วัดป่าสถานีใหม่จันทึก-ศูนย์ปฏิบัติธรรมและฝึกสมาธิ
58 นาที ·
หลวงพ่อครับ(หลวงพ่ออุบล) ถ้าเราจะสอนให้คนปฏิบัติในวิชชาธรรมกายได้หรือไม่ครับ มีสิทธิอำนาจในการสอนหรือไม่ครับ…หลวงพี่ยิงคำถามถามหลวงพ่อตอนท่านกำลังว่างไม่มีภาระกิจใดๆ
หลวงพ่อกล่าวว่า…คนที่มีสิทธิอำนาจสอนจริงๆนอกจากหลวงพ่อวัดปากน้ำและผู้ที่ได้รับการสิทธิจากท่านแล้ว ก็มีพระราชพรหมเถร(วีระ คณุตฺตโม)และหลวงป๋านี่แหละ ส่วนหลวงพ่อก็แค่ผู้แนะนำและคุมสมาธิเท่านั้น เวลานั่งก็จะเปิดเทปหลวงป๋านำ และคอยแนะนำบ้างเล็กน้อย
เวลาคุมการปฏิบัติภาวนานี่ หลังจากนั่งคุมเสร็จแล้ว ต้องกลับมานั่งสะสางตัวเองให้สะอาดอีกครั้ง เพราะเวลาคุมคนที่มานั่งสมาธิ บางคนนั่งแล้วราคะกำเริบ บางคนโลภะกำเริบ บางคนความโกรธกำเริบ สิ่งเหล่านี้มันติดเข้ามาในอายตนะคือใจเราด้วย เหมือนเราไปช่วยเค้า ถ้าตัวเค้าสกปรก เมื่อเอามือไปจับตัว ความสกปรกนั้นก็ติดกลับมา ต้องไปล้างออกให้สะอาด ความจริงก่อนคุมและหลังคุมต้องกลั่นทำตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์ทุกครั้ง ถ้าปล่อยไว้สิ่งเหล่านี้จะติดมาในใจเรามากเข้าๆ จะเป็นผลเสียกับตัวเอง
อีกอย่างการสอนคนนั้น ถ้าสอนถูกก็ดีไป แต่ถ้าสอนผิดแล้วย่อมได้รับกรรมอย่างหนักหนา จะดูว่าใครสอนผิดสอนถูกก็ดูว่าตอนสอนนั้น เขาสอนให้ใจมีโลภะ โทสะ โมหะหรือไม่ บางคนสอนให้มุ่งหาเงินโดยนำไปประยุกต์ใช้อย่างนั้นอย่างนี้ หรือสอนให้มีโกธะนำไปทำร้ายคนอย่างนั้นอย่างนี้หรือไม่ สอนให้มุ่งตัดกิเลสตัดสังโยชน์หรือไม่ พูดง่ายๆว่าในการสอนนั้นมีกิเลสเจือปนหรือไม่ เพราะวิชชาธรรมกายปฏิบัติมาก็เพื่อมรรคผลนิพพาน บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ส่วนรวม มิใช่เพื่อเงินทองหรือลาภสักการะใดๆ
ดังนั้นคนที่ปฏิบัติได้จริงจึงควรปฏิบัติตนแบบเงียบๆเพื่อฝึกตนเองให้ก้าวหน้า เพราะเมื่อมีผู้คนรู้มากๆ ลาภสักการะจะวิ่งมาหา การปฏิบัติจึงอาจจะผิดเพี้ยนไปจากเจตนาเดิมที่ตนตั้งใจมาปฏิบัติ และกลายเป็นฐานให้ฝ่ายตรงข้ามได้ ผู้ปฏิบัติได้จึงควรระมัดระวังไม่ให้ใครรู้มากเป็นดีที่สุด(เว้นผู้ปฏิบัติธรรมด้วยกัน) จะได้มีเวลาในการปฏิบัติมากๆ ไม่ถูกรบกวนหรือเอาลาภสักการะมาล่อลวงให้หลงทาง…
เคยมีผู้ปฏิบัติที่เข้าถึงธรรมกายบอกหลวงพี่ว่า แค่ทำกายทั้ง 18 กายให้ใสสว่างจริงๆแค่นั้นยังยากเลย แต่ก่อนปฏิบัติมาก็คิดว่ากายภายในใสสว่างดีแล้ว แต่เมื่อปฏิบัติมากเข้า ความใสนั้นสามารถจะใสได้มากกว่านั้นอีก จนวันนี้เมื่อพิจารณามองย้อนกลับไป ไอ้สิ่งที่คิดว่าใสแล้วตอนนั้น มาเทียบกับตอนนี้ดูขุ่นมัวไปเลย ทำให้คิดถึงคำพูดของหลวงพ่อวัดปากน้ำได้ว่า ทำกายและใจตนให้ใสนั้น ในนิยามของท่านมันจะต้องใสขนาดไหนถึงจะถึงขั้นที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านบอกว่าใสจริงๆ เพราะความใสก็มีหลายระดับ แค่ทำแค่นี้ไม่ต้องไปถึงชั้นสูงอะไรดอก ก็ยากเต็มทีเมื่อเทียบกับบารมีในคนยุคเราทำ ไม่ต้องไปเทียบกับยุคหลวงพ่อเลย และการทำกายภายในให้ใสก็เป็นพื้นฐานของการทำวิชชาชั้นสูงต่อไป หากกายยังไม่ใสจริงๆแล้ว จะโดนเค้าหลอกได้ง่าย จึงควรทำพื้นฐานให้ดีเท่าที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนไว้ให้ได้เสียก่อน…
อรุโณภิกขุ