หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ “หลวงปู่ทิม อิสริโก”

 

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ “หลวงปู่ทิม อิสริโก” อดีตเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่ง วัดระหารไร่ จ.ระยอง ต้นตำรับ “ขุนแผนผงพรายกุมาร” อันลือลั่นสนั่นวงการพระเคร ื่อง ได้เมตตาเล่าถึงเรื่องราว เกี่ยวกับการสืบทอดวิชาคาถา อาคมต่างๆ จากหลวงปู่ทิม ตลอดจนการสร้างศาสนวัตถุ โดยเฉพาะ “พิพิธภัณฑ์ยันต์” แห่งแรก และแห่งเดียวในเมืองไทย
เชิญติดตามอ่าน กันได้โดยพลัน…

ไม่ทราบว่า หลวงพ่อไปร่ำเรียนวิชากับ “หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่”
ได้อย่างไรครับ?
อาตมาเป็นคนที่นี่ (บ้านหนองกรับ อ.บ้านค่าย อยู่ห่างจากวัดระหารไร่ประม าณ 10 กิโลเมตร) ไปหาท่านครั้งแรก ตอนนั้นอาตมาอายุประมาณ 15 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยม ก็เข้าไปอยู่ที่วัดระหารไร่ ไปกินนอนที่วัดเลย ไปรับใช้หลวงปู่ทิม โดยได้ขออนุญาตจากทางบ้านแล ้ว
ตอนนั้นหลวงพ่อรู้ได้อย่างไ รว่าหลวงปู่ทิมมีวิชาคาถาอา คมแก่กล้า
เพราะหลวงปู่ทิมก็เพิ่งมีชื ่อเสียงในช่วงที่ชราภาพมากแ ล้ว ซึ่งตอนที่
หลวงพ่อได้เจอท่าน ตอนนั้นหลวงปู่ทิมก็ยังไม่แ ก่เท่าไหร่ใช่มั้ยครับ
อาตมาก็ดูจากที่ท่านปฏิบัติ อาตมาดูและเห็นเรื่องอย่างน ี้ มันขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณของ แต่ละคน
เมื่อตอนที่หลวงพ่อได้พบกับ “หลวงปู่ทิม” ครั้งแรก ตอนนั้นหลวงพ่อรู้สึกอย่างไ รบ้างครับ?
ท่านปฏิบัติดี อาตมาเห็นแล้วก็เกิดความเลื ่อมใสศรัทธา มีความรู้สึกว่าหลวงปู่ทิมไ ม่ใช่พระธรรมดา จึงได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิ ษย์ท่าน โดยโยมพ่อกับโยมแม่ได้ถวายอ าตมาให้เป็น “บุตรบุญธรรม” ของหลวงปู่ทิม จากนั้นจะขออะไร จะเรียนอะไร ก็จะได้ทั้งหมด เพราะปกติท่านจะไม่ค่อยถ่าย ทอดวิชาให้กับใคร
ทำไม “หลวงปู่ทิม” จึงไม่ค่อยยอมถ่ายทอดวิชาให ้ใครง่ายๆ ล่ะครับ
ท่านกลัวว่าเมื่อถ่ายทอดวิช าให้คนที่เรียนไปแล้ว กลัวไม่เอาไปใช้จริง สมัยนั้นคงจะมีผู้คนมาขอเรี ยนวิชากับหลวงปู่ทิมเยอะสิค รับ
ก็เยอะ แต่หลวงปู่ท่านจะดูลักษณะคน ด้วยว่า ใครจริงจังจะศึกษา
คาถาอาคมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเรียนไปแล้วไม่เอาจ ริงไม่มีความสนใจ และไม่เอาไปใช้ มันทำให้เสียเวลาในการแนะนำ หรือสอน ท่านก็จะหมดกำลังใจ คือ การที่ท่านจะท่องจำนั้นไม่ไ หวแล้ว หรือบางครั้งเรียนไปแล้วไม่ เอาไปใช้ ก็ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กับอาจารย์ผู้สอนไปด้วย ดังนั้น ท่านจะดูคน ถ้าคนไหนจะเอาจริงๆ ก็ต้องมีความเพียรจริงๆ
นานมั้ยครับหลวงพ่อกว่าที่ห ลวงปู่ทิมจะยอมถ่ายทอดวิชาใ ห้หลวงพ่อ?
ไม่นาน เพราะว่าท่านดูจากลักษณะว่า มีแววเอาจริง
มีแววอย่างไรครับ?
ท่านคงเห็นว่าอาตมาเอาจริง และมุ่งมั่น โดยให้อาตมาไปเขียนผ้ายันต์ มา 1 บททุกวัน และก็บอกว่าให้ไปท่องจำ โดยจะต้องจำให้ได้
พอท่องจำได้แล้วก็มาท่องให้ ท่านฟัง
จากนั้นทำอย่างไรต่อครับ?
