หลวงตากล่าวถึงโยมพ่อ กำลังเสวยวิบากกรรมจากเวรสุราในนรก

หลวงตากล่าวถึงโยมพ่อ กำลังเสวยวิบากกรรมจากเวรสุราในนรก.

เมื่อไปศึกษาปฏิบัติธรรมที่สำนักวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พาลูกไปด้วย เล่าลัดตัดความนะ ตอนนั้นมีลูกสาว 3 คน อายุ 12-13-14 ขวบ ก็นำลูกไปปฏิบัติธรรมด้วย ลูกๆเขาปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน 4 ถึงธรรมกาย ถึงพระนิพพานของพระพุทธเจ้า ตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้ปฏิบัติได้ผลดี ได้เข้าถึงรู้เห็นและเป็นธรรมกาย และก็เห็นถึงพระนิพพาน เป็นต้น ก็เอามาแนะนำสั่งสอน เราก็ปฏิบัติตามหลวงพ่อ ก็ยังไม่ได้เจริญก้าวหน้าในภาวนาธรรม แต่ลูกเขาเจริญกว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เขาแก่กล้าพอสมควร เขาเจริญฌานสมาบัติได้อภิญญาเกิด เขาสามารถที่จะน้อมใจด้วยอตีตังสญาณ ญาณระลึกชาติถอยหลังได้ ก็ยังไม่กล้าพูดเทียบเคียงไปถึงว่า ของพระพุทธเจ้าเป็นวิชชาที่ 1 คือบุพเพนิวาสานุสติญาณ ก็ยังไม่ได้พูดถึงอย่างนี้น่ะนะ แต่ก็เรียกว่าเป็นอตีตังสญาณ ระลึกชาติได้ ก็เลยอยากจะเห็นพ่อของหลวงพ่อนี่น่ะนะที่ท่านได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ตั้งแต่อายุได้ 20 ปี บัดนี้อายุ 40 มีครอบครัว มีลูก ณ ตอนนั้นมีลูกแล้ว และก็ลูกเหล่านี้แหละก็คือหลาน หลานปู่ ก็เลยบอกว่าลองดูซิ ปู่ที่ตายไปแล้ว 20 ปีมาแล้ว ไม่มีรูปให้เห็นด้วย ปู่ไปอยู่ที่ไหน ?

เด็กก็เจริญฌานสมาบัติ แล้วก็ อาจารย์ก็แนะนำให้ทราบวิธีการตรวจภพตรวจจักรวาล โดยกำหนดใจว่าโยมปู่ของเด็กไปเกิดในภพภูมิใด ก็เล่าลัดตัดความว่า ตรวจตั้งแต่อรูปพรหม รูปพรหม มนุษย์ ไม่เห็น ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ไม่มี ก็อาจารย์แนะวิธีตรวจลงไปอีก ใต้เขาจักรวาล ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล ก็เป็นภพที่อยู่ของอสูร ในตอนส่วนหนึ่งส่วนแรก และต่อไปก็ไปถึงอุสสทนรก เป็นนรกบริวารของนรกขุมใหญ่ ขุมที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ก็ไล่ไป ทั้งอุสสทนรกและตัวมหานรกขุมใหญ่ ก็ไปพบโยมพ่อหรือปู่ของเด็ก กำลังเสวยวิบากกรรม ได้รับผลกรรมจากเวรสุรา อยู่ในนรกทีเดียว เด็กไม่เคยเห็นรูปปู่ เราก็ตรวจสอบ เรียกว่าสอบรู้สอบญาณ ว่าที่เด็กเห็นน่ะใช่ไหม มีวิธี นะ ก็อย่างน้อยเด็กก็บอกได้ว่า ขณะเมื่อตาย เด็กเห็นภาพของปู่ได้รับการแต่งตัวนุ่งกางเกงปั่งลิ้ม สมัยก่อนคนมีเงินอยู่ในชนบทนี่นุ่งกางเกงแพรปั่งลิ้ม แล้วก็ใส่เสื้อผ้าป่าน นั่นเขาแต่งศพ ก็ตรงตามความเป็นจริง เราก็เชื่อแน่ ไม่เคยเห็นรูป ไม่เคยเห็นอะไรเลย

