553. หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ”หน่อพุทธางค์กูร
ภาค ๑..ภูเขาควาย..พระอภิญญา
+++
.มีผู้รู้หลายคนบอกว่า..ท่านคือ “พระศรีย์” .. ท่านมีความอัศจรรย์หลายอย่าง…ข้าพเจ้าเคยพบท่านในสมาธิจิต..อัศจรรย์มาก.ไว้จะเล่าในตอนหลังอีกครั้ง..ทำให้ข้าพเจ้าอยากรู้เรื่องของหลวงปู่มากขึ้น..จึงไปค้นคว้ามา.และถามจากผู้รู้..เพิ่มเติมด้วย…จึงขอเผยแพร่เรื่องราว..เพื่อยังศรัทธา เทิดทูน ครูอาจารย์อีกองค์หนึ่ง..ที่ข้าพเจ้าเอ๋ยนาม เกือบทุกคืน….แม้ข้าพเจ้าจะสนใจในการปฏิบัติสายอริยะ แต่กระแสภายใน..มันมีน้ำหนักแห่งกระแสพุทธะมากกว่า….จะกระแสไหน ล้วนดีงาม.ล้วนมีครูอาจารย์..
+ปฐมบท+
หลวงปู่ศึกษาวิชาต่อกับ “หลวงปู่ซุน ติกขวีโร ” (ศิษย์ของสมเด็จลุน แห่งจำปาศักดิ์ ) ต่อมาท่านจึงข้ามโขงถึงฝั่งลาว ได้เข้าสู่มิติอันเร้นลับ “ภูเขาควาย” และได้พบเจอปู่ฤาษีมาลัยโกฎิ์ ได้รับการถ่ายทอดวิชาอันเร้นลับสุดยอดของสายนี้จนท่านได้เดินทางข้ามโขงกลับมาฝั่งไทย และได้มาสร้าง วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ท่านอยู่ที่วัดป่าฯจนท่านละสังขารเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ สิริอายุ ๗๗ พรรษา ร่างสังขารของท่านไว้ในโลงแก้ว
..สมัยหลวงปู่มีชีวิตอยู่…จะมีลูกศิษย์หลวงปู่ชื่อ แม่สอง..จะเป็นที่นำสารข่าวสารต่าง ๆ จากดินแดนผู้เขาควายมาถวายหลวงปู่ ทุก ๆ วันเพ็ญแกจะหายตัวไปจากบ้าน แม่สองเล่าว่า ตอนไปนั้นหลังจากที่สวดมนต์เสร็จ ก็จะมีแสงสว่างออกมาที่ประตู บ้างก็มีเสือโคร่งตัวใหญ่ ออกมาให้แม่สองขี่บนหลังไป บ้างก็เป็นรถมารับแม่สอง พอถึงแล้วเขาก็เรียกให้ลง ก็ลงก็ถึงพอดี
กลับมาอีกครั้งก็วันเพ็ญต่อไป แล้วก็มาพร้อมกับจดหมายจากอาจารย์หลวงปู่ทองทิพย์ คือ พ่อปู่มหาฤๅษีมาลัยโกฏิ ท่านเป็นอาจารย์หลวงปู่ทองทิพย์ ที่ภูเขาควาย ปู่ฤาษีมาลัยโกฏิ ท่านอยู่ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าองค์แรกของภัทรกัปนี้ และจะรอจนถึงองค์สุดท้ายคือ พระศรีอาริยเมยไตร
พระอาจารย์ของหลวงปู่ทองทิพย์ “พระฤๅษีกไลยโกฎิ” หรือคนแถบภาคอีสานจะเรียกท่านว่า “ปู่ฤๅษีผ้าลาย” หรือ “องค์ผ้าลาย” ซึ่งอยู่ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว โดยท่านจะรับเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นเชื้อสายของพระโพธิสัตว์เท่านั้น อย่างเช่นครูบาคำน้อย วัดภูกำพร้า(อายุ 300 ปี )และปู่บุญเหลือผู้สร้างศาลาแก้วกู่ จ.หนองคาย ก็เป็นลูกศิษย์ของท่านปู่ฤๅษีผ้าลายนี้เช่นกัน
และที่ภูเขาควายนั้นยังเป็นที่ตั้งของ “ธรรมสภา” (ไม่ใช่เทวสภา) ซึ่งธรรมสภานี้จะอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่อันลึกลับ ใช้เป็นที่ประชุมของพระอภิญญาเพื่องานค้ำชูรักษาพระพุทธศาสนาจึงมีทั้งพระที่ยังมีชีวิตอยู่และพระที่ละสังขารไปแล้วอยู่มากมาย เชื่อกันว่าพระอภิญญาที่ละสังขารไปแล้วนั้นท่านก็ยังสามารถอธิษฐานร่างกายขึ้นมาใหม่ได้ โดยผู้ที่พบเห็นสามารถจับมือพูดคุยได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป จนไม่สามารถแยกออกได้ว่าท่านยังอยู่หรือสิ้นไปแล้ว
หลวงปู่ทองทิพย์นั้นท่านเป็นพระพี่พระน้องกับหลวงปู่เทพโลกอุดรมาหลายภพหลายชาติ ดังนั้นลูกศิษย์ที่อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ทองทิพย์ที่วัดหลายท่านจึงได้มีโอกาสพบกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งท่านมักจะแวะมาเยี่ยมเยียนพระน้องชายของท่านอยู่เสมอ ซึ่งปู่ใหญ่จะมาในรูปกายหลายแบบ เป็นพระหนุ่มผอมๆ เข้ามาเยี่ยมหลวงปู่ แต่เมื่อท่านกลับไปแล้วหลวงปู่ทองทิพย์จึงบอกว่าพระที่เณรบีบนวดรับใช้อยู่นั้นแท้จริงแล้วก็คือหลวงปู่เทพโลกอุดรซึ่งเป็นพระอภิญญาที่หลายๆ คนต่างอยากได้มีโอกาสพบเจอสักครั้งในชีวิต
แม้แต่การที่หลวงปู่ทองทิพย์ได้มาอยู่ที่วัดป่าสีดาฯ นี้ ก็ด้วยเป็นความต้องการของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ต้องการให้หลวงปู่ทองทิพย์ได้มาอยู่ประจำการเพื่อรักษาพระศาสนาในเขตอีสานเหนือนี้ โดยหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นผู้พาหลวงปู่ทองทิพย์เหาะมาจากภูเขาควายด้วยตัวของท่านเองทีเดียว เนื่องจากบริเวณวัดป่าสีดาฯ นี้เป็นสถานที่สำคัญที่พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์จะต้องมาบำเพ็ญเพียรซึ่งก็ผ่านมาแล้ว 4 พระองค์ ในอนาคตก็จะเป็นที่บำเพ็ญเพียรของพระศรีอาริย์ (สถานที่จริงจะอยู่ลึกลงไปเป็นชั้นๆ ตามกฏที่ว่าเมื่อหมดหนึ่งพุทธันดรแล้วแผ่นดินจะสูงขึ้น 1 โยชน์)
..ลูกศิษย์เคยได้ยินหลวงปู่พูดถึงว่า”หลวงปู่ทวดนั่งสมาธิบนดวงจันทร์ได้ ท่านก็นั่งบนดวงจันทร์ได้เหมือนกัน