เมื่อเขียนบทที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เริ่มเขียนบทที่ 2
พอเขียนเสร็จแล้วก็มาทบทวนท ่องให้ท่านฟังอีก ท่องจนกว่าจะจำได้ ท่านก็จะให้ท่องจำทุกบท ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 4-5 ปี
หลวงพ่อทำแบบนี้อยู่กี่ปีคร ับ
จำไม่ค่อยได้ แต่รู้ว่านานหลายปีเลยทีเดี ยว ซึ่งตรงนี้ทำให้อาตมาจำคาถา ได้เยอะ และทำให้อาตมาจำได้ดี แต่คาถามีอยู่เยอะมาก ก็จำได้ไม่ได้ทั้งหมดหรอก มันมากมายกว่าที่เราจะจำได้ จึงได้มีการซิกแซก อาจารย์เลยท้าพูดกันง่ายๆ เลย ทำอย่างไรครับหลวงพ่อ
พออาจารย์เผลอเราก็แอบเอาตำ ราเข้าห้องเลย เพราะเรารู้ว่า ตำราเล่มไหนเราเขียนไปแล้ว เราก็จะไม่เขียนซ้ำ จะเอาหยิบไปวางไว้เอง ท่านไม่รู้หรอก เราก็เขียนเล่มต่อไปอีก พออาจารย์เผลอ
เราก็เอาไปไว้ที่เดิม แล้วเอาเล่มใหม่มาเขียนต่ออ ีก แต่สิ่งที่เราเรียนและท่องจ ำมาทั้งหมดนั้น เราเข้าใจทุกอย่างแล้ว พออาจารย์รู้ ท่านก็ถามว่าเอาตำราไปใช่ไห ม เนื่องจากแกสังเกตจากกองที่ ตั้งหนังสือมันไม่เรียงกัน เราก็ยอมรับว่าใช่ แต่ก็ได้บอกท่านว่า ตำราที่เรียนกับอาจารย์ด้วย วิธีการท่องจำอย่างเดียวคงไ ม่ไหว เพราะมีมากมายเหลือเกิน จึงต้องลอกจากอาจารย์เก็บไว ้ ท่านก็ไม่โกรธ
เพราะว่าท่านเข้าใจว่าเราเอ าไปก็ต้องได้ใช้ ในที่สุดท่านก็บอกว่า
ท่านก็เรียนมาแบบนี้เหมือนก ัน (หัวเราะ) ถ้าอย่างนั้นเราก็ตีจบไปเลย ว่า เราไม่ผิด (หัวเราะ)
แล้วหลวงปู่ทิม ท่านไปเล่าเรียนวิชามาจากที ่ไหนครับ?
หลวงปู่สิม วัดบ้านซ่อง อำเภอวันทอง จังหวัดชลบุรี ที่เป็นศิษย์สายเดียวกับหลว งปู่ทิมก็มี หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม และหลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก
หลวงปู่ทิมเคยพูดถึงเรื่องอ ภินิหาร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ให้หลวงพ่อฟัง บ้างมั้ยครับ
อันนี้ ท่านไม่เคยพูดให้ฟังเลย
แล้วหลวงพ่อไม่ถามหลวงปู่ทิ มบ้างเลยหรือครับ ว่าวิชาคาถาอาคมต่างๆ ที่เรียนมานี้ มีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่อ ย่างไร?
อาตมาก็ถามเหมือนกัน แต่ท่านไม่บอก ท่านบอกว่าก็ทำไปแล้วจะรู้เ อง ขอให้ฝึกจิตใจของตัวเองไปให ้สงบ เดี๋ยวก็รู้เอง คนอื่นจะรู้ด้วยไม่ได้ นอกจากตัวเอง
แล้วหลวงพ่อเคยเห็น “อภินิหาร” ของหลวงปู่ทิมบ้างไหมครับ?
ไม่เคยมีนะ เห็นท่านเป็นพระธรรมดาๆ รูปหนึ่งเท่านั้น และท่านก็เป็นพระเงียบๆ แต่ก็พอคุยได้เหมือนกัน จริงๆ จะว่าไม่มีในเรื่องอภินิหาร เลยก็ไม่ใช่นะ ก็มีเหมือนกัน
มีอภินิหารอย่างไรครับหลวงพ ่อ?
