เรื่องเจตนาความคิดอ่านทางใจ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง.
มนุษย์นี่ ขอกล่าวบทสรุปว่า มาเกิดเป็นมนุษย์เพราะคุณความดีในระดับมนุษย์ เรียกว่ามนุษยธรรม เมื่อปฏิบัติบ่อยๆเข้า มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล นี่โยมเข้าใจนะ คุณความดีได้แก่ทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล
ทานกุศล เป็นการเสียสละการบริจาคเพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่น นี่ทานกุศล
ศีลกุศล การสำรวมระวังความประพฤติปฏิบัติทางกาย ทางวาจา และทางใจ เจตนาด้วยนะ เจตนาความคิดอ่านทางใจ ให้เรียบร้อยดีไม่มีโทษ นี่ศีลกุศล เพราะฉะนั้นทุกอย่างนี่ต้องเจือด้วยเจตนาความคิดอ่าน ละเว้นไม่ได้ แต่ส่วนมากมักจะพูดเด็ดขาดว่ากาย-วาจา แล้วก็ใจทีหลัง ทั้งหมดนี่ กายก็ต้องเป็นไปด้วยเจตนาความคิดอ่าน วาจาก็ต้องเป็นไปด้วยเจตนาความคิดอ่าน
ถาม :: แม้แต่ทานกุศล-ศีลกุศล ก็ต้องอย่างนั้น ??
ตอบ : ทานกุศลก็เป็นความประพฤติปฏิบัติที่ดีทางกาย ได้แก่ ความเสียสละ ที่นี้เสียสละมันมีเป็นระดับ เสียสละทรัพย์สิ่งของเขาเรียกอามิสทาน เสียสละคำแนะนำสั่งสอนที่ดี การประกอบอาชีพที่ดี ความประพฤติปฏิบัติที่ดี เขาเรียกว่าธรรมทาน แล้วอีกอันหนึ่งก็คือว่า ไม่ถือโทษ ไม่ผูกพยาบาทอาฆาตจองเวร อภัยให้กันซะ นี่เป็นอภัยทาน ทั้งหมดนี่ ทานการเสียสละการให้ มันเป็นคุณความดีถึง 3 ระดับ ที่พูดเมื่อกี้นี้ อามิสทาน ธรรมทาน อภัยทาน แต่อภัยทานนี่คิดอยู่ในธรรมทานก็ได้ แต่ว่าสูงสุดก็คืออันนี้ ไม่โกรธ ไม่พยาบาท ไม่อาฆาต ไม่จองเวรกัน
อ้ายที่โลกมันวุ่นวายนี่ เพราะโกรธ พยาบาท อาฆาต จองเวรกัน แม้แต่จองเวรข้ามภพข้ามชาติ ไม่รู้ทำกันมาตั้งแต่ชาติไหน ชาตินี้มาเห็นหน้ากันฉึ่งกันซะแล้ว เอากันซะแล้ว มันเคยทำร้ายกันมาก่อน แล้วมันก็เลยคุ้มแค้นเครียดแค้น มาเห็นหน้ากันไม่ชอบหน้ากันแล้ว อย่างนี้เป็นต้น มีอะไรนิดนึง สะดุดแข้งสะดุดขากันหน่อย ก็เอากันแล้วน่ะ ทะเลาะเบาะแว้งกัน ใช่ไหม แต่ถ้าคนไม่มีเวรไม่มีกรรมกันมาก่อน มันสะดุดขากันบ้างอะไรบ้าง หรือพลาดพลั้งไปบ้าง ก็ขอโทษนะ เออๆไม่เป็นไรนะๆ ให้อภัยกันได้ นี่มันก็เป็นอย่างนี้ เห็นไหม
ถาม :: ทาน- ศีล แล้วเหลืออะไรครับ ??
ตอบ :: ภาวนา นี่ระดับมนุษยธรรมใช่ไหมที่พูดถึงนี่ ภาวนาในระดับมนุษยธรรมข้อปฏิบัติสมาธิและปัญญาพอประมาณ คือ คนเรานี่นะ มันจะดีหรือชั่ว คือ ประพฤติดีหรือประพฤติชั่ว มันอยู่ที่ใจ เมื่อกี้ที่พูดอยู่แล้วใช่ไหม ถ้าใจดีเจตนาความคิดอ่านก็ดี ใจดีหมายถึงใจที่มีเจตนาความคิดอ่านที่ดีที่เป็นบุญกุศล มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล แล้วก็เลยมีเจตนาอย่างนี้ คิด-พูด-ทำก็เป็นไปตามหลักธรรมว่า ทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล
ภาวนากุศล ถ้าจะกล่าวโดยย่อๆก็คือสมาธิ สมาธินำไปสู่ปัญญา ตรงนี้ต้องเข้าใจนิดนึง สมาธิคืออย่างไร ธรรมดาจิตใจของสัตว์โลก อย่างเช่นมนุษย์เรานี่ มันฟุ้งซ่านไปยึดไปเกาะเรื่องราวภายนอก เมื่อไปยึดไปเกาะเรื่องราวภายนอก อ้ายสิ่งที่ตัวเองชอบใจด้วยอำนาจของกามกิเลสก็โลภอยากได้ เกิดความทะยานอยาก อยากได้ อยากมี อยากเป็น นี่กิเลสประเภทหนึ่ง
ที่นี้อีกอย่างหนึ่ง โกรธ โกรธจัดไปถึงพยาบาท อาฆาต จองเวร
อีกอย่างหนึ่ง หลงไม่รู้บาปบุญคุณโทษไปตามความเป็นจริง อ้ายนี่ร้ายมากเลย โมหะ โมหะเราพูดกันหลงๆ ทีนี้ หลง คำพูดของมนุษย์ที่เราพูดกันนี่ คนเราพูดกันนี่ หลงลืมนั่นอย่างหนึ่ง อ้ายนั่นหลงลืมคือขาดสติ ขาดสติสัมปชัญญะ สติก็คือระลึกได้ สัมปชัญญะรู้ผิดชอบชั่วดี ถ้ามีสติสัมปชัญญะก็รู้จักระงับยับยั้งชั่งใจ พิจารณาดูอะไรดีอะไรชั่ว ก็ปฏิบัติตามนั้น นี่สติสัมปชัญญะ สัมปชัญญะก็เกิดทีหลัง สติเกิดก่อน สัมปชัญญะมันก็จะตาม หรือไม่ก็ไปด้วยกันสติสัมปชัญญะ อย่างนี้เป็นต้น ที่นี้ สติสัมปชัญญะนี่ ถ้าคนเราที่มีสติสัมปชัญญะด้วยอำนาจของบุญกุศลที่ฝึกฝนอบรมมา จิตมันก็จะคิดแต่เรื่องดีๆ จะพูดก็พูดดีๆ ด้วยเจตนาความคิดอ่านที่มันคิดมาดีก็เลยเจตนาความคิดอ่านทางใจมันก็ดี เมื่อดี พูดก็ดี ทำก็ดี ประพฤติปฏิบัติก็ดี
ที่นี้ คำว่าดี มันคืออะไร คำว่าดีก็มีคุณความดีจากการเสียสละ หรือการให้ ที่พูดเมื่อกี้ เรียกว่าทานกุศล คุณความดีด้วยการละเว้นความชั่ว ประพฤติปฏิบัติทางกาย ทางวาจาและใจที่ไม่เป็นไปในทางชั่วร้าย ให้เป็นแต่ในทางคุณความดี ก็เรียกว่าเป็นคนมีศีล
ที่นี้ ทั้งหมดนี่ มันจะคิดได้ว่าดี-ไม่ดี มันมีพื้นฐานมาจากใจที่ฟุ้งซ่านหรือใจที่สงบ ใจสงบมันเหมือนน้ำ เอาน้ำในลำคลอง ถ้าน้ำในลำคลองนี่มันนิ่ง นานๆไปมันใส ใช่ไหม เพราะมันตกตะกอน มันใสแล้วนี่ ปู-ปลา-หอย-เต่าเห็นหมด เราเห็นได้ชัดเจน ใช่ไหม ที่นี้ แต่ถ้าน้ำมันขุ่นมัว ก็เหมือนว่ามีกิเลสชนิดหนึ่ง เข้ามาแทรกในใจ จิตใจก็ขุ่นมัวไปด้วยอำนาจของกิเลสนั้น กิเลสเป็นธรรมชาติที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองหรือขุ่นมัว แล้วมีผลเป็นโทษเป็นความทุกข์เดือดร้อน บุญกุศลเป็นธรรมชาติเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส ใครประพฤติปฏิบัติก็เป็นคุณความดี ได้ผลจากคุณความดีนั้น รู้ดีรู้ชั่ว กิเลสมันตรงข้ามกับบุญกุศล อ้ายบุญกุศลมันก็ตรงข้ามกับกิเลส ดำกับขาว สว่างกับมืด นี่มันก็เป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้น ที่พึ่งประเสริฐของเราก็คือ”บุญ” บุญกุศล ที่นี้ ถ้าแก่กล้าไปเขาเรียก”บารมี”
ถาม :: บุญนี่มีหมดไหม ??
ตอบ :: มันเหมือนแสงสว่าง แสงสว่างนี่ เมื่อมันมีเหตุปัจจัยให้สว่าง มันก็สว่าง เหมือนไฟที่มันให้แสงสว่างใช่ไหม มันมีน้ำมัน มีไส้ แล้วก็ไม่มีลมแรงที่จะมาทำให้มันดับ มันก็สว่าง แต่ถ้าเหตุปัจจัยลมแรง ดับ นี่คือความชั่ว หรือไม่ก็น้ำมันหมดหรือไส้หมด ก็คือคุณความดีไม่ได้ทำ มันหมดไปแล้ว เพราะอะไร คนเราเมื่อไม่ทำบุญ แล้วไปทำอะไรล่ะ ?
ถาม :: ก็ทำบาป ??
ตอบ :: ก็ถูกต้องนะสิ เรื่องมันมีแค่นี้ ใจคนนี่เป็นบุญ มันแทนที่กันนะ เหมือนเก้าอี้ดนตรีตัวเดียวน่ะ ถ้าคนทำความดีมันก็ละเว้นความชั่ว นี่มันธรรมชาติง่ายๆ คนทำความชั่วมันก็ไม่อยากทำความดี
ถาม :: ชวนมาวัด มาฟังธรรม ไม่มา ??
ตอบ :: ไม่มา เบื่อหน่าย เห็นหน้าพระเบื่อหน่าย ที่นี้ คนก็ไม่เข้าใจ บางทีถ้าเราไปชักชวนให้มาทำบุญ เขาก็อาจจะเบื่อหน่าย แต่ที่นี้ทำยังไงได้คุณความดีมันเกิดขึ้นหลายวิธี อ้ายตรงนี้เรื่องนี้ประเด็นนี้โยมต้องเข้าใจนะ ความดีความชั่วนี่มันตรงข้ามกัน เอาคุณความดีเลยดีกว่า ทานกุศลนี้แหละดี การเสียสละการบริจาคเพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่น การให้เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่น ช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ คนที่มีความสุขอยู่แล้วก็ให้สุขยิ่งๆขึ้นไป และคนที่มีภูมิธรรมเท่านี้ก็ช่วยให้เขามีภูมิธรรมสูงไปกว่า เพราะภูมิธรรมนั่นมันปฏิบัติอยู่ในคุณความดีที่ประเสริฐยิ่งขึ้นไปอีก มันนำไปสู่หลีกหนีความชั่ว เมื่อมีคุณธรรมที่สูงนี่มันหลีกหนีความชั่วไปในตัว แต่ถ้าทำความชั่วมันก็ดึงความดีลดลงมา ความชั่วมันถึงจะเกิด ถึงจะเกิดการกระทำความดี เพราะถ้าความชั่วมันเกิดมันแทนที่กัน เพราะชั่วหรือดีมันอยู่ที่ใจดวงเดียว มันเกิดขึ้น ถ้าว่าภาษาอภิธรรมเขาเรียกว่า ถ้าความดีก็เรียกว่ากุศลจิต มันเกิดขึ้นพร้อมกับคุณความดี หรือคุณความดีเกิดขึ้นพร้อมกับกุศลจิต เช่นว่า เราจะทำความดีนี่ ก็อยู่ที่ใจก่อนใช่ไหม ใจนั่นแหละต้องเป็นบุญเป็นกุศลก่อน เรียกว่ากุศลจิต กุศลเจตนา….
รับฟังคลิปเต็มที่นี่
_______________
เทศนาธรรมจาก
พระเทพญาณมงคล
หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
อ.ดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี
_______________
จากเทศนาธรรมเรื่อง
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน 2/3
_______________
เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.