อยากพูดเรื่องกามกิเลส โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 26 ก.ย. 2559
นี่คือกิเลสตัวใหญ่ที่ร้ายที่สุดและเอาชนะยากที่สุด เพราะเป็นกิเลสที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิด ใครที่ต้องมาเกิดก็ต้องมาแก่ มาเจ็บ ต้องมาตายทุกคน ถ้าก่อนตายเราสามารถเอาชนะกามกิเลสได้เราก็เข้าใกล้นิพพานเต็มที่แล้ว
พระท่านมักสอนให้เราพิจารณาอสุภกรรมฐาน คือการไปดูรูปซากศพต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าร่างกายของเรานี้มันไม่ได้น่าดูน่าชมเลย มันมีแต่เลือด เนื้อ น้ำเหลือง น้ำหนอง กระดูก ไขมัน อวัยวะต่างๆ ตับ ไต ไส้พุง ถุงน้ำดี ปอด หัวใจ ฯลฯ ผมก็ดูรูปซากศพและรูปอวัยวะต่างๆ มาเป็นสิบๆ ปี ดูแล้วก็รู้สึกว่าภายในของมนุษย์จริงๆ แล้วมันไม่ได้น่าดูน่าชมเลย แต่ผมดูแล้วมันก็ยังไม่สามารถตัดกามกิเลสลงได้
ที่จริงการเอาชนะกามกิเลสมันต้องใช้การคิดพิจารณาโดยใช้ปัญญาต่างหาก การดูแต่รูปมันยังเอาชนะกิเลสตัวใหญ่นี้ไม่ได้ การตัดกิเลสจะต้องตัดด้วยปัญญา (วิชชา) ถ้าเราตัดตัวกามกิเลสได้แล้วกิเลสตัวอื่นๆ ก็จะถูกตัดต่อเนื่องกันไป เหมือนการตัดห่วงโซ่ เราตัดตรงไหนโซ่ก็ขาดออกจากกันไปเอง เราต้องใช้ปัญญาค่อยๆ คิดพิจารณาเรื่องกามกิเลส ดูมันในหลายๆ ด้านหลายๆ มิติ ดูให้รอบ จับมันหงายขึ้นมาดู แยกส่วนมันออกมา ผมไม่ได้พูดเล่นๆ หรือพูดให้ดูดี แต่เราต้องศึกษามันให้ละเอียดเพราะมันเป็นกิเลสตัวสำคัญที่ปราบได้ยากที่สุด เนื่องจากมันอยู่มันฝังกับเรามานานแสนนาน
เริ่มจากเราต้องรู้ก่อนว่าในสมัยที่มนุษย์แรกเริ่มลงมาเกิดนั้น เดิมมนุษย์เรามาจากพวกพรหมชั้นอาภัสสราพรหม แล้วลงมากินง้วนดินซึ่งก็คือดินยุคแรกที่เย็นตัวลง ยังมีความสะอาดบริสุทธิ์สีขาวดุจน้ำนม ง้วนดินสีขาวนี้มีกลิ่นหอมยั่วยวนให้พวกอาภัสสราพรหมได้ลองลิ้มชิมดู แล้วมันก็อร่อยชื่นใจซะด้วย เมื่อพรหมเหล่านี้ได้กินง้วนดินซึ่งเป็นของหยาบเข้าไปจึงทำให้ร่างกายเปลี่ยนจากร่างทิพย์กลายเป็นร่างกายหยาบขึ้นมาจนไม่สามารถเหาะกลับขึ้นไปอีกได้ เลยต้องมาอยู่บนโลกเป็นมนุษย์ในยุคแรกของโลก หลังจากนั้นต่อมาพรหมพวกนี้จึงเกิดความพึงพอใจในกันและกันอวัยวะเพศชายหญิงจึงเกิดมีขึ้นมา
ประเด็นมันอยู่ตรงที่พวกเรานั้นมีบรรพบุรุษเป็นพรหม ซึ่งพวกพรหมนั้นก็คือพวกที่ไม่มีเพศคือไม่มีการแบ่งเพศชายเพศหญิงเพราะไม่มีอวัยวะเพศ เพราะผู้ที่จะไปเป็นพรหมได้คือพวกที่ไม่มีความสนใจทางเพศ (ถือพรหมจรรย์) ผิดกับพวกเทวดาที่ยังมีเทพบุตรและเทพธิดา เทวดายังมีการเสพกามแบบละเอียด พรหมจึงเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่าเทวดา อายุก็มากกว่า อยู่ชั้นสูงกว่า ละเอียดกว่า รัศมีก็สว่างกว่าเทวดา เราจึงต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่าเรานั้นมาจากพรหมซึ่งไม่มีเพศ แล้วทำไมเราจึงต้องไปสนใจเรื่องกามกิเลสทางเพศด้วยเล่า เราจะตัดความต้องการทางเพศเพื่อกลับไปเป็นพรหมเหมือนกับที่เราเคยเป็น ผู้สำเร็จหรือศาสดาในทุกศาสนาต่างก็ถือพรหมจรรย์ด้วยกันทั้งนั้น
