วันนี้ยังเป็นวันที่ 23 กรกฎาคม 2527 เป็นตอนที่ 3 สำหรับวันนี้การบันทึก แล้วก็การบันทึกนี่อย่าลืมว่า ผมยังอยู่ในอาการป่วยไข้ ไม่สบายอยู่มาก ว่าตอนเช้าหมอมาให้น้ำเกลือ หมอเขาก็หาว่าผมไม่พัก ผมก็ต้องทนให้หมอดุ เพราะผมก็ไม่พักจริงๆ เพราะผมเองไม่ไว้ใจในชีวิต ไม่ทราบว่าชีวิตนี้มันจะตายเมื่อไหร่ ก็จะตายก็จะเล่าความเป็นมาสู่กันฟังเสียก่อน ว่าประเดี๋ยวเวลาผมตาย คนนั้นเขียนประวัติคนนี้เขียนประวัติ มันก็อาจจะเขียนไม่ค่อยถูก ไอ้ความกระจุ๋งกระจิ๋งเขียนมาก็จะเกิดความขัดแย้งกัน ความจริงผมเองก็รู้ประวัติผมเองไม่หมดเหมือนกัน มันจำไม่ได้ครับเรื่องมันนานมาแล้ว เวลากาลผ่านมาถึง 70 ปี คงจำอะไรไม่ได้ดี บางอย่างน่าจะจำได้ก็จำไม่ได้ เอ้ามาคุยกันต่อไป รวมความว่าอารมณ์ที่ท่านฝึกได้แล้ว ขอเตือนไว้นิดนึง ยังไงๆก็หนีนรกกัน บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทก็เช่นเดียวกัน มันจะหนีพ้นหรือหนีไม่พ้น ก็พยายามวิ่งหนีเข้าไว้ก็แล้วกัน อันดับแรกอย่าประมาทในชีวิต คิดว่าชีวิตนี้มันจะต้องตาย ยังไงๆเราก็ตายกันแน่ ประการที่สอง ก่อนจะตายยึดพระพุทธเจ้าพระธรรมพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า คนนึกถึงชื่อท่านอย่างเดียว ไม่เคยทำบุญกุศลอย่างอื่น ตายแล้วไปสวรรค์นับไม่ถ้วน อย่างน้อยที่สุด เราเผ่นขึ้นสวรรค์ก่อนก็ยังจะดี ต่อไปไปพรหมไปนิพพาน ค่อยว่าทีหลังก็ได้ ยึดสวรรค์เป็นเป้าหมายไว้ก่อน การที่จะได้ไปสวรรค์ได้จริงจังมั่นคง จะไม่ลงอบายภูมิ ก็คือทรงศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ศีล 5 นั้นจริงๆผมคิดว่าควรจะไปบวกกับกรรมบท 10 ถ้าเป็นศีล 5 จริงๆจะสร้างความสะเทือนใจกับบุคคลอื่น การดับหลังตั้งใจว่าเพื่อไปนิพพานโดยเฉพาะ การตั้งใจเพื่อไปนิพพานนี่ ผมเคยถามหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ หรือว่าหลวงพ่อสดก็แล้วกัน เวลานั้นผมไปหาท่าน ท่านยังไม่ได้เป็นเจ้าคุณ เมื่อท่านเป็นแล้วก็บอกว่า เขาเอาหัวโขนมาตั้งให้มาสวมให้ แต่ฉันจะไม่เต้นไปตามจังหวะของโขน ฉันจะเต้นตามปกติของฉันตามเดิม พระองค์นี้่น่ารักมาก ผมนับถือมาก
ท่านเคยบอกว่า คนอยากหวังนิพพาน ผมเคยถามว่า คนอย่างกระผมจะไปนิพพานกับเขาได้หรือไม่ครับ ท่านก็บอกว่า เราตั้งใจไว้ก่อน เหมือนคนจะขึ้นต้นไม้ ตั้งใจว่าเราจะขึ้นให้สุดยอด ถ้าบังเอิญเราตั้งใจขึ้นสุดยอด แรงมันไปไม่ถึง มันก็ต้องไปถึงกิ่งใดกิ่งหนึ่ง เป็นที่พักจนได้ ถ้าเราตั้งใจต่ำ ดีไม่ดีมันขึ้นไม่ถึงเลย ท่านบอกว่าหวังในนิพพานก็เช่นเดียวกัน ถ้ากำลังอย่างอ่อน มันก็ไปค้างที่สวรรค์ได้ กำลังอย่างกลางก็ไปค้างที่พรหม ถ้าเกิดจิตเราไม่นิยมในมนุษย์โลกเทวโลกพรหมโลก ไม่นิยมในร่างกายด้วยความจริงใจ เราก็ไปนิพพาน คติของหลวงพ่อสดนี่ดีมาก บรรดาท่านพุทธบริษัทและญาติโยมทั้งหลาย พยายามปฏิบัติทำตามไว้เถอะ ตัวท่านตายแต่ความดีของท่านยังไม่ตาย ผมยอมรับนับถือองค์นี้ว่าท่านมีความดีจริงๆ วิชชาความรู้ผมก็เรียนกับท่านไว้เยอะ ที่มาใช้นี่ ก็เอาของท่านมาใช้เยอะเหมือนกัน ก็ท่านบอกว่าเป็นของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของท่าน ท้่านค้นคว้าเอามา เป็นพระองค์แรกที่ทำให้คนเข้าใจเรื่องสวรรค์และนรกชัดแจ้งแจ่มใสและนิพพาน ด้วย แต่ก็น่าแปลกทั้งหลวงพ่อสดกับผม ก็คล้ายคลึงกันอย่างนึง คือถูกด่าแหลกเหมือนกัน ด่าท่านเท่าไหร่ ท่านก็ยิ้มตลอดเวลา ผมก็เลยจำยิ้มของท่านมา แต่ก็โปรดอย่ามาด่าต่อหน้าก็แล้วกัน ไม่แน่ใจว่าจะยิ้มออกหรือไม่ออก ถ้าด่าลับหลังก็ด่าไปเถอะ ด่าอย่างไรก็ด่าไป อย่ามาด่าใกล้ๆ ด่าไกลๆไม่ได้ยินไม่เป็นไร….ผมประกาศแล้วน่ะ ว่าผมไม่ใช่พระอรหันต์ ผมไม่ใช่พระอนาคามี ผมไม่ใช่พระอริยะ ผมไม่ใช่พระผู้ทรงฌาน ผมมีคติอย่างเดียวว่า บวชต้องการนิพพาน จะไปได้หรือไม่ได้ก็ช่าง จะไปได้ก็ต้องการจะไป ยังไม่ได้ก็ต้องการ เพราะใจมันต้องการมาแต่กำเนิดเสียแล้ว มันอยากจะไป ชาตินี้ไปไม่ได้ ชาติหน้าก็ต้องไปได้ ชาติหน้าไปไม่ได้ชาติโน้นก็ต้องไปได้ ก็ทีเวลาเรามาเกิดเพื่อแก่ กว่าจะแก่ก็ 70 ปีใช้เวลานานมาก มันก็แก่มาได้ แล้วเรื่องนิพพานถ้าเราไม่ถ้อถอย ทำไมเราจะไปไม่ได้ ใครเขาจะหาว่าเราเป็นอย่างไงก็ช่าง เราปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าสอนคนให้ทุกคนไปนิพพาน เราก็ต้องการไปนิพพานอย่างพระพุทธเจ้าบอก ท่านบอกว่าธรรมะของท่านให้เลือกปฏิบัติที่เห็นว่าควรปฏิบัติ ไม่ใช่ยกมาทั้งกระบิ ไม่ใช่หนังสือเล่มใหญ่ๆยกมาแล้วก็ทำอย่างนั้นทุกพระธรรม มันไม่มีผล และขอบรรดาพุทธศาสนิกชนและเพื่อนพระภิกษุสามเณร จงอย่าทำตนเป็นเถรใบลานเปล่า คือไปที่ไหนก็คุยว่าฉันเรียนจบที่นั่น ไปเรียนถึงนี่ ถึงโน้น ไอ้แค่เรียนมันไม่ได้ผลหรอก มันต้องปฏิบัติ…
(บางส่วนจากธรรมบรรยาย ของ พระราชพรหมยานเถร หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี เมื่อ 23 ก.ค.2527)