…..ลูกศิษย์ ล้วนอยู่ในสายตา…
พระมหาโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์ ล้วนมีเมตตากับลูกศิษย์ลูกหาที่มีศรัทธาในองค์ท่าน อย่างกับ หลวงหลวงปู่ทวด สมเด็จโต ครูบาเจ้าศรีวิไชย ฯลฯ…ก็แล้วแต่ว่าใครจะมีบุญสัมพันธ์กับองค์ไหน…ถึงแม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว หากใครที่มีศรัทธาระลึกนึกถึงท่าน หรือมีวัตถุมงคลท่านเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ท่านก็ย่อมคุ้มครอง ดูแล ช่วยเหลือจากหนักเป็นเบา ปัดเป่าภัยทั้งหลายให้แคล้วคลาด ปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุข ตามที่เราๆท่านๆ..ทราบตามข่าวทางหน้า นสพ. หรือตามสื่อต่างๆ หรือแม้กระทั่งจากปากคำบอกเล่า ของท่านผู้เฒ่าผู้แก่ ที่มีประสบการณ์ผ่านเหตุการณ์นั้นมา…
สำหรับหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ พระมหาโพธิสัตว์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง ที่มีบารมีเต็ม กำลังพุทธภูมิที่เข้มข้นเป็น…ปรมัตถ์ ก็มีปฏิปทาเฉกเช่นเดียวกับพระมหาโพธิสัตว์องค์อื่นๆ เช่นกัน…
เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ เป็นปฏิปทาความเมตตาในองค์หลวงปู่ จากคำบอกเล่าของ….”พระสุบิน” ที่เคยบวชรับใช้หลวงปู่ และทำงานด้านก่อสร้างภายในวัดเมื่อครั้งยังดำรงสมณเพศ ณ..วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร (บ้านฝายแตก)…
ขณะที่อยู่ที่วัด พระสุบินเล่าว่า…หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเป็นพระที่พูดน้อย สมถะ เรียบง่าย และเก็บตัวมาก ไม่ชอบดัง เวลาที่มีลูกศิษย์เข่้ามาเฝ้ารับใช้ ท่านมักจะเล่านิทานพื้นบ้านประเภทจักรๆวงศ์ๆ อาทิ รามเกียรติ์ (บางตอนก็ไม่เหมือนในตำรา) สังข์ทอง พญากวางทองสังข์ศิลป์ชัย ม้ากาบแก้ว เรือสุพรรณหงษ์ ฯลฯ เป็นต้น..ถ้าฟังผิวเผินก็ละม้ายคล้ายนิทานพื้นบ้านปรัมปราทั่วไป
…แต่แท้จริงแล้วเรื่องที่เล่าในแต่ละตอนนั้นเป็นเรื่องจริงที่ตัวละครในเรื่องจะเกี่ยวพันกับท่าน หรืออาจจะเป็นตัวท่านเองก็ได้ เป็นการเล่าจาก..อตีตังสญานอันแจ่มใสชัดเจนของท่าน ในเรื่องแต่ละเรื่องเป็นการลงมาสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ทั้งสิ้น (ชาดกนอกนิกาย) แต่ละเรื่องแต่ละเหตุการณ์ก็เป็นไปตามยุคตามสมัย ตามเหตุตามปัจจัย
ทีนี้วกเข้ามาเรื่องของหลวงปู่ จากประสบการณ์ของ..พระสุบิน..ที่พานพบประสบมาในช่วงนั้นคือ…ราวปี พ.ศ. 2540…หลวงปู่ท่านมีดำริให้พระเณรในวัด ช่วยกันก่อสร้างวิหารครอบองค์..พระแก้วมรกต…องค์ใหญ่ที่มีผู้นำมาถวายด้วยศรัทธาในองค์หลวงปู่ พระสุบินเองก็มีส่วนร่วมก่อสร้างในขณะนั้นด้วย หลังจากที่ได้ผูกเหล็กเส้น เทตอหม้อในส่วนโครงสร้างฐานด้านล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระเณรก็ช่วยกันตัดไม้ยูคาข้างวัด นำมาขึ้นเป็นนั่งร้านเพื่อที่จะลำเลียงปูนขึ้นไปเทคานโครงสร้างด้านบน พระเณรในขณะนั้นมีด้วยกัน 10…กว่ารูป เท่าที่พระสุบินจำได้ก็มี..พอจ. อำ.(เป็นหัวหน้า) พอจ.อึ่ง สามเณรคิด พระบวชใหม่ 2-3 รูป ฯลฯ…. วันหนึ่งอากาศมืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตก พระเณรจึงรีบเร่งจังหวะในการลำเลียงส่งปูนพระสุบินขณะนั้นรับผิดชอบอยู่ด้านบน มือซ้ายเหยียดออกไปรับถังปูน ผ่านมือขวาเพื่อส่งต่อให้พระรูปที่อยู่ชั้นบนสุด แต่ขณะนั้นคนที่อยู่ด้านบนยังไม่สะดวกที่จะมารับต่อ ส่วนด้านล่างก็เร่งส่งถังมาให้อีก
ทีนี้พระสุบินท่านเผลอตัวปล่อยมือซ้ายที่ยึดเสาไม้ยูคาเหยียดไปรับถังปูนอีกใบ(มือซ้ายจึงไม่มีที่ยึด)..จึงเกิดเสียหลัก(เสียการทรงตัว)…กำลังจะหงายหลังตกลงมา..ทันใดนั้นเอง..เรื่องเหลือเชื่อ..สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น…พระสุบินเล่าว่า..มีความรู้สึกเหมือนมีมือใหญ่ มาดันข้างหลังตั้งแต่บริเวณกลางแผ่นหลังไปจนถึงต้นคอ..ให้กลับมาทรงตัวได้ตามเดิม และพระที่อยู่ด้านบนก็เอื้อมมารับถังปูนต่อจากพระสุบิน จึงทำให้พระสุบินมีมือที่จะจับยึดกับเสานั่งร้าน และในเวลาต่อมานั้นเองก็มีเสียงดังกังวานออกมาจากกุฏิของหลวงปู่ทองทิพย์….” ทำงานก็ให้ใจเย็นๆ ระวังๆกันหน่อย ไม่ต้องรีบเด๋วก็ตกลงมาหรอก”…แปลกตรงที่ว่า หลวงปู่ท่านรู้ได้อย่างไร?ว่าพระเณรทำงานแบบเร่งรีบ และพระสุบินเสียหลัก หงายหลังกำลังจะตก..ทั้งๆที่กุฏิหลวงปู่ท่านก็อยู่ห่างจากบริเวณก่อสร้างพอควร ด้านข้างกุฏิเป็นไม้ฝาตอกทึบไม่มีหน้าต่าง แถมมีต้นไม้สูงใหญ่บังไว้อีก ส่วนองค์ท่านเองก็อยู่ในมุ้งด้านใน…..
พระสุบินเองบอกว่า..แทบไม่กล้าคิด หากวันนั้นหลวงปู่ไม่ได้ช่วยไว้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร..เพราะด้านล่างนั้นมีแต่ตอหม้อกับเหล็กเส้นที่โผล่ออกมาเต็มไปหมด… ……..เรื่องที่พระสุบินเล่ามานี้…จากความทรงจำ ความศรัทธาที่มีต่อองค์หลวงปู่ทองทิพย์ แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่ท่านมีเมตตาต่อลูกศิษย์อย่างไม่มีประมาณ…เช่นเดียวกับพระมหาโพธิสัตว์องค์อื่นๆนั่นเอง…ลูกศิษย์ท่านหรือผู้ที่มีความศรัทธาในองค์ท่าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน…จะทำอะไร..ล้วนอยู่ในสายตา(ข่ายพระญาน) ของท่านตลอดเวลา…เช่นเดียวกับ..ผู้ที่สวมใส่พระเครื่อง หรือวัตถุมงคลของท่านด้วยความศรัทธาย่อมมั่นใจได้เลยว่า ต้องได้รับความคุ้มครองดูแลจากท่านเช่นเดียวกับ..พระสุบิน..อย่างไม่ต้องสงสัย…เสมือนหนึ่งว่า…”อยู่ในสายตา”…ของท่านนั่นเอง..
พระ สุบินจริงดั่งว่าทุกวันนี้หลวงปู่ก็อยู่ใจจิตสำนึกของผมเสมอ