เล่าเรื่อง… หลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร) โดย พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล)

เล่าเรื่อง… หลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)
โดย พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล)

อาตมาภาพเคยได้ยินเรื่องราว และกิตติศัพท์เกี่ยวกับ “หลวงปู่ใหญ่” (หลวงปู่เทพโลกอุดร) มานานแล้ว
และเคยได้รับอาราธนาไปประกอบพิธีเททองรูปหล่อ (รูปเหมือน) ของหลวงปู่ท่าน
ที่วัดเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๙
โดยพระเดชพระคุณเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องค์ปัจจุบัน เป็นประธาน
และได้ไปร่วมประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ ที่วัดเขาตะเกียบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๔๐


เมื่อเวลาเจริญสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานก็ดี
เวลาเจริญภาวนาอธิษฐานจิตบรรจุพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
และอิทธิมงคล…ลงในพระพุทธรูป หรือวัตถุมงคลทั้งหลายก็ดี

นอกจากอธิษฐานขอ บารมีธรรม (บุญศักดิ์สิทธิ์ บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด)
จาก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ถึง…พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม
หลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร)
และ พระอุปัชฌาย์อาจารย์ แล้ว

ก็ได้อธิษฐานถึง…
หลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)
หลวงปู่ทวด
หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
หลวงปู่ศุข
หลวงปู่มั่น
หลวงปู่ปาน
ฯลฯ

เป็นประจำเสมอมา

ครั้นต่อมาในเทศกาลเข้าพรรษา พ.ศ.๒๕๔๐
อาตมาภาพได้สร้าง “สมเด็จพระธรรมกาย” รุ่นต่างๆ ได้แก่
– รุ่น เทพนิมิต (๑๙๙๙๙)
– รุ่น ๒๐๗
– รุ่น ๙๙
– รุ่น ๙๙๙
และ รุ่น ๔๐
(หมายเลขของรุ่น แสดงจำนวนพระที่สร้างแต่ละรุ่นนั้นๆ  เท่าที่มวลสารพิเศษจะมีให้สร้างได้)

โดยได้นำพระภิกษุสามเณร วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เจริญภาวนาวิชชาธรรมกายชั้นสูง
บรรจุพลังพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
อธิษฐานจิตเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้มีพระนี้ไว้ในครอบครอง…ตลอดพรรษา

และยังกระทำต่อมาอีก ๑ เดือนเศษ

ขณะเจิญภาวนาแต่ละครั้ง ก็ได้อธิษฐานรวมบารมีธรรมของบูรพาจารย์ (ดังที่กล่าวข้างต้น)
มาช่วยเจริญภาวนาให้เกิดพลังเป็นมหิทธิผล…เป็นประจำ

ก็ปรากฏนิมิตของบูรพาจารย์ทุกท่านดังที่กล่าวข้างต้น
ได้หมุนเวียนกันมาปรากฏองค์ให้เห็นชัดๆแก่ผู้นำเจริญภาวนา ในขณะเจริญภาวนาอยู่ทุกรอบ

……นี้เป็นการแสดงถึง
การอธิษฐานรวมญาณ และบารมีธรรมของบูรพาจารย์…ขณะเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายชั้นสูงนั้น
มีความสอดคล้องกัน เป็นสายธาตุธรรมเดียวกัน ตามธรรมปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย
ถึงพระนิพพาน(นิพพานถอดกาย) และถึงพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม…ในอายตนะนิพพานเป็น

ครั้นปลายเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๔๑ ใกล้วันเทศกาลตรุษจีน
ขณะเมื่ออาตมาภาพเดินตรวจงานเตรียมจัดนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุ
เพื่อให้สาธุชนได้มานมัสการบูชาระหว่างเทศกาลตรุษจีน
ครั้นเดินผ่านไปถึงด้านหน้าศาลาอเนกประสงค์
โดยตั้งใจว่าจะเลยไปกราบนมัสการ หลวงพ่อวัดปากน้ำ…ที่วิหารหลวงพ่อสด ฯ

ก็พลันเห็นนิมิต “หลวงปู่ใหญ่” (หลวงปู่เทพโลกอุดร)
…นั่งอยู่บนอาสนสงฆ์ที่หน้าพระประธานในอุโบสถ
ตรงที่อาตมาภาพกราบพระ และเคยนั่งสอนภาวนาอยู่เป็นประจำ
เห็นท่านนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกตามพระประธาน
ห้อยเท้าลง  ชันเข่าเอียงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย เหมือนกับท่านนั่งรออาตมาภาพอยู่

รูปร่างสูงใหญ่ขนาดฝรั่งตัวโต หน้าตาคล้ายๆกับที่เคยเห็นในรูป แต่แสดงสีหน้ายิ้มนิดๆ
ทักทายอาตมาภาพด้วยความเมตตา เหมือนกับรับทราบว่าอาตมาภาพเห็นท่านแล้ว
ท่านครองจีวรพาดสังฆาฏิบนไหล่ซ้าย สีย้อมฝาด ดูเก่าแต่เรียบร้อยมาก
กิริยาที่นั่งก็เรียบร้อย ดูสง่าและทรงอำนาจ

อาตมาภาพขณะเดินไปที่วิหารหลวงพ่อสดฯ ก็ได้อธิษฐานเรียนท่านว่า…
“กระผมขอโอกาสไปกราบหลวงพ่อสดฯก่อนนะครับ แล้วจะรีบมากราบหลวงปู่”

เห็นท่านยิ้มนิดๆ แสดงอาการรับทราบและเข้าใจความรู้สึกของอาตมาภาพ
ที่มีความเคารพเทิดทูนต่อ หลวงพ่อสดฯ ผู้สอนวิชชาธรรมกายอย่างสูง
และความรู้สึกของอาตมาภาพที่มีต่อ หลวงปู่ใหญ่ ด้วยเป็นอย่างดี

ครั้นได้นมัสการบูชาหลวงพ่อที่วิหารหลวงพ่อสดฯ เรียบร้อยแล้ว
ก็เดินกลับไปที่กุฏิพัก สั่งให้พระมหามณฑล อตฺตทนฺโต จัดดอกไม้ธุปเทียน
และเปิดอุโบสถไว้รออาตมาภาพมานมัสการบูชาพระ
เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ไปถวายเครื่องสักการะนมัสการบูชา “หลวงปู่ใหญ่” …ในอุโบสถ

แล้วขออาราธนาหลวงปู่ใหญ่…ขอให้ท่านอยู่เจริญวิชชา
ช่วยให้การศึกษาอบรมและเผยแพร่ที่วัดหลวงพ่อสดฯ นี้ด้วยอีกแรงหนึ่ง
พร้อมด้วย หลวงปู่ทวด และ หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)

เพราะที่นั่นเป็น “ปราสาททำวิชชา…ของพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม”
โดยมี หลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) นั่งอยู่ตรงกลางเป็นประธานอยู่แล้ว

เพราะเหตุนั้น ผู้ปฏิบัติภาวนาถึงธรรมกายแล้ว
จึงเห็นท่านได้มีเมตตาอยู่เจริญภาวนาที่ในปราสาททำวิชชานี้ด้วยเสมอ……นับแต่นั้นเป็นต้นมา

และยังมีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง หากใครเคยได้ยินเขาเล่าว่า เวลาที่หลวงปู่ใหญ่มาจะได้กลิ่นหอม แต่อาตมภาพไม่เคยได้กลิ่นหอมอย่างนั้นเลย แม้เส้นเกศาที่ได้รับถวายมาก็ไม่มีกลิ่นอะไร นอกจากกลิ่นดอกไม้ที่ตั้งบูชาพระโดยทั่วๆ ไป
บางท่านก็ว่า เคยเห็นท่านพาดผ้าสังฆาฏิไว้บนไหล่ขวา (กลับกันกับพระภิกษุทั่วไป) แต่ผู้ปฏิบัติถึงธรรมกายต่างได้เห็นในนิมิตว่า ท่านพาดสังฆาฏิบนไหล่ซ้ายเช่นเดียวกันกับพระภิกษุโดยทั่วไปทุกครั้ง
จึงขอฝากไว้ให้ผู้ปฏิบัติภาวนาธรรมสังเกตดูเอาเอง ใครรู้เห็นเองอย่างไร (ขณะจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส) ก็เป็นตามรู้ตามเห็นเองนั้นแล

*** คัดลอกบางตอนจาก หนังสือ เหตุมหัศจรรย์ที่วัดหลวงพ่อสดฯ
และ นิตยสารธรรมกาย ฉบับที่ ๔๗  มกราคม – มีนาคม ๒๕๔๑

แชร์เลย

Comments

comments

Share: