@@พ่อท่านสิทธิ์ อธิมุตโต
สำนักสงฆ์ถ้ำน้ำใส ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
พระกรรมฐานวิเวกธรรมกลางขุนเขา
โดย ศุภักษร ลอยสุวรรณ์
…พระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในกรอบแห่งพระธรรมวินัย ไม่มีทางที่ท่านจะทำผิด เพราะพระธรรมวินัยนั้นละเอียดกว่ากฎหมายทางโลก ถ้าลองได้ถึงขั้นทำผิดกฎหมาย นั่นก็แสดงว่า มันแทงทะลุออกนอกกรอบแห่งพระธรรมวินัยไปนาน…
ส่วนพระธรรมคือ คำสอน คำสอนย่อมมีความละเอียดแยบคายกว่าพระวินัยเข้าไปอีก ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในพระธรรม ก็จะไม่มีทางผิดพระวินัยได้เลย แต่บางอย่างก็อาจผิดธรรม แต่ไม่ผิดพระวินัยก็มีอยู่อย่างมากมาย
ดังเช่น ได้ยินคนพูดจากระทบกระแทกแดกดัน ก็เกิดความโกรธเกลียดเคียดแค้นขึ้นมา เกิดความคิดอาฆาตพยาบาทหงุดหงิดอยู่ในใจ คิดจะทำร้ายเขา นี่เรียกว่า ผิดธรรมแล้ว แต่ถ้ายังไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นความผิดทางกาย หรือทางวาจา ก็ยังไม่ถือว่าผิดพระวินัย ต่อเมื่อไปต่อยตีกัน หรือด่าทอต่อว่ากันด้วยคำหยาบ ก็จึงจะผิดพระวินัย ดังนี้เป็นต้น
เพราะเหตุนั้น บรรดาท่านผู้ทรงคุณธรรมชั้นสูงระดับโลกุตระ ท่านจึงไม่มีทางที่จะกระทำการใด ๆ ให้ผิดพระวินัยได้อีกเลยตลอดกาล เพราะธรรมย่อมรักษาใจไว้ไม่ให้มีเจตนาทำชั่วใด ๆ ได้อีก
นับตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป ท่านจึงมีศีล 5 บริสุทธิ์ ถ้าเป็นพระก็มีศีล 227 บริสุทธิ์ ท่านไม่จำเป็นต้องทำความพยายามเพื่อรักษาศีลใด ๆ อีกตลอดกาล เพราะว่า กิเลสตัวเจตนาที่จะทำให้คิดล่วงเกินศีล ได้ขาดสะบั้นล้มตายหายซากไปจากใจของท่านหมดแล้วนั่นเอง
ใจของท่านทรงศีลอยู่โดยปกติเป็นหลักธรรมชาติไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืน ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญ เหตุนั้น พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงยอมตาย ก็ไม่ยอมทำผิดศีลเป็นเรื่องปกติ
พระวินัยคือ คำสั่ง สั่งอย่างไรต้องทำอย่างนั้น ศิษย์พระตถาคตจะไม่มีการต่อรองโดยอ้างความจำเป็น หรือความสะดวกสบาย แล้วมาล่วงเกินพระวินัยอย่างเด็ดขาด มีแต่จะต้องทำให้ได้ตามที่พระบรมศาสดาสั่งไว้เท่านั้น
ไม่เหมือนอย่างพวกเราท่านทั้งหลาย ที่ยังเป็นปุถุชนคนหนาด้วยกิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลง ศีลก็ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ บางคนก็เห็นศีลเป็นของมีค่า บางคนก็เห็นศีลเป็นของไร้ค่า ศีลของบางคนก็มีราคาแค่หลักร้อย บางคนก็หลักพัน บางคนก็อาจมีราคาหลักหมื่น หลักแสน หรือหลักล้าน เช่น บางคนเห็นเงินของคนอื่นทำตกไว้แค่ร้อยเดียว ก็คว้ามับเอามาเป็นของตัวเสียแล้ว ก็เรียกว่า ศีลของคนนั้นมีราคาแค่ร้อยเดียว แต่ศีลของบางคนก็อาจมีราคามากกว่านั้น เห็นเขาทำเงินตกพันก็ไม่เอา หมื่นก็ไม่เอา แสนก็ไม่เอา แต่ถ้าล้านกลับเอาก็ได้ ศีลของเขาก็มีราคาแค่ล้านเดียว
ถ้าเมื่อใดใครสามารถรักษาศีลด้วยเทิดทูนไว้เหนือชีวิตได้ จนไม่สามารถประเมินค่าได้ไม่ว่าจะเป็นเงินกี่หมื่น กี่แสน กี่ล้าน ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ทำใจให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลเช่นนี้ อย่างไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมอยู่ใกล้ประตูแห่งมรรค ผล นิพพานโดยแท้ ผู้เช่นนั้นย่อมมีโอกาสจะได้ดวงตาเห็นธรรม ก้าวพ้นจากทุกข์ไปได้อย่างแน่นอน
ดังเช่น ชีวิตบนเส้นทางธรรมของ พ่อท่านสิทธิ์ อธิมุตโต สำนักสงฆ์ถ้ำน้ำใส ตำบลคูหา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ที่ท่านละทางโลกเข้าสู่ร่มเงาพระพุทธศาสนาโดยรักษาพระธรรมวินัยแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน..
พ่อท่านสิทธิ์ อธิมุตโต ปัจจุบันอายุ77ปี เดิมท่านชื่อ นายประสิทธิ์ พรหมจันทร์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือนห้า ปีมะเส็ง พุทธศักราช2484 เป็นบุตรของพ่อพลัด พรหมจันทร์ แม่อิ่ม พรหมจันทร์ เป็นชาวตำบลยุโป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ต่อมาได้มีครอบครัวกับนางกลัด พรหมจันทร์(เสียชีวิตแล้ว) ร่วมประกอบสัมมาชีพที่ตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนซึ่งปัจจุบันอาศัยที่อยู่ที่ตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
บ้านตาชี บริเวณแห่งนี้ปัจจุบันเรียกว่าเขาตาชี พื้นที่นี้เป็นดงว่านที่นำไปสร้างหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ พ.ศ. 2497ตอนวัยหนุ่มพ่อท่านสิทธิ์ท่านได้ติดตามพระอาจารย์แสง พิมพศิริ (ปู่เจ้าแสง)ไปเสาะหาว่านให้กับพระอาจารย์ทิมวัดช้างให้ เนื่องจากพระอาจารย์ของท่านนั้นเป็นสหธรรมิกของอาจารย์ทิมสายตรงหลวงพ่อทวดอีกรูปหนึ่งด้วย
พระอาจารย์แสง พิมพศิริ หรือปู่เจ้าแสง คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างพระสมเด็จหลวงพ่อทวด รุ่นแรกปี2497
“ปู่เจ้าแสง” เป็นพระภิกษุที่ดำรงตนอย่างสมถะ มีจิตเมตตาต่อมนุษย์และสัตว์ มีเรื่องบอกเล่าจากคนสนิทของท่านว่าในระหว่างที่ท่องป่าเพื่อหาว่านยาสมุนไพรนั้น ท่านได้พบงูจงอางใหญ่หรืองูบองหลาในระยะกระชั้นชิด แต่งูไม่ได้ฉกกัดแต่ประการใด กลับหลีกทางให้ “ปู่เจ้าแสง” ทันที ปานประหนึ่งว่าท่านมีอำนาจอะไรบางอย่างที่สามารถบังคับให้งูเงี้ยวเขี้ยวขอหลีกทางให้
หากแต่ความจริงแล้ว “ปู่เจ้าแสง” มีแต่เมตตาให้แก่ทุกสรรพสัตว์เท่านั้น
ด้วยความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของท่าน เวลาท่านจะเดินทางออกไปธุระหรือกิจนิมนต์ใดที่ไม่รีบด่วนจนเกินไป ท่านจะเดินเท้าไม่ต้องพึ่งพายานพาหนะให้เสียเงินทอง โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างวัดวงกตบรรพตหรือวัดตาชีกับตัวอำเภอยะหา จังหวัดยะลา ซึ่งมีระยะทางประมาณสิบกิโลเมตรเศษๆ ท่านใช้เวลาเดินไม่นานนัก แต่หากเป็นกิจเร่งด่วนท่านจะใช้บริการรถมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งเข้าออกระหว่างตำบลตาชีกับอำเภอยะหา
“ปู่เจ้าแสง” มีพื้นเพเดิมที่จังหวัดพัทลุง เมื่ออายุได้สองขวบบิดาต้องโทษคดีอาญาฐานฆ่าคนตาย จึงพาลูกน้อยหนีมาอยู่ที่บ้านตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา เพราะเป็นพื้นที่ที่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว คือ จากอำเภอยะหาเท่านั้น นอกนั้นไม่สามารถออกไปได้ เว้นแต่จะเดินข้ามเขาไปทางตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา หรือข้ามเขาไปทางตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี หรือตำบลบ้านโหนด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแดนต่อกัน
“นายแจ้ง” ผู้เป็นพ่อมีความรู้ทางด้านสมุนไพรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้มาอยู่ในแดนว่านยาเช่นนี้ จึงสามารถใช้ความรู้ ความสามารถรักษาโรคให้แก่ชาวบ้านในยามเจ็บป่วย เพราะเส้นทางเข้าออกระหว่างตำบลตาชีกับอำเภอยะหา จังหวัดยะลา ยังอยู่ในสภาพกันดาร รถที่ใช้ในสมัยนั้น คือ รถจิ๊ปสงคราม เพราะสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งสี่ล้อ หน้าแล้งจึงมีแต่ฝุ่น หน้าฝนก็มีแต่โคลน รถจิ๊ปสงครามจึงเหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด
การช่วยเหลือชาวบ้านในยามเจ็บป่วยของนายแจ้ง นับวันแต่จะช่วยเสริมสร้างบารมีให้แก่เขาไปในตัว ในขณะเดียวกัน เด็ดชายแสงก็ได้เรียนรู้เรื่องว่านยาและการรักษาโรคไปด้วย
ภายหลังนายแจ้งได้แต่งงานใหม่กับหญิงชาวบ้าน จนมีบุตรด้วยกันสองคน
ความเป็นหมอยาของพ่อได้ซึมซับเข้าไปในจิตวิญญาณของเด็กชายแสง นับตั้งแต่เกิดเมื่อปีพ.ศ. 2456
ในวัยเยาว์ได้เรียนหนังสือที่วัดวงกตบรรพต หรือวัดตาชีจนอ่านออกเขียนได้ ครั้นเมื่ออายุครบบวชได้อุปสมบทที่วัดแห่งนี้ โดยมี พระครูแดง เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า “พิมพศิริ” ในช่วงเวลานี้ได้ศึกษาพระธรรมวินัยและตำราว่านยารักษาโรค จนมีความรู้อย่างแตกฉาน
เมื่อวัดช้างให้ได้ดำริที่จะจัดสร้างพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดขึ้น จึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นผู้ค้นหาว่านยา 108 ชนิด มาบดผสมกับดินกากยายักษ์ ซึ่งเป็นดินดำผสมแร่ธาตุที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวที่บนเขาลำพะยาเท่านั้น
เนื่องจากว่าเขาว่านยาสมุนไพรในตำบลตาชีมีลักษณะเป็นภูเขาหิน หน้าผาสูง สมุนไพรบางอย่างขึ้นอยู่บนหน้าผา ลำบากต่อการเก็บ ยากแก่การปีนป่าย แต่ “ปู่เจ้าแสง” สามารถนำว่านยาเหล่านั้นมาได้ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าท่านสามารถเก็บว่านยาเหล่านั้นมาได้ เพราะท่านมี “คาถาลูกเขียด” ที่สามารถทำให้มือเท้าเหนียวเหมือนเขียด ปีนป่ายหน้าผาสูงได้โดยไม่เป็นอันตรายใดๆ
นอกจากนั้นชาวบ้านก็ยังเชื่อว่า ท่านสามารถเดินทางในป่าเขาได้อย่างรวดเร็วราวกับหายตัว เพราะสามารถเดินทางจากเขาลูกหนึ่งไปยังอีกลูกหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
“ปู่เจ้าแสง” ได้ปฏิบัติภารกิจที่สำคัญสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว เพราะว่านยาบางชนิดท่านได้เก็บไว้บ้างแล้ว ท่านผู้รู้ได้ให้ข้อมูลว่ามวลสารที่นำมาผสมกันเพื่อสร้างพระสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นแรก 2497 ประกอบด้วยมวลสารที่ท่านได้ปลุกเสกไว้เป็นเบื้องต้นแล้ว คือ ดินกากยายักษ์จากเขาลำพะยา ว่านคงกระพัน ได้แก่ สบู่เลือด ว่านคางคก กระชาย บอระเพ็ด กำแพงเจ็ดชั้น มหาเมฆ หนุมานนั่งแท่น โมขศักดิ์ ว่านเมตตามหานิยม ได้แก่ ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ว่านมหาเสน่ห์ ว่านโชคลาภ ได้แก่ ว่านนางกวัก ว่านเศรษฐี ว่านขอเงิน ว่านขอทอง ว่านขอลาภ และว่านโป๊ยเซียน ว่านแคล้วคลาด ได้แก่ ว่านเพชรหลีก ว่านพระพาย ว่านเกราะเพชร และว่านพระเจ้าคุ้มภัย และว่านพละกำลัง
สิ่งสำคัญที่เป็นตัวประสานให้เนื้อของมวลสารทุกชนิดติดกันแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน คือ กล้วยน้ำว้า แต่ต้องเป็นกล้วยขนาดห่างๆไม่สุกเกินไป
เนื้อว่านและกล้วยน้ำว้าจะผสมผสานกับดินกากยายักษ์จากถ้ำคนธรรพณ์ แห่งขุนเขาลำพะยา จนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
ความสำเร็จในผลงานเป็นประจักษ์พยานในความเชี่ยวชาญด้านว่านยา สมุนไพร เพราะได้นำสรรพคุณที่แตกต่างมาบูรณาการกันได้อย่างลงตัว
“ปู่เจ้าแสง” มรณภาพลงเมื่ออายุได้ 79 ปี เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2535 ก่อนที่ท่านจะจากไปได้สั่งกับคนใกล้ชิดและลูกศิษย์ว่าให้นำว่านยา 108 ที่ท่านเก็บไว้ เมื่อครั้งจัดสร้างพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และผงว่านที่ผ่านการปลุกเสกแล้วมาสร้างพระเครื่องรูปของท่าน เมื่อท่านได้มรณภาพไปแล้ว
วัดวงกตบรรพตหรือวัดตาชีได้ปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน โดยการสร้างพระเครื่อง “ปู่เจ้าแสง” ขึ้น 3 พิมพ์ด้วยกัน ซึ่งได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นพระเครื่องเนื้อเดียวกับพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นแรก 2497
บัดนี้ ดวงวิญญาณของท่านได้สิงสถิตอยู่ ณ ยอดเขาตาชี เพื่อคอยปกป้อง รักษา คุ้มครองลูกหลานให้รอดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
อีกทั้งภาคภูมิใจในผลงานที่ร่วมสร้างตำนานพระเครื่องเมืองใต้ให้สามารถผงาดอยู่ได้นานเท่านาน
สำหรับ พ่อท่านสิทธิ์ อธิมุตโต อุปสมบทเมื่ออายุได้53ปีที่วัดวงกตบรรพต(ตาชี) ตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลาโดยมี ท่านพระครูโสภิตธรรมคุณ วัดวงกตบรรพต(ตาชี) เป็นพระอุปัชฌาจารย์(ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ท่านพำนักที่วัดวงกตบรรพต(ตาชี)ได้2พรรษา เมื่ออุปสมบทในบวรพุทธศาสนาแล้วก็สนใจในเรื่องคาถาอาคมและวิปัสสนากรรมฐานยิ่งนัก เมื่อได้อยู่ปรนนิบัติพระอุปัชฌาย์พอสมควรแล้วก็ได้กราบลาเพื่อออกจาริกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรได้มาปฏิบัติธรรมกับหลวงป๋า หลวงพ่อพระมหาเสริมชัย ชยมังคโล (พระเทพญาณมงคล)วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และได้ธุดงค์ไปทางภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ก่อนจะได้นิมิตว่ามีถ้ำใหญ่อยู่ที่นี่จึงเดินทางกลับมาค้นหาและพบถ้ำน้ำใสเหมาะแก่วิเวกจึงได้อยู่จำพรรษาอยู่ที่นี่แรกก็ได้ไปเป็นวิทยากรถวายความรู้ด้านวิปัสสนากรรมฐานแด่พระสงฆ์ ณ วัดปากน้ำ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ปัจจุบันไม่ได้เดินทางไปไหนเนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย และต้องการปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำน้ำใสแห่งนี้ ตามนิมิตถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางการเดินธุดงค์ของหลวงพ่อทวด พ่อท่านสิทธิ์จึงได้สร้างหลวงพ่อทวดปูนปั้นไว้ในถ้ำ แบบหงายมือขึ้นแปลว่า “ไม่ยึดติด”เมื่อพศ.2539 ท่านพัฒนาสำนักสงฆ์ให้เป็นที่สัปปายะเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ที่เดินทางมาจากทั้ง 4 ทิศ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระสุปฏิปันโน มีปฏิปทาแน่วแน่ในบวรพุทธศาสนาเพื่อขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง และมุ่งสู่พระนิพพานเป็นที่สุด นับตั้งแต่วันแรกที่ท่านมาพำนักเมื่อวันที่1มกราคม พศ. 2538 จนถึงปัจจุบัน
พ่อท่านสิทธิ์ อธิมุตโต มุ่งพัฒนาสำนักสงฆ์ถ้ำน้ำใส ตำบลคูหา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มาเรื่อยๆโดยพำนักภายในถ้ำน้ำใส ภายหลังสุขภาพท่านไม่อำนวยจึงออกมาพำนักภายนอกถ้ำ ณ กุฏิหลังน้อยที่ไร้เครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ ปัจจุบันพ่อท่านได้ลาออกจากการเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำน้ำใสแล้วโดยมอบหมายให้พระลูกศิษย์ที่จำพรรษาด้วยกันคือ พระอาจารย์ฟุกุโอกะ ปญฺญาทีโป ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ชาวญี่ปุ่นเป็นเจ้าสำนักดูแลและพัฒนาสำนักสงฆ์แทนท่าน โดยท่านเองมุ่งเน้นการปฏิบัติตามแนวทางของวิชชาธรรมกายแต่เพียงประการเดียว
ถ้ำน้ำใส เป็นถ้ำที่สวยงามเหมาะสำหรับปฏิบัติธรรมมีแอ่งน้ำและมีน้ำไหลออกจากถ้ำไปเป็นสาย พ่อท่านได้พัฒนาทางเข้าถ้ำตั้งแต่พศ.2545ถึง2549 จนสามารถเดินเข้าถ้ำได้อย่างสะดวก
จากการสอบถาม สท.โอม เพทาย ด้วงดำและคุณไพฑูรย์ ด้วงดำ ทำให้ทราบอีกว่า ถ้ำแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นแหล่งปุ๋ยขี้ค้างคาว ที่ชาวบ้านสามารถนำออกไปใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม การที่พ่อท่านสิทธิ์ อธิมุตโตเดินทางมาบำเพ็ญสมาธิที่แห่งนี้ แล้วมาพัฒนาถ้ำจนปัจจุบันสามารถใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียร มีการก่อสร้างพระพุทธรูป เพื่อให้ใช้เป็นสถานที่รวมจิตใจของชาวบ้าน ณ หมู่บ้านแห่งนี้ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนในพื้นที่อย่างมาก
สำนักสงฆ์ถ้ำน้ำใส ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยว อยู่ห่างจากตัวอำเภอ 15 กิโลเมตร เส้นทางสะดวกสบาย เมื่อท่านได้มาสัมผัสแล้วท่านจะปลดเปลื้องทุกข์ออกจากใจได้ที่สำคัญท่านจะได้กราบเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน
ขอขอบคุณ คุณไพฑูรย์ ด้วงดำ สท.โอม เพทาย ด้วงดำ และพี่ธัช ที่อนุเคราะห์ข้อมูลครับ
โทร.สอบถามเส้นทาง ได้ที่0887891963 ครับ ขออนุโมทนาบุญครับ