ขั้นต่อไปก็ให้พิจารณาว่าคนเรามันสวยมันงามตรงไหน อ๋อ…เพราะมันถูกตาต้องใจเรานี่เอง มันสวยหล่อตรงสเปคของเรา แต่แท้จริงแล้วมันก็สวยหล่อแค่ที่ผิวหนังเท่านั้น ลองลอกผิวหนังออกดูจะเห็นว่ามันก็เป็นแค่ก้อนเนื้อและเลือดเท่านั้น ที่เดินไปเดินมาอยู่นั้นก็แค่ก้อนเนื้อแดงๆ แทบจำกันไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ลองเอาคนที่สวยที่สุดมาลอกผิวหนังออกดูแล้วเรายังจะเห็นว่าสวยอยู่อีกไหม ต่อไปถ้าเราเห็นใครว่าสวยว่างาม ผมจับลอกผิวหนังออกหมดแหละ เออ…ไม่มีใครสวยอีกเลย มันก็แค่ก้อนเนื้อที่ห่ออวัยวะน้อยใหญ่ไว้เหมือนกันหมด ความกำหนัดทางเพศก็แทบจะหมดไปในทันที
ขั้นสุดท้ายที่เราต้องต่อสู้กับกามกิเลสก็คือเจ้าตัวสัญญาความจำ เพราะมันจะมาตอนที่เราเผลอสติ ความสวยความงามและความต้องการทางกามกิเลสนั้นมันมาจากความจำได้หมายรู้ที่ผ่านๆ มา เพราะเจ้าตัวกามกิเลสนี้มันอยู่กับเรามานาน เรายังติดตราตรึงใจในรสสัมผัสของมัน พอเห็นใครถูกตาต้องใจแล้วเราก็มักจะเกิดความชอบใจพอใจในสิ่งที่เราเห็น มันเกิดความพอใจเพราะเราจดจำมันได้ เราจึงอยากได้ความสัมผัสนั้นอีก ขั้นนี้ซิยาก….เราจะลบความจำได้หมายรู้นั้นออกไปได้อย่างไร มันลบไม่ออกหรอกครับ เพราะเราสั่งสมกามสัมผัสนี้มานานนับภพนับชาติไม่ถ้วน เราต้องสู้กับมันด้วยปัญญา (วิชา) ด้วยการพิจารณาทำความเข้าใจและสอนตัวเองว่าผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็เป็นแค่ก้อนเนื้อเหมือนกัน มีหัว ผม ตา จมูก แขน ขา อวัยวะภายในเหมือนกันทุกอย่าง ผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนๆ กัน ที่แตกต่างกันก็แค่อวัยวะเพศ เพราะโลกนี้มันต้องมีการสืบต่อเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ มันต้องมีลูกมีหลานเพื่อสร้างคนรุ่นต่อๆ ไปเท่านั้น ไม่ใช่เอาอวัยวะนี้มาใช้เพื่อความบันเทิง เราต้องหมั่นไตร่ตรองพิจารณาเพื่อตัดกามกิเลสนี้ ไม่นานหรอกครับ มันก็เหมือนกับการหุงข้าว กว่าที่ข้าวสารจะถูกหุงจนเป็นข้าวสวยมันต้องใช้เวลาในการหุง ก็แค่ตั้งข้าวไว้แล้วหมั่นเติมเชื้อฟืนอย่าให้ไฟมอด พอถึงที่ถึงเวลาข้าวมันก็จะสุกของมันเอง
นี่จึงเป็นวิธีคิดที่ผมหมั่นเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ความต้องการทางเพศไม่ใช่ความปรารถนาของผม ผมไม่ต้องการและไม่สนใจในเรื่องเพศ ผมต้องการกลับไปเป็นพรหมเหมือนกับที่ผมเคยเป็นมา ผมไม่อยากกลับมาเกิดมาตายอีกแล้ว…มันเบื่อและสงสารตัวเองครับ
นี่คือกิเลสตัวใหญ่ที่ร้ายที่สุดและเอาชนะยากที่สุด เพราะเป็นกิเลสที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิด ใครที่ต้องมาเกิดก็ต้องมาแก่ มาเจ็บ ต้องมาตายทุกคน ถ้าก่อนตายเราสามารถเอาชนะกามกิเลสได้เราก็เข้าใกล้นิพพานเต็มที่แล้ว
พระท่านมักสอนให้เราพิจารณาอสุภกรรมฐาน คือการไปดูรูปซากศพต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าร่างกายของเรานี้มันไม่ได้น่าดูน่าชมเลย มันมีแต่เลือด เนื้อ น้ำเหลือง น้ำหนอง กระดูก ไขมัน อวัยวะต่างๆ ตับ ไต ไส้พุง ถุงน้ำดี ปอด หัวใจ ฯลฯ ผมก็ดูรูปซากศพและรูปอวัยวะต่างๆ มาเป็นสิบๆ ปี ดูแล้วก็รู้สึกว่าภายในของมนุษย์จริงๆ แล้วมันไม่ได้น่าดูน่าชมเลย แต่ผมดูแล้วมันก็ยังไม่สามารถตัดกามกิเลสลงได้
ที่จริงการเอาชนะกามกิเลสมันต้องใช้การคิดพิจารณาโดยใช้ปัญญาต่างหาก การดูแต่รูปมันยังเอาชนะกิเลสตัวใหญ่นี้ไม่ได้ การตัดกิเลสจะต้องตัดด้วยปัญญา (วิชชา) ถ้าเราตัดตัวกามกิเลสได้แล้วกิเลสตัวอื่นๆ ก็จะถูกตัดต่อเนื่องกันไป เหมือนการตัดห่วงโซ่ เราตัดตรงไหนโซ่ก็ขาดออกจากกันไปเอง เราต้องใช้ปัญญาค่อยๆ คิดพิจารณาเรื่องกามกิเลส ดูมันในหลายๆ ด้านหลายๆ มิติ ดูให้รอบ จับมันหงายขึ้นมาดู แยกส่วนมันออกมา ผมไม่ได้พูดเล่นๆ หรือพูดให้ดูดี แต่เราต้องศึกษามันให้ละเอียดเพราะมันเป็นกิเลสตัวสำคัญที่ปราบได้ยากที่สุด เนื่องจากมันอยู่มันฝังกับเรามานานแสนนาน
เริ่มจากเราต้องรู้ก่อนว่าในสมัยที่มนุษย์แรกเริ่มลงมาเกิดนั้น เดิมมนุษย์เรามาจากพวกพรหมชั้นอาภัสสราพรหม แล้วลงมากินง้วนดินซึ่งก็คือดินยุคแรกที่เย็นตัวลง ยังมีความสะอาดบริสุทธิ์สีขาวดุจน้ำนม ง้วนดินสีขาวนี้มีกลิ่นหอมยั่วยวนให้พวกอาภัสสราพรหมได้ลองลิ้มชิมดู แล้วมันก็อร่อยชื่นใจซะด้วย เมื่อพรหมเหล่านี้ได้กินง้วนดินซึ่งเป็นของหยาบเข้าไปจึงทำให้ร่างกายเปลี่ยนจากร่างทิพย์กลายเป็นร่างกายหยาบขึ้นมาจนไม่สามารถเหาะกลับขึ้นไปอีกได้ เลยต้องมาอยู่บนโลกเป็นมนุษย์ในยุคแรกของโลก หลังจากนั้นต่อมาพรหมพวกนี้จึงเกิดความพึงพอใจในกันและกันอวัยวะเพศชายหญิงจึงเกิดมีขึ้นมา
ประเด็นมันอยู่ตรงที่พวกเรานั้นมีบรรพบุรุษเป็นพรหม ซึ่งพวกพรหมนั้นก็คือพวกที่ไม่มีเพศคือไม่มีการแบ่งเพศชายเพศหญิงเพราะไม่มีอวัยวะเพศ เพราะผู้ที่จะไปเป็นพรหมได้คือพวกที่ไม่มีความสนใจทางเพศ (ถือพรหมจรรย์) ผิดกับพวกเทวดาที่ยังมีเทพบุตรและเทพธิดา เทวดายังมีการเสพกามแบบละเอียด พรหมจึงเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่าเทวดา อายุก็มากกว่า อยู่ชั้นสูงกว่า ละเอียดกว่า รัศมีก็สว่างกว่าเทวดา เราจึงต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่าเรานั้นมาจากพรหมซึ่งไม่มีเพศ แล้วทำไมเราจึงต้องไปสนใจเรื่องกามกิเลสทางเพศด้วยเล่า เราจะตัดความต้องการทางเพศเพื่อกลับไปเป็นพรหมเหมือนกับที่เราเคยเป็น ผู้สำเร็จหรือศาสดาในทุกศาสนาต่างก็ถือพรหมจรรย์ด้วยกันทั้งนั้น
ขั้นต่อไปก็ให้พิจารณาว่าคนเรามันสวยมันงามตรงไหน อ๋อ…เพราะมันถูกตาต้องใจเรานี่เอง มันสวยหล่อตรงสเปคของเรา แต่แท้จริงแล้วมันก็สวยหล่อแค่ที่ผิวหนังเท่านั้น ลองลอกผิวหนังออกดูจะเห็นว่ามันก็เป็นแค่ก้อนเนื้อและเลือดเท่านั้น ที่เดินไปเดินมาอยู่นั้นก็แค่ก้อนเนื้อแดงๆ แทบจำกันไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ลองเอาคนที่สวยที่สุดมาลอกผิวหนังออกดูแล้วเรายังจะเห็นว่าสวยอยู่อีกไหม ต่อไปถ้าเราเห็นใครว่าสวยว่างาม ผมจับลอกผิวหนังออกหมดแหละ เออ…ไม่มีใครสวยอีกเลย มันก็แค่ก้อนเนื้อที่ห่ออวัยวะน้อยใหญ่ไว้เหมือนกันหมด ความกำหนัดทางเพศก็แทบจะหมดไปในทันที
ขั้นสุดท้ายที่เราต้องต่อสู้กับกามกิเลสก็คือเจ้าตัวสัญญาความจำ เพราะมันจะมาตอนที่เราเผลอสติ ความสวยความงามและความต้องการทางกามกิเลสนั้นมันมาจากความจำได้หมายรู้ที่ผ่านๆ มา เพราะเจ้าตัวกามกิเลสนี้มันอยู่กับเรามานาน เรายังติดตราตรึงใจในรสสัมผัสของมัน พอเห็นใครถูกตาต้องใจแล้วเราก็มักจะเกิดความชอบใจพอใจในสิ่งที่เราเห็น มันเกิดความพอใจเพราะเราจดจำมันได้ เราจึงอยากได้ความสัมผัสนั้นอีก ขั้นนี้ซิยาก….เราจะลบความจำได้หมายรู้นั้นออกไปได้อย่างไร มันลบไม่ออกหรอกครับ เพราะเราสั่งสมกามสัมผัสนี้มานานนับภพนับชาติไม่ถ้วน เราต้องสู้กับมันด้วยปัญญา (วิชา) ด้วยการพิจารณาทำความเข้าใจและสอนตัวเองว่าผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็เป็นแค่ก้อนเนื้อเหมือนกัน มีหัว ผม ตา จมูก แขน ขา อวัยวะภายในเหมือนกันทุกอย่าง ผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนๆ กัน ที่แตกต่างกันก็แค่อวัยวะเพศ เพราะโลกนี้มันต้องมีการสืบต่อเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ มันต้องมีลูกมีหลานเพื่อสร้างคนรุ่นต่อๆ ไปเท่านั้น ไม่ใช่เอาอวัยวะนี้มาใช้เพื่อความบันเทิง เราต้องหมั่นไตร่ตรองพิจารณาเพื่อตัดกามกิเลสนี้ ไม่นานหรอกครับ มันก็เหมือนกับการหุงข้าว กว่าที่ข้าวสารจะถูกหุงจนเป็นข้าวสวยมันต้องใช้เวลาในการหุง ก็แค่ตั้งข้าวไว้แล้วหมั่นเติมเชื้อฟืนอย่าให้ไฟมอด พอถึงที่ถึงเวลาข้าวมันก็จะสุกของมันเอง
นี่จึงเป็นวิธีคิดที่ผมหมั่นเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ความต้องการทางเพศไม่ใช่ความปรารถนาของผม ผมไม่ต้องการและไม่สนใจในเรื่องเพศ ผมต้องการกลับไปเป็นพรหมเหมือนกับที่ผมเคยเป็นมา ผมไม่อยากกลับมาเกิดมาตายอีกแล้ว…มันเบื่อและสงสารตัวเองครับ