ตอนนั้นเป็นเวลากลางวัน ประมาณบ่ายโมง แกเอาผ้าพาดบ่าไปสรงน้ำ สมัยก่อนวัดระหารไร่จะมีบึง และเป็นป่าเยอะ ไม่เหมือนปัจจุบัน
แกก็ไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เราก็จะเข้าไปคุยด้วย เพราะเห็นว่าท่านนั่งตากลมอ ยู่คนเดียว จากนั้นก็ได้นั่งคุยกันไปคุ ยกันมาตามอัธยาศัย
คุยกันเป็นชั่วโมงเหมือนกัน แล้วแกก็หยุดคุย จากนั้นแกก็เอามือแหย่ลงไปใ นน้ำแล้วก็ดีด 2-3 ครั้ง ครู่เดียวปลาก็วิ่งมาเป็นฝู งเลย
ปลาวิ่งมาหาหลวงปู่ทิมเป็นฝ ูงเลยเหรอครับ
ปลาหลายชนิดได้ว่ายมาหาแกนั ่นแหละ อาตมาไม่ว่าอะไร ก็นั่งดูเฉยๆ ท่านก็ดีดอีก ปลาก็วิ่งเข้ามาอีกเป็นจำนว นมาก ด้านหน้าที่มีแต่ปลาทั้งนั้ น ท่านก็ไม่ว่าอะไรเฉยอย่างเด ียว เสร็จแล้วสักพักก็ขึ้นไปบนศ าลา อาตมาก็ไม่ได้ถามอะไรท่านใน ตอนนั้น หลังจากนั้นประมาณ 2-3 อาทิตย์ อาตมาจึงได้เข้าไปนั่งพูดคุ ยกับท่านด้านนอกกุฏิ ระหว่างคุยไปคุยมา พอได้จังหวะดี เห็นแกอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส จึงได้ถามท่านว่า “หลวงพ่อวันที่ฉันได้นั่งคุ ยกับหลวงพ่อ อยู่ริมบึงวันนั้น เพราะเหตุใดปลาถึงวิ่งมาหาไ ด้?” ท่านก็บอกว่า “มันมาดูเรามั้ง” ท่านก็ว่าอย่างนั้น (หัวเราะ) อาตมาก็ถามท่านต่อว่า ผมก็เดินมาหลายครั้ง แต่ไม่เห็นปลามันวิ่งมาดูเล ย ผมว่าหลวงพ่อต้องมีอะไรสักอ ย่าง เมื่อคุยไปคุยมาท่าน ก็ว่าไม่มีอะไรหรอก แต่เราก็ตื้ออยู่นาน เมื่อถามไปถามมา ก็บอกว่ามี
มีอะไรครับ
ก็มีคาถา เป็นคาถาเรียกงูเรียกปลา จากนั้นก็คุยเรื่องอื่นต่อไ ป
เพราะรู้แล้วว่ามีแน่ จากนั้น พออาตมาบวชมาได้ 2-3 พรรษา
ก็ได้ขอวิชานี้กับท่าน ขอนับสิบครั้งเห็นจะได้ แต่ก็ไม่ให้
ทำไมหลวงปู่ทิมจึงไม่ยอมถ่า ยทอดวิชานี้ให้หลวงพ่อล่ะคร ับ?
เพราะว่าคงหวงวิชา แต่ที่ขอแล้วก็เฉย ถ้าแกตอบว่า อย่าเอาเลย
เราก็คงไม่ตอแยแน่ จนในที่สุด เมื่อแกใกล้จะมรณภาพ แกถึงบอกว่า วิชานี้อย่าเอาเลย ขอให้ติดตัวแกไป
เพราะอะไรครับหลวงพ่อ
ถ้าคนเอาไปใช้ไม่มีสัจจะ ก็จะอันตรายมาก เพราะวิชานี้ไม่ได้ใช้เรียก ปลาเท่านั้น สัตว์ทุกชนิด ถ้าตั้งใจจะเอา ก็จะได้ทุกอย่าง แม้แต่คนก็สามารถเรียกมาได้ ถือเป็นคาถาที่อันตราย เพราะถ้านำใช้ไปในทางไม่ดี ก็อันตรายมาก สาเหตุนี้ ท่านจึงไม่ยอมให้ใครเลย แกบอกว่าอย่าเอาเลย แต่อย่างอื่นแกให้ทุกอย่าง จริงๆ เราเสียดายก็เสียดาย แต่แกบอกอย่าเอาเลย พอตกกลางคืนก็เอาอีกนะ ถามแกว่า ไอ้วิชาที่ว่านี้มันเป็นอย่ างไร
ผมอยากรู้วิชาที่ดีมันว่าอย ่างไร ถึงผมได้ ผมก็ไม่เอาไปใช้หรอก
และจะไม่ให้ใครด้วย แกก็บอกว่า คนเราเอาแน่นอนที่ไหนได้
อนิจจังของคนไม่แน่นอน ในยามถูกใจก็ดี ในยามไม่ถูกใจก็ดี
แสดงว่าหลวงปู่ทิมกลัวจะมีค นนำคาถานี้ไปใช้ในทางไม่ชอบ ?
ใช่ อาจมีการนำไปใช้อย่างไม่ถูก ไม่ต้อง ความมุ่งหมายของแกรู้
ฉันก็แทงใจแกถูก (หัวเราะ) ถ้าให้ฉันแล้วเรื่องของเรื่ อง คือ
แกกลัวฉันจะสึก และมันมีเขียนไว้ในสมุดข่อย แกก็ทำลายทิ้งไป แต่เราเห็น ก็หยิบเอามาต่อกัน ผิดบ้าง ถูกบ้างแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่ อง
แต่ฉันสันนิษฐานว่า คาถานี้ ไม่น่าจะเกิน 5 คำ
แล้วพระ “ขุนแผนผงพรายกุมาร” ล่ะครับ หลวงปู่ทิมท่านทำอย่างไรครั บ?
ขุนแผนนี้ท่านได้มาสร้างเมื ่อปี พ.ศ. 2517
ช่วงก่อนที่แกจะมรณภาพไม่กี ่ปี ที่ทำก็เพราะมีไวยาวัจกรของ วัด
แกก็คิดว่าจะทำขุนแผน จึงไปปรึกษากับหลวงปู่จะทำอ ย่างไรดี แกก็ไม่บอก กลุ่มพวกนี้ก็หัวใสอยู่แล้ว ก็ไปเอาแบบที่จะสร้างขุนแผน มาให้ท่านดูว่าควรสร้างแบบไ หนดี แบบนี้ได้ไหม แบบนั้นได้ไหม ในที่สุดก็จึงได้สร้างขุนแผ นขึ้นมา เพื่อจะได้นำเงินมาก่อสร้าง บำรุงวัด เนื่องจาก เมื่อก่อนบริเวณวัดแห่งนี้เ ป็นป่าทั้งนั้น
หลวงปู่ทิมเป็นคนบอกให้ใช้ “ผงพรายกุมาร” มาทำใช่มั้ยครับ
ไม่ใช่ แต่มาจากลูกศิษย์ อันนี้ ก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว
ว่าจะทำอย่างนี้ อย่างนี้นะ แล้วก็นำไปปรึกษาหารือกับหล วงปู่ทิม
ว่าจะทำได้ไหม แกก็บอกว่าได้ ถ้ามีความสามารถทำมาได้ แกก็ทำให้ได้ พวกลูกศิษย์ก็จึงไปจัดหากัน มา เพราะคนตายสมัยนั้นเขาจะเอา ฝังดิน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ไม่มีกา รฝังแล้ว โยมปูน สัปเหร่อของวัดในสมัยนั้นก็ เป็นคนไปเอาผงพรายกุมารมา ก็จะเป็น “ลิ้น”
กับ “เส้นผม” ของเด็กที่อยู่ในท้องแม่ที่ ตายท้องกลม แต่ไม่ได้เอาหัวกะโหลกอะไร
ลูกศิษย์เป็นคนจัดการเองทั้ งหมดเลยใช่ไหมครับ?
ลูกศิษย์จัดการเอง โดยท่านไม่ได้บอก พวกนั้นได้ไปขุดหากันมา
อย่างเส้นผมก็จะเอามาซอย ส่วนลิ้นก็จะเอาไปย่างแล้ว เอามาบด ให้ละเอียด แล้วก็เอามาให้ท่าน ซึ่งทางท่านก็มีส่วนผสมอยู่ แล้ว เมื่อเอามาผสมกันแล้ว ก็ทำการปลุกเสก ที่จริงพลังจิตของท่านที่มี เจตนาเป็นกุศลแรง เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ผงพรายกุมา ร แต่ถ้ามีการใส่ผงพรายกุมารน ี้ลงไป เขาบอกว่าถ้าทำอะไรผิดแหวกแ นว คนใหม่ๆ มันชอบ มันก็เชื่อ เป็นอุปทานไป
ตอนนั้นหลวงปู่ทิมปลุกเสกขุ นแผนผงพรายกุมาร นานแค่ไหนครับ?
ท่านปลุกเสกคนเดียว ประมาณ 1 อาทิตย์เศษๆ แล้วเขาก็เอาออกมาใช้กัน
วิชาการสร้างขุนแผนผงพรายกุ มารของหลวงปู่ทิม ก็ตกทอดมาถึงหลวงพ่อด้วยใช่ มั้ยครับ?
อาตมาก็ได้เรียนกับท่านมา และได้มาแบบท่านไม่ได้หวงเล ย
อาตมาไม่ได้อย่างเดียว คือ คาถาที่เรียกปลาเท่านั้นแหล ะ
อย่างผงพรายกุมาร อาตมาก็ได้จากท่านมาบางส่วน ก็ขอท่านไว้หลังจากที่ท่านท ำพิธีปลุกเสก เพราะตอนนั้นอาตมาก็ช่วยเขา ทำอยู่ด้วย แต่ก็ได้มานิดเดียว ค่อนๆ ตลับยาหม่องเล็กๆ พออาตมาสร้างพระขุนแผน ก็เอาผงพรายกุมารที่ได้มาใส ่เป็นเชื้อ แล้วก็จะหาผงอย่างอื่นเอามา ผสมกัน
วิชาเหล่านี้นอกจากจะมีดีตา มความเชื่อของแต่ละคนแล้ว จะมีผลที่ไม่ดีอะไรบ้างมั้ย ครับ?
อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก บอกได้เลยว่าไม่ดี ถ้าสมมติว่าเราทำให้ใครใช้ หากเราบังคับมันไม่อยู่ ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเรียนมาก็จริง แต่ตัวฉันไม่เอานะ เข้ากับผี ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรืออะไร หลวงพ่อก็ทำได้ แต่ไม่ทำ ทำได้เนื่องจากวิชาเหล่านี้ เรียนมาทั้งนั้น แต่ไม่ทำอะไรที่เกี่ยวกับผี เป็นไม่เอา จะเป็นสีผึ้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่เอา มันจะเป็นอันตรายที่เกิดขึ้ นได้ เพราะถ้าทำไม่ดี คนๆ นั้นอาจถึงขั้นวิปริต เสียสติไปเลย
ส่วนพระขุนแผน พวกผงพรายกุมารนั้น ต้องเรียกว่าคนทำ คือ
หลวงปู่ทิมท่านเก่ง ท่านบังคับอยู่เลย ท่านเสกบังคับไว้เสร็จเลย ฉะนั้นคนที่จะทำต่อไป ถ้าไม่แน่จริงอย่าไปทำ มันเป็นอันตรายถือว่าเล่นกั บผีนะ เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเลย
แล้วคาถาที่หลวงปู่ทิมเสกบั งคับเอาไว้ ไม่มีเสื่อมบ้างหรือครับ
มันไม่เสื่อมหรอก เหมือนโบราณเขาว่าไว้ว่า ถ้าทำได้แน่จริง ดีจริงๆ
มันไม่เสื่อมหรอก เช่นเดียวกับเพชรที่ตกไปในต ม เอาขึ้นมาล้างมันก็คือเพชร ไม่เสื่อมหรอก
ได้ข่าวว่า ตอนนี้ หลวงพ่อกำลังจะสร้าง “พิพิธภัณฑ์ยันต์” ขึ้นมาที่วัดหนองกรับ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรครับ?
ก็จะสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นล่างก็จะเป็นกุฏิ ไว้ต้อนรับญาติโยมที่เดินทา งมาทำบุญที่วัด ชั้น 2 ก็จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนชั้น 3 จะใช้เป็นที่เก็บวัตถุมงคลต ่างๆ ที่ได้ปลุกเสกแล้ว พิพิธภัณฑ์นี้จะใช้เวลาสร้า งประมาณ 3 ปีได้ อาตมาคาดว่า เดือนพฤษภาคมปีนี้จะเสร็จสม บูรณ์
พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นแบบไหน ครับ?
จะทำเป็นที่เก็บเฉพาะ “ยันต์” เท่านั้น จะเป็นยันต์ขนาดใหญ่ที่ดูแล ้วสวยงาม เป็นยันต์ที่อาตมาเขียนเองท ั้งหมด ส่วนใหญก็เป็นยันต์ที่ได้เร ียนมาจากหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ก็มียันต์ หนุมาน ยันต์ชูชก และเป็นยันต์พวกดาวเดือน ฯลฯ ยันต์ต่างๆ ก็จะมีอยู่ในตำรา ลอกจากตำราแล้วเอาไปปั้นติด ผนังเลย และคิดว่าถ้าปั้นจะแลดูขลัง กว่า จะนูนออกมาสวยกว่า โดยจะมีการเขียนตัวหนังสืออ อกมาก่อน แล้วเอามาแกะตัวหนังสือทำแม ่พิมพ์เลย แล้วเทเป็นตัวๆ ไปเลย ก ข ค ง จ ธ ท น ฯลฯ ไอ้เส้นยันต์เราก็เทเป็นร่อ งๆ ไป ประมาณ 40 ซม. หรือ 30 ซม.
การเขียนยันต์ หลวงพ่อเรียนจากหลวงปู่ทิมท ่านเดียวเลยเหรอครับ
อาตมาก็ไปเรียนกับอาจารย์เร ียง อยู่ที่กรมศิลปากรด้วย ก็ไปเรียนกับท่านตั้งแต่อาย ุประมาณ 15 ปี สมัยนั้น ท่านอาจารย์เรียงมาทำงานอยู ่แถวชลบุรี ท่านก็เริ่มให้ฝึกตั้งแต่กา รแกะสลักไม้ หลังจากนั้นก็ได้ฝึกเขียนยั นต์ ส่วนใหญ่จะให้หัดเขียนเป็นล ายไทย พวกลายกนกต่าง ๆ ก็เรียนอยู่กับอาจารย์เรียง ประมาณ 5 ปีเห็นจะได้
ก็เป็นพื้นฐานในการเขียนยัน ต์ต่างๆ ในเวลาต่อมา
เครื่องรางของขลังต่างๆ มีประโยชน์อย่างไรบ้างครับห ลวงพ่อ
ให้เป็นพุทธานุสติ ให้มีการระลึกถึงสิ่งที่ศัก ดิ์สิทธิ์ คือพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ ให้ระลึกนึกถึงคุณงามความดี
ไอ้ประโยชน์ของเขามันมองไม่ เห็น แต่กรณีฉุกเฉิน มันก็สามารถทำให้เราแคล้วคล าดจากอันตรายต่างๆ ไปได้ หรือบางครั้งจากหนักก็ให้เป ็นเบาได้ เรื่องแบบนี้พูดยาก ขึ้นอยู่กับความเชื่อ หรือคนต้องประสบเอง ในทางกลับกัน เครื่องรางของขลังต่างๆ มีโทษบ้างมั้ยครับ ถ้านำไปใช้ในสิ่งที่ผิด ก็จะเกิดโทษ เช่น คนที่ได้เครื่องรางของขลังไ ปแล้วคิดว่าตัวเอง ดีแล้ว เหนียวแล้ว คงกระพันแล้ว ก็เกิดความประมาท บางทีก็ไปหาเรื่องหาราวคนอื ่น อย่างนี้ก็เป็นโทษ แต่ถ้าคนเราเอาเครื่องราง ของขลังเอาไปใช้อย่างไม่ประ มาท เอาไว้คุ้มครองตัวเอง เอาไว้เป็นที่ระลึก เป็นพุทธานุสติ คงไม่มีปัญหา
พระขุนแผนผงพรายกุมารนั้น ถ้าไม่แน่จริง อย่าไปทำ มันเป็นอันตราย ถือว่าเล่นกับผีนะ เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเลย อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก เพราะถ้าคนทำ เสกบังคับมันไม่อยู่ ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย

หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
จังหวัดระยองเป็นเกจิที่ประ ชาชนกำลังให้ความนิยมสูงสุด อยู่ในขณะนี้ท่านเป็นพระที่ มีศิลลาจารวัตรงดงามและมีพุ ทธาคมอันแก่กล้าไม่ว่าจะเป็ นด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มหาลาภแคล้วคลาด
ซึ่งปรากฏได้ประจักษ์มาแล้ว ในผู้ที่เคารพนับถือและมีวั ตถุมงคลของลป.ทิมไว้บูชาซึ่ งในปัจจุบันวัตถุมงคลของหลว งปู่เป็นที่เสาะแสวงหากันมา กทั้งประชาชนทั่วไปและบุคคล ในวงการพระเครื่อง
ผู้ที่มีอยู่ต่างก็หวงแหนเพ ราะประสบการณ์ที่ประสบมาด้ว ยตัวเองจึงทำให้เกิดแรงศรัท ธาอันสูงสุด แม้ลป.ทิมจะล้วงลับไปแล้ว แต่ความศักดิ์ก็ยังคงอยู่ ความศรัทธาจากประชาชนมิได้ล ดน้อยถอยลงแต่อย่างใด เมื่อครั้งที่หลวงปู่ยังมีช ีวิตอยู่มีลูกศิษย์ลูกหาหลว งปู่หลายท่านได้ถามหลวงปู่ว ่า? หลวงปู่ครับเมื่อสิ้นหลวงปู ่แล้วพวกกระผมจะพึ่งพิงพระร ูปใดได้บ้าง?หลวงปู่ทิมได้ช ี้ไปที่พระหนุ่มรูปหนึ่ง
ซึ่งในวันนั้นได้มาปฏิบัติห ลวงปู่อยู่ด้วย?โน่น ท่านสาคร เขาเรียนของไว้เยอะ ท่านสาครที่หลวงปู่พูดถึง ก็คือหลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับศิษย์เอกหลวงปู่ ทิม ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาค มไว้จนหมดสิ้น พระครูมนูญธรรมวัตรหรือหลวง พ่อสาครศิษย์เอกผู้สืบทอดพุ ทธาคมจากหลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นผู้ฝักใฝ่ในด้านเวทย์มน ต์คาถาอาคมและวิชาแพทย์แผนโ บราณมาตั้งแต่เด็กๆ
นามเดิมว่า สาครไพสาลี เกิดในกระกูลชาวไร่-ชาวนา เมื่อวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ตรงกับวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ ซึ่งตรงตามคติโบราณที่ว่าบุ คคลนั้นจะมีความพิเศษอยู่ใน ตัว หากถือปฏิบัติก็จะพบกับความ สำเร็จเจริญยิ่งๆขึ้นไปหากร ้ายก็จะร้ายอย่างหาที่เปรีย บไม่ได้และบุคคลที่เกิดในรา ศีนี้จิตจะฝักใฝ่ด้านไสยศาส ตร์เวทย์มนต์คาถา โยมบิดาชื่อ นายกุ โยมมารดาชื่อนางนิด หลวงพ่อสาครเกิดที่บ้านท้าย ทุ่ง หมู่สอง๒ ต.หนองกรับ อ.บ้านค่าย (บ้านท้ายทุ่งแห่งนี้เป็นสถ านที่เดียวกับบ้านเกิดของลป .ทิม) หลวงพ่อสาครมีพี่น้องทั้งหม ด ๒ คนคือ
๑.นางอยู่ ไพสาลี
๒.หลวงพ่อสาคร
หลวงพ่อสาครได้เข้าศึกษาเบื ้องต้นในชั้นประถมปีที่ ๑ เมื่ออายุได้๕ ปี ที่โรงเรียนวัดหนองกรับจนจบ ชั้นประถมปีที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้ออกมาช่วยโยมบิดา – มารดาประกอบอาชีพทำนาและเมื ่อมีเวลาว่างก็จะออกเดินทาง ไปบ้านละหารไร่ เพื่อศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับ โยมหล่อและโยมทัต ซึ่งทั้งสองถือว่าเป็นผู้เร ืองวิชาอาคมในสมัยนั้นและเข ้าปฏิบัติหลวงปู่ทิมอยู่เป็ นนิจ ซึ่งนับว่าเป็นศิษย์รุ่นเยา ว์ที่หลวงปู่ให้ความเมตตาเร ียกใช้อยู่เสมอด้วยนิสัยและ ความสนใจด้านไสยศาสตร์มาแต่ เด็กและโตขึ้นจึงเป็นคนหนุ่ มที่มีวิชาอาคมติดตัวแต่ก็ไ ด้ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาไ ปทำร้ายใครกลับมีแต่ช่วยเหล ือเพื่อนๆรุ่นเดียวกันมาตลอ ด เมื่ออายุครบ ๒๐ปีโยมมารดาและญาติพี่น้อง จึงได้ร่วมกันจัดพิธีอุปสมบ ทให้เป็นพระภิกษุที่วัดหนอง กรับเมื่อวันพุธที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๐๑ โดยมีพระครูจันทโรทัย(หลวงพ ่อดิ่ง)เป็นพระอุปัชฌายะเป็ นพระกรรมวาจาจารย์และพระอธิ การเคียง วัดไผ่ล้อมเป็นพระอนุสาวนาจ ารย์ ได้รับฉายาว่า มนูญโญ เมื่ออุปสมบทแล้วได้เดินทาง ไปจำพรรษาที่วัดละหารไร่และ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ลป.ทิมเพ ื่อศึกษาพระธรรมวินัยและพุท ธาคมจากหลวงปู่ทิมอย่างจริง จังจึงได้รับการถ่ายทอดวิชา อาคมต่างๆจากหลวงปู่ทิมจนหม ดสิ้นโดยมิได้ปิดบังแต่อย่า งใดเรียกได้ว่าเรียนได้กระจ ่างชัดรู้จริงสามารถปฏิบัติ ได้ เมื่อมีความเชี่ยวชาญในวิชา อาคมที่เรียนแล้วด้วยใจรักใ นด้านนี้จึงได้เสาะแสวงหาศึ กษาวิชาอาคมจากลพ.เพ่ง สาสโน วัดละหารใหญ่ ซึ่งหลวงพ่อเพ่งรูปนี้เดิมเ ป็นมหาดเล็กในเสด็จเตี่ยกรม หลวงชุมพร เขตดุดมศักดิ์ฯ จึงได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวง ปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มีวิชาด้านคงกระพันธ์เป็นเย ี่ยมเขียนอักขระลงบนแผ่นตะก ั่วเพียงตัวเดียวให้คนทดลอง ยิง ก็ยิงไม่ออกเมื่อหลวงพ่อสาค รได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่ อเพ่งเป็นอย่างดีแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่ท ิมให้ไปศึกษาวิชาจากหลวงปู่ หิน วัดหนองสนม ซึ่งหลวงพ่อสาครก็ได้รับควา มเมตตาจากหลวงปู่หินถ่ายทอด วิชาให้เป็นอย่างดีหลังจากศ ึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่หินแ ล้วหลวงพ่อสาสรก็เดินทางไปศ ึกษาวิชากับหลวงปู่โสม วัดบ้านช่อง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพระที่มีวิชาอาคมแก ่กล้าอีกองค์หนึ่งของภาคตะว ันออกหลวงพ่อสาครก็ได้ศึกษา จนกระทั่งจบกระบวนท่า ด้วยนิสัยใฝ่รู้หมั่นศึกษา หลวงพ่อสาครได้รับการถ่ายทอ ดวิชาอาคมจากบรรดาเกจิอาจาร ย์ต่างๆ อีกหลายองค์ อาทิ
พ. ศ. ๒๕๐๓ ได้เดินทางไปศึกษากับอาจารย ์เชียงคำ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
พ.ศ. ๒๕๐๖ ศึกษากับอาจารย์สิน วัดนาวัง อ.บางละมุง ชลบุรี
พ.ศ. ๒๕๑๘ เดินทางไปศึกษากับอาจารย์สุ พจน์ ที่ประเทศเขมร
พ.ศ. ๒๕๒๓ ศึกษากับพระอาจารย์สุมล คำเสียง ที่จังหวัดศรีษะเกษ
พ.ศ. ๒๕๒๕ ศึกษากับหลวงพ่อบุญเย็น วัดแจ้งนอก จ.นครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๒๖ ศึกษากับหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๒๗ ศึกษากับหลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์
พ.ศ. ๒๕๒๘ ศึกษากับหลวงพ่อบึม วัดปราสาทกิน จ.ปราจีนบุรี
ฯลฯ
หลวงพ่อสาครยังได้ศึกษากับเ กจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางด ้านไสยเวทย์ต่างๆอีกหลายท่า นทั้งพระภิกษุและฆราวาส
ในปีพ.ศ. ๒๕๐๘ พระครูเกลี้ยงธรรมถีโยเจ้าอ าวาสลำดับที่๙ วัดหนองกรับได้มรณภาพลง ทายกทายิกาชาวบ้านหนองกรับไ ด้เดินทางไปหาหลวงปู่ทิมที่ วัดละหารไร่เพื่ออาราธนาหลว งพ่อสาคร มนูญโญ ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดห นองกรับ หลวงปู่ทิมได้อนุญาต หลวงพ่อสาครจึงมาเป็นเจ้าอา วาสวัดหนองกรับตั้งแต่นั้นเ ป็นต้นมา ถึงแม้ว่าท่านจะมาเป็นเจ้าอ าวาสวัดหนองกรับก็มิได้ทอดท ิ้งหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย ์ยังคงเดินทางไปกราบนมัสการ ดูแลหลวงปู่อยู่เสมอจนกระทั ่งหลวงปู่ทิมได้มรณภาพลงในป ี๒๕๑๘หลวงพ่อสาครก็เป็นหัวเ รี่ยวหัวแรงใหญ่ในการจัดบำเ พ็ญกุศลศพหลวงปู่ทิมอย่างเต ็มที่สมกับที่เป็นศิษย์ก้นก ุฏิอย่างแท้จริงจนบรรดาลูกศ ิษย์ลูกหาอื่นๆ ของหลวงปู่ทิมกล่าวยกย่องชม เชยหลวงพ่อสาครกันทั่ว
หลวงพ่อสาครนอกจากจะสนใจศึก ษาวิชาอาคมต่างๆแล้วท่านก็ม ิได้ทอดทิ้งในด้านการศึกษาพ ระธรรมวินัย และเมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวา สวัดหนองกรับซึ่งเป็นวัดเก่ าแก่ที่มีอายุกว่า๒๐๐ปีและเ คยถูกไฟไหม้เผากุฏิเสนาสงฆ์ จนวอดวายท่านก็มิได้ดูดายเม ื่อมาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้บูร ณะและสร้างเสนาสนะใหม่ขึ้นม าเพื่อให้ภิกษุสงฆ์สามเณรแล ะพุทธศาสนิกชนได้ใช้ปฏิบัติ ศาสนกิจต่อไปด้วย
ความสามารถพิเศษของหลวงพ่ออ ีกอย่างหนึ่งคือมีความชำนาญ ในด้านปฏิมากรรมและวิจิตรศิ ลป์ การแกะสลัก,การปั้นลวดลายแล ะวาดภาพฝาผนังตลอดจนการลงรั กปิดทอง ท่านจึงได้ลงมือบูรณะและก่อ สร้างเสนาสนะถาวรวัตถุต่างๆ ด้วยตัวท่านเอง
ในปีพ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานเป็นพระครูช ั้นโท พระครูมนูญธรรมวัตร หลวงพ่อสาครได้สร้างวัตถุมง คลขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ .ศ.๒๕๐๘ มีด้วยกันสองพิมพ์พิมพ์แรกเ ป็นสมเด็จรัศมีมีเนื้อผงใบล านเก่าสีดำหลวงพ่อได้นำใส่บ าตรแล้วเผาไฟทำให้มีเนื้อแก ร่งและอีกพิมพ์หนึ่งเป็นรูป ปั้นหลวงปู่ทิมเนื้อผงใบลาน สีดำเนื้อเดียวกับสมเด็จพิม พ์รัศมี หลวงพ่อสาครได้นำออกมาแจกแก ่ญาติโยมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ในงานทอดผ้าป่า พระชุดนี้ได้ก่ออภินิหารอย่ างมากมายช่วยคุ้มครองชีวิตแ ก่ผู้นำติดตัวมาแล้วหลายราย ต่อมาในปี๒๕๒๔หลวงพ่อสาครได ้นำผงปัถมัง,ผงอิทธิเจที่ท่ านเขียนเลขยันต์อักขระต่างๆ ,ผงของของหลวงปู่.ทิม,ผงอิท ธิเจหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่,ผงปัดตลอดอาจา รย์ภูเมือง,ผงพุทธคุณหลวงพ่ อสิม วัดถ้ำผาปล่อง,ผงพุทธคุณครู บาคำหล้า จ.เชียงใหม่,ผงพุทธคุณอาจาร ย์มั่น,ผงวิเศษหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกและผงของเกจิ อาจารย์ต่างๆที่หลวงพ่อได้ไ ปศึกษามาหลวงพ่อสาครได้นำผง เหล่านี้มาสร้างเป็นสมเด็จพ ุทธนิมิตซึ่งเป็นพระประธานใ นอุโบสถวัดหนองกรับหลังจากส ร้างออกมาแล้วก็เป็นที่ฮือฮ าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อทหารนา วิกโยธินนายหนึ่งได้เหยียบก ับระเบิดจนตัวลอยละลิ่วเมื่ อเพื่อนๆวิ่งไปดูทหารคนนั้น ไม่เป็นอะไรเลย ในคอคล้องสมเด็จพุทธนิมิตอง ค์เดียวเท่านั้นจึงยกโขยงมา ขอสมเด็จพุทธนิมิตจากหลวงพ่ อไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นหลวงพ่อได้สร้าง วัตถุมงคลขึ้นอีกหลายพิมพ์ซ ึ่งก็ล้วนมีประสบการณ์ทั้งส ิ้นจนทำให้วัตถุมงคลเหลานี้ หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว ในปีเดียวกัน (๒๕๒๔) หลวงพ่อสาครได้รับพระราชทาน เป็นพระครูชั้นโท หลวงพ่อได้สร้างเหรียญปิดตา รุ่นฉลองสมศักดิ์ขึ้นด้านหล ังเป็นยันต์ห้าเหรียญรุ่นนี ้เป็นที่โจษขานกันมาอีกรุ่น หนึ่งในบรรดาพ่อค้าแม่ค้าใน จังหวัดระยองเหราะทำให้มีฐา นะดีขึ้นมาทุกวันนี้เพราะเห รียญปิดตาหลวงพ่อสาครนี่แหล ะ
หลวงพ่อสาครนับว่าเป็นที่เจ ริญรอยตามคณาจารย์โดยแท้ด้ว ยศิลลาจารวัตรที่งดงามอีกรู ปหนึ่งท่านเป็นพระที่สมถะที ่มากด้วยพระธรรมวินัยมีอาคม อันแก่กล้า หลวงพ่อสาคร มนูญโญ วัดหนองกรับนับว่าเป็นเพชรน ้ำเอกอีกรูปหนึ่งที่ประชาชน ให้ความเคารพนับถือ
ท่านเป็นพระผู้สืบสานอาคมจา กหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์ม ิขาดตกบกพร่อง

*จากหนังสือเนื่องในวาระครบ ๕ รอบหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ*

แชร์เลย

Comments

comments

Share: