เหล็กไหลชั้นหนึ่ง (น้ำหนึ่ง) จะต้องมีจิตของพระฤๅษีสิงสถิตย์อยู่

เหล็กไหลชั้นหนึ่ง (น้ำหนึ่ง) จะต้องมีจิตของพระฤๅษีสิงสถิตย์อยู่ โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 30 มี.ค. 2560
ผม (อู๋) ขอเล่าไว้เพื่อให้เป็นกรณีศึกษาเรื่องเกี่ยวกับเหล็กไหล เพราะคงจะมีน้อยคนนักที่จะได้ทราบและได้ครอบครองเหล็กไหลแบบนี้ เหล็กไหลองค์นี้ถูกบรรจุเอาไว้ด้วยอาคมลงในภาชนะกระเปาะที่ทำขึ้นจากเหล็กน้ำพี้ คือการสวดด้วยมนต์เพื่อให้เหล็กไหลเคลื่อนตัวเข้าไปอยู่ในกระเปาะนี้ เมื่อเข้าไปจนเต็มแล้วก็ทำการปิดผนึกกระเปาะเพื่อจะได้สามารถพกติดตัวไปไหนมาไหนได้ เป็นการสร้างรังให้เขาอยู่
ผมได้เหล็กไหลองค์นี้มาจากพระรูปหนึ่งที่ชอบท่องเที่ยวไปในดินแดนอาถรรพ์ เพื่อศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ในดินแดนอันลี้ลับที่เรียกกันว่า “ภูเขาควาย” ในประเทศลาว คนธรรมดาไม่อาจที่จะตัดเอาเหล็กไหลชนิดนี้ออกมาได้ ผู้ที่จะสามารถตัดออกมาได้จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณวิเศษสำเร็จอภิญญาแล้วเท่านั้น เพราะเหล็กไหลองค์นี้เมื่อถูกแบ่งออกมาจากตัวแม่แล้วเขาก็ยังคงคุณสมบัติเหมือนตัวแม่ คือเป็นเหล็กไหลที่ยังไม่ตาย เนื้อยังคงนิ่มเหมือนตังเมสีปีกแมลงทับ ยืดได้หดได้ ดึงยาวออกไปได้ไม่ขาดออกจากกัน และเมื่อถูกตัดแบ่งออกด้วยอาคม ส่วนที่เหลืออยู่ก็สามารถเพิ่มขนาดขึ้นมาได้เองจนมีขนาดเท่าเดิมได้อย่างปาฏิหาริย์ ผมได้มาฟรีๆ ครับ เพราะเหล็กไหลประเภทนี้ไม่สามารถซื้อขายได้ด้วยเงิน หากพยายามซื้อขายกันเขาจะทำให้เกิดเรื่องอาถรรพ์ต่างๆ จนไม่สามารถซื้อขายกันได้ (เกิดเรื่อง) และท้ายที่สุดเหล็กไหลเขาก็จะหนีหายไป…นี่เองจึงเป็นที่มาของชื่อที่นิยมเรียกกันว่า “เหล็กไหลบารมี”
3 พ.ค. 2546 คือวันที่ผมได้เหล็กไหลองค์นี้มาอยู่ด้วย แค่คืนแรกที่ท่านมาอยู่กับผม ผมก็ได้พบเจอกับท่านเจ้าของเลย คืนนั้นผมได้ฝันว่ามีพระฤๅษีองค์หนึ่งแต่งชุดผ้านุ่งห่มสีขาวท่าทางใจดี อายุน่าจะประมาณ 80-90 ปี (อายุจริงคงประมาณไม่ได้) สูงประมาณ 160 ซม. ผมยาวสีขาวทั้งศีรษะโดยปล่อยผมยาวลงมาเกือบถึงพื้น เดินทะลุห้องนอนเข้ามาเลย มายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าแล้วท่านก็แสดงอภินิหาริย์อวดให้ผมดูหลายอย่าง เช่นท่านตัดแขนและขาให้ขาดออกไป สักพักแขนและขานั้นก็กลับยาวขึ้นมาใหม่ได้ดังเดิม แล้วท่านก็บอกว่า “ให้เรียกเราว่าหลวงปู่สิงห์ มีเรื่องอะไรจะให้ช่วยก็บอกมา” ท่านพูดกับผมโดยไม่ได้เปิดปากเลย แต่ผมก็ฟังได้อย่างชัดเจน ที่แปลกอีกก็คือในคืนนั้นผมฝันแบบนี้ซ้ำกันถึง 2 ครั้ง…ท่านคงกลัวว่าผมจะลืม แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาตอน 6 โมงเช้าพอดี
ผมได้นำเรื่องนี้กลับไปเล่าให้พระที่ท่านมอบเหล็กไหลองค์นี้มา โดยบอกกับท่านว่าเจ้าของเหล็กไหลเขามาเข้าฝันผมบอกว่าท่านชื่อหลวงปู่สิงห์ และอธิบายถึงรูปร่างหน้าตาให้ฟัง เมื่อท่านฟังจบแล้วท่านก็บอกว่าผมฝันแม่นมาก เพราะพระฤๅษีองค์นี้ท่านก็เห็นอยู่ในถ้ำที่อยู่ของเหล็กไหลนี้แหละ เห็นท่านนั่งอยู่บนโขดหินอยู่สูงจากพื้นพอประมาณ รูปร่างหน้าตาเหมือนกับที่ผมพบในฝัน ท่านเองยังได้ถามพระฤๅษีท่านนี้ไปว่า “หลวงปู่ชื่ออะไรครับ” แต่ท่านไม่บอกกลับตอบมาเพียงว่า “เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะรู้เอง จะมีคนไปบอกชื่อให้” แล้วก็เป็นผมเองที่ไปบอกว่าพระฤๅษีท่านนี้คือหลวงปู่สิงห์แห่งภูเขาควาย ประเทศลาว ตักศิลาของพระอภิญญา ดินแดนที่ลี้ลับและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในยุคนี้
แชร์เลย

Comments

comments

Share: