หลวงพ่อภาวนา “ฉันจะไปอยู่กับหลวงพ่อสด” โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 25 ก.ย. 2559
ข้อความนี้คือคำพูดสุดท้ายของหลวงพ่อภาวนา (วีระ คณุตตโม) อดีตอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา วัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่ได้พูดกับคุณหมอที่ดูแลท่านในวันสุดท้าย ท่านจะไปช่วยงานของหลวงพ่อสดและกลับไปอยู่ในที่ๆ ท่านเคยจากมา ต่อจากนี้เราจะไม่ได้เห็นท่านไปงานบุญกฐินที่วัดหลวงพ่อสดอีกแล้ว 20 กว่าปีแล้วที่ผมได้เห็นหลวงพ่อภาวนามางานบุญกฐินของวัดหลวงพ่อสด ท่านมาอย่างสม่ำเสมอทุกปีไม่เคยขาดเลยเพื่อร่วมบุญกับหลวงป๋าศิษย์รักของท่าน และมาดูความเจริญเติบโตของวัดหลวงพ่อสดที่ท่านมีส่วนสร้างขึ้นมาจากผืนนาอันรกร้าง กลายมาเป็นวัดป่าที่อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใหญ่เหมาะแก่การพักอาศัยของภิกษุ ผู้ต้องการปฏิบัติธรรมและศึกษาปริยัติธรรม ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราแล้วที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาให้วัดหลวงพ่อสดเจริญรุดหน้าต่อไป….อาลัยรักและเคารพหลวงพ่อภาวนา
ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าหลวงพ่อภาวนาท่านจะเกิดมาอีกเพียงชาติเดียว โดยท่านจะเกิดมาเพื่อเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านเกิดมาในชาตินี้ก็เพื่อช่วยหลวงพ่อสดและหลวงป๋าในการเผยแพร่วิชชาธรรมกาย ตามคำบัญชาของพระพุทธเจ้าองค์ต้นๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่หลวงพ่อภาวนาท่านจะออกมาปกป้องหลวงป๋าทุกครั้งที่มีผู้ไม่หวังดีคอยพูดจายุแหย่โจมตีกล่าวร้ายหลวงป๋า มีแต่หลวงพ่อภาวนาเท่านั้นที่ลุกขึ้นมาปกป้องหลวงป๋า ท่านจะออกมาเพื่อปรามผู้กล่าวร้ายนั้นจนในที่สุดเห็นว่าคนเหล่านั้นยังไม่ยอมหยุด ท่านจึงประกาศออกไปว่า “หากใครจะมาว่าอะไรเสริมชัย (ชื่อจริงของหลวงป๋า) ก็ให้มาว่าได้ที่ฉันนี่” ทำให้ผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นต้องเงียบเสียงลงไป
ผมจึงได้พยายามพาเพื่อนๆ และคนรู้จักให้มาทำบุญกับท่าน เพราะเราเกิดมาแล้วมีโอกาสยากมากที่จะได้มาทำบุญกับพระระดับพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อพบแล้วก็ต้องหมั่นทำบุญกับท่าน พวกเราโชคดีมากนะครับที่ได้ทำบุญกับท่าน สังเกตุใบหูของท่านซิครับ เหมือนใบหูของพระพุทธรูปชัดๆ น่าใจหายนะครับ ที่วันนี้ท่านไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว
เมื่อท่านละสังขารไปแล้วผมก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องท่านหนึ่งที่ได้สอดญาณตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ เขาโทรมาหาผมด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า “พี่อู๋ครับ ผมไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ตอนแรกผมตรวจดูว่าท่านจะไปอยู่ที่ไหน ตรวจอย่างไรก็หาท่านไม่พบ จนต้องกราบขอให้หลวงพ่อสดช่วยจึงได้พบวิมานของหลวงพ่อภาวนา ท่านอยู่ในเขตวงบุญพิเศษบนชั้นดุสิตไม่ไกลจากวิมานของหลวงพ่อสด วิมานของท่านไม่เหมือนใครเพราะเป็นศิลปะแบบนครวัดนครธมสวยงามและใหญ่โตมาก ที่แปลกสุดๆ ก็คือกายของท่านไม่ได้เป็นกายเทพบุตรเหมือนเทวดาองค์อื่นๆ แต่กายของท่านเป็นพระธรรมกายครับ”
หลวงพ่อภาวนาบอกกับลูกศิษย์ที่จะไปดูคอนเสิร์ตว่า “ไปเหมือนไม่ได้ไป”
วันหนึ่งลูกศิษย์ที่มานั่งสมาธิกับหลวงพ่อภาวนาในกุฏิของท่านที่วัดปากน้ำ ได้นัดแนะกันว่าเมื่อนั่งสมาธิเสร็จแล้วจะรีบเดินทางไปดูคอนเสิร์ตของเบิร์ด ธงไชยที่จัดขึ้นที่เมืองทองธานี บัตรก็มีพร้อมกันอยู่แล้ว เมื่อนั่งสมาธิเสร็จสาวๆ กลุ่มนี้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อรีบไปขึ้นรถทันที หลวงพ่อภาวนาเห็นก็เลยถามไปว่าจะรีบไปไหนกัน ลูกศิษย์กลุ่มนี้ก็บอกว่าจะรีบไปดูคอนเสิร์ตของเบิร์ดค่ะ
อยู่ๆ ก็ได้ยินหลวงพ่อภาวนาพูดขึ้นมาให้ได้ยินทั่วกันว่า “ไปก็เหมือนไม่ได้ไป” แล้วท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อได้ยินหลวงพ่อพูดอย่างนั้นต่างก็งงว่าหลวงพ่อจะบอกอะไร (สงสัยท่านจะพูดเป็นปริศนาธรรมว่าทุกอย่างในโลกไม่มีอะไรมั๊ง) ท่านพูดเสร็จก็ไม่ยอมพูดต่อได้แต่ยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจแต่ก็ไม่มีเวลาคิด ต่างก็รีบเดินออกจากวัดปากน้ำเพื่อขึ้นรถไปเมืองทองธานีทันที
ระหว่างทางก่อนถึงเมืองทองธานีปรากฏว่ารถติดวินาศสันตะโร เนื่องจากในเมืองทองมีทั้งงานคอนเสิร์ตและงานแสดงสินค้าจัดขึ้นพร้อมกัน ผู้คนมากมายต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าไปถึงเมืองทองได้ พอไปถึงสถานที่จัดคอนเสิร์ตก็ช้าไปมาก คอนเสิร์ตแสดงไปจนใกล้จะเลิกแล้ว ตกลงกันว่าไม่ดูแล้วคอนซงคอนเสิร์ตกลับบ้านกันดีกว่า เพราะหมดอารมณ์และเหนื่อยมากกับการเดินทางครั้งนี้ พลันเสียงของหลวงพ่อก็ดังเข้ามาในหูอีกว่า “ไปก็เหมือนไม่ได้ไป” อ๋อ…เพิ่งจะเข้าใจ แหมหลวงพ่อท่านน่าจะอธิบายขยายความอีกนิดก็จะดี 555 (หลวงพ่อท่านคงบอกว่าเตือนแล้วไม่ฟังกันเอง)
ข้อความนี้คือคำพูดสุดท้ายของหลวงพ่อภาวนา (วีระ คณุตตโม) อดีตอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา วัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่ได้พูดกับคุณหมอที่ดูแลท่านในวันสุดท้าย ท่านจะไปช่วยงานของหลวงพ่อสดและกลับไปอยู่ในที่ๆ ท่านเคยจากมา ต่อจากนี้เราจะไม่ได้เห็นท่านไปงานบุญกฐินที่วัดหลวงพ่อสดอีกแล้ว 20 กว่าปีแล้วที่ผมได้เห็นหลวงพ่อภาวนามางานบุญกฐินของวัดหลวงพ่อสด ท่านมาอย่างสม่ำเสมอทุกปีไม่เคยขาดเลยเพื่อร่วมบุญกับหลวงป๋าศิษย์รักของท่าน และมาดูความเจริญเติบโตของวัดหลวงพ่อสดที่ท่านมีส่วนสร้างขึ้นมาจากผืนนาอันรกร้าง กลายมาเป็นวัดป่าที่อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใหญ่เหมาะแก่การพักอาศัยของภิกษุ ผู้ต้องการปฏิบัติธรรมและศึกษาปริยัติธรรม ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราแล้วที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาให้วัดหลวงพ่อสดเจริญรุดหน้าต่อไป….อาลัยรักและเคารพหลวงพ่อภาวนา
ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าหลวงพ่อภาวนาท่านจะเกิดมาอีกเพียงชาติเดียว โดยท่านจะเกิดมาเพื่อเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านเกิดมาในชาตินี้ก็เพื่อช่วยหลวงพ่อสดและหลวงป๋าในการเผยแพร่วิชชาธรรมกาย ตามคำบัญชาของพระพุทธเจ้าองค์ต้นๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่หลวงพ่อภาวนาท่านจะออกมาปกป้องหลวงป๋าทุกครั้งที่มีผู้ไม่หวังดีคอยพูดจายุแหย่โจมตีกล่าวร้ายหลวงป๋า มีแต่หลวงพ่อภาวนาเท่านั้นที่ลุกขึ้นมาปกป้องหลวงป๋า ท่านจะออกมาเพื่อปรามผู้กล่าวร้ายนั้นจนในที่สุดเห็นว่าคนเหล่านั้นยังไม่ยอมหยุด ท่านจึงประกาศออกไปว่า “หากใครจะมาว่าอะไรเสริมชัย (ชื่อจริงของหลวงป๋า) ก็ให้มาว่าได้ที่ฉันนี่” ทำให้ผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นต้องเงียบเสียงลงไป
ผมจึงได้พยายามพาเพื่อนๆ และคนรู้จักให้มาทำบุญกับท่าน เพราะเราเกิดมาแล้วมีโอกาสยากมากที่จะได้มาทำบุญกับพระระดับพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อพบแล้วก็ต้องหมั่นทำบุญกับท่าน พวกเราโชคดีมากนะครับที่ได้ทำบุญกับท่าน สังเกตุใบหูของท่านซิครับ เหมือนใบหูของพระพุทธรูปชัดๆ น่าใจหายนะครับ ที่วันนี้ท่านไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว
เมื่อท่านละสังขารไปแล้วผมก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องท่านหนึ่งที่ได้สอดญาณตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ เขาโทรมาหาผมด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า “พี่อู๋ครับ ผมไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ตอนแรกผมตรวจดูว่าท่านจะไปอยู่ที่ไหน ตรวจอย่างไรก็หาท่านไม่พบ จนต้องกราบขอให้หลวงพ่อสดช่วยจึงได้พบวิมานของหลวงพ่อภาวนา ท่านอยู่ในเขตวงบุญพิเศษบนชั้นดุสิตไม่ไกลจากวิมานของหลวงพ่อสด วิมานของท่านไม่เหมือนใครเพราะเป็นศิลปะแบบนครวัดนครธมสวยงามและใหญ่โตมาก ที่แปลกสุดๆ ก็คือกายของท่านไม่ได้เป็นกายเทพบุตรเหมือนเทวดาองค์อื่นๆ แต่กายของท่านเป็นพระธรรมกายครับ”
หลวงพ่อภาวนาบอกกับลูกศิษย์ที่จะไปดูคอนเสิร์ตว่า “ไปเหมือนไม่ได้ไป”
วันหนึ่งลูกศิษย์ที่มานั่งสมาธิกับหลวงพ่อภาวนาในกุฏิของท่านที่วัดปากน้ำ ได้นัดแนะกันว่าเมื่อนั่งสมาธิเสร็จแล้วจะรีบเดินทางไปดูคอนเสิร์ตของเบิร์ด ธงไชยที่จัดขึ้นที่เมืองทองธานี บัตรก็มีพร้อมกันอยู่แล้ว เมื่อนั่งสมาธิเสร็จสาวๆ กลุ่มนี้ก็รีบลุกขึ้นเพื่อรีบไปขึ้นรถทันที หลวงพ่อภาวนาเห็นก็เลยถามไปว่าจะรีบไปไหนกัน ลูกศิษย์กลุ่มนี้ก็บอกว่าจะรีบไปดูคอนเสิร์ตของเบิร์ดค่ะ
อยู่ๆ ก็ได้ยินหลวงพ่อภาวนาพูดขึ้นมาให้ได้ยินทั่วกันว่า “ไปก็เหมือนไม่ได้ไป” แล้วท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อได้ยินหลวงพ่อพูดอย่างนั้นต่างก็งงว่าหลวงพ่อจะบอกอะไร (สงสัยท่านจะพูดเป็นปริศนาธรรมว่าทุกอย่างในโลกไม่มีอะไรมั๊ง) ท่านพูดเสร็จก็ไม่ยอมพูดต่อได้แต่ยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจแต่ก็ไม่มีเวลาคิด ต่างก็รีบเดินออกจากวัดปากน้ำเพื่อขึ้นรถไปเมืองทองธานีทันที
ระหว่างทางก่อนถึงเมืองทองธานีปรากฏว่ารถติดวินาศสันตะโร เนื่องจากในเมืองทองมีทั้งงานคอนเสิร์ตและงานแสดงสินค้าจัดขึ้นพร้อมกัน ผู้คนมากมายต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าไปถึงเมืองทองได้ พอไปถึงสถานที่จัดคอนเสิร์ตก็ช้าไปมาก คอนเสิร์ตแสดงไปจนใกล้จะเลิกแล้ว ตกลงกันว่าไม่ดูแล้วคอนซงคอนเสิร์ตกลับบ้านกันดีกว่า เพราะหมดอารมณ์และเหนื่อยมากกับการเดินทางครั้งนี้ พลันเสียงของหลวงพ่อก็ดังเข้ามาในหูอีกว่า “ไปก็เหมือนไม่ได้ไป” อ๋อ…เพิ่งจะเข้าใจ แหมหลวงพ่อท่านน่าจะอธิบายขยายความอีกนิดก็จะดี 555 (หลวงพ่อท่านคงบอกว่าเตือนแล้วไม่ฟังกันเอง)