โบราณกบิลราชชาดก

เอวมฺเม สุตํ เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ฯ อถโข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ โย โกจิ ภนฺเต ภควา สาสนภูตํ ปิฏกตฺตยํ ลิกฺขาเปสิ ฯ

เอตํ สุตฺตํ อันว่าพระสูตรนี้ อันข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าอานนท์ได้สดับ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยอาการดังนี้ สิ้นคำพระอานนท์ปฏิญาณแต่เท่านี้

ดำเนินความตามนิทานวจนะว่า เอกํ สมยํ สมัยกาลครั้งหนึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จอยู่ ณ พระเชตวนารามของอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ฯ ครั้งนั้นพระสารีบุตรเถรเจ้าผู้มีอายุ กราบทูลถามปัญหาพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งได้สร้างพระไตรปิฎกซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้แล้ว บุคคลผู้นั้นจะได้อานิสงส์ประมาณเท่าไรด้วยบุญกุศลที่ได้สร้างพระไตรปิฎกนั้น

ลำดับนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสพยากรณ์แก่พระสาริบุตรเถรเจ้าผู้มีอายุว่า ดูกรสาริบุตร บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งได้สร้างพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นพุทธศาสนาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้ บุคคลผู้นั้นจะได้อานิสงส์ใหญ่หลวงจะนับจะประมาณหาที่สุดมิได้ ฯ บุคคลที่ได้สร้างพระไตรปิฎกไว้แล้วเป็นบรมจักรพรรดิราชก็หลายครั้ง ได้เป็นเจ้าประเทศราชก็หลายครั้ง ได้เป็นท้าวสักกเทวราชก็หลายครั้ง ได้เป็นท้าวมหาพรหมก็หลายครั้ง ด้วยผลกุศลที่ได้สร้างพระไตรปิฎกไว้นั้น โดยที่สุดแต่ได้เขียนพระพุทธวจนะแต่เพียงอักษรเดียวหรือบทเดียวเท่านั้น ยังมีผลอานิสงส์จะนับจะประมาณหาที่สุดมิได้ บุคคลที่ได้สร้างพระไตรปิฎกนั้นได้เสวยความสุขสิ้นกาลนาน คือได้เป็นบรมจักรพรรดิราชถึงแปดหมื่นสี่พันชาติ ​ได้เป็นเจ้าประเทศราชถึง ๙ อสงไขย ได้เป็นพราหมณบัณฑิต ๙ อสงไขย ได้เป็นมหาเศรษฐีคหบดีถึง ๙ อสงไขย ได้เป็นภูมเทวดาถึง ๙ อสงไขย ได้เป็นอากาศเทวดาถึง ๙ อสงไขย ได้เสวยสมบัติทิพย์ในชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงสา มายา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวดี ทั้ง ๖ ชั้น แต่ละชั้น ๆ ชั้นละ ๙ อสงไขย ได้เสวยสมบัติทิพย์ใหญ่ยิ่งอย่างนี้ แล้วจุติจากเทวโลกมาบังเกิดในมนุษยโลก เป็นคนบริบูรณ์มั่งคั่งมีโภคทรัพย์สมบัติมาก ไม่ได้เกิดในชาติที่ต่ำช้าเลวทราม ไม่ยากจนขัดสนไม่เป็นคนกำพร้า ได้รักษาศีลห้ามิได้ขาดและด่างพร้อย ได้ทำบุญกุศลอย่างอุกฤษฎ์มีให้ทานเป็นต้น จนได้เป็นเนื้อหน่อพุทธางกูรบรมโพธิสัตว์ ดังนี้

ลำดับนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาค เมื่อจะทรงแสดงธรรมเทศนาแก่พระสาริบุตรเถรเจ้า จึงตรัสพระคาถานี้ว่า

ทุวิธํ เจติยํ โลเกพุทฺธธมฺมวเสน จ
ตถาปิ ติวิธํ พุทฺธํเจติยํ พุทฺธวณฺณิตํ
สมฺพุทฺโธ ติฏฺมาโน โสสตฺตานํ สุขทายโก
ทุกฺขโต ปริโมเจสิเวเนยฺยพนฺธเว ชเน
สมฺพุทฺเธ ปรินิพฺพุเตเจติยํ ทุวิธํ วรํ
พุทฺธรูปํ จ เจติยํธมฺมํ จ ปิฏกํ วรํ
ปิฏกา อกฺขรา เสฏฺาพุทฺธเสฏฺเน วณฺณิตา
โชเตนฺติ สพฺพธมฺเมสุสพฺพตฺเถสุ จ ปาณินํ
ยถาปิ นิเธ ปุริโสนิธิฏฺาเน มโนรเม
ตมฺปิ สฺนนตฺถายสิลาถมฺภํ สอกฺขรํ
ลิกฺขาเปติ ตสฺมิมฺปิ ถมฺเภนิธิฏฺานํ น นสฺสติ
วินตฺเถ ตสฺมึ ถมฺภสฺมึตํ นสฺสติ นิสํสยํ

แท้จริง เจดีย์สถานที่ควรบูชาก่อให้เกิดบุญกุศลมี ๒ ประการ ด้วยสามารถพุทธเจดีย์และธรรมเจดีย์ เจดีย์ที่พระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญไว้มี ๓ ประการ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อยังดำรงพระชนม์อยู่ ก็ได้ประทานความสุขแก่สัตว์ ได้ปลดเปลื้องเวไนยชนให้พ้นไปจากทุกข์ นับว่าเป็นเจดีย์ประการ ๑ ครั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว เจดีย์จึงคงมีอยู่แต่ ๒ ประการ คือพระพุทธรูปและพระธรรมปิฎก อักขระทั้งหลายที่บุคคลจารึกเป็นพระไตรปิฏกเป็นอักขระประเสริฐ พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐได้ตรัสสรรเสริญแล้ว อักขระทั้งหลายย่อมส่องเนื้อความทั้งสิ้นในธรรมทั้งปวงแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เหมือนอย่างบุรุษที่ฝังขุมทรัพย์ก็ย่อมให้ช่างจำหลักเสาศิลาเป็นอักขระ ประดิษฐานไว้ตรงขุมทรัพย์ที่ตนฝังไว้นั้นตามชอบใจของตน เพื่อจะให้เป็นเครื่องจำเครื่องหมายซึ่งที่ที่ตนฝังทรัพย์นั้น ครั้นเมื่อเสาหลักนั้นยังปรากฏอยู่ ขุมทรัพย์ฝังไว้นั้นก็ยังปรากฏอยู่ไม่สูญหาย ครั้นเมื่อเสาหลักนั้นสูญหายไปเสียแล้ว ขุมทรัพย์ที่ฝังไว้นั้นก็ย่อมพินาศสูญหายไปโดยไม่สงสัย ฯ ครั้นเมื่ออักขระทั้งหลายยังมีปรากฏอยู่ พระสัทธรรมก็ยังประดิษฐานอยู่ เมื่ออักขระเหล่านั้นสูญหายไปเสียแล้ว พระสัทธรรมก็ย่อมพินาศสูญหายไปเหมือนฉะนั้น

ในสมัยเมื่อจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ได้มีพระพุทธประสงค์จะให้ภิกษุทั้งหลายจารึกพระไตรปิฎกไว้ จึงตรัสว่า พระไตรปิฎกนั้นแล จะเป็นครูสั่งสอนท่านทั้งหลาย อักขระทั้งหลายย่อมผูกพันรักษาไว้ซึ่งพระธรรมขันธ์ทั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ เพราะเหตุนั้น อักขระทั้งหลายไม่มีสิ่งอื่นจะยิ่งกว่าฯ อักขระตัวหนึ่งๆ เป็นเครื่องสอดส่องคำสั่งสอนของพระชินสีห์เจ้า พระพุทธเจ้าได้ตรัสสรรเสริญไว้ว่า อักขระตัวหนึ่ง ตัวหนึ่งมีคุณหาที่สุดมิได้ เพราะเหตุนั้นบุรุษผู้เป็นบัณฑิต เมื่อปรารถนาความสุขแก่ตน พึงเขียนเองหรือให้ผู้อื่นเขียนอักขระที่เป็นคำสั่งสอนของพระชินสีห์เจ้า แม้จะมีบุรุษที่มีสติปัญญาเป็นอันมาก ยกพระสัมพุทธเจ้าเสียแล้ว ถึงจะมีปากถึงร้อยปากก็ไม่สามารถจะพรรณนาผลบุญของผู้ที่เขียนอักขระที่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้

จะกล่าวผลของกรรมที่บุคคลได้เขียนอักขระที่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยสังเขป ว่านรชนผู้ใดถึงพร้อมไปด้วยสติปัญญา ได้เขียนอักขระซึ่งเป็นคำสั่งสอนของพระชินสีห์เจ้าผู้ประเสริฐไว้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียกนรชนผู้นั้นว่า สุตฺตธโร ผู้ทรงพระสูตร ดังนี้ นรชนผู้นั้น เมื่อยังท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏก็ย่อมได้เสวยความสุขในที่ทั้งปวงทั้งในเทวโลกและมนุษยโลก ผู้นั้นจะได้บรมจักรพรรดิราช เป็นอิสรภาพในทวีปทั้งสี่ สมบูรณ์ไปด้วยจักรรัตนะมีพระชนมายุยืนนาน พระบรมจักรพรรดิราชนั้น บริบูรณ์ไปด้วยรัตนะเหล่านี้ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ดวงแก้วมณี รัตนทั้งปวงนี้ย่อมเกิดมีแก่พระเจ้าจักรพรรดิราชด้วยผลแห่งกุศลกรรมที่ได้สร้างพระไตรปิฎกไว้

​ถ้าสตรีภาพผู้ใดถึงพร้อมไปด้วยปัญญา ได้กระทำบุญกุศลอย่างนั้น สตรีภาพผู้นั้นก็จะได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิราชถึงพันครั้ง

ผู้ใดได้สร้างพระไตรปิฎกนั้น จะได้ช้างอันประดับไปด้วยเครื่องประดับทั้งมีรัตนตคนพานหน้า พานหลัง แล้วไปด้วยทองประกอบไปด้วยเครื่องประดับศีรษะและข่ายแล้วไปด้วยทอง มีนายควาญช้างมีมือกุมหอกซัดและขอขึ้นประจำคอ เที่ยวไปทุกเย็นทุกเช้าถึงแปดหมื่นสี่พันช้าง จะได้ม้าสินธพชาติอาชาไนยซึ่งเป็นพาหนะอย่างเร็วไว อันประดับไปด้วยเครื่องประดับทั้งปวง อันนายสารถีมีมือถือแซ่จามรี ขึ้นขับขี่เที่ยวไปทุกเย็นทุกเช้าถึงแปดหมื่นสี่พันม้า จักแวดล้อมไปด้วยเสนามีองค์สี่ประการคือ พลช้าง พลม้า พลรถ พลเดินเท้า จักมีนางนารีทั้งหลายมีวงพักตร์อันเบิกบานแย้มยิ้มพริ้มพรายมีตระโพกอันผึ่งผายมีเอวบางร่างน้อย อันตกแต่งสริรกายด้วยเครื่องประดับทั้งปวง แวดล้อมเป็นบริวารถึงแปดหมื่นสี่พันนาง จักบันเทิงรื่นเริงภิรมย์ใจ อยู่ในปราสาทอันแล้วไปด้วยทอง มีฝูงนกยูงและนกกาเรียนมาส่งสำเนียงเสียงร้องอันไพเราะ และบนยอดปราสาทนั้น มีธงชัยอันบุคคลชักขึ้นประดับประดาไว้ดูน่าชม และมีกระดึงอันบุคคลแขวนไว้ดูงดงาม และผู้ที่ได้สร้างพระไตรปิฎกนั้นจะได้ไสยาสน์เหนือบัลลังก์อาสน์อันปูลาดไปด้วยอาสนพิเศษ มีขนอันยาว และจะได้ผ้านุ่งห่มก็ล้วนเป็นผ้ากัปปาสิกพัตถ์ โกเสยพัตถ์ สาณพัตถ์ ภังคพัตถ์ ผ้ากัมพล ถึงแปดหมื่นสี่พัน จะได้ดื่มน้ำนมโคสดและจะได้บริโภคโภชนาหาร ล้วนแล้วไปด้วยข้าวสาลี และข้าวสุกมีรสอันอุดมสนิท (อร่อย) จะมีอายุยืนนานจะมีรูปดุจหล่อด้วยทองคำ และมีสัณฐานดุจรูปอันนายช่างเขียนไว้พร้อมไปด้วยลักษณะอันงามผู้ที่ได้สร้างพระไตรปิฎกนั้น เมื่อท่องเที่ยวอยู่ในสงสารวัฏก็ไม่กลับเกิดเป็นสตรี หรือเป็นบัณเฑาะก์ หรือเป็นอุภโตพยัญชนก ย่อมเกิดแต่ในมัชฌิมประเทศ อันเป็นที่สำหรับบังเกิดของมเหศรบุรุษทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นจะบังเกิดในตระกูลทั้งสอง คือตระกูลกษัตริย์หรือตระกูลมหาพราหมณ์ จะไม่ไปบังเกิดในตระกูลที่เลวทราม จะบริบูรณ์ไปด้วยโภคสมบัติเป็นอันมาก จะมีพาหนะที่มีกำลังเป็นอันมาก จะมีหมู่นางนารีที่มีสริรกายอันงดงามสำหรับใช้สอยอยู่เกลื่อนกลาด จะได้ทั้งทาสทาสี โคกระบือช้างม้าเป็นอันมาก ผู้ที่สร้างพระไตรปิฎกนั้น จะไม่รู้ไปบังเกิดยังทุคติกำเนิดอันประเทศที่เกิดของสัตว์นรก จะได้ไปบังเกิดแต่ในสุคติภพโลกสวรรค์ บรรดาสรรพโรคทั้งปวงเป็นต้นว่า โรคเงื้อนโรคปมเปากลากเกลื้อนโรคไอหืดและเป็นบ้า สรรพโรคทั้งปวงนี้ ย่อมไม่มาแผ้วพานผู้นั้นเลย อนึ่ง บรรดาพิการทั้งหลายเป็นต้นว่าบอดแต่กำเนิด ​หรือเป็นคนหูหนวก เป็นคนใบ้เป็นคนเตี้ยเป็นคนค่อม เป็นคนง่อยเปลี้ยก็ดีก็ไม่เกิดมีแก่ผู้นั้น ผู้ที่ได้สร้างพระไตรปิฎกนั้น ย่อมมีสริรกายดุจสีทองคำ และเป็นคนว่าง่ายเป็นที่ชอบใจของชนทั้งหลาย บริบูรณ์ไปด้วยทรวดทรงสีสัณฐานมีรูปเป็นที่น่ารักน่าชม เปรียบดังรูปเทพยดาฉะนั้น ฯ อนึ่งนรชาติหญิงขายทั้งหลายใดได้ถวายกำใบลาน เพื่อจะให้เป็นที่ประดิษฐานอักขระอันรักษาไว้ซึ่งคำสอนของพระชินสีห์เจ้า นรชาติหญิงชายทั้งหลายนั้น ย่อมได้ปราสาทอันงาม จงรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ในปราสาทนั้นกับด้วยนางนารีทั้งหลาย เป็นที่เอิกเกริกไปด้วยการฟ้อนรำขับร้อง และเป็นที่กึกก้องไปด้วยเสียงนกยูงและนกกาเรียน ไม่เป็นที่เงียบสงัดด้วยเสียง ๑๐ ประการ มีเสียงช้างเป็นต้น และย่อมได้บริโภคสูปพยัญชนะโภชมาหารอันบริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวง มิได้บกพร่องเป็นนิจนิรันดร ฯ อนึ่งนรชาติหญิงชายทั้งหลายใดได้ถวายไม้กรอบคัมภีร์ นรชาติหญิงชายทั้งหลายนั้นย่อมได้ปราสาทมีห้องอันงดงาม ฟุ้งไปด้วยเครื่องอบมีกลิ่นอันหอม มีเตียงตั่งบัลลังก์นวมและพรมเจียม เครื่องปูลาดเป็นที่ชื่นบานใจ และมีพวงระย้าในเบื้องบนอันงดงาม ดุจดวงดาวบนอากาศฉะนั้น ฯ อนึ่ง นรชาติหญิงชายทั้งหลายใดได้ถวายด้ายสำหรับร้อยพระคัมภีร์ นรชาติหญิงชายทั้งหลายนั้นย่อมเป็นผู้มีจิตหมดจดสะอาดดี ปราศจากธรรมที่เป็นอกุศล มีโมหมูลเป็นต้น และเป็นผู้มีพรรณสีกายผ่องใสสะอาดงามควรเปรียบด้วยท่อนทองฉะนั้น เป็นผู้มีกายอันตรงไม่โอนค้อมน้อมไปในเบื้องหน้าเบื้องหลัง จิตของนรชาติหญิงชายทั้งหลายนั้นก็จะเป็นจิตซื่อตรง อนึ่งอักขระที่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ นรชาติทั้งหลายนั้นได้เขียนไว้หรือได้คิดหรือได้จำทรงไว้ หรือได้บอกกล่าวผู้อื่นก็ดี เพื่อจะให้ถือเอารสพระนิพพาน นรชาติทั้งหลายนั้นก็ล้วนเป็นผู้มีกุศล ย่อมเป็นคนแกล้วกล้าในอรรถทั้งปรง และเป็นผู้ประกอบไปด้วยคุณคือระลึกชาติได้ และเป็นผู้ฉลาดในพระโลกุตตรธรรม ย่อมถึงซึ่งความสุขในนิพพาน ฯ อนึ่ง นรชาติหญิงชายทั้งหลายใดได้ถวายเหล็กจารสำหรับจารพระพุทธวจนะ นรชาติชายหญิง ทั้งหลายนั้น จะได้ผ้านุ่งห่มและเครื่องประดับอันงาม และจะมีปัญญาดีแกล้วกล้าอาจหาญปรากฏไปในสรรพทิศาภาค ประดุจภูเขาหิมาลัยบรรพตฉะนั้น ฯ อนึ่งนรชาติชายหญิงทั้งหลายใดได้ถวายประทีปน้ำมัน นรชาติชายหญิงทั้งหลายนั้น ย่อมเป็นผู้มีร่างกายอันบริสุทธิ์ มีมังสะอันละเอียด ปราศจากโทษทั้งปวง และจะได้ทิพจักษุแลเห็นทั่วไปในทิศทั้งหลาย ฯ อนึ่งนรชาติชายหญิงทั้งหลายใดได้ถวายผ้าห่อพระคัมภีร์ นรชาติชายหญิงทั้งหลายนั้น จะมีรูปโฉมอันงามดุจรูปพิมพ์ ​ไม่เป็นที่เบื่อหน่ายของชนทั้งหลายที่ได้ทัศนา เป็นที่รักที่ปรารถนาของมหาชนทั่วทุกทิศ จะมีต้นไม้กัปปพฤกษ์งอกขึ้นสำหรับบุญของนรชาติทั้งหลายนั้น จะมีผ้านุ่งห่มเครื่องใช้สอยต่าง ๆ ห้อยย้อยลงมาจากต้นไม้กัปปพฤกษ์นั้น นรชาติทั้งหลายนั้นปรารถนาสิ่งใด ๆ ย่อมได้สิ่งนั้นๆจากต้นกัปปพฤกษ์นั้น สำเร็จตามความปรารถนาทุกประการ จะได้เป็นผู้มีโภคสมบัติเลวทรามหามิได้ ฯ อนึ่งนรชาติชายหญิงทั้งหลายใดได้ถวายเชือกสำหรับห่อพระคัมภีร์ นรชาติชายหญิงทั้งหลายนั้น จะเป็นผู้ถึงพร้อมไปด้วยปัญญา มีจิตตั้งมั่นมีอารมณ์เป็นอันเดียวไม่ฟุ้งซ่าน และจะได้อยู่พร้อมเพรียงกับด้วยบุคคลอันเป็นที่รักใคร่ จะได้พลัดพรากจากของรักหามิได้ และจะไม่เป็นคนแตกร้าวจากผู้หนึ่งผู้ใดเลย ฯ ได้ถวายอาธารเครื่องสำหรับรองพระคัมภีร์ นรชาติชายหญิงทั้งหลายนั้น ย่อมเป็นผู้มีปัญญาปรีชาฉลาดในอรรถและธรรมทั้งปวง ย่อมเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกแกล้วกล้าในอรรถธรรมทั้งหลาย และเมื่อยังท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ จะได้เป็นปราโมกข์อาจารย์ผู้พหูสูตทรงพระธรรมฉลาดในมติของความรู้ทั้งหลาย ฯ อนึ่งนรชาติชายหญิงทั้งหลายใด มีฉันทอัธยาศัยอันดี ได้ถวายพัดวิชนีในพระพุทธศาสนา นรชาติชายหญิงทั้งหลายนั้น จะเป็นผู้ประกอบพร้อมไปด้วยหิริโอตตัปปะความอายความสะดุ้งแต่บาป และมีสติปัญญา และเป็นที่รักของมหาชน ย่อมไม่รู้สึกความหนาวความร้อน ตั้งอยู่ในความสุขเป็นที่ยินดีปรีดา มีผู้บำเรอพัดวีด้วยขนทรายจามรีและกำหางนกยูงอยู่เป็นนิจ หมู่สัตว์ทั้งหลาย มีต้นว่าเหลือบยุงเลือดไรตะเข็บตะขาบ และตัวแมลงทั้งปวงก็ไม่อาจเบียดเบียนผู้นั้น ฯ อนึ่งนรชาติชายหญิงทั้งหลายใดได้ถวายผ้ากัมพล นรชาติชายหญิงทั้งหลายนั้นย่อมได้ปราสาทอันประดับไปด้วยของทิพย์ ย่อมนอนในห้องอันวิจิตรมีเตียงตั่งบัลลังก์ลาดด้วยผ้าอันประเสริฐ มีฟูกและหมอนหนุนหมอนข้างบริบูรณ์ มีเพดานประดับงดงามดุจรูปดวงดาว มีม่านรูดม่านไขอันงดงาม เป็นสุขสำราญเบิกบานใจ

นรชาติชายหญิงทั้งหลายใด ได้กระทำบุญกุศลเป็นอันมากมีประการดังพรรณนา มานี้แล้ว ถ้านรชาติชายหญิงทั้งหลายนั้นจะปรารถนาสาวกภูมิก็ดี ปัจเจกพุทธภูมิก็ดี หรือจะปรารถนาสัมมาสัมโพธิญาณอย่างสูงสุด เพื่อจะช่วยปลดเปลื้องสรรพสัตว์ให้พ้นไปจากทุกข์ก็ดี ก็ย่อมได้ดังความปรารถนาทุกประการ

เอวํ ภควา ปิฏกตฺตยผลํ อนนฺตํ อปฺปริมาณํ มหนฺตํ สมฺปตฺติทายกํ ทสฺเสตฺวา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงผลของนรชนที่ได้สร้างพระไตรปิฎก​ว่าเป็นกุศลให้ได้สมบัติใหญ่ ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณฉะนี้แล้ว มีพระพุทธประสงค์จะทรงประกาศบุรพจารีตของพระองค์ให้แจ้งชัดจึงตรัสว่า ดูกรสาริบุตร ในอดีตกาลนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามพระปุราณโคดม เราได้กระทำการบูชาด้วยทรัพย์มีราคาเป็นอันมาก เพื่อจะให้พระไตรปิฎกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปุราณโคดมได้ภาษิตไว้ ให้ประดิษฐานอยู่ถ้วนห้าพรรษาแล้วให้ช่างเขียนพระไตรปิฎกไว้ เราจึงได้มาเป็นกษัตริย์อยู่ในปุราณกบิลบุรี แล้วได้เสวยความสุขเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช จะนับจะประมาณมิได้ จนมาได้ถึงสัมมาสัมโพธิญาณอย่างนี้ ด้วยผลกุศลที่เราได้สร้างพระไตรปิฎกนั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสบุรพจารีตของพระองค์ด้วยประการฉะนี้ แล้วทรงนำอดีตนิทานที่ภพเก่ากำบังไว้มาแสดงดังต่อไปนี้ว่า

อตีเต กิร กาเล ดังได้สดับมา ในอดีตกาลล่วงแล้วครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามพระปุราณโคดมบังเกิดขึ้นในโลก ฯ พระองค์มีพระชนมายุแปดสิบพรรษา ฯ ส่วนพระศาสนาคำสั่งสอนซึ่งเป็นพระไตรปิฎก ประดิษฐานอยู่ถ้วนห้าพันพรรษา ฯ พระปุราณโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เมื่อพระองค์ยังเป็นพระราชกุมาร ทรงพระนามว่า สิทธัตถราชกุมาร พระชนนีของพระองค์ทรงพระนามว่า พระนางสิริมหามายา พระชนกทรงพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระชนนีองค์น้อยทรงพระนามว่า พระนางกีสาโคตมี ปชาบดีทรงพระนามว่า ยโสธราราชเทวี พระราชบุตรทรงพระนามว่า พระราหุลกุมาร แม้พระนครในครั้งนั้นก็ชื่อว่ากบิลพัสดุ์บุรี ในกาลนั้นพระโพธิสัตว์เจ้าของเราทั้งหลายเป็นอำมาตย์ของท้าวสุทโธทนมหาราช พระราชบิดาของพระปราณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บูชาพระไตรปิฎกซึ่งเป็นคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นด้วยสักการบูชาอันยิ่งใหญ่ เพื่อจะให้พระไตรปิฎกนั้นประดิษฐานอยู่ถ้วนห้าพันพรรษาแล้ว จึงให้ช่างจาร ๆ พระไตรปิฎกไว้ พระปุราณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ตรัสพยากรณ์ไว้ว่า อำมาตย์ผู้นี้จะได้คำพยากรณ์ในพระบาทมูลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร ในอนาคตกาลว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกับเรา เพราะเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย จึงได้มีพรรษายุกาลเพียงแปดสิบพรรษา ถึงศาสนธรรมคำสั่งสอนก็ประดิษฐานอยู่เพียงห้าพันพรรษา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร ก็ได้ตรัสพยากรณ์พระโพธิสัตว์เจ้าของเราทั้งหลาย ตามนัยที่พระปราณโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้วนั้น ว่าอำมาตย์ผู้นี้จักเป็นเนื้อหน่อของพระพุทธเจ้าต่อไปอนาคตกาล จักเป็นกุมารชื่อว่า สิทธัตถ จักเป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่า โคดม ​พระมารดาชื่อว่านางสิริมหามายา พระบิดาชื่อว่าสุทโธทนะ พระมารดาองค์น้อยชื่อว่านางกีสาโคตมี มีปชาบดีชื่อว่ายโสธราราชเทวี มีพระโอรสชื่อว่าราหุลกุมาร นครที่เกิดชื่อกบิลพัสดุบุรี ฯ พระโพธิสัตว์ดำรงพระชนม์อยู่สิ้นกาลกำหนดแล้ว ได้ไปเกิดในดาวดึงสพิภพ ด้วยผลกุศลที่ได้เขียนพระไตรปิฎกที่พระปุราณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าภาษิตไว้นั้น พระโพธิสัตว์เจ้าดำรงพระชนม์อยู่ในดาวดึงสพิภพนั้น สิ้นกาลกำหนดแล้ว จุติจากดาวดึงสพิภพนั้น ได้มาปฏิสนธิในพระครรภ์พระนางนันทาเทวี ซึ่งเป็นอัครมเหสีของพระเจ้าอินทราช ในพระนครปุราณกบิลพัสดุ์นั้นแล ฯ ในขณะเมื่อพระโพธิสัตว์เจ้าประสูติจากพระครรภ์พระมารดา ก็บันดาลให้ฝนตกลงมาเป็นรัตนเจ็ดประการ ด้วยอานิสงส์ที่ได้สร้างพระไตรปิฎกนั้น ท้าวมหาพรหมก็บูชาด้วยทองคำถึงแสนตำลึง ท้าวสักกเทวราชก็บูชาด้วยทรัพย์และเครื่องประดับเป็นอันมาก พระยานาคราชก็บูชาด้วยรัตนะเป็นอันมาก พระยาสีหราชซึ่งอยู่ในป่าหิมพานต์ด้านเหนือก็ส่งเนื้อบรรดาเป็นอาหารของสัตว์เดรัจฉานทั้งปวงมาถวายเป็นนิจกาล ท้าวมหาพรหมก็มาเฝ้าพิทักษ์รักษาในสายัณหสมัย ส่วนฉกามาพจรเทพเจ้าทั้งหลายก็มาเฝ้าในเวลาราตรี เทพยเจ้าเหล่าหมู่ภูมนิกายก็มาเฝ้าในเวลาปัจฉิมยาม พฤกษเทวดาทั้งหลายก็มาเฝ้าในเวลาเช้า พระยานาคราชก็ได้บูชาด้วยหม้ออันประดับด้วยรัตนะเจ็ดประการ อันเต็มไปด้วยน้ำหอมเป็นนิจกาล ฯ เทพยดาทั้งหลายได้นำนางนารีมีรูปอันงามดุจนางเทพอัปสร มาจากอุตตรกุรุทวีป มาบูชาพระโพธิสัตว์เจ้า พระยาอัศวราชมีสริรกายประดับไปด้วยเครื่องประดับทั้งปวง ออกจากกลีบเมฆมาบูชาพระโพธิสัตว์เจ้า พระยาช้างเผือกออกจากฉัททันตสระมาบูชาพระโพธิสัตว์เจ้า พระมหาสัตว์เจ้าถึงพร้อมไปด้วยพระกำลังเท่ากับบุรุษพันหนึ่ง บริบูรณ์ไปด้วยพระพาหาเท่ากับบุรุษพันหนึ่ง มีพระรูปและพระกำลังเปรียบดังท้าวมหาพรหม เป็นผู้ประเสริฐกว่าโลกทั้งสาม เสวยแต่เครื่องบรรณาการที่พระราชาทั้งปวงส่งมาถวาย

พระมหาสัตว์เจ้าแวดล้อมไปด้วยพระราชบุตรถึงพันพระองค์ แต่ละพระองค์มีเรียวแรงกำลังบุญเดชานุภาพมาก เสวยแต่เครื่องบรรณาการที่พระราชาทั้งปวงส่งมาถวายแต่นานาประเทศ ด้วยผลกุศลที่พระองค์ได้สร้างพระไตรปิฎกถวายในพระพุทธศาสนา

กษัตริย์ทั้งหลายก็ส่งขาทนิยโภชนียาหาร มีรสอันเลิศมาแต่ทิศต่าง ๆ ใส่ในเตียบทองถึงแปดหมื่นสี่พัน แลส่งผ้านุ่งห่มและเครื่องประดับอันเลิศบรรจุใส่ในผอบถึงแปดหมื่นสี่พันมาถวาย และยานพาหนะทั้งหลายก็มาจากทิศต่าง ๆ ถึงแปดหมื่นสี่พัน ​พระมหาสัตว์เจ้านั้น เมื่อร่วมอภิรมย์สังวาสกับด้วยหญิงมนุษย์ก็เป็นไปประดุจถูกต้องกายของนางเทพธิดาฉะนั้น

พระมหาสัตว์เจ้าบริบูรณ์ไปด้วยข้าวน้ำขัชโภขนาหาร และบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติโคกระบือช้างม้า และเครื่องนุ่งห่มเครื่องประดับตกแต่งเป็นอันมาก และบริบูรณ์ไปด้วยของหอมเครื่องทาและระเบียบดอกไม้ มีประการต่าง ๆ และบริบูรณ์ไปด้วยรัตนะเป็นอันมาก ประดับไปด้วยภูมิภาคเป็นที่รื่นเริงบันเทิงหฤทัย ให้สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง

สถานที่อันใดที่พระมหาสัตว์แลดูแล้ว สถานที่นั้นก็หวั่นไหว เป็นสถานที่สามารถจะนำมาซึ่งทิพยจักษุญาณ ฯ พระมหาสัตว์เจ้านั้น เสวยความสุขใหญ่หลวงดุจเสวยสมบัติอันให้สำเร็จความปรารถนาทั้งสิ้น บริบูรณ์ไปด้วยสถานที่ต่าง ๆ มีสวนอุทยานและสระโบกขรณีเป็นต้น เทวดาและยักษ์และคนธรรพ์ทั้งหลายก็มาบูชาด้วยเครื่องสักการะ มีโภชนาหารทิพย์เป็นต้น

พระมหาสัตว์จึงให้ท้าวมหาพรหมอยู่ในปราสาทแก้วมณีเจ็ดชั้น ให้ท้าวสักกเทวราชอยู่ในปราสาททองคำเจ็ดชั้น ให้พระยานาคราชอยู่ในปราสาทรัตนะเจ็ดประการ ให้เจ้าประเทศราชในพื้นชมพูทวีปทั้งสิ้น อยู่ในปราสาททองอันประดับไปด้วยรัตนะเจ็ดประการ

ในสถานที่ประมาณสิบโยชน์ ส่วนข้างปาจีณทิศแห่งปราสาท มีหม้อน้ำทองคำ มีทองคำไหลออกจากปากหม้อน้ำทองและมีต้นไม้ทองต้นไม้เงินทรงดอกและผล เป็นทองเป็นเงินงอกขึ้นโดยรอบหม้อน้ำทอง อันตั้งอยู่ในสถานที่มีประมาณสิบโยชน์นั้นเสียงกึกก้องของดอกและผลและกิ่งไม้ทองเงิน แซ่ไปดุจเสียงกึกก้องของดนตรีห้าประการฉะนี้ มีต้นกัปปพฤกษ์งอกขึ้นในประเทศที่ทั้งสี่มุขแห่งปราสาท ในต้นไม้ทั้งหลายนั้นมีผ้านุ่งห่มและรัตนะต่างๆเต็มไปโดยรอบ มีแสงสว่างรุ่งเรืองออกจากกำแพงรัตนะเจ็ดประการโดยรอบปราสาท มีกำแพงงาประดับไปด้วยรัตนะเจ็ดประการแวดล้อมโดยรอบแล้วมีกำแพงงาช้างนับร้อยแวดล้อมโดยรอบแล้ว มีกำแพงทำเป็นรูปราชสีห์ ประดับไปด้วยรูปิยะทำด้วยทองคำแวดล้อมโดยรอบแล้ว มีประตูทองคำอันขจิตไปด้วยรัตนะเจ็ดประการ เป็นที่เข้าออกของมหาชนทั้งหลาย เสียงกึกก้องของกำแพงและประตูทั้งหลายเหล่านั้น ​แซ่ไปประดุจเสียงดนตรีอันพร้อมไปด้วยองค์ห้าประการฉะนั้น มีถนนสำหรับเดินด้วยแข้งทำด้วยทองคำ เรี่ยรายด้วยทรายทอง มีต้นจันทร์ทองคำงอกขึ้นในระหว่างกำแพง มีรูปสุนัขทำด้วยทองเป็นที่ให้น่ากลัวถึงแปดหมื่นสี่พันรูป มีรูปโคทองกระบือทองอย่างละแปดหมื่นสี่พัน มีศาลากว้างยาวประมาณหนึ่งโยชน์เป็นที่งดงาม มีนางเทพธิดาชื่อมณีเมขลาพายเรือทองเวียนไปมาอยู่ในมหาสมุทรถึงแปดหมื่นสี่พันลำฯ พระมหาสัตว์เสวยมนุษย์สมบัติอันบริบูรณ์ไปด้วยข้าวและน้ำขัชโภชนาหารและผ้านุ่งห่ม และอลังการเครื่องประดับและรัตนะทั้งปวงให้สำเร็จความปรารถนาทุกประการ

พระมหาสัตว์เจ้ามีพระสริรกายประดุจดังท้าวมหาพรหม มีพระกำลังเรี่ยวแรงสามารถอาจหาญ เป็นบรมจักรพรรดิราชอยู่ในพระนครปราณกบิลบุรีนั้น ฯ พระมหาสัตว์เจ้าเป็นประดุจดังท้าวสักกเทวราชมีนางเทพธิดาเป็นปชาบดีสองนาง คือนางสุธรรมา นางสุทธินิยา นางเทพธิดาทั้งสองนางนี้ตั้งอยู่ในที่เป็นอัครมเหสีของพระมหาสัตว์เจ้านั้น พระมหาสัตว์เจ้ามีนางเทพอัปสรแปดหมื่นสี่พันประดับตกแต่งด้วยอลังการทั้งปวงแวดล้อมเป็นบริวาร

พระมหาสัตว์เจ้า อาศัยนางสุทธินิยาอยู่ครอบครองเรือนได้พระราชบุตรมีรูปดังท้าวมหาพรหม บริบูรณ์ไปด้วยกำลังเรี่ยวแรงเดชาบุญญานุภาพถึงพันพระองค์ จึงโปรดให้พระราชบุตรไปยังอุตตรกุรุทวีปพระองค์หนึ่ง ไปยังอมรโคยานทวีปพระองค์หนึ่ง ไปยังนาคพิภพพระองค์หนึ่ง ไปยังหิมวันตประเทศพระองค์หนึ่ง ให้กระทำการงานต่าง ๆ ในชมพูทวีปพระองค์หนึ่ง ให้อยู่ใกล้พระองค์พระองค์หนึ่ง ฯ ส่วนพระราชบุตรทั้งปวงก็กระทำราชกิจนั้น ๆ ของพระราชบิดา ตามพระราชประสงค์

พระมหาสัตว์เจ้าได้เป็นบรมจักรพรรดิ เสวยความสุขในจักรวัตติรัชสมบัติไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ อยู่ในพระนครปุราณกบิลบุรี ทรงพระชนมายุอยู่สิ้นกาลนาน ด้วยผลอานิสงส์ที่ได้สร้างพระไตรปิฎกนั้น

เอวํ ปิฏกตฺตยกตานิสํโส อานิสงส์สร้างพระไตรปิฎกเป็นเหตุให้ได้สมบัติอันยิ่งใหญ่ ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณด้วยประการฉะนี้

​สมเด็จพระบรมศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนาอันนี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ตทา อุตตรกุรุโต อาคตา นางนารีที่มาจากอุตตรกุรุทวีปในครั้งนั้น ครั้นประวัติกาลกลับชาติมาเป็นนางเขมาเถรี นางสุธรรมาเทพธิดา เป็นนางอุบลวรรณา ภูมเทพยดา เป็นพระสีวลีเถร นาคราชเป็นพระโมคคัลลานเถร รุกขเทพยดาเป็นมหากัสสปเถร สักกเทวราชเป็นพระอนุรุทธเถร อินทราชเป็นท้าวสุทโธทนะมหาราช นันทาเทวีเป็นนางสิริมหามายา นางมณีเมขลาเป็นนางสีกาโคตมี นางสุทธินิยาเทวธิดา เป็นนางยโสธรา ราชบุตรพระองค์ใหญ่เป็นพระราหุล ซึ่งเป็นบุตรของสมเด็จพระศาสดา วัสสวัตติเทวราชเป็นพระอานนทเถร สีหราชเป็นพระฉันนเถร บริษัททั้งปวงเป็นพุทธบริษัท พระเจ้าบรมจักรพรรดิราชในปุราณกบิลบุรีเป็นพระบรมโลกนาถ สาธุสัตบุรุษทั้งหลายจงทรงจำชาดกนี้ไว้ด้วยประการฉะนี้ พรรณนามาด้วยผลอานิสงส์ที่ได้สร้างพระไตรปิฎก คือเขียนอักษรเป็นเครื่องสอดส่องให้ได้สมบัติสามประการ คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ จบลงเพียงนี้แล ฯ

จบโปราณกบิลราชชาดก

แชร์เลย

Comments

comments

Share: