ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญ ชื่อ “ทีฆนิกายมหาวัคค์” ส่วนที่ว่าด้วยมหาสมยสูตร ซึ่งเรียกตามความเข้าใจในภาษาไทยว่า สูตรว่าด้วยการประชุมใหญ่ เนื้อความพระสูตรกล่าวถึงเมื่อคราวที่พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ป่ามหาวัน ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกราว ๕๐๐ รูป และได้ปรากฏต่อมาว่า เทพชั้นสุทธาวาส ๔ ตน เข้าใจว่ามีเทวดาจาก ๑๐ โลกธาตุ มาประชุมกันเพื่อเฝ้าพระพุทธเจ้า พวกตนจึงได้พากันมาเฝ้าบ้าง และในครั้งนั้น พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ตรัสเล่าถึงการที่เทวดามาประชุมใหญ่ พร้อมทั้งตรัสประกาศชื่อของเทวดานั้นๆ ให้พระสงฆ์สาวกทราบด้วย
จะเห็นได้ว่า เรื่องของชาวสวรรค์ คือ เทวดานั้น ได้มีมานานแล้ว แม้ในสมัยพุทธกาล และถ้าชาวพุทธจะได้ค้นหาศึกษาถึงเรื่องเหล่านี้ ก็จะพบว่า ตลอดพระชนม์ชีพของพระพิชิตมารนั้น ได้ทรงพบและแก้ปัญหาต่างๆให้เหล่าเทพยดาเสมอๆ ไม่ละเว้นแม้แต่ท้าวสักกะเทวราช ดังมีปรากฏใน “สักกปัญหสูตร” เช่นกัน
ก่อนที่จะนำเอาประสบการณ์ของตนเองบางส่วน ที่เกี่ยวข้องกับงานของสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย ในการปฏิบัติธรรมที่ได้รู้เห็น มาเป็นเครื่องยืนยันให้ทราบว่า อันเรื่องของบุญกุศลนั้น อย่าว่าแต่มนุษย์อย่างเราเท่านั้นเลยที่ได้กระทำกันอยู่ แม้แต่เทวดาทั้งหลายต่างก็หาโอกาสสร้างบุญกุศลกระทำความดีเช่นกัน เพราะบุญเป็นของกลาง ใครทำใครได้
เมื่อราว พ.ศ. ๒๕๑๖ ผู้เล่าได้เริ่มถือศีล ๕ และปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังโดยสม่ำเสมอ และเพิ่มเป็นศีล ๘ ในวันพระและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เพราะได้เริ่มเข้าใจ และสัมผัสได้กับสิ่งที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าของคนทั่วไป ระหว่างนั้น ผลจากการฝึกฝนในเรื่องของการเจริญภาวนาก็ได้รุดหน้าไปเรื่อยๆ
จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๐ จึงได้เริ่มรักษาศีล ๘ โดยตลอด คงเป็นด้วยอำนาจแห่งศีลและการปฏิบัติธรรมที่ได้สะสมมาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ จิตใจก็ปรารภ ถึงวิถีชีวิตในเนกขัมม์มากยิ่งขึ้น และที่สุดก็ได้พาตนเองไปสู่ชีวิตที่สงบร่มเย็น ขาวสะอาด คือการได้บวชเป็นแม่ชีที่วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวรเป็นผู้บวชให้
ดังคำกล่าวว่า บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของเราทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
จึงเมื่อวันที่ ๑๗ พ.ย. ๒๕๒๘ ในฐานะเจ้าภาพร่วม โดยเสด็จพระกุศลกับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายาฯ เพื่อทอดผ้าพระกฐินที่สถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย
ขณะที่นั่งรอรับเสด็จ อยู่บนศาลาเอนกประสงค์ที่กว้างใหญ่ขาวสะอาด แต่ได้รองรับผู้คนมากมาย ที่มาจากหลายที่หลายแห่ง เพื่อร่วมงานบุญกุศลใหญ่ครั้งนี้ แล้วสายตาก็มองเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่กำลังเดินทักทายผู้คนอยู่ เมื่อใกล้เข้ามาจึงรู้ว่าเป็นท่านอาจารย์เสริมชัยนั่นเอง ท่านกำลังพูดคุยกับคนนั้นทีคนโน้นทีด้วยความอ่อนโยนและมีเมตตา
