หลวงปู่หงษ์

คาถาบูชา หลวงปู่หงษ์

นะโม อวโล โพธิสัตโต มะมะ พรหมะคุณา กิตติ ยะศา มหาลาภา นะมามิหัง

สีผึ้งสาริกาของท่านยังสามารถใช้รักษาโรคกันภัยได้อีกด้วย เช่น เริม งูสวัด ฝี ถูกน้ำร้อนลวก ถูกไฟไหม้ รำมะนาดใช้ทา ภาวนา นะเมติ 12 จบ

หลวงปู่หงษ์จะมาช่วยศิษย์ครั้งละ 200 กายทิพย์

หลวงปู่หงษ์เมตตาเล่าไว้…..วันหน้าถ้าศิษย์ ลูกหลานนึกถึงหลวงปู่หงษ์ หลวงปู่จะมาช่วยทีละ 200 กายทิพย์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนเห็นว่าจะเป็นการส่งเสริม ศรัทธาในคุณพระรัตนะตรัยที่มั่นคง เป็นขวัญกำลังใจ เป็นอนุสติ เป็นสัญญาระหว่างครูและศิษย์ คำกล่าวนี้หลวงปู่เล่าไว้เมื่อครั้งหลวงปู่หงษ์ ท่านอาพาธหนักเมื่อปี 52 เมื่อหลวงปู่หงษ์หายจากอาพาธหนักในครั้งนั้น หลวงปู่ได้เล่าให้หลานชายที่ช่วยหลวงปู่ดูแลด้านการปลูกป่า สร้างวัดสาขาต่าง ๆ คือ คุณไพบูรณ์ บุญสวัสดิ์ฟัง หลวงปู่เล่าว่า ขณะป่วยนั้น…ได้ขึ้นไปเบื้องบนและครูบาอาจารย์หลวงปู่หงษ์ได้พยากรณ์หลวงปู่ว่า บุญกุศลที่บำเพ็ญพุทธภูมิได้เต็มเปี่ยม สมบูรณ์ด้วยบารมี 30 ทัศแล้ว ครูบาอาจารย์ เทพ-พรหม จึงทำพิธีพร้อมกับยกหลวงปู่หงษ์ขึ้นเป็นบรมโพธิสัตว์ และพยากรณ์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญไว้ว่า…หากละขันธ์ 5 กลับขึ้นมาเบื้องบน สามารถช่วยศิษย์ได้พร้อม ๆ กันทีละ 2,000 คน ช่วยศิษย์ 1 คนทีละ 200 กายทิพย์

ถ้าวันหน้าศิษย์ลูกหลานหลวงปู่ทุกข์ร้อนมีภัย ให้นึกถึงหลวงปู่..หลวงปู่จะมาช่วยทีละ 200 กายทิพย์ ช่วยศิษย์พร้อม ๆ กันคราวละ 2,000 คน เรื่องนี้มีพยานยืนยัน มีผู้ที่ได้ฟังจากหลวงปู่หงษ์ อีกคนคืออาจารย์ยุทธนันท์ ประวงษ์ (กองทุนปลูกป่า)

ซึ่งผู้เขียนหวังให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณ พิจารณา มิได้มีเจตนาสร้างกระแสหรือ มอมเมาบั่นทอนสติปัญญาท่านผู้อ่าน แต่ได้นำเสนอเรื่องราวตามที่ไดสดับฟังมา จากบุคคลที่เชื่อถือได้ แม้มีความใดที่เจตนามุสาโกหก ขอตกนรกหมกไหม้ได้ มิหวั่นเลย…ขอเจริญพร

ตัวอย่างธรรมะข้อคิดจากหลวงปู่

– หลวงปู่สอนว่า คนเรานั้นไม่ได้ดีกันมาตั้งแต่เกิด เปรียบเหมือนเสื้อผ้าที่เปื้อนโคลน เปื้อนยางกล้วย ก็ต้องค่อยๆขัด ค่อยๆถูออกไป ถึงจะสะอาดได้ คนเราเองก็เช่นกัน ต้องค่อยๆทำความดีสะสมไป วันนึงก็จะดีเอง ไม่ใช่ว่าเกิดมาแล้วจะดีเลย

– หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ –

หลวงปู่บอกว่า ท่านนั้นจะสร้างน้ำ สร้างป่า ไปจนตายเพื่อถวายพระเจ้าอยู่หัว ท่านจะทำให้ลูกให้หลานดูเป็นตัวอย่าง วันหนึ่งๆ นั้นหลวงปู่มีความคิดเพียงแต่ว่า จะทำอย่างไรให้ชาวบ้าน ได้มีน้ำกินน้ำใช้ ได้มีถนนหนทางให้เดิน มีบ้านให้อยู่อาศัย จะสร้างคนอย่างไรให้เป็นคนดีของสังคม คิดก็แต่จะให้คนและสัตว์ทั้งหลายได้มีความสุข

อย่างการขุดสระ ถ้าต้องใช้เงินถึง 2 แสนท่านก็จะขุด เพราะน้ำนั้นถ้าขาดไปแล้วมันก็จะเดือดร้อน ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ รอหลวงอย่างเดียวก็ไม่ไหว ท่านไม่ทำแล้วใครจะทำ ท่านจะขอทำเองเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน

– หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ –

– หลวงปู่หงษ์นั้น ท่านเป็นคนใช้ของต่างๆอย่างคุ้มค่า อย่างถุงพลาสติกดีๆนั้น ท่านก็จะพับไว้ใช้นานๆ ผ้าขี้ริ้วท่านก็ใช้เช็ดแล้วเช็ดอีกจนกว่ามันจะผุไปนั่นแหละถึงจะเปลี่ยนใหม่ จามชามช้อนส้อมท่านก็มักจะให้ลูกศิษย์ไปเก็บเอามาจากโกศฝังกระดูก ที่เขาเอามาเซ่นญาติที่ล่วงลับ อันไหนยังใช้ได้ท่านก็จะเอามาล้างใช้ต่อ จอบเสียมที่ขึ้นสนิมท่านจะเอามาลับให้คมแล้วนำมาใช้ใหม่ ท่านบอกเสียดายมันยังใช้ได้อยู่ หลวงปู่หงษ์นั้น ท่านทำให้ศิษย์เห็นเป็นตัวอย่าง ดุจคำคมที่ว่า “ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน” เสมอๆ

– หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ –

– หลวงปู่หงษ์นั้นท่านสอนว่า คนเรานั้นต้องพูดจากันเพราะๆ เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าไปพูดจากระโชกโฮกฮาก ไม่มีใครเขาอยากได้ยินเสียงที่ไม่เพราะหรอก อยู่กับเพื่อนฝูงก็ต้องอยู่กันด้วยความรักความเมตตา มีความจริงใจให้กับเขา เรื่องคดโกง อย่าให้มีในจิตใจ อยู่ในหมู่คณะใหญ่ต้องวางตัวให้เหมาะสม ให้คิดก่อนพูดอย่าไปพูดก่อนคิด มันจะไม่ดี ให้จำเอาไว้

– หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ –

– วัตถุมงคลที่ท่านสร้างนั้นท่านจะตั้งใจทำเป็นอย่างมาก เพราะว่าชีวิตของคนแต่ละคนที่เอาวัตถุมงคลไปนั้นต่างก็สำคัญเท่ากันหมด ท่านนั้นเป็นคนที่เวลาทำอะไรทำจริงเสมอไม่ทำเล่น แม้กระทั่งคำพูดจานั้นท่านเองก็ไม่เคยพูดเล่นเลย พูดทุกอย่างท่านพูดแต่คำจริงเสมอ ท่านให้ข้อคิดว่า “ถ้าจะพูดเรื่องไร้สาระนั้น สู้เอาเวลาไปภาวนาจะดีกว่า”

– หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ –

– คนเรา เกิดมาแล้วนั้นควรจะรีบเก่งตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะมันจะช่วยเหลือคนได้มาก ไปเก่งเอาตอนแก่ๆมันจะไปช่วยอะไรใครได้ ฝึกให้มากๆ ภาวนาให้มากๆ คนเราไม่ต้องไปตามจับผิดใครหรอก ดูตัวเองให้มาก ทุกๆครั้งที่มีใครเอาเรื่องไม่ดีของคนอื่นมาเล่าให้ท่านฟัง ท่านมักจะตอบเสมอว่า “ช่างมันเถอะ” คนเราดีไม่ดี เทวดาฟ้าดินท่านรับรู้อยู่ ตาเทวดานั้นมีมากมายอย่างกับตาข่าย สูงเลยหัวเราไปเทวดาฟ้าดินท่านเห็นทั้งนั้น ให้ตั้งใจทำดี

– หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ –

– หลวงปู่ให้ข้อคิดเรื่องการมีแฟนว่า คนที่มีแฟน มีแฟนหน้าตาดีมาก หล่อมาก สวยมาก มันก็เป็นทุกข์ เขาให้กินขี้ก็ต้องกิน เพราะรักเขามาก แฟนน่ะหาพอดีๆก็พอ หาคนขยันๆทำมาหากินดีกว่า คนสวยๆเอาแต่แต่งตัว เปล่าประโยชน์ หาคนขยันดีกว่า

– หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ –

คาถาหลวงปู่

“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ ปะจะขะ นะเมติ” หรือ “นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ ปะจะขะ” นี้เป็นพระคาถาที่เราคงคุ้นเคยกันดี เพราะมักจะมีกำกับบนวัตถุมงคลของหลวงปู่แทบทุกชิ้น เหตุเพราะว่า พระคาถานี้เป็นคาถาที่สามารถใช้ ท่องเพื่อปลุกเสกสิ่งของก็ได้ ใช้เพื่อเป็นอารมณ์กรรมฐานก็ได้ หรือใช้สำหรับการขอพรต่างๆก็ได้ หลวงปู่ท่านว่าดี 108 ประการ

ตัวคาถาแต่ละบทนั้นมีความสำคัญอยู่ อย่างเช่น “นะโมพุทธายะ” นั้นก็คือการระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธพุทธเจ้า,พระโกนาคมพุทธเจ้า,พระกัสสปพุทธเจ้า,พระโคตมพุทธเจ้าและพระเมตไตยพุทธเจ้า เมื่อตั้งต้นด้วยพระพุทธคุณแล้วอะไรๆก็ดีทั้งหมด

“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ” นั้นเป็นบทที่ใช้เสกของป้องกันอาวุธ กันปืน กันระเบิดหรือกันภัยต่างๆ สามารถภาวนาเป็นพุทธานุสติกรรมฐานก็ได้ เพราะการระลึกถึงพระพุทธเจ้าย่อมเป็นบุญแน่นอน ภาวนาบ่อยๆดีนักแล

“ปะจะขะ” นั้นเป็นบทที่ใช้สำหรับ ขอพร ขอโชคลาภ จากเทพ พรหม เทวดา เทพเจ้าเหล่าเซียน กุมารทอง แม่นางจันทร์ ตลอดจน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โดยบุคคลที่ภาวนาคาถาบทนี้จะต้องภาวนาด้วยความ “ไม่โลภ” แต่ให้ภาวนาจนใจใสสะอาดดุจแก้วแล้วจึงขอพร เมื่อทำได้บ่อยๆ จะมีโชคลาภเข้ามาค้าขายก็ดี ในบางรายนั้นอาจฝันถึงโชคลาภ หรือหนทางในการแสวงหาลาภก็เป็นได้

ส่วน “นะเมติ” นั้นถือเป็นคาถาหลักของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญเลยก็ว่าได้ เพราะพระแม่ธรณีนั้นเป็นเทพนารีที่ผูกพันธ์กับหลวงปู่มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ หลวงปู่เล่าว่าเจอผู้หญิงร่างกายกำยำผิวคล้ำ มาดักไล่จับท่านที่ยังเด็ก ที่หน้าป่าช้า พอจับได้ก็จะให้ดื่มนมจากอก ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ได้วิชาจากพระแม่ธรณีอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็น ตะกรุดพระแม่ธรณี ตะกรุดกันโรค เป็นต้น

“นะเมติ” นั้น แปลว่า “ยอดน้ำนมของแม่พระธรนี” เป็นคาถาแทนความเมตตาอันไม่มีประมาณของมารดาต่อบุตร และต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมื่อภาวนาเยอะๆ ก็จะเป็นเมตตามหานิยม เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ให้เรานั้นมีใจเหมือนแม่ธรณีที่ไม่เลือกว่าแม้จะเป็นใคร เป็นคนดี เป็นคนเลว เป็นพระราชา เป็นโจร ก็มีสิทธิ์อาศัยบนพื้นธรณีนี้เช่นเดียวกัน

บุคคลที่สวดบทนี้แล้วพึงทำใจให้ใสสะอาดไม่ขุ่นมัว มีแต่ความเมตตากรุณาต่อกันและกัน ดุจดั่งพระแม่ธรนีทรงเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง

เมื่อเรานั้นภาวนารวมทั้ง 3 บทจนใจใสสะอาดดุจแก้วแล้ว ท่านจะเป็นบุคลที่เทพพรหมรักษา เทวดาคุ้มครอง ซื้อง่ายขายคล่อง หลวงปู่ท่านเรียกว่า คาถาหงษ์แก้วสารพัดนึก นอนแล้วปัญญาปลอดโปร่ง และ โปร่งใส นอนหลับได้เงินหมื่น นอนตื่นได้เงินล้าน เราปรารถนาเอาเอง

เมื่อระลึกถึงความดีของ พระพุทธเจ้า เทพพรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ ให้มากแล้วเมื่อละจากโลกนี้ไป ย่อมอุบัติ ณ สุคติโลกสวรรค์ และเมื่อภาวนาจนขึ้นใจแล้วสมารถต่อยอดไปถึงขั้นฌาน ก็สามารถไปอุบัติเป็น เทพพรหมได้ ดุจดั่งครูบาอาจารย์ท่านได้ประพฤติปฏิบัติมาแล้ว

วิธีขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

ศิษย์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ หากเกิดเรื่องไม่สบายใจ เจ็บป่วยไม่พบสาเหตุ เป็น ๆ หายๆ แพทย์หาโรคไม่พบหรือประสบปัญหา มีความขัดข้องใจรุ่มร้อนอยู่ไม่สบาย มี คนหาย ของหาย ครอบครัวไม่ปรองดอง ลูกหลานว่ายากสอนยากไม่อยู่ในปกครอง อยากขายที่ขายทาง ไม่สำเร็จ ติดต่อกิจการงาน มีความติดขัด คนไม่ให้ความร่วมมือ หรือผิดสัจจะ ผิดครูหลวงปู่หงษ์ ฯ ลฯ หากจะขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ รวมถึงอธิฐานบารมีหลวงปู่หงษ์ที่อธิฐานให้มีผลในการช่วยลูกหลานท่านทั้งหมด ให้ปฏิบัติดังนี้…

ให้จัดถวายกรวยใบตองสดใส่ดอกไม้ 25 ธูป 25 ก้าน (1ห่อเล็กเกินก็ไม่เป็นไร) เทียนเล่ม 1 บาท 25 เล่ม ผ้าขาว หรือผ้าอาบน้ำสงฆ์ 1 ผืน ใส่ภาชนะ ถาด พาน หรือ ขันโตก เพื่ออธิฐานบูชาขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครูบาอาจารย์ช่วย อธิฐานที่บ้าน ที่ห้องพระ ที่อันควรในบ้านของเราเอง ตั้งนะโม 3 จบ ด้วยความเคารพ แล้วอธิฐานขอตามจิตประสงค์ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงปู่หงษ์เป็นที่สุด ขอได้โปรดสงเคราะห์ให้……… คำอธิฐานหากไม่เกินวิสัยให้มีผลใน 3 วัน 7 วัน

หากยังไม่สำเร็จ ใน 3 วัน 7 วัน ให้จัดเครื่องสักการะชุดใหม่อีก โดยมีกรวยดอกไม้ 50 ธูป 50 ก้านหรือ 1 ห่อ เทียนเล่ม 1 บาท 50 เล่ม ผ้าขาว หรือผ้าสบงหรือจีวร 1 ผืน อธิฐานอีกครั้ง…ตั้งนะโม 3 จบ ด้วยความเคารพ แล้วอธิฐานขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ รวมถึงอธิฐานบารมีหลวงปู่หงษ์เมตตาอธิฐานไว้ช่วยในการช่วยลูกหลานท่านทั้งหมดให้มีผลกับเราให้.…….. คำอธิฐานหากไม่เกินวิสัยให้มีผลใน 3 วัน 7 วัน

หากยังไม่สำเร็จ ใน 3 วัน 7 วัน ให้ถวายเพิ่มกรวยดอกไม้ เป็น 100 ธูป 100 ก้านหรือ 1 ห่อใหญ่ เทียนเล่ม 1 บาท 100 เล่ม ผ้าไตร 1 ไตร 3 ไตร 5 ไตร 100 ไตร ไม่บังคับ ถือเป็นเครื่องบูชาเต็มอัตราตามกำลังศรัทธา อธิฐานเป็นครั้งที่ 3 หากไม่เกินวิสัยครูบาอาจารย์จะช่วย ก็จะมีผลตามนั้น ส่วนกรวยดอกไม้เมื่อแห้งแล้วก็นำไปวางโคนไม้ ตามความเหมาะสมส่วน ธูป เทียน ผ้าขาว ผ้าสบง หลังอธิฐานบูชา ก็นำไปถวายวัดไหนก็ได้ไม่ได้บังคับ เป็นการทำบุญ 2 ต่อ ธูปเทียนก็จะได้เป็นแสงประทีป เครื่องหอม จุดถวายพระรัตนตรัย ผ้าขาวผ้าสบงก็จะได้เป็นเครื่องอุปถัมภ์ค้ำชูพระศาสนาอีกทางหนึ่งถือเป็นบุญใหญ่ ซึ่งผู้เขียน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วิธีขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่หงษ์นี้จะเป็นประโยชน์กับศิษย์หลวงปู่หงษ์ให้ได้สร้างสมบารมีและดำเนินชีวิตได้ราบรื่น มีความสุข ความเจริญ สมกับเป็นศิษย์มีครู มีหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญเป็นครูอาจารย์ ผู้เป็นมหาโพธิสัตว์เที่ยงแท้ในอนาคตวงศ์ 1ใน 10 มหาโพธิสัตว์ผู้จะตรัสรู้รื้อขนสรรพสัตว์ออกจากกองทุกข์อันมีพระนิพพานบรมสุขเป็นที่สุด…ขอเจริญพร

คาถารวมของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

(บูชาครูครอบจักรวาล)

นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ ปะจะขะ นะเมติ

(ภาวนา 12 จบ หรือ 108 จบ)

หรือภาวนาทุกลมหายใจได้ดีมาก

คาถาบูชาหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

นะโม อวโล โพธิสัตโต มะมะ พรหมมะคุณา กิตติ ยะศา มหาลาภา นะมามิหัง

ครั้งหนึ่งนานแล้ว ข้าพเจ้าได้บูชาพระพิฆเนศมาจากท่าพระจันทร์แล้วนำมาให้หลวงปู่หงษ์ท่านเสก ท่านบอกว่า “เทพองค์นี้วิชาเยอะมากเป็นอาจารย์ของยักษ์ (อาจจะเป็นเทวดาพวกหนึ่ง) สมัยเดินธุดงค์ ท่านได้ตามรักษาหลวงปู่เป็นเงาตามตัว เดินตามหลังตลอด เป็นเวลา15 ปี ท่านบอกว่าไม่มีใครเห็นเห็น มีแค่ท่านเห็นอยู่องค์เดียว”

เนื่องจากอยู่ด้วยกันมานานจึงสนิทสนมกันมากท่านเลยเรียกพระพิฆเนศว่า “อาจารย์ทวด”

เราก็คิดเองว่าเวลาท่านอยู่องค์เดียวอาจจะมีพระพิฆเนศเป็นเพื่อนคุยเลยสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ท่านเล่าให้ฟังว่าเวลาเสกพระต่างๆ แค่หลวงปู่ขึ้น “สักเคกาเมฯ ” ท่านก็ลงมาเสกแล้วรวดเร็วมากจริงๆ และเมตตามาเสกบ่อยที่สุด (เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็เลยไม่ได้ไปแสวงหาพระพิฆเนศจากที่อื่นเลย)

เวลาท่านจะทำพิธีเลิกเหล้าให้ใคร ท่านจะเชิญพระพิฆเนศมาเป็นประธานในการทำน้ำมนต์สาบาน โดยจะให้สาบานเลิกเหล้าต่อหน้าพระพิฆเนศ เห็นหลวงตาหนึ่งเคยบอกว่า “พระโพธิสัตว์ ถ้าลงมาสร้างบารมี แล้วถ้าเทวดาไม่ช่วยเหลือหัวเทวดาจะแตกเป็น7เสี่ยง”

นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมพระพิฆเนศที่หลวงปู่หงษ์ได้จัดสร้างจึงมีความเข้มขลังมาก ผู้คนบูชาแล้วประสบความเจริญรุ่งเรืองกันมาก ถ้าหากรักษาศีลได้ มีความขยันหมั่นเพียร ไม่บ่น ไม่ขี้เกียจ หลวงปู่รับรองว่าครูบาอาจารย์จะเกื้อหนุนแน่นอน

วิธีบูชาเทพนางจันกวัก ก่อนทำการใด ๆ ระลึกถึงหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ครูอาจารย์ เทพ-พรหม… จุดธูป 5 ดอก เทียน 2 เล่ม ดอกไม้หรือพวงมาลัย น้ำเปล่า 1 แก้ว ผลไม้ตามที่หาได้ ถวายของหอมบูชาสิ่งที่สมควรจะดีมาก ช่วยให้ ผู้คนไหลมาช่วยค้าช่วยขาย มีกินมีใช้ไม่ขัดสน จากนั้นให้ว่า

นะโม 3 จบ

ภาวนาคาถา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะเมติ 12 จบ

แล้วอธิษฐานตามความปรารถนา

หรือ ตั้ง นะโม 3 จบ

ภาวนา “ นะโมพุทเธียหังหุ นะเมติ ” คาถาเมตตาโชคลาภค้าขาย 12 จบ-108 จบ ก็ดีดุจกัน

แม่เทพนางจันทร์ รูปโฉมงดงาม ผู้มีบุญฤทธิ์อำนาจ ด้านโชคลาภ ค้าขาย หากกิตติศักดิ์บุญฤทธิ์อานุภาพแม่ย่านางเรือ แม่ย่านางรถ ท่านเป็นเทพสตรีมีอำนาจบารมีทำหน้าที่ปกปักรักษาคุ้มครองกันภัย ก็จะขอกล่าวศาสตร์เขมรโบราณ แห่งเทพนางจันทร์ เทพสตรีเทพแห่งโชคลาภ ค้าขาย ผู้มีกำเนิดอุบัติดวงจิตมีทิพย์อำนาจ ด้วยบารมี เทพ-พรหม ครูอาจารย์ 500 องค์ บารมีหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ผู้สร้าง อัญเชิญเทพทิพย์นางจันทร์ ผู้มีโชคลาภมาก เป็นเอกด้านการค้าขาย มาสถิต อีกทั้งมีตำนานกล่าวถึงเทพนางจันทร์ จุติจากผู้มีบุญ ผู้ได้รับพร จากท้าวเวสสุวัณมหาราช ให้สงเคราะห์ผู้คน ด้านพานิช ค้าขาย พืชพันธุ์ธัญญาหาร สำหรับเทพนางจันทร์ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ สร้างพุทธาภิเษก ขึ้นตามศาสตร์วิชา มีอานุภาพด้าน โชคลาภ ค้าขาย มหานิยมโภคทรัพย์ คนรักเมตตา เป็นยอดหัวใจคนทั้งหลาย จักบนบาลแม่ก็ได้ มีของกำนัลถวายก็รับ

ศาสตร์การรักษาคนเสียสติของหลวงปู่หงษ์

เราได้ยินแต่หลวงปู่รักษาคนเสียสติ รักษาผู้ป่วยหนักที่โรงพยาบาลปฏิเสธการรักษาจึงขอนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หลวงปู่เล่ามาบันทึก

หลวงปู่ให้ผู้เขียนบันทึกคาถาจืดไว้ทำน้ำมนต์ด้านรักษาโรคทางกายและผู้โดยไสยศาสตร์ และศาสตร์การรักษาคนเสียสติไว้ ซึ่งประจุบันควรรักษากับโรงพยาบาลเฉพาะทางดีกว่าแต่ก็ขอบันทึกวิธีที่หลวงปู่สอนไว้ให้ได้รู้เช่น

สมัยก่อนนั้นการรักษาโรคในชนบท หากรักษาด้วยสมุนไพรไม่หายหรือหาสมมติฐานของ อาการไม่พบก็ต้องอาศัยการรักษาโดยไสยศาสตร์ หากมาถึงวัดเพชรบุรี หลวงปู่หงษ์แล้ว รับหมด ด้วยเมตตาต่อสรรพชีวิต ที่มีน้ำมนต์และสีผึ้งเท่านั้นเป็นโอสถธรรมรักษา ที่หายก็มากที่ไม่หายก็มี แต่อย่างน้อยก็ยืดชีวิตต่อได้อีกสักระยะหลวงปู่ว่าบางรายป่วยหนักบ้างถูกคุณไสยมนต์ดำมานานเกินจะเยียวยา ดังมะม่วงสุก อย่างไรก็จะต้องหลุดจากคั่ว หลวงปู่เล่าว่าแม้คนบ้าสมัยก่อนขนาดล่ามด้วยโซ่ไว้ไต้ถุนศาลาวัด วันดีคืนดีคนบ้ารู้อาคมก็ยังเป่าสะเดาะโซ่หลุดจากขาวิ่งไล่กอดผู้หญิงเกิดโกลาหลไปทั้งวัดมี ให้ชายฉกรรจ์รุมจับก็ไม่อยู่หลวงปู่จะเสกหวายมหาระงับฟาดหลังไป ทีสองที ก็สงบ

หลวงปู่ให้ผู้เขียนบันทึกคาถาจืดไว้ทำน้ำมนต์ด้านรักษาโรคทางกายและผู้โดยไสยศาสตร์ และศาสตร์การรักษาคนเสียสติไว้ ซึ่งประจุบันควรรักษากับโรงพยาบาลเฉพาะทางดีกว่าแต่ก็ขอบันทึกวิธีที่หลวงปู่สอนไว้ให้ได้รู้เช่น

คาถามัดคนคนสติแตก สติไม่ดี คาถานี้หลวงปู่ใช้มัดคนเสียสติไม่ให้หลุดจากเครื่องพันธนาการ

ตั้งนะโม 3 จบ

จะโซโมเธีย โมเธียเยี๊ย เยี๊ย เยี๊ย เธียโช โซโซ เธียเยี๊ย

ภาวนาคาถา 7 จบ แล้วเป่าโซ่ตรวน, เป่าขณะยึดลิ่มแล้วเป่าประตูด้วย ห้องขังรักษาเป็นไม้แบ่งชายหญิงมีช่องลมแค่นิ้วลอดได้ ห้ามมีเสื่อ หมอน ไฟแช็ค เชือกเสื้อผ้า และของที่อาจเป็นอันตรายกับคนเสียสติไม่ให้มีเด็ดขาด ตั้งศาลพระกาฬช่วย มีค่าครู, ขันธ์ 5 ไถ่ตัวคนสติไม่ดี ก็เป็นเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยที่พอจะบอกเล่าไว้ได้บางส่วนเพื่อเป็นอนุสติระลึกพระคุณ พระพรหมปัญโญ (หงษ์) พระโพธิสัตว์ผู้เมตตาสรรพสัตว์ไม่มีมีประมาณ…

พลังจากแรงศรัทธาในครูบาอาจารย์

หลายท่านอาจจะมีความสงสัยหรืออยากรู้ว่าทำไมหลวงปู่ถึงเสกพระเครื่องใด้มีอานุภาพมาก มีประสบการณ์มาก

สิ่งที่ท่านมักจะให้ทำเสมอๆๆและขาดไม่ได้ก่อนการเสกพระคือบายศรีครูใหญ่และบายศรี 5 ต้น อันเป็นของที่เห็นจากกรรมฐาน ท่านว่าต้องตั้งทุกครั้งเพื่อเป็นการเชิญบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพพรหม ครูบาอาจารย์ 500 พระองค์ให้มาช่วยเสกให้

ท่านว่าเมื่อยามปลุกเสกจะมีเทพพรหมเทวดาครูอาจารย์มาช่วยเสกเยอะมาก ท่านว่าตั้งบายศรีครูแล้ว ท่านจะนั่งตรงใหนก็เสกใด้หมด แม้ว่าจะตั้งบายศรีที่อเมริกา ท่านจะสวดที่วัดของที่อเมริกาก็ขลังเหมือนกัน

บางท่านสงสัยว่าเวลาท่านป่วยท่านจะเสกของได้หรือ หลวงปู่ท่าน “ป่วยแต่กายแต่ไม่ได้ป่วยจิต” การเจริญภาวนาของท่านนั้นตั้งแต่เป็นเณร ทำมาตลอดชีวิต จนจิตใจใสสะอาด มีอำนาจจิตแก่กล้าเป็นอัศจรรย์ ยามท่านป่วยก็จริงแต่เมื่อ ตั้งบายศรีครูแล้วท่านจะอธิฐานบอกครูบาอาจารย์เทพพรหม ทั้ง 500 พระองค์ให้เสกของให้ ท่านว่าขลังมาก แต่จะดีเฉพาะคนดีคือคนที่รักษาศีล

ส่วนการปลุกเสกท่านว่าไม่ต้องเสกนานก็ได้ ตั้งบายศรีครูแล้วท่านท่อง นะโมฯ 3 จบ ของก็ขลัง

เคยมีครั้งหนึ่งมีพระเอาหินมาให้ท่านเสก มีศิษย์ติดตามมาด้วย เขามีกล้องถ่ายภาพอย่างดีราคาแพง มาตั้งถ่ายตอนท่านปลุกเสกท่านได้กำหนดจิตแค่ 1 นาที แล้วเป่าไป ปรากฏในกล้องเป็นรังสีแผ่ออกมาจนเป็นอัศจรรย์ ทำให้ศิษย์คนนั้นศรัทธาหลวงปู่มากกว่าเดิมอีก

ถ้าคนที่เคยศึกษาและปฏิบัติธรรม ย่อมจะเข้าใจเรื่องจิตตานุภาพดี ท่านที่ศรัทธาในหลวงปู่นั้นจงอย่าได้ลังเลสงสัยใน องค์ท่านเลย ท่านว่า “เชื่อมากศรัทธามากผลก็มีมาก ไม่เชื่อก็ไม่มีผล”

บางครั้งเคยเห็นหลายๆ ที่อ้างว่าเป็นศิษย์เรียนวิชาจากหลวงปู่ จงจำไห้ดีว่าศิษย์เรียนวิชาจริงต้องทำบายศรีครูเป็นจะละทิ้งไม่ทำนั้นไม่ได้ อย่างน้อยต้องได้บายศรี 5 ต้น การทำกรวย 100 กรวย 5 ขัน 5 ขัน 8 แบบของหลวงปู่เวลาประกอปพิธีต่างๆ

ดังนั้นบางคนที่ไม่รู้จริงแล้วไปพูดว่าหลวงปู่ไม่ได้เสกหรือเสกไม่ได้นั้นถือว่าปรามาสในตบะบารมีครูบาอาจารย์เทพพรหมยิ่งนัก เมื่อตัวท่านยังไม่ให้ความเชื่อมั่นในองค์ครู ครูที่ใหนจะช่วยเราใด้ จงเอาไปคิดดู

พระคาถาหัวใจในสายวิขา หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ ปะจะขะ นะเมติ” หรือ “นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ ปะจะขะ” นี้เป็นพระคาถาที่เราคงคุ้นเคยกันดี เพราะมักจะมีกำกับบนวัตถุมงคลของหลวงปู่แทบทุกชิ้น เหตุเพราะว่า พระคาถานี้เป็นคาถาที่สามารถใช้ ท่องเพื่อปลุกเสกสิ่งของก็ได้ ใช้เพื่อเป็นอารมณ์กรรมฐานก็ได้ หรือใช้สำหรับการขอพรต่างๆก็ได้ หลวงปู่ท่านว่าดี 108 ประการ

ตัวคาถาแต่ละบทนั้นมีความสำคัญอยู่ อย่างเช่น “นะโมพุทธายะ” นั้นก็คือการระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธพุทธเจ้า,พระโกนาคมพุทธเจ้า,พระกัสสปพุทธเจ้า,พระโคตมพุทธเจ้าและพระเมตไตยพุทธเจ้า เมื่อตั้งต้นด้วยพระพุทธคุณแล้วอะไรๆก็ดีทั้งหมด

“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ” นั้นเป็นบทที่ใช้เสกของป้องกันอาวุธ กันปืน กันระเบิดหรือกันภัยต่างๆ สามารถภาวนาเป็นพุทธานุสติกรรมฐานก็ได้ เพราะการระลึกถึงพระพุทธเจ้าย่อมเป็นบุญแน่นอน ภาวนาบ่อยๆดีนักแล

“ปะจะขะ” นั้นเป็นบทที่ใช้สำหรับ ขอพร ขอโชคลาภ จากเทพ พรหม เทวดา เทพเจ้าเหล่าเซียน กุมารทอง แม่นางจันทร์ ตลอดจน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โดยบุคคลที่ภาวนาคาถาบทนี้จะต้องภาวนาด้วยความ “ไม่โลภ” แต่ให้ภาวนาจนใจใสสะอาดดุจแก้วแล้วจึงขอพร เมื่อทำได้บ่อยๆ จะมีโชคลาภเข้ามาค้าขายก็ดี ในบางรายนั้นอาจฝันถึงโชคลาภ หรือหนทางในการแสวงหาลาภก็เป็นได้

ส่วน “นะเมติ” นั้นถือเป็นคาถาหลักของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญเลยก็ว่าได้ เพราะพระแม่ธรณีนั้นเป็นเทพนารีที่ผูกพันธ์กับหลวงปู่มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ หลวงปู่เล่าว่าเจอผู้หญิงร่างกายกำยำผิวคล้ำ มาดักไล่จับท่านที่ยังเด็ก ที่หน้าป่าช้า พอจับได้ก็จะให้ดื่มนมจากอก ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ได้วิชาจากพระแม่ธรณีอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็น ตะกรุดพระแม่ธรณี ตะกรุดกันโรค เป็นต้น

“นะเมติ” นั้น แปลว่า “ยอดน้ำนมของแม่พระธรนี” เป็นคาถาแทนความเมตตาอันไม่มีประมาณของมารดาต่อบุตร และต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมื่อภาวนาเยอะๆ ก็จะเป็นเมตตามหานิยม เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ให้เรานั้นมีใจเหมือนแม่ธรณีที่ไม่เลือกว่าแม้จะเป็นใคร เป็นคนดี เป็นคนเลว เป็นพระราชา เป็นโจร ก็มีสิทธิ์อาศัยบนพื้นธรณีนี้เช่นเดียวกัน

บุคคลที่สวดบทนี้แล้วพึงทำใจให้ใสสะอาดไม่ขุ่นมัว มีแต่ความเมตตากรุณาต่อกันและกัน ดุจดั่งพระแม่ธรนีทรงเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง

เมื่อเรานั้นภาวนารวมทั้ง 3 บทจนใจใสสะอาดดุจแก้วแล้ว ท่านจะเป็นบุคลที่เทพพรหมรักษา เทวดาคุ้มครอง ซื้อง่ายขายคล่อง หลวงปู่ท่านเรียกว่า คาถาหงษ์แก้วสารพัดนึก นอนแล้วปัญญาปลอดโปร่ง และ โปร่งใส นอนหลับได้เงินหมื่น นอนตื่นได้เงินล้าน เราปรารถนาเอาเอง

เมื่อระลึกถึงความดีของ พระพุทธเจ้า เทพพรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ ให้มากแล้วเมื่อละจากโลกนี้ไป ย่อมอุบัติ ณ สุคติโลกสวรรค์ และเมื่อภาวนาจนขึ้นใจแล้วสมารถต่อยอดไปถึงขั้นฌาน ก็สามารถไปอุบัติเป็น เทพพรหมได้ ดุจดั่งครูบาอาจารย์ท่านได้ประพฤติปฏิบัติมาแล้ว

หลายท่านอาจจะมีความสงสัยหรืออยากรู้ว่าทำไมหลวงปู่ถึงเสกพระเครื่องใด้มีอานุภาพมาก มีประสบการณ์มาก

สิ่งที่ท่านมักจะให้ทำเสมอๆๆและขาดไม่ได้ก่อนการเสกพระคือบายศรีครูใหญ่และบายศรี 5 ต้น อันเป็นของที่เห็นจากกรรมฐาน ท่านว่าต้องตั้งทุกครั้งเพื่อเป็นการเชิญบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพพรหม ครูบาอาจารย์ 500 พระองค์ให้มาช่วยเสกให้

ท่านว่าเมื่อยามปลุกเสกจะมีเทพพรหมเทวดาครูอาจารย์มาช่วยเสกเยอะมาก ท่านว่าตั้งบายศรีครูแล้ว ท่านจะนั่งตรงใหนก็เสกใด้หมด แม้ว่าจะตั้งบายศรีที่อเมริกา ท่านจะสวดที่วัดของที่อเมริกาก็ขลังเหมือนกัน

บางท่านสงสัยว่าเวลาท่านป่วยท่านจะเสกของได้หรือ หลวงปู่ท่าน “ป่วยแต่กายแต่ไม่ได้ป่วยจิต” การเจริญภาวนาของท่านนั้นตั้งแต่เป็นเณร ทำมาตลอดชีวิต จนจิตใจใสสะอาด มีอำนาจจิตแก่กล้าเป็นอัศจรรย์ ยามท่านป่วยก็จริงแต่เมื่อ ตั้งบายศรีครูแล้วท่านจะอธิฐานบอกครูบาอาจารย์เทพพรหม ทั้ง 500 พระองค์ให้เสกของให้ ท่านว่าขลังมาก แต่จะดีเฉพาะคนดีคือคนที่รักษาศีล

ส่วนการปลุกเสกท่านว่าไม่ต้องเสกนานก็ได้ ตั้งบายศรีครูแล้วท่านท่อง นะโมฯ 3 จบ ของก็ขลัง

เคยมีครั้งหนึ่งมีพระเอาหินมาให้ท่านเสก มีศิษย์ติดตามมาด้วย เขามีกล้องถ่ายภาพอย่างดีราคาแพง มาตั้งถ่ายตอนท่านปลุกเสกท่านได้กำหนดจิตแค่ 1 นาที แล้วเป่าไป ปรากฏในกล้องเป็นรังสีแผ่ออกมาจนเป็นอัศจรรย์ ทำให้ศิษย์คนนั้นศรัทธาหลวงปู่มากกว่าเดิมอีก

ถ้าคนที่เคยศึกษาและปฏิบัติธรรม ย่อมจะเข้าใจเรื่องจิตตานุภาพดี ท่านที่ศรัทธาในหลวงปู่นั้นจงอย่าได้ลังเลสงสัยใน องค์ท่านเลย ท่านว่า “เชื่อมากศรัทธามากผลก็มีมาก ไม่เชื่อก็ไม่มีผล”

บางครั้งเคยเห็นหลายๆ ที่อ้างว่าเป็นศิษย์เรียนวิชาจากหลวงปู่ จงจำไห้ดีว่าศิษย์เรียนวิชาจริงต้องทำบายศรีครูเป็นจะละทิ้งไม่ทำนั้นไม่ได้ อย่างน้อยต้องได้บายศรี 5 ต้น การทำกรวย 100 กรวย 5 ขัน 5 ขัน 8 แบบของหลวงปู่เวลาประกอปพิธีต่างๆ

ดังนั้นบางคนที่ไม่รู้จริงแล้วไปพูดว่าหลวงปู่ไม่ได้เสกหรือเสกไม่ได้นั้นถือว่าปรามาสในตบะบารมีครูบาอาจารย์เทพพรหมยิ่งนัก เมื่อตัวท่านยังไม่ให้ความเชื่อมั่นในองค์ครู ครูที่ใหนจะช่วยเราใด้ จงเอาไปคิดดู

“หมั่นไหว้ หมั่นบอก หมั่นขอ” เคล็ดการบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

1. เมื่อเราจะแขวนพระหรือ คาดตะกรุด ก็ให้ยก วัตถุมงคลขึ้นมาพร้อมพนมไว้ที่มือตั้งนะโม 3 จบในใจหรือ ออกเสียงเบา ๆ ก็ได้ ต้องมีความเคารพเลื่อมใสเป็นอุบายให้ จิตใจสะอาด

2. อาราธนา (นึกถึง) บารมีหลวงปู่และครูบาอาจารย์ทั้งหมดมีพระพุทธพระธรรมพระอริยะสงฆ์เป็นที่สุด จึงว่าคาถาวัตถุมงคล 3 จบ 7 จบ 12 จบ หรือว่าตามกำลังวัน หรือว่า 108 หรือภาวนาจนจุใจก็ทำได้

3. อธิฐานบอกกล่าว ขอ…. ถือเป็นหัวใจสำคัญ หลวงปู่หงษ์จะไม่ให้แค่ไหว้กราบเฉย ๆ ท่านว่าประมาท เพราะ กฎของโลกทิพย์ ไม่ขอไม่ให้ ไม่บอกไม่ช่วย ต้องบอกกล่าว…จะให้ช่วยอะไร? คุ้มครองแค่ไหน? เช่น ขอให้ปลอดภัย ขอให้คนเมตตา ขอให้มีลาภ มีเสน่ห์ ขอให้ค้าขายดี อย่าให้มีอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัยทั้งตอนไปตอนกลับ ฯลฯ ถ้าทำได้อย่างนี้ครูบาอาจารย์ก็ช่วยได้เต็มที่ บอกกล่าวแล้วก็ให้ทำใจสบาย ๆ วางเฉย (อุเบกขา) เลิก หวัง เลิกอยากนั้นนี่ เพราะความหวัง ความอยากจะเป็นตัวปิดกั้นผลสำเร็จ เลยคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์บุญกุศลไม่ช่วย เพราะเราไม่เข้าใจกฎของกรรม และ อัตภาพบุญกุศล จะบันดาลผลได้แค่ไหนอย่างไร

แล้วเรา ควรอาราธนาบ่อยแค่ไหน? ก็ต้องขอบอกก่อนว่า กำลังใจคนไม่เสมอกัน ให้ดีแท้แน่นอน ก็ทุกเช้า –เย็น จะขับรถ เดินทาง ก็นึกถึงไหว้บอก กราบหิ้งพระ, กราบพระบูชาที่บ้าน บอกครูบาอาจารย์ทุกครั้ง ทั้งไปและกลับ เป็นทั้งกุศลทั้งเมตตามหานิยม และจิตภาวนาเพราะระลึกถึงพระเทพเทวดาเป็นอนุสติ หลวงปู่สอนว่า…คนประมาทมักคิดว่าแขวนพระไว้กับตัวตลอดก็จะเหนียว ฟัน แทงไม่เข้า แคล้วคลาด ปลอดภัยแน่นอน ก็แขวนพระไว้ กับตัวเลยตลอด วัน, เดือน, ปี สะดวกดี ขี้เกียจ…จะอาราธนาทำไมบ่อยๆ จึงเข้าใจผิดนึกว่าพระคุ้มครองแน่…เมื่อแขวนวัตถุมงคลไว้นาน…ๆ กำลังจิตกำลังศรัทธาจะลดลง ไม่ตั้งมั่น พระขลังดุจเดิมแต่… อานุภาพการคุ้มครองก็จะลดตามกำลังจิต กำลังศรัทธาให้ผลได้ไม่เต็มที่ พอประสบเหตุเภทภัย อาทิ หมากัดเข้า รถเชี่ยวชน เลือดตกยางออก ผีเข้า เจ้าสิง ทั้งที่แขวนพระแขวนเครื่องราง ก็พาลนึกว่า พระเสื่อมแล้ว ไม่เห็นขลัง ศรัทธาก็เสื่อมคลาย เลิกแขวนเลิกนับถือ ทั้งที่จริงหากหมั่นอาราธนา บอก ขอ มีศรัทธามั่น ปืนเขาจะยิงเราไม่ออก (คงกระพันชาตรี) เมื่อศรัทธาเราลด ปืนเขายิงเราออกแต่ไม่โดน (แคล้วคลาด) ศรัทธาเราลดอีกยิงโดนแต่ไม่เข้า (หนังเหนียว) ศรัทธาลดอีกยิงเข้าแต่ไม่ตาย เป็นต้น

ดังนั้นหากจะแขวนเครื่องรางก็อย่าประมาท ควรหมั่นอาราธนาให้สบประโยชน์สมเจตนา ……. จบ

เรื่องเล่าจากศิษย์หลวงปู่หงษ์รุ่นพี่

….มีเรื่องเล่านึงที่ผมเคยเล่าให้คนไม่กี่คนฟัง

“ทุกครั้งที่ผมไปกราบปู่ ผมมักจะไปขอบูชาพานขันครู ใส่พระหลวงปู่ที่แบกไปมากมาย หน้าทอง หน้าเงิน หน้าเล็ก หน้าใหญ่ ใส่ไปให้ปู่เสกบ้าง จารบ้าง กี่ครั้งก็เหมือนเดิมทุกครั้ง ผมขนไปหนักอึ้ง ไปกราบหลวงปู่ก็มีแต่ขอพานใส่พระ ด่วนๆๆๆ ”

จนมาวันนึง หลวงปู่ท่านหยิบพระผมดู แล้วก็มอง !

