เกิดมาผมก็เจอหลวงพ่อสดเลย โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
ผม (อู๋) เกิดเมื่อปี 2498 ตอนเกิดก็ไม่ค่อยจะเหมือนใครเพราะคุณแม่เล่าว่าการคลอดของผมนั้นมันง่ายมาก ท่านบอกว่า “เหมือนไปขี้” คือพอปวดท้องจะคลอดก็เบ่งผมออกมาได้เลย เป็นการคลอดที่สะดวกสบายไม่ทำให้ท่านเจ็บเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ พอผมเกิดมาได้เพียงแค่ 1-2 วัน คุณแม่ผมก็อุ้มผมไปกราบหลวงพ่อสดที่วัดปากน้ำ แม้ว่าในสมัยนั้นการเดินทางไปวัดปากน้ำจะลำบากเพียงใดแต่คุณแม่ของผมท่านก็ไม่สนใจเพราะท่านเคารพหลวงพ่อสดเป็นที่สุด นี่คงเป็นสัญญาณนิมิตหมายให้ผมรู้กระมังว่าต่อไปจะต้องมาทำหน้าที่ช่วยหลวงพ่อสดในอนาคต ปัจจุบันผมทำงานให้หลวงพ่อและหลวงป๋ามากว่า 40 ปีแล้ว
คุณแม่เล่าว่าในสมัยนั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีพระองค์ไหนจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปกว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำเลย ดังนั้นคุณแม่ท่านจึงได้อุ้มผมไปให้ท่านตั้งชื่อให้ เพื่อที่คุณแม่จะได้นำชื่อนี้ไปแจ้งบันทึกลงในใบเกิด (สูติบัตร) ของผม โดยหลวงพ่อท่านจะถามวัน เดือน ปีเกิด และเวลาตกฟาก จากนั้นท่านก็จะนัดแนะว่าให้กลับมาเอาชื่อที่ท่านตั้งให้วันไหนอีกที ทุกวันนี้ผมจึงอดภูมิใจไม่ได้ว่าผมเกิดมาทันหลวงพ่อ และยังได้ไปกราบท่านตั้งแต่แรกเกิดเลย เมื่อคุณแม่ผมกลับไปเอาชื่อกับหลวงพ่อก็ต้องแปลกใจเพราะไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อจะตั้งชื่อให้ผมแบบนี้ โดยหลวงพ่อท่านตั้งชื่อให้ผมว่า “อาดุลยเดช”
คุณแม่ผมก็แย้งท่านไปว่าหลวงพ่อจะให้ใช้ชื่อนี้ได้อย่างไร จะเป็นการสมควรหรือไม่เพราะเป็นชื่อที่ใกล้เคียงกับ….มาก หลวงพ่อท่านก็พูดยืนยันว่า “เด็กคนนี้ต้องใช้ชื่อนี้เท่านั้น” แล้วในชื่อของผมก็มีอักษร “สระอา” ด้วย จึงเป็นชื่อที่ไม่เหมือนใคร จะมีใครมาว่าได้อย่างไร คุณแม่ผมจึงต้องจำยอมตามคำหลวงพ่อ แต่ผ่านไปไม่กี่วัน คุณแม่ผมก็ต้องกลับไปที่วัดปากน้ำอีกครั้ง เพื่อให้หลวงพ่อท่านเปลี่ยนชื่อให้ผมใหม่ โดยบอกหลวงพ่อว่าไม่อยากให้ผมใช้ชื่อนี้ แต่หลวงพ่อสดท่านก็ยังยืนยันคำเดิมของท่านไม่ยอมเปลี่ยนให้ คุณแม่ผมก็จนใจเพราะเคารพและศรัทธาหลวงพ่อสดมาก ดังนั้นในใบเกิดของผมจึงเป็นชื่อ “ด.ช.อาดุลยเดช” เท่ซะไม่มี แต่ปัญหามันเกิดตอนที่ผมต้องไปโรงเรียนนี่ซิครับ ทั้งคุณครู ทั้งเพื่อนๆ ต่างก็มาถามผมว่าทำไมจึงใช้ชื่อนี้ไม่กลัวตำรวจจับหรือ (ตอนเป็นเด็กก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก) ผมเลยใช้ชื่อนี้อยู่จนอายุได้ 9-10 ปีจึงไปเปลี่ยนชื่อซึ่งเวลานั้นหลวงพ่อท่านมรณะภาพไปแล้ว เพราะที่บ้านทนแรงกดดันจากคนอื่นไม่ไหว
มาถึงวันนี้ผมจึงอดภูมิใจไม่ได้ว่าผมได้เป็นเด็กคนหนึ่งที่หลวงพ่อสดท่านตั้งชื่อไว้ให้ คนในยุคนี้จะมีซักกี่คนที่เคยเจอหลวงพ่อสดเหมือนกับผม แล้วเมื่อผมโตขึ้นมาก็ยังได้ทำงานรับใช้หลวงพ่อและวิชชาธรรมกายตั้งแต่ผมยังหนุ่มๆ จนมาทุกวันนี้
คุณแม่ผมก็แย้งท่านไปว่าหลวงพ่อจะให้ใช้ชื่อนี้ได้อย่างไร จะเป็นการสมควรหรือไม่เพราะเป็นชื่อที่ใกล้เคียงกับ….มาก หลวงพ่อท่านก็พูดยืนยันว่า “เด็กคนนี้ต้องใช้ชื่อนี้เท่านั้น” แล้วในชื่อของผมก็มีอักษร “สระอา” ด้วย จึงเป็นชื่อที่ไม่เหมือนใคร จะมีใครมาว่าได้อย่างไร คุณแม่ผมจึงต้องจำยอมตามคำหลวงพ่อ แต่ผ่านไปไม่กี่วัน คุณแม่ผมก็ต้องกลับไปที่วัดปากน้ำอีกครั้ง เพื่อให้หลวงพ่อท่านเปลี่ยนชื่อให้ผมใหม่ โดยบอกหลวงพ่อว่าไม่อยากให้ผมใช้ชื่อนี้ แต่หลวงพ่อสดท่านก็ยังยืนยันคำเดิมของท่านไม่ยอมเปลี่ยนให้ คุณแม่ผมก็จนใจเพราะเคารพและศรัทธาหลวงพ่อสดมาก ดังนั้นในใบเกิดของผมจึงเป็นชื่อ “ด.ช.อาดุลยเดช” เท่ซะไม่มี แต่ปัญหามันเกิดตอนที่ผมต้องไปโรงเรียนนี่ซิครับ ทั้งคุณครู ทั้งเพื่อนๆ ต่างก็มาถามผมว่าทำไมจึงใช้ชื่อนี้ไม่กลัวตำรวจจับหรือ (ตอนเป็นเด็กก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก) ผมเลยใช้ชื่อนี้อยู่จนอายุได้ 9-10 ปีจึงไปเปลี่ยนชื่อซึ่งเวลานั้นหลวงพ่อท่านมรณะภาพไปแล้ว เพราะที่บ้านทนแรงกดดันจากคนอื่นไม่ไหว
มาถึงวันนี้ผมจึงอดภูมิใจไม่ได้ว่าผมได้เป็นเด็กคนหนึ่งที่หลวงพ่อสดท่านตั้งชื่อไว้ให้ คนในยุคนี้จะมีซักกี่คนที่เคยเจอหลวงพ่อสดเหมือนกับผม แล้วเมื่อผมโตขึ้นมาก็ยังได้ทำงานรับใช้หลวงพ่อและวิชชาธรรมกายตั้งแต่ผมยังหนุ่มๆ จนมาทุกวันนี้