หลวงพ่อตี๋วัดหลวงพ่อสด โดย หลวงตาอู๋ 26 ก.พ. 2561
หลวงพ่อวิโรจน์ อิทฺธิวโร (ตี๋) ท่านเป็นพระองค์หนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะท่านไม่ค่อยชอบแสดงตัวและชอบอยู่เงียบๆ สันโดษ ทั้งๆ ที่ท่านเป็นพระที่ได้ธรรมกายชั้นสูงแล้วและเป็นตัวหลักของทีมทำวิชชาที่ช่วยงานหลวงป๋าอยู่เบื้องหลัง อาตมาชอบหาเรื่องทำบุญกับท่านอยู่บ่อยๆ เพราะท่านเป็นพระที่อาตมาสนิทด้วยจนเห็นปฏิปทาของท่านว่าท่านเป็นพระที่น่าเลื่อมใสมักน้อย ท่านเป็นพระเพื่อนรุ่นพี่ของอาตมา เหตุที่สนิทกับท่านก็เพราะมีความชอบเหมือนกันคือชอบนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม ไม่ชอบไปเที่ยวเล่นที่ไหน เมื่อมีเวลาว่างต่างก็เข้าห้องปฏิบัติธรรมกันไป ซึ่งพระแบบนี้คงมีอยู่ไม่กี่องค์ในสังคมยุคปัจจุบัน เวลาคุยกันก็มักจะคุยกันแต่เรื่องการปฏิบัติ วิธีนั่งสมาธิรวมไปถึงเรื่องครูบาอาจารย์และเทพเทวาต่างๆ
หลวงพ่อตี๋ท่านเป็นพระที่แปลกไม่ค่อยเหมือนใคร โดยบุคลิกของท่านก็เหมือนเป็นพระหลวงจีนมากกว่าพระไทย คือหน้าจีนรูปร่างท้วมพุงกลมยิ้มง่าย พูดจาเสียงดังโผงผางตรงไปตรงมา ท่านเคยเล่าให้อาตมาฟังว่าท่านไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อและแม่แท้ๆ ของท่าน เพราะคนที่เลี้ยงท่านมานี้เป็นพ่อเลี้ยง ซึ่งเป็นพ่อค้าชาวจีนที่อยู่ในเมืองไทยเห็นท่านลอยตามน้ำมาในแม่น้ำเลยเก็บท่านมาเลี้ยง (เหมือนในนิทานสมัยก่อนเลย) ท่านโตขึ้นมาก็ต้องช่วยงานการค้าของพ่อเลี้ยงซึ่งก็มีลูกแท้ๆ ของเขาอยู่ด้วย ท่านไม่ได้นึกน้อยอกน้อยใจอะไรที่ไม่ได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกับลูกแท้ๆ ของพ่อเลี้ยง เพราะถือว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณของท่าน นับเป็นคุณธรรมที่มีติดตัวท่านมาตั้งแต่อดีตชาติ
เมื่อเติบโตขึ้นมาก็สนใจแต่เรื่องการนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม โดยนั่งสมาธิด้วยตัวเองอย่างจริงจัง เมื่อไม่มีครูบาอาจารย์ก็เลยทำให้ท่านหลงทาง ท่านเล่าว่าเคยนั่งสมาธิจนเพี้ยนไปเหมือนคนเสียสติ โดยเข้าไปนั่งสมาธิและกินนอนบนหลุมศพในป่าช้า ใครเห็นก็นึกว่าเป็นคนบ้าเพราะเนื้อตัวมอมแมมพูดจาไม่รู้เรื่อง จนครูบาอาจารย์ในอดีตชาติของท่านคือท่านพระศิวะต้องมาช่วย ท่านจึงสามารถฟื้นคืนสติกลับมาได้แล้วยังบอกให้ท่านไปหาหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ พระอรหันต์แห่งจังหวัดหนองคาย ซึ่งหลวงพ่อตี๋ก็ไม่เคยรู้จักหลวงปู่เหรียญมาก่อน แต่เมื่อท่านไปถึงวัดอรัญญบรรพตของหลวงปู่เหรียญก็ปรากฏว่าเห็นหลวงปู่เหรียญมายืนคอยรับท่านอยู่แล้ว หลวงปู่เหรียญบอกว่าเมื่อคืนมีท่านมหาเทพมาบอกล่วงหน้าแล้วว่าให้ช่วยอุปถัมภ์ลูกศิษย์ของท่านไว้หน่อย จึงทำให้หลวงพ่อตี๋ได้อาบน้ำทานข้าวและเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งในตอนนั้นท่านยังไม่ได้บวชและมีเสื้อผ้าสกปรกหน้าตามอมแมมจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แถมหลวงปู่เหรียญยังมีเมตตามอบเงินค่ารถให้ท่านเดินทางกลับบ้านอีกด้วย
นอกจากนั้น ท่านพระศิวะยังบอกให้หลวงพ่อตี๋มาบวชที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลวงพ่อตี๋จึงได้มาบวชกับหลวงป๋าโดยมีท่านพระศิวะเป็นเจ้าภาพงานบวชครั้งนี้ เมื่อท่านบวชแล้วก็ฝึกสมาธิจนได้ถึงธรรมกาย หลวงพ่อสดได้ขอให้หลวงพ่อตี๋ช่วยงานหลวงป๋าและสร้างพระมหาเจดีย์ที่กำลังก่อสร้าง ดังนั้นใครมาชวนท่านไปไหนท่านจึงปฏิเสธเพราะเคารพในองค์หลวงพ่อสดซึ่งถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน
ปัจจุบันท่านอายุ 70 กว่าปีแล้ว (เมื่อพ.ศ. 2561) เนื่องจากท่านเติบโตมาในครอบครัวคนจีน ดังนั้นท่านจึงมีความเคารพในองค์พระแม่กวนอิมและพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าตามความเชื่อของคนจีนทั่วไป ซึ่งผู้ที่ได้ธรรมกายแล้วสามารถระลึกถึงพระโพธิสัตว์ทั้ง 2 องค์นี้ได้ เมื่อช่วงต้นปี 2561 นั้นหลวงป๋าท่านมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจนเป็นที่กังวลของพวกลูกศิษย์ แต่อยู่ๆ หลวงป๋าท่านก็กลับมาแข็งแรงขึ้นจนน่าประหลาดใจ อาตมาจึงถามหลวงพ่อตี๋ว่าท่านทำอะไรให้หลวงป๋า หลวงพ่อตี๋จึงยอมบอกว่าท่านอธิษฐานขอให้พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าซึ่งเก่งทางด้านการรักษาโรคมาช่วยหลวงป๋าให้หายป่วย เพื่อให้หลวงป๋ามีแรงสร้างพระมหาเจดีย์ต่อไปได้ และตัวของหลวงป๋าเองท่านก็ทำวิชชาช่วยเหลือตัวเองจนสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
อาตมาจึงคิดว่าหลวงพ่อตี๋นี้เป็นผู้ทำประโยชน์ให้แก่วัดหลวงพ่อสด เมื่อมีโอกาสจึงต้องตอบแทนท่าน แต่เวลาที่อาตมาจะถวายของท่านๆ ก็มักจะพูดว่า “ไม่ต้องนำมาถวายผมหรอก ไปถวายให้องค์อื่นก็ได้” ซึ่งเป็นคำพูดที่ท่านมักจะพูดเสมอๆ….
วันหนึ่งมีคนมาถามอาตมาว่า “ท่านพอจะทราบไหมว่ามีเทพองค์ไหนมีผิวกายสีฟ้าบ้างครับ” อาตมาก็บอกว่าเท่าที่รู้ก็คือพระศิวะที่มีผิวกายสีฟ้า ถามทำไมหรือ เขาก็เลยบอกว่า “ผมเห็นเทพท่านหนึ่งมีกายสีฟ้าสถิตย์อยู่ที่พระมหาเจดีย์วัดหลวงพ่อสด เห็นมา 2-3 ครั้งแล้วครับ” เรื่องนี้คนที่มาถามอาตมาเขาเห็นเอง แล้วก็ไม่ใช่เห็นแค่ครั้งเดียว แต่เห็นมา 2-3 ครั้งแล้วแต่เขาไม่รู้ว่าเทพองค์นั้นชื่อว่าอะไร ที่วัดหลวงพ่อสดก็มักจะมีเทพเทวา พญานาค พญาครุฑมาดูแลคุ้มครอง พระมหาเจดีย์มีท่านพระศิวะดูแล ที่วิหารกลางน้ำมีท่านพระพิฆเนศวรดูแล