และเมื่อท่านเดินเข้ามาใกล้ ข้าพเจ้าก็เกิดอาการรับสัมผัสขึ้นอย่างรวดเร็ว ขนตามผิวลุกชั้น ผิวกายรู้สึกซ่าไปหมด จิตใจชื่นบานเป็นปีติที่รับได้ในขณะที่ท่านเดินผ่านเข้ามาใกล้ เมื่อจิตรับทราบแล้ว ญาณก็รับรู้ต่อไปอีกว่า ท่านอาจารย์รูปนี้ได้รับบารมีมาจากเบื้องบนซึ่งทรงคุณค่าสูงสุด
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๒๕ พ.ศ. ๒๕๒๙ หลังจากทำวัตรสวดมนต์ ก็เจริญภาวนาอันเป็นกิจปกติธรรมดาที่กระทำอยู่เสมอ และเมื่ออารมณ์จิตอยู่ในความสงบจากนิวรณ์ทั้งหลายอยู่นั้น ก็เกิดคำสั่งขึ้นท่ามกลางความสงบว่า “ถึงเวลาแล้วให้ไปช่วยเขา” และนั่นคือวันเริ่มต้น ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ในโครงการเผยแพร่พระสัทธรรมตามแนววิชชาธรรมกาย
เมื่อเริ่มต้นที่วัดสระเกศฯ ก็ได้ไปช่วยงานที่สถาบันฯในเวลาต่อมา ซึ่งความจริง ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปพิสูจน์อะไรในตัวท่านอาจารย์เสริมชัย แต่ก็ได้รู้เองเห็นเองในหลายสิ่งหลายอย่าง และชอบใจในความมีน้ำใจเสียสละอย่างแท้จริงของท่านที่ไม่ปิดบังวิชาความรู้ ทำให้ตนเองเกิดมีกำลังใจเสียสละขึ้นอีก และตั้งใจจะช่วยทำงานนี้แก่สถาบันฯต่อไป
เมื่อได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรอยู่ที่ดำเนินสะดวก วันหนึ่งเวลาราว ๑๙.๐๐ น. เผอิญวันนั้นไม่ได้ขึ้นบนศาลากับคนอื่น เพราะไปนั่งอยู่ที่เต็นท์หลวงพ่อ และเกิดมีใจนึกสนุก จึงได้ขยายข่ายญาณทัศนะดูไปรอบบริเวณสถาบันฯ จึงได้เห็นว่า เหล่าโอปปาติกะและภูมิเทวดาจำนวนมาก แต่งกายเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน มีใบหน้ายิ้มแย้มอย่างผู้มีความสุข พากันเดินเข้ามา แล้วนั่งอยู่รอบกายข้าพเจ้า แล้วเริ่มนั่งกันในท่าขัดสมาธิ เมื่อดูพิจารณาไปก็พบว่า มีหลายท่านที่นุ่งห่มงดงามด้วยผ้าสไบเฉียง มีความตั้งใจจะประพฤติดีและใฝ่ในบุญกุศล ข้าพเจ้าจึงเดินวิชชาต่อไป และได้ช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจในธรรมะของพระพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น และนี่เอง ได้มีส่วนช่วยให้เกิดมีกำลังเพิ่มมากขึ้นที่จะคิดช่วยเหลือคนอื่นๆต่อไป ในเมื่อภพภูมิอื่นๆเขาก็ยังไม่ทอดธุระ แล้วเราจะวางเฉยได้อย่างไร เพราะวิสัยของบัณฑิตย่อมเพียรมุ่งแสวงหาหนทางแห่งความดีเป็นนิจ
วันหนึ่ง หลังจากนั่งเจริญภาวนาทำวิชชากันใกล้จะเลิกเพื่อหยุดพัก ท่ามกลางสายฝนที่โปรยพรำๆอยู่ ท่านอาจารย์ได้สั่งให้ทำวิชชาเก็บฝนก่อนที่จะพัก และเมื่อสิ้นสุดเวลาแห่งการนั่งภาวนา อึดใจต่อมาฝนก็หยุด พร้อมๆกับเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามขึ้น เริ่มด้วยมีแสงสีเหลืองอร่ามสดใสสว่างขึ้น จับบริเวณอาคารศาลาอเนกประสงค์ที่ได้นั่งทำภาวนากันนั้น
ขณะที่หลายคนกำลังแปลกใจ กับแสงสีเหลืองที่ปกคลุมศาลาอยู่ ธรรมชาติก็สร้างความตื่นตาตื่นใจขึ้นอีก ด้วยการที่ค่อยๆมีรุ้งเกิดขึ้นครอบศาลาเป็นชั้นๆ หลายสีสวยงามมากทุกคนเห็นชัดเจนว่าได้เกิดรุ้งถึง ๓ วง แต่ละวงยังประกอบด้วยสีต่างๆหลายชั้นครอบไว้เป็นระยะๆ หลายคนรู้สึกชื่นใจกับการที่ได้รู้เห็นสิ่งอัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างใกล้ตัวเช่นนี้
ในคืนนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ได้รับการบอกเล่าจากบรรดาเทวดาที่อยู่ที่สถาบันฯว่า ได้มีพวกเทพได้ช่วยกันทำเรื่องอัศจรรย์นั้นขึ้น เป็นการอนุโมทนาการเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายชั้นสูง ของผู้ปฏิบัติภาวนาในวันนั้นเป็นพิเศษ
เมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการเป็นวิทยากรนี้ บุญคืออานิสงส์จากการนี้ ได้กลับย้อนส่งให้ตัวเราเองมีผลก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม ได้เข้าถึงสภาวะธรรมต่างๆตามความเป็นจริง ธรรมะบังเกิดขึ้นในใจและเจริญงอกงาม ยังผลให้รู้ละปล่อยวางได้มากขึ้นไปกว่าเดิม มีความเสียสละและให้อภัย เพราะจิตกอปรด้วยเมตตาธรรม ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น มีความสงบเย็น และความตั้งมั่นที่จะตัดจะละวางสิ่งต่างๆที่เป็นอกุศลแก่จิต มีความโกรธขุ่นเคืองเป็นต้น ได้ปรากฏหล่อเลี้ยงอยู่ภายในตลอดเวลา บุญนี้สำคัญนัก เพราะได้ส่งผลให้เกิดปัญญาใคร่ครวญพิจารณาอยู่เสมอ จิตใจจึงอาจหาญร่าเริง มีเมตตาแม้แต่ผู้ที่ล่วงเกินด้วยความเห็นผิด
ครั้นเมื่อปฏิบัติถูกต้องมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความสะดวกทั้งหลายที่อยู่โดยรอบ เช่น บรรยากาศของธรรมชาติที่ดี มีครูอาจารย์ที่เป็นกัลยาณมิตรอย่างแท้จริง อาหารการกินสะดวกสบาย เช่นนี้ ความสงบอันเกิดจากการได้เจริญภาวนาพิจารณาสภาวะธรรมต่างๆ ก็ได้เป็นตัวเร่งให้มีปัญญาสว่างไสว นำไปสู่มัชฌิมาปฏิปทาอย่างยิ่ง
วันนั้น เป็นวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๐ ก่อนวันคล้ายวันเกิดของท่านอาจารย์หลายวัน เนื่องจากท่านจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อไปประกอบสมณกิจที่สำคัญ บรรดาศิษย์ที่เคารพนับถือ จึงได้กำหนดให้ร่วมกันถวายมุทิตาจิตเป็นการล่วงหน้า ในวันดังกล่าว จึงได้มีผู้คนมากมายได้พากันมาเจริญภาวนาร่วมกัน พวกเราได้เตรียมจัดพุ่มดอกไม้บูชากันมาเป็นชุดๆอย่างสวยงามตามกำลังที่ทำได้ เพื่อจะถวายท่านหลังจากที่นั่งภาวนากันเสร็จ
แต่เมื่อเจริญภาวนาไปไม่นาน ก็ได้เห็นว่า ในบริเวณศาลาการเปรียญวัดสระเกศฯนั้น มิได้มีแต่พวกเราผู้ปฏิบัติเจริญภาวนาอยู่เท่านั้นไม่ แต่ได้มีเหล่าเทพบุตร เทพธิดา หลายพวกหลายกลุ่ม มาชุมนุมกันมากมาย พร้อมด้วยพุ่มพานที่จัดแต่งด้วยดอกไม้สีสรรงดงาม มีทั้งชุดเล็กชุดใหญ่ ที่ออกแบบแปลกตาแปลกใจในความวิจิตรบรรจง ที่เหล่าเทพยดาจัดทำมา อย่างที่พูดได้ว่าของๆเราที่ได้เตรียมมานั้นสู้ไม่ได้ทีเดียว และได้รับรู้ว่าเทพยดาทั้งหลายนั้น มาเพื่อแสดงการสักการะบูชาท่านเช่นกัน
จึงเห็นได้ว่า บุคคลผู้ตั้งใจสร้างคุณความดี ย่อมได้รับการสรรเสริญอยู่เสมอ อย่าว่าแต่เพียงมนุษย์ผู้อยู่ในภพที่หยาบเช่นนี้เลย แม้เทวดาทั้งหลายต่างก็มีใจเป็นกุศล และปรารถนาจะได้สร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้นในตนทั้งสิ้น
ด้วยเพราะว่า บุญเป็นของกลางๆที่ใครทำผู้นั้นย่อมได้รับ เป็นเช่นนี้มานานแล้ว แม้ในสมัยพุทธกาลก็เช่นกัน ดังปรากฏเป็นหลักฐานในพระสูตรต่างๆของพระพุทธศาสนา
บทความจาก
แม่ชีจินตนา บุญประเสริฐ
วิทยากรสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย
ที่มา..บางตอนจากหนังสือเรื่อง บุญ-ทานกุศล
สถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย
อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า
ขอบคุณภาพประกอบธรรมะ.