หลวงป๋า & อานุภาพ ธาตุกายสิทธิ์

หวังว่าพอจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ..ลองอ่านและพิจารณาดู


เรื่องอานุภาพเหล็กไหล หรือพญาสมิงเหล็ก เท่าที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมาแต่โบราณกาล จนเป็นที่ฝังจิตฝังใจ กันอยู่ทั่วไปว่า มีอานุภาพในทาง “มหาอุด” คือ ปืนยิงไม่ออก 1 “คงกระพัน” คืออาวุธแหลมคมทุกชนิดทำ อันตรายไม่ได้ 1 และ “แคล้วคลาด” คือ ปลอดภัยจากสรรพอันตราย 1 อานุภาพทั้ง 3 ประการนี้ “มหาอุด” คือว่า ปืนยิงไม่ออก ดูจะเป็นอานุภาพที่ฝังใจผู้สนใจมีไว้ในครอบครองมากที่สุด และโดยเหตุที่วัตถุธาตุนี้หายากด้มาด้วยยากที่สุด จึงมีราคาแพงที่สุด

ข้าพเจ้าก็ยังไม่ใช่เป็นผู้รู้แจ้งเจนจบหรือผู้ชำนาญในเรื่องนี้ เพียงแต่พอรู้เรื่อง มีความเข้าใจจากการประมวล ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่เชื่อถือได้ และจากประสบการณ์ที่ได้เคยเห็น ได้เคยสัมผัสมาแล้วบ้าง จึงใคร่จะเล่า สู่ท่านผู้อ่านที่ไม่เคยได้รู้หรือยังไม่เคยได้มีประสบการณ์ ได้รู้บ้าง เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น กว่าที่จะฝังจิตฝังใจ หรือผูกใจอยู่กับความเชื่อ อยู่แต่เพียงว่า “เหล็กไหลจะต้องยิงไม่ออก” ซึ่งเท่าที่ข้าพเจ้าทราบ วัตถุธาตุ ที่ชื่อว่า “เหล็กไหล” มิได้มีอานุภาพเช่นนั้นเสมอไป และยังกลับมีอานุภาพอื่นที่น่าสนใจยิ่งกว่าอานุภาพเพียงเท่านั้น

เพราะแท้ที่จริง วัตถุธาตุ ที่ชื่อว่า “เหล็กไหล” หรือ “พญาสมิงเหล็ก” นั้น เป็นวัตถุธาตุที่มีกายสิทธิ์ กับทั้งจิตวิญญาณของผู้สร้างขึ้นด้วยฤทธิ์ ที่ได้พัฒนาจากอณูธาตุที่สร้างขึ้นแต่เดิมมาจนเป็นวัตถุธาตุกายสิทธิ์ใน ปัจจุบันนี้ เป็นเวลาช้านานนับประมาณไม่ได้

อีกทั้ง เทพเทวาที่ติดตามเฝ้าปกปักรักษาอยู่ ซึ่งมีผลให้ จิตวิญญาณของผู้สร้างขึ้นด้วยฤทธิ์แต่เดิม และกายสิทธิ์ที่สถิตอยู่กับวัตถุธาตุนั้น เปลี่ยนแปลงไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติ เป็น อนิจฺจํ ทุกฺขํ และ อนตฺตา

ครั้นเมื่อมาถึงยุคปัจจุบันนี้ จึงอาจมีอานุภาพตามคุณลักษณะของธาตุธรรม ที่จะเป็นฝ่ายพระ (ฝ่ายบุญกุศล) ล้วน ๆ ที่จะให้สุขสมบัติแก่ผู้มีอยู่ในครอบครองแต่ถ่ายเดียว หรือว่าจะมีอานุภาพตามลักษณะของธาตุธรรม เป็นฝ่ายมาร (ฝ่ายบาปอกุศล) ล้วน ๆ ที่จะให้ทุกข์สมบัติ แก่ผู้มีไว้ในครอบครองแต่ถ่ายเดียว และ/หรือจะมีลักษณะของธาตุธรรม 2 ฝ่าย ปะปนกัน ที่อาจให้ทั้งสุข สมบัติแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติดี มีศีลมีธรรม และ ที่ให้ทั้งทุกข์สมบัติแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติชั่ว ทุศีล ขาดหิริโอตตัปปะ และไร้คุณธรรม ได้ตามส่วนของเขา และตามระดับคุณธรรมของผู้มีไว้ในครอบครอง

วัตถุ ธาตุกายสิทธิ์นี้เกิดมีขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของพวกฤาษีผู้มีฌาน (สมาธิระดับสูง) และอภิญญา (ความสามารถพิเศษ) แก่กล้า ในระหว่างอันตรกัป คือในระหว่างที่ว่างจากพระพุทธศาสนาเป็นระยะเวลายาวนานนั้น บรรดามนุษย์ผู้มีบุญ คือ คุณธรรมจากการที่ได้เคยรักษาศีลและเจริญภาวนาสมาธิมาก่อนที่ได้มาเกิดเป็น มนุษย์ในยุคนั้น ได้ออกบำเพ็ญพรต (ถือศีล) พรหมจรรย์ (การออกบวชเว้นเมถุน-คือเว้นชีวิตคู่)

ด้วยมุ่งหวัง “อมตธรรม” ก็คือ ปรารถนาพระนิพพานที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ และที่เป็นบรมสุขนั้นแหละ แต่ไม่รู้จักทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ให้ถึงอมตมหานฤพานได้ เพราะยังไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ จึงได้แต่เจริญสมาธิภาวนาจนได้ฌานและอภิญญาแก่กล้า แต่ก็รู้ว่าตนเองนั้นยังไม่อาจพ้นความตายได้ ยังไม่เห็นทางที่จะถึงอมตธรรมที่ไม่ตายได้ ก็ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ยั่งยืนที่สุด ดุจว่าเป็นอมตธรรม เพื่อรอผู้ตรัสรู้ (พระพุทธเจ้า) มาตรัสสอนทางปฏิบัติให้ได้บรรลุถึงอมตธรรม เพื่อจักได้เข้าสู่กระแสธรรมนำไปให้ถึง อมตธรรมตามที่ได้มุ่งหวัง

จึงค้นหาวิธีสร้างวัตถุธาตุอันเป็นที่สถิตแห่งจิตวิญญาณของตน ให้คงทนยั่งยืนที่สุด ดุจว่าเป็น อมตธรรมนั้นด้วยฤทธิ์อำนาจของตน ก่อนเบญจขันธ์ ของตนจะแตกทำลาย (ก่อนทำกาละ/ตาย) ครั้นพากันทำวัตถุธาตุนั้นขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจ ของพวกตนที่แก่กล้ารุนแรงจน เกินอำนาจการควบคุมให้อยู่ในสภาวะพอเหมาะตาม ต้องการได้ วัตถุที่ปรุงขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจนั้นก็ระเบิดเป็นจุณวิจุณ เป็นอณูธาตุเป็นที่สถิต อยู่ของจิตวิญญาณฤาษีนั้นเองด้วย และกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยงด้วย

และแม้เทพเทวาที่รู้คุณ วิเศษของวัตถุธาตุเช่นนั้น ก็ติดตามครอบครองยึดถือเป็นเจ้าของอณูธาตุเหล่านั้นมีทั้งที่ กระจัดกระจาย ออกนอกแนวแรงดึงดูดของโลก คือหลุดออกไปนอกโลก และทั้งที่กระจัดกระจายไปในบรรยากาศของโลก แล้วตกลงสู่พื้นดิน และวิวัฒนาการไปตามธรรมชาติตลอดระยะเวลายาวนานหลายกัปหลายกัลป์ มาจนถึงปัจจุบันนี้ จึงมีสภาพ ลักษณะ และอานุภาพที่แตกต่างกันไปตามธรรมชาติ ที่แวดล้อม เป็นอยู่

และเปลี่ยนแปลงไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติ คือ ความเป็นสภาพไม่เที่ยง (อนิจฺจํ) ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เป็นทุกข์ (ทุกฺขํ) คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้นาน จนถึงเป็น อนตฺตา ได้ในที่สุด

อณูธาตุอันเป็นที่สถิตอยู่ของจิตวิญญาณธาตุของตน ดำรงคงทนยั่งยืนที่สุด ดุจอมตธรรมจึงต้องเสพ หรือ ดูดซึมสิ่งที่อยู่แวดล้อมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง อณูธาตุนั้นให้ดำรงคงอยู่คู่ กับเบญจขันธ์ของตน เช่น ในบริเวณบางแห่ง ที่มีแร่ธาตุประเภทอัญมณีมาก ก็จะวิวัฒนาการเป็นวัตถุธาตุที่ เหมือนอัญมณีสีต่าง ๆ ได้ บริเวณที่มีทั้งแร่ธาตุ ดินกากยายักษ์ หิน และทั้งว่านยาสมุนไพรที่วิเศษต่าง ๆ ที่เหมาะแก่การรักษาธาตุข นธ์ของเขา ก็จะเสพหรือดูดซึมเข้าไปปรุงหล่อเลี้ยงธาตุขันธ์ของเขาจึงวิวัฒนาการมาเป็น วัตถุธาตุ กึ่งอัญมณี-หิน-เหล็ก รวมกัน แต่ไม่ดูดเหล็ก

กล่าวโดยส่วนใหญ่แล้วมีส่วนผสมของแร่เหล็กเป็นตัวยืน ที่เมื่อถูกเชิญ หรือถูกบังคับเรียกออกมาจากรังด้วยเวทมนตร์ของผู้ทรง วิทยาคม ก็จะไหลหรือย้อยหยดลงมาในสภาพเป็นของเหลว หรือยืดออกมาในสภาพ เป็นของอ่อนนิ่มก่อน จึงชื่อว่า “เหล็กไหล” เมื่อมากระทบกับอากาศเย็น หรือน้ำพระพทธมนต์ที่รองรับไว้ก็จะกลับแข็งตัวเหมือนโลหะเหล็ก หรืออัญมณีที่แข็งเหมือนเหล็ก.

นอกจากนั้น วัตถุธาตุกายสิทธิ์นี้ยังขยายขนาดและขยายเผ่าพันธุ์ มีสมาชิกทั้งแก่และอ่อนสถิตอยู่ร่วมกันในรัง ดุจดังว่าเป็นอาณาจักรของเขา เรียกว่า “รังเหล็กไหล” หรือ “โคตรเหล็กไหล”

ผู้ที่มีธาตุกายสิทธิ์ช่วยให้ความคุ้มครองป้องกันสรรพอันตรายแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ทรงศีล ทรงธรรม ตามสมควรแก่บุญบารมี ทำหน้าที่เป็นภาคผู้เลี้ยง ช่วยให้ผู้มีไว้ในครอบครอง เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ถึงนิพพานสมบัติ แก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ประกอบคุณธรรม เพิ่มพูนบารมีธรรม ได้เป็นอย่างดี

ธาตุกายสิทธิ์ประเภทดีมีคุณธรรม จะช่วยชักนำให้ผู้มีอยู่ในครอบครองปฏิบัติธรรมอยู่ในคุณความดี คือ ทานกุศล ศีลกุศล และภาวนากุศล เป็นต้น ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อที่จะเขาจะได้อนุโมทนาบุญ และได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วยจึงให้แต่คุณแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้เป็นคนดีมีศีลมีธรรม ส่วนธาตุกายสิทธิ์ประเภทที่ด้อยคุณธรรม ก็ปรารถนาอยู่ว่าผู้ที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของจะปฏิบัติอยู่ในคุณธรรมดี เพื่อที่เขาจะได้ร่วมอนุโมทนาและได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วย เพื่อเลื่อนภูมิจิตใจให้สูงขึ้นแต่ถ้าเจ้าของเป็นคนชั่วช้า ลุแก่อำนาจกิเลส (โลภะ ราคะ โทสะ โมหะ) ธาตุกายสิทธิ์ประเภทนี้ กลับจะให้โทษแก่ผู้ครอบครองได้ง่าย และรุนแรงด้วย

ฉะนั้น ของดีต้องอยู่กับคนดี จึงดีเลิศ คนไม่ดีถึงจะได้ครอบครองของดีก็มีอยู่ได้ไม่นาน ส่วนคนดีได้ครอบครองของที่มีอานุภาพที่ทั้งดีและไม่ดีก็จะมีแต่ดี ไม่มีโทษ แต่คนไม่ดีที่ได้ครอบครองของที่มีอานุภาพทั้งดีและ
ไม่ดีย่อมไม่ได้ผลดี และยังจะชักนำกันไปในทางที่ไม่ดีอันมีโทษได้เพราะฉะนั้นผู้มีของดีหรือมีของที่มีอานุภาพทั้งดีและไม่ดีจึงต้องประพฤติปฏิบัติตนอยู่แต่ในคุณความดีโดยส่วนเดียวจะประมาทมิได้ จึงจะมีแต่ดีกับดีโดยตลอด

เหตุที่มีข่าววัตถุธาตุกาย สิทธิ์/เหล็กไหลในปัจจุบันนี้มาก เพราะเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ
1. มีการทำของเทียมขึ้นจำหน่ายให้แก่ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยความโลภหรือด้วยความปรารถนาลามก
2. ในยุคปัจจุบันนี้ ประเทศไทยเป็นที่ตั้งมั่นสำคัญของ

พระพุทธศาสนาเป็นบ่อเกิดและที่สถิตอยู่ของ ผู้มีบุญบารมีผู้บำเพ็ญบารมีธรรมเพื่อความบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระอรหันตสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสัพพัญญูพุทธเจ้าระดับอธิษฐานบารมีที่ได้กระทำมาแล้ว เป็นจำนวนมาก เทพเทวาผู้สัมมาทิฏฐิ ผู้ดูแลรักษาธาตุกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยง

จึงเปิดบารมีธรรมแก่ผู้กำลังบำเพ็ญบุญบารมีในระดับต่าง ๆ ให้ได้รับธาตุกายสิทธิ์ ภาคผู้เลี้ยงที่มีอยู่ในโลก ในจักรวาลเพื่อเป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ยิ่งขึ้นไปได้สะดวก และเพื่อช่วยกันสืบบวรพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนี้ให้เจริญรุ่งเรืองและมั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่ออำนวยประโยชน์สุขและความสันติสุขแก่สาธุชนหมู่ใหญ่ ทั้งแก่ชาวไทยและชาวโลกให้ได้มากที่สุดเป็นสำคัญ

เหตุนั้นแท้ที่จริงแล้ว ธาตุกายสิทธิ์นี้จึงได้มีการใช้กันอยู่แล้ว ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมและศิษยานุศิษย์ ตลอดทั้งผู้ปกครอง ผู้กอบกู้ และผู้รักษาประเทศชาติบ้านเมืองไทยเรามาแต่โบราณกาลแล้ว เพียงแต่ไม่มีสื่อมวลชนกระจายข่าวกันมากและไม่มีการทำของเทียม (ปลอม) หลอกลวงจำหน่ายกันมากขึ้น ดังเช่นทุกวันนี้เท่านั้น

แชร์เลย

Comments

comments

Share: