่องของที่วัดหลวงพ่อสดจะมี
ท่านพระอินทร์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ
และครูบาอาจารย์ในอดีตมาช่วยเสกให้
และเมื่อท่านเหล่านี้มา ท่านก็ไม่ได้มากันแค่ไม่กี่องค์ ท่านก็ยังชวนพรรคพวกลูกน้องมาช่วยกันเสกอีก เช่น
ท้าวเวสสุวรรณ ท่านก็ชวนกรมหลวงชุมพร
ตามมาช่วยเสก พญานาค พญาครุฑ (บริวารท้าวเวสสุวรรณ)
ซึ่งเป็นลูกน้องของท่านท้าวเวสสุวรรณก็ต้องมา
เพราะขนาดหัวหน้าท่านยังมาแล้วลูกน้องบริวารท่านจะไม่มาได้อย่างไร
การลงมาสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ท่านจึงมากันเป็นทีม
ไม่ใช่มาอย่างโดดเดี่ยว
ท่านพระอินทร์ และท้าวเวสสุวรรณ
ท่านบอกว่า ท่านจะต้องช่วยหลวงป๋า
เพราะเป็นน้องคนเดียวที่สร้างบารมีเป็น “พระโพธิสัตว์”
ส่วนท่านทั้งสองนั้นท่านเป็น “พระอริยบุคคล” ไปแล้ว เพราะเคยได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า เมื่อหมดวาระท่านก็จะไม่กลับมาเป็นมนุษย์อีก
แต่สำหรับเหล่าเทพเทวาที่ลงมาช่วยงานท่านนี่ซิที่อาจจะมีปัญหา ใครบารมีแก่ๆ ก็ยังพอเอาตัวรอดเพราะเกิดมาไม่นานก็สามารถระลึกถึงสัญญาการสร้างบารมีได้ แต่พวกบารมีกลางๆ นี่อาจหลงใหลได้ปลื้มไปกับทางโลก เพลิดเพลินกันไปกับการหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว เมื่อถึงเวลาหมดบุญบางคนจึงสามารถกลับไปสวรรค์ได้ บางคนก็ไปไม่ได้ แต่ผมก็มั่นใจว่าผู้ที่อาสาลงมาช่วยงานพระโพธิสัตว์สร้างบารมีอย่างไรเสียก็ไม่ไปอบายแน่ เพราะก่อนที่แต่ละท่านจะลงมาก็ต้องมีการไหว้วานเพื่อนเทวดาด้วยกันว่า อย่างไรเสียหากเห็นว่าทำอะไรพลาดพลั้งไปก็ขอให้มาเตือนด้วย เสียดายที่ตอนเรามาเกิดเราต้องผ่านน้ำคร่ำของมารดาทำให้ลืมอดีตที่ผ่านมาจนหมด จำอะไรๆ ไม่ได้เลย ยังดีที่เทวดาที่ไม่ได้ลงมาเสี่ยง เขาก็จะมีหน้าที่คอยช่วย ท่านไม่ทิ้งเพื่อนกองทัพธรรมด้วยกันหรอกครับ
โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
19 พฤศจิกายน 2559
Baramee Raktham