ทีนี้ ก็เลยให้เด็กถาม กำลังรับวิบากกรรม กินน้ำทองแดง ไอ้ที่มันละลาย แล้วก็บางทีมันก็เป็นถ่านเพลิง นี่กินลงไป มันก็ไหม้ ไหม้เข้าไป ร้องครวญคราง ลำสุ้งลำไส้ไหลออก แต่แล้วก็ไม่ตาย แล้วก็กินใหม่ นี่ด้วยวิบากกรรมเนี่ยไม่ตาย ก็อยู่อย่างนั้นน่ะ ร้องไห้ชั่วนาตาปี ร้องไปเถอะ แล้วก็ต้องกินไปอย่างนั้นน่ะ ด้วยอำนาจกรรมมันบังคับ โอ้! นี่นรก-สวรรค์มีจริงนี่ หนึ่งล่ะเราอ่านออกแล้ว เด็กมันโกหกไม่เป็นน่ะ แล้วทีนี้ เราก็ให้ถามว่า ปู่นี่ ด้วยวิบากกรรมอะไรจึงตายแล้วมาเกิดในนรกขุมนี้ ก็ปรากฏเด็กบอกว่า เมื่อถามปู่ ปู่บอกว่าเวรสุรา ก็ซึ่งเป็นความจริงน่ะ โยมพ่อเมื่อสมัยมีชีวิตอยู่ ไม่ได้เมามายมากนะ เช้าก๊ง เย็นก๊ง เพื่อให้รับประทานอาหารอร่อยเท่านั้นเอง คล้ายๆอย่างนั้น ยาดองยาเดิงนี่แหละ แล้วก็ติด คำว่าติดนี่ยังไม่ถึงขนาดกระวนกระวายว่า ถ้าไม่มีแล้วกระวนกระวายหรือลงแดงอะไร ไม่ใช่! ก็แค่ว่านิดหน่อย หิวๆ ถ้ามีก็กิน ถ้าตรงไหนมีก็ไปแสวงหา คือไปซื้อเอามา ถ้าไม่มีแล้วไป แค่นี้เองนะ ไม่ได้ว่าเมามาย ไม่ใช่! แค่นี้อุปาทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพชาติตามสายปฏิจจสมุปบาทธรรม เป็นทุคคติภพด้วยอำนาจของกรรมติดเวรสุรา เนี่ย ก็ไปเกิดในนรก

เพราะฉะนั้น โยม อาตมาบอกเลยนะ บรรดาที่ตั้งแต่สูบบุหรี่ ติดบุหรี่ด้วย ก็ยาเสพติดนี่ ยาเสพติดเรียกว่า เครื่องหรือของมึนเมาเสพติดให้โทษต่อสุขภาพกายสุขภาพจิต นี่ มึนเมาให้โทษเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ ขาดสติสัมปชัญญะ ทำให้สติปัญญาไม่เจริญ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็จะหลงผิดแล้วก็ประพฤติผิดๆไปตามอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปทาน ด้วยความหลงนั้น นี่ ตายไป แค่นั้นน่ะ ไปเกิดในนรก แล้วเด็กเมื่อตรวจไปแล้วโอ้โหประพฤติผิดศีล 5 ข้อเนี่ย หมด ไปเกิดเป็นเปรตบ้าง สัตว์นรกบ้าง อสูรกายบ้าง สัตว์เดรัจฉานบ้าง ตามกรรม ตามพระพุทธดำรัสที่ตรัสเอาไว้นี่ ที่มีปรากฏใน”#สัพพลหุสสูตร”นี่ ที่เคยยกมานี่ จำได้ไหม ที่ว่า….

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาตอันบุคคลเสพและเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย” แล้วก็เช่นเดียวกันทุกข้อนะในอกุศลกรรม 10 หรือทุจริต 10 ด้วยอาการ 4 ไปนี่หมดเลย ถ้าทำบ่อยๆ และเฉพาะปาณาติบาตอย่างเบาที่สุด “ยังความเป็นผู้มีอายุน้อย” คือเป็นบุคคลมีอายุสั้น ยังอายุสั้น หรือขี้โรคอ่อนแอ

อทินนาทานก็เหมือนกัน โทษอย่างเดียวกัน แต่ว่าอย่างเบาที่สุด “ยังความพินาศแห่งโภคะให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ฯ” คือภายหลังได้มาเกิดเป็นมนุษย์ มีทรัพย์ก็ถูกทำลาย ด้วยราชภัย ยึดทรัพย์ โจรภัย ปล้นสะดม ภัยธรรมชาติ อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย ทั้งหมดเลยแหละ นี่หมดเลย และอุบัติภัย หรือภัยสงคราม ภัยก่อการจราจล เกิดแต่เหตุของกรรมชั่วเหล่านี้ทั้งสิ้น

แต่ถ้างดเว้นก็แปลว่า ฟังให้ดีตรงนี้ ถ้างดเว้นอกุศลกรรมบถ 10 หรือทุจริต 10 ด้วยอาการ 4 ถ้างดเว้นแปลว่าท่านไม่ได้สร้างเหตุปัจจัยให้เกิดโทษความทุกข์เดือดร้อนเหล่านี้ เพียงเท่านี้ให้ท่านมีโอกาสได้กระทำคุณความดี เช่น ทานกุศล และศีลกุศลให้ยิ่งขึ้นไป ไปถึงภาวนากุศล เหล่านี้ย่อมมีผลต่อไปให้ท่านเมื่อแตกลายทำลายขันธ์ก็ได้มาเกิดในสุคติภพ เข้าใจไหม เพราะสติปัญญาอันเห็นชอบมันจะเจริญขึ้นจากการประพฤติปฏิบัติธรรมนั้น ตามลำดับส่วน เหมือนกับสุนัขไล่เนื้อมันตามมา เราก็ปฎิบัติไปตามคุณความดี หลีกหนีความชั่ว ชำระจิตใจให้ผ่องใส

ที่นี้ ในกระบวนคุณความดีทั้งหลาย ละเว้นความชั่วทุจริตทั้งหลายนี่เราทราบแล้วนะ เป็นการไม่สร้างเหตุปัจจัยแห่งความชั่ว หรือบาปอกุศล หรือทุจริต รวมทั้งมโนทุจริตนะ มโนทุจริตก็ต้องปฏิบัติอยู่ในมโนสุจริต เมื่อมาปฏิบัติอยู่ในกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ด้วยอาการ 4 อันนี้เป็นการเพิ่มพูนเหตุปัจจัยแห่งความเจริญและสันติสุขในชีวิต มีผลไปชะลอกรรมไม่ดีให้ให้ผลอ่อนกำลังลง และไปส่งเสริมกรรมดีที่มีมาแต่อดีตให้ให้ผลเร็วและแรงขึ้น ที่หลวงพ่อได้อธิบายว่าบุญนำหน้าบาป ให้ผลก่อน

แต่ว่า บุญแต่ละอย่างที่เป็นตรงกันข้ามกับบาปอกุศลหรือทุจริต บุญนี่มันแปลว่าธรรมชาติเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส บาปอกุศลเป็นธรรมชาติเครื่องยังจิตใจให้ขุ่นมัวไม่ผ่องใส ด้วยมโนทุจริต แต่ถ้าปฏิบัติธรรมมีทานกุศล ศีลกุศล ไปถึงภาวนากุศล เจริญปัญญาเห็นแจ้งในสภาวธรรมและอริยสัจธรรมตามที่เป็นจริง กิเลส 3 กองใหญ่ก็เบาบางลง ใช่ไหม เบาบางลงกลายเป็นมโนสุจริตเพิ่มขึ้น ดลจิตดลใจให้ปฏิบัติตามอำนาจของเขาเพิ่มมากขึ้นเป็นคุณความดี เป็นกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เพิ่มขึ้นเป็นทับทวี ให้ผลเป็นทับทวีขึ้นไปอย่างนี้ ไอ้ส่วนที่เป็นทุจริต กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ให้ผลเป็นความชั่ว เหมือนกับจักรมันหมุนซ้าย หมุนลง ก็นำไปสู่ทุคคติ แต่ทางนี้นี่ จักรที่หมุนไปสู่ที่เป็นคุณความดี หมุนไปสู่สุคติภพ มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตสูงขึ้นๆ เป็นเหตุปัจจัยอุปถัมภ์อุปการะซึ่งกันและกันนะ ทั้งสุจริตทางกายทางวาจาและใจ เพราะว่าเมื่อใจสงบสติปัญญารู้ดีรู้ชั่วมันเกิดขึ้น และได้เห็นตัวอย่างที่ดีจากการประพฤติปฏิบัติธรรม ดังที่หลวงพ่อยกตัวอย่างมานี่ เพราะฉะนั้นมันจึงต้องเลิกละความชั่ว ทำอยู่แต่ความดี

_________________

เทศนาธรรมจาก

พระเทพญาณมงคล

หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล

วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

อ.ดำเนินสะดวก

จ.ราชบุรี

_________________

ธรรมะจากเทศนาธรรมเรื่อง

ความตระหนี่ 2/2

_________________

เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า

ขอบคุณภาพประกอบธรรมะ.

แชร์เลย

Comments

comments

Share: