“อานิสงส์” ของ การนั่งสมาธินี้...มีมาก ถ้าตามแบบ “วิชชาธรรมกาย” คือว่า สมาธิจิต...โดยเอาใจไปหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม
สามารถให้เข้าถึง ให้รู้ ให้เห็น …..
กายในกาย
เวทนาในเวทนา
จิตในจิต
และ ธรรมในธรรม
ตั้งแต่สุดหยาบ…ไปสุดละเอียดได้
และประกอบพร้อมด้วย
เมื่อใจหยุดในหยุด กลางของหยุด ดับหยาบไปหาละเอียดเรื่อยไป
จิตใจจึงบริสุทธิ์ผ่องใสไปตามลำดับ…ให้ถึง “ธรรมกาย”
และแม้กระทำไปจนสุดละเอียด จนปรากฏเป็น “วิกขัมภนวิมุติ”
คือธรรมกายที่สุดละเอียด ของธรรมกายพระอรหัต
เข้า “ฌานสมาบัติ” โดย อนุโลม ปฏิโลม
เที่ยวสุดท้าย…เข้าฌานสมาบัติโดย อนุโลม
ตั้งแต่ “ปฐมฌาน” ถึง “จตุตถฌาน” เพื่อให้จิตตั้งมั่น
เพื่อให้กิเลสนิวรณ์เครื่องกั้นปัญญา หมดไปอย่างแท้จริง
ดับหยาบไปหาละเอียด หรือเรียกว่า “พิสดารกาย” ก็คือ “นิโรธ” นั้นเอง
ดับหยาบไปหาละเอียด…เป็นธรรมกายอรหัตในอรหัตที่ละเอียด ๆ
ผ่านศูนย์กลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม สุดกายหยาบ กายละเอียด
อันเป็นที่ตั้งของธาตุธรรม “เห็น จำ คิด รู้” คือ ใจ
ซึ่งเป็นที่ตั้ง ที่ เอิบ อาบ ซึม ซาบ ปน เป็น ของกิเลส
ตัณหา อุปาทาน ในธาตุธรรม “เห็น จำ คิด รู้” นั้น
เมื่อดับหยาบไปหาละเอียด ก็เป็น “การละ สมุทัย”
ปหานอกุศลจิตของกายในภพสาม จนสุดละเอียด
เมื่อใจ เป็นแต่ใจของอรหัตในอรหัต…จนสุดละเอียด
ปล่อยวางอุปาทานในเบญจขันธ์ ของกายในภพสามได้
ปล่อยวางในความยินดีในฌานสมาบัติได้
ปล่อยขาดหมดพร้อมกันแล้ว
ธรรมกายที่หยาบจะตกศูนย์
ที่สุดละเอียดจะไปปรากฏใน “อายตนะนิพพาน”
ได้เห็น “พระนิพพานธาตุ” คือ ธรรมกายที่บรรลุอรหัตผล
ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสพเจ้า
ที่เข้า “อนุปาทิเสสนิพพาน” (ดับขันธ์แล้ว) สถิตยั่งยืนอยู่ในอายตนะนิพพาน
จึงเห็นแจ้งชัดใน “พระนิพพานธาตุ” ว่า
เป็น “ นิจฺจํ ” (เที่ยง)
เป็น “ ปรมํ สุขํ ” (บรมสุข)
และ “ ธุวํ ” (ยั่งยืน)
ที่พระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านแสดงว่า
สังขารทั้งหมดในภพสามเป็น “อนตฺตา” เพราะเป็น “ทุกข์”
ที่เป็น “ทุกข์” เพราะเป็น “อนิจฺจํ”
ความเป็น “อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา” เป็นลักษณะสภาวะของ “สังขาร”
แต่ความเป็น “ นิจฺจํ สุขํ ธุวํ ” หรืออีกนัยหนึ่งคือ “อตฺตาวิมุตติ”
เป็นสภาวะของ “นิพพานธาตุ” คือ ธรรมกายที่บรรลุอรหัตผลแล้ว
เป็น “วิราคธาตุ” “วิราคธรรม” ล้วน ๆ
จึงเป็น “ บรมสุข ” คือ “ ปรมํ สุขํ ”
เพราะมีสภาวะที่ “ เที่ยง ” คือ “ นิจฺจํ ”
ไม่มี เกิด แก่ เจ็บ และตาย…อีกต่อไป
เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่า
การนั่งสมาธิ มีอานิสงส์ปัจจุบันอย่างไร ?
ตอบอย่างง่าย ๆ …..
๑.ช่วยกำจัดกิเลสนิวรณ์เครื่องกั้นปัญญา ด้วยสมถะภาวนาได้ในเบื้องต้น
จิตใจก็ผ่องใส สามารถเจริญ “อภิญญา”
แล้วประกอบเป็น “วิชชา” คือ น้อมเข้าสู่วิชชา มี วิชชา ๓ วิชชา ๘
และพัฒนาอภิญญาให้เจริญได้ ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษ
ให้สามารถทั้ง เห็นแจ้ง และรู้แจ้ง
ในสภาวะของ “สังขาร” และ “วิสังขารธรรม” ได้
จึงเจริญปัญญาจากการที่ได้ ทั้งเห็น ทั้งรู้
ชื่อว่า ตรัสรู้ตามธรรมของพระพุทธเจ้า
…..นี่เป็น “อานิสงส์” ในปัจจุบัน
กล่าวย่อเพียงเท่านี้
เมื่อเห็นอานิสงส์ปัจจุบัน ก็เห็นอานิสงส์อนาคตได้
เพราะฉะนั้น กล่าวแต่เพียงเท่านี้
ถ้าจะกล่าวอานิสงส์ของสมาธิ โดยการเจริญภาวนาวิธีนี้…นับประมาณไม่ได้
เป็นต้นว่า…..
๒.ถ้าใครปฏิบัติถึง ธรรมกายที่แก่กล้า เจริญวิชชาชั้นสูง
ยังจะช่วย “บำบัดทุกข์” และ “บำรุงสุข”
ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น…ได้เป็นอย่างดี
และนี้แหละที่ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านได้เคยกล่าวว่า
“ ธรรมกายคนหนึ่ง ช่วยคนได้ครึ่งเมือง ”
พระเทพญาณมงคล วิ. (หลวงป๋า)
(เสริมชัย ชยมงฺคโล)
อดีตปฐมเจ้าอาวาส #วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม