อารยะ คชทีป 12 กันยายน 2019 ·
เรื่องของพระกริ่งสัมมาอะระหังกับแม่ชีจันดี
สมัยที่สร้างพระกริ่งสัมมาอะระหัง หลังจากที่ได้ทำวิชาชั้นสูงแล้ว ต่อมาหลวงป๋าก็พาผู้ทรงวิชชาทำวิชชาชั้นกลาง ซึ่งได้แก่ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ป้องกันรักษาโรค เมตตามหานิยม เป็นต้น ซึ่งทำแต่ละอย่าง แต่ละครั้งก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยมีฝ่ายสวดและฝ่ายเสก ฝ่ายเสกก็คือผู้ที่เจริญวิชา ฝ่ายสวดก็คือสวด โดยหลวงป๋าจะกำหนดให้สวดบทนั้นๆ พร้อมกับสั่งผู้ทำวิชาให้ทำวิชชาแบบนี้แบบนี้ๆ ครั้งนั้นหลวงป๋าเมตตาให้ไปสวดในพิธีด้วย ปากก็สวดไปตามพระคาถา ที่ส่วนใหญ่ก็อ่านยาก หูก็อดฟังที่หลวงป๋าสั่งผู้ทำวิชชาไม่ได้ ฟังกับเขาไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่ามันอัศจรรย์พันลึกมาก แม้ขณะที่สวดอยู่นั้น ใจก็คิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้ฟังอะไรพิลึกพิลั่นขนาดนี้อีก รอบแรกเป็นการทำวิชาเกี่ยวกับคงกระพันชาตรี ซึ่งแม่ชีจันดีก็อยู่ในนั้นด้วย
สามชั่วโมงผ่านไป ผู้สวดก็เสียงแหบเสียงแห้งไปตามๆกัน หลังจากเสร็จพิธี ขณะที่เดินลงมาจากโบสถ์มาถึงด้านหลังโบสถ์ แม่ชีก็มากระซิบบอกว่า “แม่ชีไม่ได้ทำวิชชาตามที่หลวงป๋าบอก หลวงป๋าจะว่าอะไรไหม?” นึกในใจว่า แล้วเราจะรู้ไหมล่ะ แต่ปากก็ถามไปว่า อ้าว.. แล้วทำไมไม่ทำตามที่หลวงป๋าบอกล่ะ
“ก็หลวงพ่อ (หลวงพ่อสด) มาบอกให้ทำอีกอย่างนึง ท่านบอกว่าที่หลวงป๋าสั่งทำวิชชานั้นยังมีรูรั่ว” นึกในใจว่า ห้ะ..ขนาดนั้นยังมีรูรั่วอีกรึ ในใจนึกตื่นเต้น แต่ก็ทำท่าเป็นนิ่งๆไปงั้นแหละ แล้วถามต่อว่า แล้วหลวงพ่อท่านให้ทำยังไงล่ะ แม่ชีก็ตอบว่า ทำคล้ายๆ กับป้องกันโลก ป้องกันประเทศนั่นแหละ คือตั้งจักรแก้วให้หมุนเป็นวิชชาเป็น อยู่ตลอดเวลา โดยหมุนอยู่ทุกทิศทาง ชนิดที่ไม่ให้มีอะไรสอดละเอียดเข้ามาได้ โดยที่หลวงพ่อแนะนำนั้น มีอะไรละเอียดกว่าที่หลวงป๋าเคยสอน ได้แต่ทำตามท่าน เลยไม่ได้ทำตามที่หลวงป๋าบอก ก็เลยกลัวว่าหลวงป๋าจะว่าเอา
ได้แต่นึกในใจว่า โอ้โห ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ท่านทำอะไรกันนี่ ส่วนปากพูดแต่เพียงว่า ท่านคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง
ถือว่าเป็นเกล็ดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับศิษย์ที่ยังตามืดตาบอดเหมือนข้าพเจ้า ส่วนท่านที่สายตาดีขึ้นมาแล้วย่อมรับรู้ความจริงยิ่งกว่านี้อีกนับร้อยเท่าพันทวี นับว่าเป็นบุญยิ่งนักที่ได้มาพบหลวงป๋าในชาตินี้.