เอาสิ ทีนี้ท่านไม่เสก ท่านหันมาหาผมก่อนเสก ท่านถามผมว่า…

“ใส่ไหวมั้ย?”

ผมก็ถามว่า “อะไรนะครับปู่”

หลวงปู่ก็ถามย้ำว่า “พระหมดตู้ขาวๆนั่นห้อยไหวมั้ย”?

(เอาแล้วสิผมถึงบางอ้อ โดนแล้วเรา เพราะว่าผมเก็บพระไว้ในลิ้นชักเอกสารขาวๆ เพียบ)

ผมบอกท่านว่า “ไม่ไหวครับหลวงปู่ บางวันใส่เปลี่ยนๆ สี่ห้าองค์เหมือนคนบ้าเลย”

ท่านฟังเสร็จท่านนิ่ง

ผมนิ่งกว่า……

ท่านพูดว่า

“เสกให้ของดีทั้งนั้น ทำให้เฉพาะคนดี คนถือได้ แม้กระดาษที่เป็นกล่องใส่พระ เวลาเสกเสร็จแล้ว

ตัดเป็นชิ้นเล็กๆก็ยิงไม่เข้า ใครฆ่าก็ไม่ตาย เวลาคับขันใส่ปากก็หายตัวได้ แม่ก็ช่วย”

คำปู่ครับ ผมจำได้เสมอ

เราเก็บของหนัก เราลุยกันบ้างเพราะเราสะสม เรารักครูอาจารย์ แต่เราก็รู้เสมอว่าแม้ไม่ห้อยเลย ท่านก็ช่วย

ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร ไม่มีดีสุด ผมเชื่อเช่นนั้นครับ ของดีอยู่ที่สติ ของดีอยู่ที่เราคนถือ

ผมจะเลือกเก็บพระที่มาจากทำบุญทุกครั้งครับ หนักเบา ผมจะทำตามโอกาสและกำลัง

ทุกวันนี้หยิบพระดูก็จะจำได้ว่า

องค์นี้เอาตังค์ไปทำบุญวันเกิดนะ

องค์นี้เอาเงินขายเบ็ดตกปลาไปบูชาร่วมบุญมา.

องค์นี้ร่วมค่าซื้อหินทราย.

องค์นี้ซื้อที่ดินถวายวัด

องค์นี้……. เป็นต้น

ทุกครั้งผมจะได้ระลึก บุญ ทานกุศลที่ร่วมไป เงินได้มาอย่างไร ต่างๆ (จาคานุสติ)

ต่อมาหยิบก่อนใส่ ผมก็จะระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย (พุทธานุสติ ธรรมานุสติ และสังฆานุสติ)

สิ่งนี้มีความหมายมากสำหรับผม คนๆนึงจะมีสติ มีอนุสสติ ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยมาเป็นสรนะ แค่นี้ก็ดีเพียงพอแล้ว

หาได้ต้องเอาของแพงขนาดไหนมายึด ผมก็ชอบของแพงๆแรงๆ สุขใจทำได้ทำ ทำไหวทำ

แต่เมื่อใดที่ผมหันไปเจอพระแจกทาน หรือพระผงอัดโรงงาน ผมก็กราบอย่างสนิทใจ

และไม่เคยแยกครับว่าองค์ไหนดีกว่า หรือองค์ไหนดีที่สุด

~ ศิษย์รุ่นพี่

นับว่าเป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่มาจากศิษย์รุ่นพี่ครับ การที่เรามีวัตถุมงคลของหลวงปู่ ไม่ใช่แค่ความขลังและศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงกุศโลบายต่างๆที่ซ่อนอยู่ในการถือครองวัตถุมงคลนั้น เช่นเราเห็นพระเราก็รู้ว่าเราไปทำบุญอะไรถึงได้มา หรือ การบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ถ้าให้ได้ผลดีต้องมีศีล 5 เป็นต้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลวงปู่สอนเราอยู่เสมอ ทุกครั้งที่หยิบพระมาห้อยคอครับ ขออนุโมทนากับเรื่องเล่านี้ครับ…จบ

บทสวดมนต์ปรกติ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

คำบูชาพระรัตนตรัย

อิมินา สักกาเรนะ ตัง พุทธัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ

คำนมัสการพระรัตนตรัย

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ

(กราบ)

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมังนะมัสสามิ

(กราบ)

สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ

(กราบ)

คำนมัสการพระพุทธเจ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

(3 จบ )

คำอาราธนาศีล 5

มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ

ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิ

ยาจามะ

ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะสีลานิ ยาจามะ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อิมานิ ปัญจะสิกขาปะทัง สมาทิยามิ

สีเลนะ สุคติง ยันติ (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ถึงความสุข)

สีเลนะ โภคะสัมปะทา (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้มาซึ่ง โภคทรัพย์)

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ (และศีลนั้นยังจะเป็นเหตุให้ได้ไปถึงนิพพาน คือความดับเย็นจากกิเลส เครื่องเศร้าหมอง ทั้งปวง)

ตัสฺมา สีลัง วิโสธะเย (ศีล จึงเป็นสิ่งที่วิเศษนักที่เธอทั้งหลายพึงยึดถือเป็นหลักประจำชีวิต ประจำจิตใจ ปฏิบัติให้ได้ ดังนี้แล)

“ไม่มีวัตถุมงคล หรือปาฏิหาริย์ใดๆ จะทำให้คนสมปรารถนา และประสพความสำเร็จที่มีความสุขในชีวิตได้ หากคนผู้นั้นไม่รักษาศีล ไม่ประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

พญาพาลีผู้ทรงฤทธิ์มีศักดิ์เป็นน้าของหนุมานและเป็นลิงที่มีฤทธิ์มากที่สุด ได้รับพระให้เมื่อสู้กับผู้ใด กำลังของผู้นั้นครึ่งหนึ่งจะหายไปเป็นของพาลี พาลีจึงไม่เคยรบแพ้ผู้ใด

ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซด์หลวงปู่หงษ์

พญาพาลี ของหลวงปู่หงษ์

ผู้เขียนได้มีโอกาสรู้จักกับลูกศิษย์ขององค์ท่านเมื่อครั้งที่ได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ที่สุสานทุ่งมน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๗ ในครั้งนั้นผู้เขียนได้พักค้างแรมที่วัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นวัดที่องค์ท่านหลวงปู่หงษ์เป็นเจ้าอาวาส ก่อนที่จะมอบหมายให้พระอาจารย์สมชาย ดูแลรักษาการในฐานะเจ้าอาวาสสืบต่อจากองค์ท่าน เนื่องเป็นด้วยเพราะว่าระยะหลังองค์ท่านเริ่มชราภาพมากแล้ว และติดกิจนิมนต์อยู่ตลอดเวลา

ลูกศิษย์ของหลวงปู่หงษ์ท่านนี้ได้กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังเกี่ยวกับองค์หลวงปู่หงษ์ เคยได้ยินว่า หลวงปู่ท่านมักเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตให้ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังในเวลาว่างจากกิจต่างๆแล้ว เมื่อมีใครถามท่านในเรื่องที่อยากรู้ ท่านก็จะเมตตาเล่าให้ฟังเสมอ

อย่างเช่นในเรื่องของพญาพาลี องค์ท่านได้ตอบข้อสงสัยของลูกศิษย์ที่ถามท่านในเรื่องของการจัดสร้างพญาพาลี ซึ่งองค์ท่านก็จะบอกว่า เป็นเพราะพญาพาลีนั้น เก่งกล้าสามารถมาก คล่องแคล่วว่องไว มีปัญญาฉลาดเฉลียว และรอบรู้ในเรื่องศิลปะวิทยาการต่างๆ อย่างมาก อีกทั้งยังเป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่งของท่านด้วย

ซึ่งองค์ท่านได้เมตตาเล่าว่า เมื่อครั้งที่ท่านยังเด็กๆนั้นในคราวใดที่ว่างจากช่วยบิดา มารดาของท่านทำนาแล้ว ท่านก็มักจะนำควายไปผูกไว้ที่กลางทุ่งเพื่อให้หากินพืชหญ้าไปตามประสา ส่วนตัวท่านเองนั้นก็มักจะหามุมสงบนอนพักเอาแรงที่ใต้ต้นไม้บ้างหรือวิ่งเล่นกับเพื่อนบ้าง ไปตามประสาของเด็กผู้ชายสมัยนั้น

และมีอยู่มาวันหนึ่งในขณะที่กำลังนั่งเล่นพักอยู่ใต้ร่มไม้ พลันก็ปรากฏร่างของผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาผิวพรรณดีมากเดินเข้ามาทักทายและคุยด้วย ชายแปลกหน้าคนนั้นก็ถามว่าอยากไปเที่ยวด้วยกันไหม ซึ่งในเวลานั้นองค์ท่านก็สงสัยว่าชายแปลกหน้านั้นเป็นใครกัน อยู่ๆก็มาชวนคุยแถมยังชวนไปเที่ยวด้วยกันอีก แต่เนื่องด้วยว่าท่านเป็นเด็กที่มีจิตใจกล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆและด้วยความอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะพาท่านไปเที่ยวยังที่แห่งใด

องค์ท่านจึงได้ตอบตกลงที่จะให้ชายผู้นั้นพาไปเที่ยว ในทันทีที่องค์ท่านหรือเด็กชายสุวรรณหงษ์ตอบตกลงว่าไปเที่ยวด้วยกัน ชายผู้นั้นก็นั่งลงแล้วบอกให้ท่านขี่ขึ้นที่หลัง แล้วก็พาเหาะลอยขึ้นไปบนฟ้า พาไปยังที่ไกลแสนไกล

ซึ่งองค์ท่านก็มาทราบทีหลังว่าเป็นป่าหิมพานต์ และบุคคลที่พาท่านไปเที่ยวที่แท้ก็คือ “พญาพาลี” นั่นเอง ซึ่งพญาพาลีได้มาหาท่านบ่อยมาก และพาไปเที่ยวทุกครั้ง เรียกได้ว่าอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดๆแล้ว พญาพาลีจะพาองค์ท่านไปดูไปเห็นทุกอย่างที่ต้องการอยากรู้

ซึ่งผู้เขียนขอยืนยันว่าเรื่องเร้นลับเกี่ยวกับป่าหิมพานต์นั้นมีอยู่จริงนะครับ ครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ที่ปฏิบัติทางจิตอย่างเข้มข้นท่านยืนยันตรงกันหลายครั้ง เพียงแต่ว่าท่านไม่ค่อยพูด ใครอยากรู้ก็ต้องหาเวลาไปกราบและหมั่นไปปรนนิบัติรับใช้ท่าน แล้วค่อยๆถามท่าน เหตุที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านไม่ค่อยเล่าให้ฟังกันเพราะหากท่านๆทั้งหลายฟังกันแล้วมัวแต่หลงติดอยู่กับเรื่องพวกนี้ ก็ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี อีกทั้งไม่ใช่ทางพ้นทุกข์อีกด้วย แต่ทว่าหากท่านอยากรู้อยากเห็นเองท่านจะแนะนำให้ปฏิบัติกันเอาเองตามแนวทางแห่งสมาธิจิตที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงวางแนวทางไว้ให้

ซึ่งตรงนี้ผู้เขียนได้ถามท่านผู้เล่าให้ฟังว่าพญาพาลีนั้นมาในรูปร่างที่เป็นคนหรือพญาลิง ท่านผู้ที่เล่าให้ฟังก็บอกว่าจากการที่ได้เคยสอบถามองค์ท่านนั้น ท่ายเคยเล่าให้ฟังว่ามาในรูปที่เป็นคนคล้ายเทวดา และสามารถเนรมิตกายให้เป็นพญาลิงหรือรูปร่างอื่นๆได้ นอกจากนี้พญาพาลียังได้สอนวิชาการป้องกันตัวในเชิงหมัดมวยให้ด้วย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบขององค์ท่านมากทีเดียว เพราะอุปนิสัยขององค์หลวงปู่หงษ์นั้นท่านชื่นชอบในศิลปะแม่ไม้มวยไทยเป็นอย่างยิ่ง และวิชาที่พญาพาลีสอนให้นั้น องค์ท่านหลวงปู่หงษ์ก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและฝึกหัดจนชำนาญ ในช่วงนั้นเด็กรุ่นเดียวกันไม่มีใครสู้กับองค์ท่านได้ แม้จะเป็นเด็กที่ตัวโตกว่า องค์ท่านก็สามารถปราบลงได้อย่างง่ายดาย

องค์ท่านได้เรียนวิชากับพญาพาลีจนชำนาญการในเรื่องของหมัดมวย จนย่างเข้าอายุ ๑๙ ปี บิดามารดาของท่านมองเห็นบุคลิกลักษณะความเป็นคนจริงของท่านแล้วก็อดที่จะห่วงมิได้ เพราะท่านเป็นเด็กที่ไม่เกรงกลัวใคร จึงเกรงว่าหากปล่อยให้อยู่ใช้ชีวิตทางโลกแล้ว ก็อาจจะมีเรื่องมีราวชกต่อยกับผู้คนไม่หยุดหย่อนจึงได้ตกลงใจกันที่จะให้องค์ท่านเข้าสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา

[ พระคาถาบูชาพญาพาลี ของหลวงปู่หงษ์]

ให้ตั้งใจระลึกถึงองค์ท่านและพญาพาลี ว่า “นะโม ฯ” ๓ จบ ภาวนาว่า “กัตตะวุตตะ นะเมติ” ๙ จบ หรือ ๑๒ จบก็ได้

และต้องดำรงอยู่ในศีลธรรม ห้ามดื่มเหล้าและผิดลูกผิดเมียชาวบ้านเด็ดขาด หรือแม้กระทั่งการไปซื้อบริการทางเพศจากหญิงบริการก็ไม่ได้ เพราะองค์ท่านห้ามขาด เนื่องจากว่าองค์ท่านถามผู้ที่สงสัยในเรื่องนี้ว่า “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่เขามาขายบริการนั้นไม่มีลูกไม่มีผัวน่ะ” ซึ่งเป็นคำถามที่ตรงไปตรงมาและเป็นคำตอบที่เสร็จสมบูรณ์ในตัว

หากภาวนาด้วยจิตในที่แน่วแน่แล้ว ครูอาจารย์ขององค์ท่านจะลงมาช่วยเอง พญาพาลีนั้นสามารถบูชาเพื่อสติปัญญาและความปราดเปรียวกล้าหาญ เหมาะที่จะสอนให้บุตรหลานได้ท่องจำคาถานี้ไว้ สามารถช่วยในเรื่องปัญญาได้ดีมาก เรียนรู้ทรงจำได้แม่นยำ มีพละกำลังมหาศาล ลูกศิษย์ขององค์ท่านหลวงปู่หงษ์หลายรายได้เคยทดลองใช้มาแล้ว ปรากฏว่าเกิดได้ผลดีและมีอิทธิฤทธิ์จริงสมกับที่องค์ท่านบอกไว้ทุกประการแต่ต้องเน้นว่า ศีลห้าต้องรักษาอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ

อ้างอิง : หนังสือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ สำนักพิมพ์ อาศรมปัญญา ๕๙๘๐, ๒๕๕๓ โดย สวร ฤษี

บทความทัั้งหมดจากเพจ Amulet on FACE

แชร์เลย

Comments

comments

Share: